ตามหัวข้อเลยค่ะ เราเป็นเด็กใหม่ในที่ทำงานมา 1 เดือนกว่า ๆ โดนกดหัวตลอด บางทีอะไรที่ผิดพลาดโยนมาให้เราก่อนเลยทั้งที่เราไม่เกี่ยวเลยสักนิดโดนด่าฟรี มันทำให้ทุกเช้าที่ต้องตื่นไปทำงานเหมือนตกนรกทุก ๆ วัน พอเลิกงานในหัวก็มีแต่เรื่องที่ทำงานทำสุขภาพจิตเสียมาก ๆ จากที่เราเป็นคนพูดน้อยตอนนี้เราไม่พูดกับใครเลย แถมเราถูกมองว่าเป็นคนโง่แต่ขยันทำงาน เราห่วยขนาดนั้นเลยหรอ
เรากับเพื่อนกำลังต้องการหาประสบการณ์ทำงาน+ตัวเราเองก็เก็บเงินซื้อไอแพดด้วย เลยสมัครงานด้วยกันหลายที่จนมาได้ร้านอาหารขององค์กรนึงเป็นเด็กพาร์ทไทม์ เราได้ตำแหน่งในครัวเพื่อนได้แคชเชียร์ ในวันแรกที่เทรนงานก็ปกติดี พี่ในร้านเป็นกันเอง(มั้ง) แล้ววันนั้นเองก็มีพนักงานตำแหน่งเดียวกับเราลาออกวันที่เราเทรนงานเลย เราเริ่มรู้สึกไม่ดีละแต่ก็ไม่ได้ใส่ใจขนาดนั้น เราได้งานกะเช้าเลิกบ่ายในวีค 1 ตอนแรกค่อนข้างไปด้วยดี พี่ดิวตี้ผู้ชายเทรนงานเข้าใจง่ายแต่เขาสอนทำงานเดิม ๆ เราก็ได้แต่ทำงานเดิม ๆ มีบ้าง สอนอย่างอื่นแต่สอนแบบขอไปที พอวีค 2 เราได้สัมผัสและเห็นถึงปัญหาภายใน ที่ร้านขาดพนักงานไม่มีผู้จัดการด้วยมีแต่ดิวตี้เป็นผู้ช่วย 2 คน(ชาย 1 หญิง 1)ที่ช่วยกันดูแลร้าน แถมตอนนี้ดิวตี้ยังไม่ลงรอยกันอีก พี่ดิวตี้ที่เทรนงานให้เวลาอารมณ์เสียเพราะทะเลาะกัน เขามาลงเราตลอด เราพยายามเข้าใจฝืนยิ้มสู้ แต่มันท็อกซิกจนเราเครียด ทำให้ปฏิสัมพันธ์คนในร้านเราลดลงจากที่พูดน้อยเราไม่พูดเลย ภายในวีค 2 เองก็มีผู้จัดการย้ายมาใหม่ เขาใช้เราทำในสิ่งที่ไม่เคยทำ ซึ่งเวลาทำงานเราถามเยอะ(ถามแบบละเอียดกลัวทำพลาด) ในตอนแรกผู้จัดการสอนเราดีมาก ๆ เราแอบคิดว่าคงรอดแล้วจากดิวตี้คนนั้น แต่ไม่ใช่ 3 วันที่ทำงานกะเดียวกับผู้จัดการ เขาเริ่มแสดงออกว่ารำคาญตอนเราถาม หลังจากนั้นเราทำในสิ่งที่ทำได้เท่านั้น เพื่อให้งานออกมาดีที่สุด มีวันนึงกะเช้าที่ร้านมีแค่เรากับผู้จัดการ จู่ ๆ ออเดอร์ก็ไหลเป็นน้ำ เราทำไม่ทันแถมพลาดเพราะบางเมนูไม่ทำมาก่อน จนผู้จัดการต้องลงมือทำเอง เขาติเราว่า "
เรื่องง่าย ๆ ทำไม่ได้หรือไง ไม่มีใครสอนหรอ ทำหนูมากี่อาทิตย์แล้วแทนที่จะช่วยกันทำตัวเป็นภาระอีก พี่จะลดเวลางานของหนูถ้าเรายังทำอะไรไม่เป็นแบบนี้ " เราหน้าชาอยากจะร้องไห้แต่งานต้องไปต่อ ไม่มีเวลาให้นั่งเสียใจ พอวีคที่ 3 เราทำงานกับดิวตี้อีกคน คนนี้เราได้เจอเขาตอนเทรนงานวันแรกแล้วไม่ได้เจออีก ตอนแรกคิดว่าเขาคงใจดี แต่หนักกว่าคนอื่นเลย ดิวตี้คนนี้เขาเป็นผู้หญิงค่อนข้างระเบียบ ถูกอย่างต้องเป๊ะ ๆ ตามสแตนดาร์ด เราทำอะไรไม่ค่อยถูกใจเขาเท่าไหร่ เขาชอบจับผิดเรามาต่างจากเพื่อนเรา ที่ทำงานผิดยังไงดิวตี้ไม่เคยมีใครด่าแถมสอนให้ใหม่ พี่ดิวตี้ทุกคนเอ็นดูเพื่อนเรามาก ๆ เพราะเพื่อนเราเฟรนลี่เข้าถึงง่าย ในวีคนี้เรากับเพื่อนเพิ่งได้มาทำกะเดียวกัน เรารู้สึกเหมือนอยู่คนละโลกกับเพื่อน ทั้งที่ทำงานในที่เดียวกันเจอดิวตี้คนเดียวกัน เวลาเราระบายให้เพื่อนฟังเพื่อนก็เข้าข้างคนที่ทำงาน มันยิ่งทำให้เราสิ้นหวังหมดไฟทำงานตกนรกในหลุมที่ลึกลงไปอีกชั้น เคยมีเหตุการณ์นึงออเดอร์เยอะมากเราทำคนเดียว เพื่อนเลยมาช่วยเราทำ เพื่อนเราทำผิดแต่พี่ดิวตี้ผู้หญิงกลับมาด่าเราว่าตรงนี้เป็นหน้าที่เราแท้ ๆ ปล่อยให้เพื่อนทำได้ยังไง เราเลยอ้าวเราก็ทำหน้าที่ของเราอยู่ ขณะที่เราโดนด่าเพื่อนก็เอาแต่ยืนมอง มันทำให้เราผิดหวังในตัวเพื่อนมาก ๆ แทนที่จะช่วยกันรับผิดชอบ พอพี่ดิวตี้ด่าเราเสร็จก็ไปคุยกับเพื่อนเราต่อ เราได้แต่เจ็บใจอยู่คนเดียว ตอนช่วงทำงานเสร็จแล้วเราว่างเลยไปขอให้พี่ดิวตี้สอนงานเพิ่มหน่อย ตอนนั้นพี่เขาน่าจะคี่ข้อมูลอยู่เลย ไล่เราไปทำอย่างอื่นก่อน เราก็นั่งพักเล่นมือถือเพราะไม่มีอะไรให้ทำรอออเดอร์อย่างเดียว สักพักพี่ดิวตี้ผู้หญิงเขาก็เดินมาบอกว่า "
ทำทุกอย่างเสร็จแล้วหรอ พี่ไม่รู้นะว่างานหนูเสร็จจริง ๆ ไหม แต่ถ้ามานั่งเล่นมือถือในเวลางานแบบนี้ พี่ไม่อยากเสียเงินมาจ้างคนแบบหนูนะ ไม่มีใครอยากจ้างด้วย" ตอนเรารู้แบบนั้นก็ตกใจที่โดนเรื่องนี้ ปกติไม่เคยเล่นมือถือในเวลางาน พอว่างเราจะไปเตรียมของให้สำหรับคนกะเย็น แต่วันนั้นเราเตรียมของไวมันเลยไม่มีงาน งานที่ดิวตี้มอบหมายเราทำเสร็จหมดแล้ว พอเขาด่าเราเสร็จเขาก็เดินไปไม่บอกให้เราไปทำอะไรเพิ่ม(แอบงงอยู่เหมือนกันแล้วมาด่าเราทำไม) ตอนนั้นเราทั้งตกใจทั้งเสียใจ เราหันไปมองเพื่อนที่นั่งพักหน้าเคาน์เตอร์ เพื่อนก็ทำเหมือนเราคือนั่งเล่นมือถือ ตอนนั้นเราเลยงงทำไมด่าเราคนเดียว เราเดินวนหางานทำสักพักแต่มันไม่เหลืออะไรให้ทำจริง ๆ เราเลยไปของานจากพี่ดิวตี้ พี่เขาเดินไปมาสักพักเหมือนเช็คงานที่เราทำ จากนั้นเขาให้เราไปถูพื้นทั้งที่ก่อนหน้านั้น 10 นาทีก่อนเราเล่นโทรศัพท์ก็เพิ่งถูไป เขาก็เห็นว่าเราถูไปแล้วแต่ยังใช้ถูใหม่ คือตอนนั้นเราเข้าใจพี่พนักงานที่ออกไปก่อนหน้านี้เลย ตอนแรกเราคิดว่าพนักงานครัวโดนทุกคน คนกะเย็นน่าจะโดนแบบเดียวกัน มีช่วงนึงที่เราทำโอทีอยู่ถึงกะเย็น สรุปคนกะเย็นก็ไม่โดนแบบที่เราโดน เผลอ ๆ โดนทรีตดีกว่าเรามากๆๆๆๆๆๆๆๆๆ(ก.ไก่ล้านตัว)คนกะเย็นมาถึงร้านเราเห็นเขานั่งเล่นโทรศัพท์เลย เขาแทบจะไม่ทำอะไรเลยเพราะเราเตรียมทั้งหมดแล้ว แล้วดิวตี้สนิทกับคนกะเย็นทั้งหมด เพื่อนเราก็สนิทด้วย เรารู้สึกเป็นส่วนเกินเป็นภาระเป็นคนโง่เป็นคนไร้ประโยชน์ ตอนนั้นหนีไปร้องไห้ในห้องน้ำ พอมาคิดดูอีกทีเราก็กรอกในสมัครว่าไม่มีประสบการณ์การทำงาน อยากฝึกงานช่วงสั้น ๆ ทำไมเราต้องแคร์ทุกคำพูดขนาดนี้ เราฮึบกลืนน้ำตาทนแบบนั้นอยู่สักพัก จนตอนนี้ทำงานมา 1 เดือนกว่าหรือประมาณ 5 วีค เราโดนลดชั่วโมงทำงานลงจาก 6 วันต่อวีคเหลือ 3 วันคือให้น้อยขนาดนี้ เราไม่รู้จะทำต่อเพื่ออะไร เรามีแพลนที่จะลาออกเดือนหน้า(เดือนกันยา) เราเลยไปคุยกับพี่ดิวตี้ผู้ชาย เหมือนพี่ผู้ชายเขาก็ไปคุยกับพี่ดิวตี้ผู้หญิงอีกที พี่ผู้หญิงเรามาเรียกไปคุย จู่ ๆ เขาก็เปิดประเด็นเรื่องที่เราทำงานพลาดบ่อย ทำอะไรยังไม่เป็นทั้งที่ทำมา 1 เดือน ทำงานไม่ทนเลยโลกความจริงโหดร้ายกว่านี้อีก แถมเราทำให้ลูกค้ากับไรเดอร์คอมเพลนเรื่องทำอาหารช้าบ่อย ๆ ซึ่งตรงนี้เรายอมรับว่าเราผิดจริง ๆ พยายามทำทุกออกมาให้ดีที่สุด สุดท้ายเขาจะให้โอกาสเราทำงานอีกครั้ง ซึ่งเรางงมากว่าบ่นมาขนาดนี้ให้อยู่ต่อเพื่ออะไร ตั้งแต่ทำงานมาเราโดนเอาเปรียบตลอด ยกตัวอย่างให้เห็นภาพ มีหลายครั้งเราเช็คเวลาออกงานแล้ว เขาขอให้อยู่ต่ออีกครึ่งชั่วโมงได้ไหม พนักงานมันไม่พอ รอให้คนอีกกะมาแล้วค่อยกลับ เราก็อยู่กลายเป็นว่าจากครึ่งชั่วโมงเป็น 2 ชั่วโมงที่เราทำงานฟรี เราไม่ได้เงินจากตรงนี้เลย เราอยู่เพราะเพื่อนเราล้วน ๆ เพื่อนเรายังทำในส่วนของเราไม่เป็น กลับกันเราถูกด่าให้ฝึกทำในส่วนแคชเชียร์ด้วย คือเราแทบจะทำทุกตำแหน่ง ตั้งแต่เก็บกวาดทำอาหารรับออเดอร์ เลยรู้สึกไม่เป็นแฟร์สำหรับเรา เพราะคนกะเย็นตำแหน่งเดียวกับเรา บางคนเขายังทำส่วนหน้าร้านไม่เป็นแต่ทำงานมา 7 เดือน ในขณะเดียวกันเราทำงาน 1 เดือนต้องทำทุกอย่างเป็น พี่ดิวตี้ผู้หญิงเวลาทำด้วยกันเขาชอบบ่นว่าเหนื่อยใจ เขาไม่คิดบ้างเหรอว่าเราเหนื่อยเขาเหมือนกัน ตอนนี้เราพังสุด ๆ เพื่อนเราที่รู้จักกันมากหลายปีกลายเป็นคนอื่นไปแล้ว เราเลิกติดต่อแล้วเพราะการทำงาน
อ่านมาถึงตรงนั้นรู้สึกว่าจะไม่ใช่การขอคำแนะนำแล้วละเหมือนมาระบาย55555 ตอนนี้เราอยากได้ข้อคิดหรือวิธีคิดอะไรก็ได้ หรือวิธีการรับมือกับคนพวกนี้ได้ไหมคะ คือมันค่อนข้างเครียดท็อกซิกด้วย เรารู้ว่าเราไม่สามารถจัดการที่ตัวเขาได้ เราเลยอยากจัดการตัวเอง เราเป็นคนทำงานพลาดบ่อย ๆ ทั้งที่ตั้งใจทำมันยังพลาดได้ เลยอยากได้ข้อเสนอแนะจัดการตัวเองดีกว่านี้ค่ะ
อยากได้วิธีพัฒนาตัวเอง ทำงานพลาดบ่อยมีปัญหากับคนที่ทำงาน
เรากับเพื่อนกำลังต้องการหาประสบการณ์ทำงาน+ตัวเราเองก็เก็บเงินซื้อไอแพดด้วย เลยสมัครงานด้วยกันหลายที่จนมาได้ร้านอาหารขององค์กรนึงเป็นเด็กพาร์ทไทม์ เราได้ตำแหน่งในครัวเพื่อนได้แคชเชียร์ ในวันแรกที่เทรนงานก็ปกติดี พี่ในร้านเป็นกันเอง(มั้ง) แล้ววันนั้นเองก็มีพนักงานตำแหน่งเดียวกับเราลาออกวันที่เราเทรนงานเลย เราเริ่มรู้สึกไม่ดีละแต่ก็ไม่ได้ใส่ใจขนาดนั้น เราได้งานกะเช้าเลิกบ่ายในวีค 1 ตอนแรกค่อนข้างไปด้วยดี พี่ดิวตี้ผู้ชายเทรนงานเข้าใจง่ายแต่เขาสอนทำงานเดิม ๆ เราก็ได้แต่ทำงานเดิม ๆ มีบ้าง สอนอย่างอื่นแต่สอนแบบขอไปที พอวีค 2 เราได้สัมผัสและเห็นถึงปัญหาภายใน ที่ร้านขาดพนักงานไม่มีผู้จัดการด้วยมีแต่ดิวตี้เป็นผู้ช่วย 2 คน(ชาย 1 หญิง 1)ที่ช่วยกันดูแลร้าน แถมตอนนี้ดิวตี้ยังไม่ลงรอยกันอีก พี่ดิวตี้ที่เทรนงานให้เวลาอารมณ์เสียเพราะทะเลาะกัน เขามาลงเราตลอด เราพยายามเข้าใจฝืนยิ้มสู้ แต่มันท็อกซิกจนเราเครียด ทำให้ปฏิสัมพันธ์คนในร้านเราลดลงจากที่พูดน้อยเราไม่พูดเลย ภายในวีค 2 เองก็มีผู้จัดการย้ายมาใหม่ เขาใช้เราทำในสิ่งที่ไม่เคยทำ ซึ่งเวลาทำงานเราถามเยอะ(ถามแบบละเอียดกลัวทำพลาด) ในตอนแรกผู้จัดการสอนเราดีมาก ๆ เราแอบคิดว่าคงรอดแล้วจากดิวตี้คนนั้น แต่ไม่ใช่ 3 วันที่ทำงานกะเดียวกับผู้จัดการ เขาเริ่มแสดงออกว่ารำคาญตอนเราถาม หลังจากนั้นเราทำในสิ่งที่ทำได้เท่านั้น เพื่อให้งานออกมาดีที่สุด มีวันนึงกะเช้าที่ร้านมีแค่เรากับผู้จัดการ จู่ ๆ ออเดอร์ก็ไหลเป็นน้ำ เราทำไม่ทันแถมพลาดเพราะบางเมนูไม่ทำมาก่อน จนผู้จัดการต้องลงมือทำเอง เขาติเราว่า "เรื่องง่าย ๆ ทำไม่ได้หรือไง ไม่มีใครสอนหรอ ทำหนูมากี่อาทิตย์แล้วแทนที่จะช่วยกันทำตัวเป็นภาระอีก พี่จะลดเวลางานของหนูถ้าเรายังทำอะไรไม่เป็นแบบนี้ " เราหน้าชาอยากจะร้องไห้แต่งานต้องไปต่อ ไม่มีเวลาให้นั่งเสียใจ พอวีคที่ 3 เราทำงานกับดิวตี้อีกคน คนนี้เราได้เจอเขาตอนเทรนงานวันแรกแล้วไม่ได้เจออีก ตอนแรกคิดว่าเขาคงใจดี แต่หนักกว่าคนอื่นเลย ดิวตี้คนนี้เขาเป็นผู้หญิงค่อนข้างระเบียบ ถูกอย่างต้องเป๊ะ ๆ ตามสแตนดาร์ด เราทำอะไรไม่ค่อยถูกใจเขาเท่าไหร่ เขาชอบจับผิดเรามาต่างจากเพื่อนเรา ที่ทำงานผิดยังไงดิวตี้ไม่เคยมีใครด่าแถมสอนให้ใหม่ พี่ดิวตี้ทุกคนเอ็นดูเพื่อนเรามาก ๆ เพราะเพื่อนเราเฟรนลี่เข้าถึงง่าย ในวีคนี้เรากับเพื่อนเพิ่งได้มาทำกะเดียวกัน เรารู้สึกเหมือนอยู่คนละโลกกับเพื่อน ทั้งที่ทำงานในที่เดียวกันเจอดิวตี้คนเดียวกัน เวลาเราระบายให้เพื่อนฟังเพื่อนก็เข้าข้างคนที่ทำงาน มันยิ่งทำให้เราสิ้นหวังหมดไฟทำงานตกนรกในหลุมที่ลึกลงไปอีกชั้น เคยมีเหตุการณ์นึงออเดอร์เยอะมากเราทำคนเดียว เพื่อนเลยมาช่วยเราทำ เพื่อนเราทำผิดแต่พี่ดิวตี้ผู้หญิงกลับมาด่าเราว่าตรงนี้เป็นหน้าที่เราแท้ ๆ ปล่อยให้เพื่อนทำได้ยังไง เราเลยอ้าวเราก็ทำหน้าที่ของเราอยู่ ขณะที่เราโดนด่าเพื่อนก็เอาแต่ยืนมอง มันทำให้เราผิดหวังในตัวเพื่อนมาก ๆ แทนที่จะช่วยกันรับผิดชอบ พอพี่ดิวตี้ด่าเราเสร็จก็ไปคุยกับเพื่อนเราต่อ เราได้แต่เจ็บใจอยู่คนเดียว ตอนช่วงทำงานเสร็จแล้วเราว่างเลยไปขอให้พี่ดิวตี้สอนงานเพิ่มหน่อย ตอนนั้นพี่เขาน่าจะคี่ข้อมูลอยู่เลย ไล่เราไปทำอย่างอื่นก่อน เราก็นั่งพักเล่นมือถือเพราะไม่มีอะไรให้ทำรอออเดอร์อย่างเดียว สักพักพี่ดิวตี้ผู้หญิงเขาก็เดินมาบอกว่า "ทำทุกอย่างเสร็จแล้วหรอ พี่ไม่รู้นะว่างานหนูเสร็จจริง ๆ ไหม แต่ถ้ามานั่งเล่นมือถือในเวลางานแบบนี้ พี่ไม่อยากเสียเงินมาจ้างคนแบบหนูนะ ไม่มีใครอยากจ้างด้วย" ตอนเรารู้แบบนั้นก็ตกใจที่โดนเรื่องนี้ ปกติไม่เคยเล่นมือถือในเวลางาน พอว่างเราจะไปเตรียมของให้สำหรับคนกะเย็น แต่วันนั้นเราเตรียมของไวมันเลยไม่มีงาน งานที่ดิวตี้มอบหมายเราทำเสร็จหมดแล้ว พอเขาด่าเราเสร็จเขาก็เดินไปไม่บอกให้เราไปทำอะไรเพิ่ม(แอบงงอยู่เหมือนกันแล้วมาด่าเราทำไม) ตอนนั้นเราทั้งตกใจทั้งเสียใจ เราหันไปมองเพื่อนที่นั่งพักหน้าเคาน์เตอร์ เพื่อนก็ทำเหมือนเราคือนั่งเล่นมือถือ ตอนนั้นเราเลยงงทำไมด่าเราคนเดียว เราเดินวนหางานทำสักพักแต่มันไม่เหลืออะไรให้ทำจริง ๆ เราเลยไปของานจากพี่ดิวตี้ พี่เขาเดินไปมาสักพักเหมือนเช็คงานที่เราทำ จากนั้นเขาให้เราไปถูพื้นทั้งที่ก่อนหน้านั้น 10 นาทีก่อนเราเล่นโทรศัพท์ก็เพิ่งถูไป เขาก็เห็นว่าเราถูไปแล้วแต่ยังใช้ถูใหม่ คือตอนนั้นเราเข้าใจพี่พนักงานที่ออกไปก่อนหน้านี้เลย ตอนแรกเราคิดว่าพนักงานครัวโดนทุกคน คนกะเย็นน่าจะโดนแบบเดียวกัน มีช่วงนึงที่เราทำโอทีอยู่ถึงกะเย็น สรุปคนกะเย็นก็ไม่โดนแบบที่เราโดน เผลอ ๆ โดนทรีตดีกว่าเรามากๆๆๆๆๆๆๆๆๆ(ก.ไก่ล้านตัว)คนกะเย็นมาถึงร้านเราเห็นเขานั่งเล่นโทรศัพท์เลย เขาแทบจะไม่ทำอะไรเลยเพราะเราเตรียมทั้งหมดแล้ว แล้วดิวตี้สนิทกับคนกะเย็นทั้งหมด เพื่อนเราก็สนิทด้วย เรารู้สึกเป็นส่วนเกินเป็นภาระเป็นคนโง่เป็นคนไร้ประโยชน์ ตอนนั้นหนีไปร้องไห้ในห้องน้ำ พอมาคิดดูอีกทีเราก็กรอกในสมัครว่าไม่มีประสบการณ์การทำงาน อยากฝึกงานช่วงสั้น ๆ ทำไมเราต้องแคร์ทุกคำพูดขนาดนี้ เราฮึบกลืนน้ำตาทนแบบนั้นอยู่สักพัก จนตอนนี้ทำงานมา 1 เดือนกว่าหรือประมาณ 5 วีค เราโดนลดชั่วโมงทำงานลงจาก 6 วันต่อวีคเหลือ 3 วันคือให้น้อยขนาดนี้ เราไม่รู้จะทำต่อเพื่ออะไร เรามีแพลนที่จะลาออกเดือนหน้า(เดือนกันยา) เราเลยไปคุยกับพี่ดิวตี้ผู้ชาย เหมือนพี่ผู้ชายเขาก็ไปคุยกับพี่ดิวตี้ผู้หญิงอีกที พี่ผู้หญิงเรามาเรียกไปคุย จู่ ๆ เขาก็เปิดประเด็นเรื่องที่เราทำงานพลาดบ่อย ทำอะไรยังไม่เป็นทั้งที่ทำมา 1 เดือน ทำงานไม่ทนเลยโลกความจริงโหดร้ายกว่านี้อีก แถมเราทำให้ลูกค้ากับไรเดอร์คอมเพลนเรื่องทำอาหารช้าบ่อย ๆ ซึ่งตรงนี้เรายอมรับว่าเราผิดจริง ๆ พยายามทำทุกออกมาให้ดีที่สุด สุดท้ายเขาจะให้โอกาสเราทำงานอีกครั้ง ซึ่งเรางงมากว่าบ่นมาขนาดนี้ให้อยู่ต่อเพื่ออะไร ตั้งแต่ทำงานมาเราโดนเอาเปรียบตลอด ยกตัวอย่างให้เห็นภาพ มีหลายครั้งเราเช็คเวลาออกงานแล้ว เขาขอให้อยู่ต่ออีกครึ่งชั่วโมงได้ไหม พนักงานมันไม่พอ รอให้คนอีกกะมาแล้วค่อยกลับ เราก็อยู่กลายเป็นว่าจากครึ่งชั่วโมงเป็น 2 ชั่วโมงที่เราทำงานฟรี เราไม่ได้เงินจากตรงนี้เลย เราอยู่เพราะเพื่อนเราล้วน ๆ เพื่อนเรายังทำในส่วนของเราไม่เป็น กลับกันเราถูกด่าให้ฝึกทำในส่วนแคชเชียร์ด้วย คือเราแทบจะทำทุกตำแหน่ง ตั้งแต่เก็บกวาดทำอาหารรับออเดอร์ เลยรู้สึกไม่เป็นแฟร์สำหรับเรา เพราะคนกะเย็นตำแหน่งเดียวกับเรา บางคนเขายังทำส่วนหน้าร้านไม่เป็นแต่ทำงานมา 7 เดือน ในขณะเดียวกันเราทำงาน 1 เดือนต้องทำทุกอย่างเป็น พี่ดิวตี้ผู้หญิงเวลาทำด้วยกันเขาชอบบ่นว่าเหนื่อยใจ เขาไม่คิดบ้างเหรอว่าเราเหนื่อยเขาเหมือนกัน ตอนนี้เราพังสุด ๆ เพื่อนเราที่รู้จักกันมากหลายปีกลายเป็นคนอื่นไปแล้ว เราเลิกติดต่อแล้วเพราะการทำงาน
อ่านมาถึงตรงนั้นรู้สึกว่าจะไม่ใช่การขอคำแนะนำแล้วละเหมือนมาระบาย55555 ตอนนี้เราอยากได้ข้อคิดหรือวิธีคิดอะไรก็ได้ หรือวิธีการรับมือกับคนพวกนี้ได้ไหมคะ คือมันค่อนข้างเครียดท็อกซิกด้วย เรารู้ว่าเราไม่สามารถจัดการที่ตัวเขาได้ เราเลยอยากจัดการตัวเอง เราเป็นคนทำงานพลาดบ่อย ๆ ทั้งที่ตั้งใจทำมันยังพลาดได้ เลยอยากได้ข้อเสนอแนะจัดการตัวเองดีกว่านี้ค่ะ