ราษฎรโอนไว วันเดียว 6 แสน แห่เติม ‘กองทุนราษฎรประสงค์’ หลังยอดฮวบ เหตุวางประกันต่อเนื่อง
https://www.matichon.co.th/politics/news_3507531
ราษฎรโอนไว วันเดียว 6 แสน แห่เติม ‘กองทุนราษฎรประสงค์’ หลังยอดฮวบ เหตุวางประกันต่อเนื่อง
เมื่อวันที่ 15 สิงหาคม สืบเนื่องกรณีเพจ ‘
กองทุนราษฎรประสงค์ เผยแพร่ข้อความในช่วงเช้าของวันที่ 14 สิงหาคมที่ผ่านมา ขอแรงร่วมโอนเงินเนื่องจากยอดบัญชีคงเหลือเพียง 969,110.79 หรือต่ำกว่าหนึ่งล้านบาทจากการใช้เงินวางประกันผู้ต้องหาคดีการเมืองอย่างต่อเนื่อง
ล่าสุด เมื่อเวลาประมาณ 10.45 น. เพจดังกล่าว แจ้งความคืบหน้าของยอดเงินบัญชี ว่าในเวลา 24 ชั่วโมงมียอดโอนกว่า 600,000 บาท
ความดังนี้
เป็นเวลาครบ 24 ชั่วโมงพอดีนับจากที่เราโพสต์แจ้งสถานการณ์ยอดเงินในบัญชีของกองทุนไปเมื่อวานนี้ ในเช้านี้เราจึงขอมารายงานยอดเงินแก่ทุกท่านไว้เสียก่อนนะคะ เพื่อให้ท่านได้เห็นผลการลงแรงของพวกท่านนับจากเมื่อวานนี้ ก่อนที่เงินนั้นจะถูกเบิกจ่ายออกไปสำหรับคิววางประกันคดีต่างๆ ที่รออยู่ในวันนี้
สรุปยอดเงินบริจาคที่เราได้รับมา ณ ขณะนี้อยู่ที่ 617,047.53 บาท
โดยแบ่งเป็น
– ยอดโอนของวันที่ 14 ส.ค. รวม 550,575.52 บาท
– ยอดตั้งแต่เวลา 00.00-10.17 น. ของวันที่ 15 ส.ค. รวม 66,472.01 บาท
ทำให้เงินในบัญชีกองทุนราษฎรประสงค์ในเช้าวันนี้ สามารถขยับขึ้นมาอยู่ที่ 1,587,039.32 บาท
GDP ไทยไตรมาสที่ 2 ขยายตัวเพียง 2.5% ต่ำกว่าคาดการณ์ที่ 3.1%
https://workpointtoday.com/thailand-2q22-gdp-grow-slower-than-expected/
วันนี้ (15 ส.ค. 2565) สํานักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สภาพัฒน์) เปิดเผยตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) ไตรมาส 2 ปี 2565 และแนวโน้มปี 2565
สำหรับไตรมาส 2 ปี 2565 เศรษฐกิจไทยขยายตัว 2.5% เทียบช่วงเดียวกันปีก่อน (YoY) ดีขึ้นจากไตรมาส 1 ปี 2565 ที่ขยายตัว 2.3% YoY นอกจากนี้ ยังขยายตัวเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน (QoQ) 0.7% ส่งผลให้ในครึ่งแรกของปี 2565 เศรษฐกิจไทยขยายตัวแล้ว 2.4%
อย่างไรก็ตาม ตัวเลข 2.5% ต่ำกว่าที่ตลาดคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจไทยไตรมาส 2 จะเติบโตได้ถึง 3.1% ขณะที่สภาพัฒน์มีการปรับลดคาดการณ์ GDP ปี 2565 โดยคาดว่าเศรษฐกิจไทยจะเติบโตเพียง 2.7-3.2% จากเดิมคาดว่าจะเติบโต 2.5-3.5%
‘ดนุชา พิชยนันท์’ เลขาธิการสภาพัฒน์ ระบุว่า เหตุผลที่ปรับลงมาจากความขัดแย้งที่เกิดขึ้น รวมถึงภาวะเศรษฐกิจโลก ทั้งเรื่องการเร่งขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของประเทศต่างๆ ทำให้สภาพัฒน์คาดว่าการเติบโตสูงสุดของเศรษฐกิจไทยจะทำได้เพียง 3.2% แต่ค่ากลางยังอยู่ที่ระดับ 3.0% เหมือนเดิม
ส่วนแนวโน้มเศรษฐกิจไทยในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ มองว่า จากปัญหาความขัดแย้งด้านภูมิรัฐศาสตร์ (รัสเซีย-ยูเครน / สหรัฐ-จีน) ที่ยังต้องมอร์นิเตอร์ และมาตรการต่างๆ ของแต่ละประเทศ ต้องจับตาดูว่ามีความรุนแรงมากน้อยแค่ไหน และจะกระทบต่อเศรษฐกิจไทยขนาดไหน
อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันยังประเมินเศรษฐกิจไทยฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง แต่พูดตามตรงว่า มาตรการแทรกแซงจากประเทศอื่นๆ ที่จะออกมา เป็นเรื่องที่คาดการณ์ค่อนข้างยาก จึงต้องติดตามและประเมินสถานการณ์ต่อเนื่อง
สำหรับการดำเนินนโยบายของรัฐที่จะออกมาในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ สภาพัฒน์มองว่าต้องดูแลเฉพาะกลุ่มมากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบาง
แม้ที่ผ่านมาภาครัฐก็ได้ช่วยเหลือกลุ่มเปราะบางไปแล้วหลายเรื่อง ทั้งการช่วยลดภาวะค่าใช้จ่าย เช่น ค่าไฟฟ้า หรือการใช้จ่ายผ่านโครงการคนละครึ่ง เป็นต้น แต่มองไปข้างหน้า กลุ่มนี้ยังมีความเสี่ยงได้รับผลกระทบจากความไม่แน่นอนใหม่ๆ ที่อาจเกิดขึ้นได้
โดยมองว่ามาตรการใหม่ที่ควรออกมาช่วยเหลือ คือ มาตรการทางการเงิน เพื่อช่วยเหลือดูแลกลุ่ม SMEs และภาคธุรกิจถูกกระทบจากการเพิ่มอัตราดอกเบี้ยนโยบาย รวมถึงภาคครัวเรือน แต่ต้องเป็นมาตรการที่ไม่ก่อให้เกิดภาระการคลังในระยะถัดไป
เมื่อดอกเบี้ยปรับขึ้น ส่งผลให้ต้นทุนทางการเงินของภาคธุรกิจและภาคครัวเรือนเพิ่มขึ้นไปด้วย เบื้องต้นกระทรวงการคลังได้ขอความร่วมมือจากธนาคารของรัฐให้คงอัตราดอกเบี้ยก่อนเพื่อลดผลกระทบจากดอกเบี้ยขาขึ้น
ตอนนี้อยู่ระหว่างขอความร่วมมือจากธนาคารพาณิชย์ให้คงอัตราดอกเบี้ยด้วยเช่นกัน เพื่อให้เศรษฐกิจฟื้นตัวได้อย่างต่อเนื่อง เพราะหากไม่ดำเนินการอะไรเลยจะส่งผลให้ต้นทุนผู้ประกอบการและประชาชนเพิ่มขึ้น และท้ายสุดจะส่งผลให้เศรษฐกิจชะลอตัวลง
สำหรับเงินเฟ้อ คาดว่าจะยังอยู่ในคาดการณ์ 6.3-6.8% ไม่ได้มีแนวโน้มปรับขึ้นแรงอย่างบางประเทศที่เพิ่มขึ้นแตะระดับ 8-9% และยังเชื่อว่าในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ เงินเฟ้อจะชะลอตัวลง
ที่ผ่านมา เงินเฟ้อของไทยที่เพิ่มขึ้นเป็นผลจากราคาน้ำมันที่เพิ่มขึ้นเป็นหลัก ขณะที่แนวโน้มปัจจุบัน ราคาน้ำมันเริ่มผันผวนน้อยลง รวมถึงมีการปรับตัวลดลง บางช่วงลดลงต่ำกว่า 100 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ซึ่งคาดว่าจะช่วยชะลออัตราเงินเฟ้อบ้าง
แต่ที่ยังคงเป็นปัญหา คือ ราคาก๊าซธรรมชาติ ปัจจุบัน LNG ปรับขึ้นเกือบ 50 เหรียญ และยังทรงตัวสูง 45-46 เหรียญต่อล้าน BTU เพราะฉะนั้น ส่วนนี้จะส่งผลกระทบต่อค่าไฟฟ้า แต่ปัจจัยทั้งหมด โดยรวมคาดว่าเงินเฟ้อจะชะลอตัวลงในช่วงถัดไป
ทั้งนี้ จากวงเงินช่วยเหลือเศรษฐกิจ 5 แสนล้านบาท ปัจจุบันเหลือรวมกันราว 4 หมื่นล้านบาท ซึ่งส่วนหนึ่งต้องนำไปใช้จ่ายกับการรักษาพยาบาลเกี่ยวกับโควิด-19 และค่ายาต่างๆ ในอนาคต ดังนั้น คงนำไปใช้ฟื้นฟูเศรษฐกิจได้ไม่มาก
อย่างไรก็ตาม มาตรการที่ออกไปแล้ว เช่น คนละครึ่ง หรือการลงทุนเศรษฐกิจฐานราก คาดว่าจะช่วยกระตุ้นกิจกรรมทางเศรษฐกิจได้ระดับหนึ่ง
เพื่อไทย เย้ย ภท.-ปชป. อย่าเพิ่งโอ่กวาดเก้าอี้ ส.ส.ใต้ ไล่ทำตามสัญญาให้ได้ก่อน
https://www.matichon.co.th/politics/news_3507457
“เพื่อไทย” เย้ย ภท.-ปชป. อย่าเพิ่งประกาศกวาดเก้าอี้ ส.ส.ใต้ ไล่ ไปทำตามสัญญาที่ให้ปชช.ให้ได้ก่อน ชี้ กระแสพท.แรง ปชช.หวังให้เข้ามาฟื้นเศรษฐกิจใต้
เมื่อวันที่ 15 สิงหาคม นพ.
ประสิทธิ์ โกยศิริพงศ์ อดีตนายกฯ อบจ.ภูเก็ต และประธานคณะทำงานโซนภาคใต้ฝั่งอันดามัน พรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวว่า จากกรณีที่พรรคภูมิใจไทย (ภท.) และพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ต่างประกาศจะยึดเก้าอี้พื้นที่ภาคใต้ฝั่งอันดามันทั้งหมดนั้น ตนอยากบอกว่า ขอให้ลืมไปได้เลย เพราะในปัจจุบันเท่าที่ทำหน้าที่ประสานงานให้พรรค พท. และลงพื้นที่อย่างต่อเนื่องนั้น ทำให้ทราบว่า ประชาชนไม่เอาด้วยกับนโยบายกัญชาเสรีของพรรคภท. ขณะที่พรรคปชป. ก็ไม่มีผลงานแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจให้แก่ประชาชนเลย ทำให้กระแสตกลงอย่างต่อเนื่อง
นพ.
ประสิทธิ์ กล่าวต่อว่า ท่านอย่าเพิ่งพูด หรือคาดหวังไปก่อนโดยเหมารวมเอาเองว่าพี่น้องประชาชนชาวใต้ฝั่งอันดามันจะให้คะแนนเสียงพวกเราให้ท่าน เหมือนอดีต เพราะท่านอาจจะผิดหวังได้ วันนี้คนใต้ลำบากกันมาก ราคายางตกลงอย่างต่อเนื่อง หลายครอบครัวเริ่มเป็นหนี้หนัก เมื่อทั้ง ภท. และ ปชป.ประกาศกวาดเก้าอี้ ส.ส. ภาคใต้ ภายใต้ภาวะที่ท่านเป็นรัฐบาล แต่ไม่ได้มีนโยบาย หรือแนวทางที่จะช่วยเหลือพี่น้องประชาชนชาวใต้ให้กลับมาตั้งหลักได้อีกด้วยซ้ำ แล้วเหตุใดพี่น้องประชาชนภาคใต้ต้องเลือกท่านกลับมาอีก
“ผมคิดว่า วันนี้ประชาชนไว้วางใจและเชื่อว่า พรรคเพื่อไทย เป็นพรรคเดียวที่จะแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและทำให้พวกเขามีรายได้เพิ่มขึ้นได้ สังเกตได้จากวันนี้ที่พรรคเพื่อไทยเรากระแสดีวันดีคืน ได้รับการตอบรับอย่างมากจากพี่น้องประชาชน วัดได้จากจำนวนคนที่มาสมัครเข้าร่วมเป็นครอบครัวเพื่อไทย เพิ่มขึ้นทุกวัน ขอทั้ง 2 พรรคท่านอย่าเพิ่งประกาศกวาดเก้าอี้ ส.ส.เลยครับ ท่านทำตามสัญญา และนโยบายที่ให้ไว้กับพี่น้องประชาชนภาคใต้ให้ได้ก่อนเถิด ปากท่านเคยบอกจะไม่สนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี แต่ท่านยังช่วยกันอุ้มเขาให้อยู่ในตำแหน่งมายาวนานถึงวันนี้ ประชาชนเขาเฝ้ามองอยู่ เขาเห็นการกระทำของท่านทั้งหมด และพวกเราพร้อมเข้าคูหากาบัตรเลือกตั้งให้พรรคเพื่อไทย มานานแล้วครับ” นพ.
ประสิทธิ์ กล่าว
JJNY : ราษฎรโอนไว แห่เติม ‘กองทุน’│GDP ไทยไตรมาสที่ 2 ต่ำกว่าคาด│เพื่อไทยเย้ยภท.-ปชป.│สภาล่มแต่เช้า ทำแท้งหาร 500 สำเร็จ
https://www.matichon.co.th/politics/news_3507531
ราษฎรโอนไว วันเดียว 6 แสน แห่เติม ‘กองทุนราษฎรประสงค์’ หลังยอดฮวบ เหตุวางประกันต่อเนื่อง
เมื่อวันที่ 15 สิงหาคม สืบเนื่องกรณีเพจ ‘กองทุนราษฎรประสงค์ เผยแพร่ข้อความในช่วงเช้าของวันที่ 14 สิงหาคมที่ผ่านมา ขอแรงร่วมโอนเงินเนื่องจากยอดบัญชีคงเหลือเพียง 969,110.79 หรือต่ำกว่าหนึ่งล้านบาทจากการใช้เงินวางประกันผู้ต้องหาคดีการเมืองอย่างต่อเนื่อง
ล่าสุด เมื่อเวลาประมาณ 10.45 น. เพจดังกล่าว แจ้งความคืบหน้าของยอดเงินบัญชี ว่าในเวลา 24 ชั่วโมงมียอดโอนกว่า 600,000 บาท
ความดังนี้
เป็นเวลาครบ 24 ชั่วโมงพอดีนับจากที่เราโพสต์แจ้งสถานการณ์ยอดเงินในบัญชีของกองทุนไปเมื่อวานนี้ ในเช้านี้เราจึงขอมารายงานยอดเงินแก่ทุกท่านไว้เสียก่อนนะคะ เพื่อให้ท่านได้เห็นผลการลงแรงของพวกท่านนับจากเมื่อวานนี้ ก่อนที่เงินนั้นจะถูกเบิกจ่ายออกไปสำหรับคิววางประกันคดีต่างๆ ที่รออยู่ในวันนี้
สรุปยอดเงินบริจาคที่เราได้รับมา ณ ขณะนี้อยู่ที่ 617,047.53 บาท
โดยแบ่งเป็น
– ยอดโอนของวันที่ 14 ส.ค. รวม 550,575.52 บาท
– ยอดตั้งแต่เวลา 00.00-10.17 น. ของวันที่ 15 ส.ค. รวม 66,472.01 บาท
ทำให้เงินในบัญชีกองทุนราษฎรประสงค์ในเช้าวันนี้ สามารถขยับขึ้นมาอยู่ที่ 1,587,039.32 บาท
GDP ไทยไตรมาสที่ 2 ขยายตัวเพียง 2.5% ต่ำกว่าคาดการณ์ที่ 3.1%
https://workpointtoday.com/thailand-2q22-gdp-grow-slower-than-expected/
วันนี้ (15 ส.ค. 2565) สํานักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สภาพัฒน์) เปิดเผยตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) ไตรมาส 2 ปี 2565 และแนวโน้มปี 2565
สำหรับไตรมาส 2 ปี 2565 เศรษฐกิจไทยขยายตัว 2.5% เทียบช่วงเดียวกันปีก่อน (YoY) ดีขึ้นจากไตรมาส 1 ปี 2565 ที่ขยายตัว 2.3% YoY นอกจากนี้ ยังขยายตัวเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน (QoQ) 0.7% ส่งผลให้ในครึ่งแรกของปี 2565 เศรษฐกิจไทยขยายตัวแล้ว 2.4%
อย่างไรก็ตาม ตัวเลข 2.5% ต่ำกว่าที่ตลาดคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจไทยไตรมาส 2 จะเติบโตได้ถึง 3.1% ขณะที่สภาพัฒน์มีการปรับลดคาดการณ์ GDP ปี 2565 โดยคาดว่าเศรษฐกิจไทยจะเติบโตเพียง 2.7-3.2% จากเดิมคาดว่าจะเติบโต 2.5-3.5%
‘ดนุชา พิชยนันท์’ เลขาธิการสภาพัฒน์ ระบุว่า เหตุผลที่ปรับลงมาจากความขัดแย้งที่เกิดขึ้น รวมถึงภาวะเศรษฐกิจโลก ทั้งเรื่องการเร่งขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของประเทศต่างๆ ทำให้สภาพัฒน์คาดว่าการเติบโตสูงสุดของเศรษฐกิจไทยจะทำได้เพียง 3.2% แต่ค่ากลางยังอยู่ที่ระดับ 3.0% เหมือนเดิม
ส่วนแนวโน้มเศรษฐกิจไทยในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ มองว่า จากปัญหาความขัดแย้งด้านภูมิรัฐศาสตร์ (รัสเซีย-ยูเครน / สหรัฐ-จีน) ที่ยังต้องมอร์นิเตอร์ และมาตรการต่างๆ ของแต่ละประเทศ ต้องจับตาดูว่ามีความรุนแรงมากน้อยแค่ไหน และจะกระทบต่อเศรษฐกิจไทยขนาดไหน
อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันยังประเมินเศรษฐกิจไทยฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง แต่พูดตามตรงว่า มาตรการแทรกแซงจากประเทศอื่นๆ ที่จะออกมา เป็นเรื่องที่คาดการณ์ค่อนข้างยาก จึงต้องติดตามและประเมินสถานการณ์ต่อเนื่อง
สำหรับการดำเนินนโยบายของรัฐที่จะออกมาในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ สภาพัฒน์มองว่าต้องดูแลเฉพาะกลุ่มมากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบาง
แม้ที่ผ่านมาภาครัฐก็ได้ช่วยเหลือกลุ่มเปราะบางไปแล้วหลายเรื่อง ทั้งการช่วยลดภาวะค่าใช้จ่าย เช่น ค่าไฟฟ้า หรือการใช้จ่ายผ่านโครงการคนละครึ่ง เป็นต้น แต่มองไปข้างหน้า กลุ่มนี้ยังมีความเสี่ยงได้รับผลกระทบจากความไม่แน่นอนใหม่ๆ ที่อาจเกิดขึ้นได้
โดยมองว่ามาตรการใหม่ที่ควรออกมาช่วยเหลือ คือ มาตรการทางการเงิน เพื่อช่วยเหลือดูแลกลุ่ม SMEs และภาคธุรกิจถูกกระทบจากการเพิ่มอัตราดอกเบี้ยนโยบาย รวมถึงภาคครัวเรือน แต่ต้องเป็นมาตรการที่ไม่ก่อให้เกิดภาระการคลังในระยะถัดไป
เมื่อดอกเบี้ยปรับขึ้น ส่งผลให้ต้นทุนทางการเงินของภาคธุรกิจและภาคครัวเรือนเพิ่มขึ้นไปด้วย เบื้องต้นกระทรวงการคลังได้ขอความร่วมมือจากธนาคารของรัฐให้คงอัตราดอกเบี้ยก่อนเพื่อลดผลกระทบจากดอกเบี้ยขาขึ้น
ตอนนี้อยู่ระหว่างขอความร่วมมือจากธนาคารพาณิชย์ให้คงอัตราดอกเบี้ยด้วยเช่นกัน เพื่อให้เศรษฐกิจฟื้นตัวได้อย่างต่อเนื่อง เพราะหากไม่ดำเนินการอะไรเลยจะส่งผลให้ต้นทุนผู้ประกอบการและประชาชนเพิ่มขึ้น และท้ายสุดจะส่งผลให้เศรษฐกิจชะลอตัวลง
สำหรับเงินเฟ้อ คาดว่าจะยังอยู่ในคาดการณ์ 6.3-6.8% ไม่ได้มีแนวโน้มปรับขึ้นแรงอย่างบางประเทศที่เพิ่มขึ้นแตะระดับ 8-9% และยังเชื่อว่าในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ เงินเฟ้อจะชะลอตัวลง
ที่ผ่านมา เงินเฟ้อของไทยที่เพิ่มขึ้นเป็นผลจากราคาน้ำมันที่เพิ่มขึ้นเป็นหลัก ขณะที่แนวโน้มปัจจุบัน ราคาน้ำมันเริ่มผันผวนน้อยลง รวมถึงมีการปรับตัวลดลง บางช่วงลดลงต่ำกว่า 100 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ซึ่งคาดว่าจะช่วยชะลออัตราเงินเฟ้อบ้าง
แต่ที่ยังคงเป็นปัญหา คือ ราคาก๊าซธรรมชาติ ปัจจุบัน LNG ปรับขึ้นเกือบ 50 เหรียญ และยังทรงตัวสูง 45-46 เหรียญต่อล้าน BTU เพราะฉะนั้น ส่วนนี้จะส่งผลกระทบต่อค่าไฟฟ้า แต่ปัจจัยทั้งหมด โดยรวมคาดว่าเงินเฟ้อจะชะลอตัวลงในช่วงถัดไป
ทั้งนี้ จากวงเงินช่วยเหลือเศรษฐกิจ 5 แสนล้านบาท ปัจจุบันเหลือรวมกันราว 4 หมื่นล้านบาท ซึ่งส่วนหนึ่งต้องนำไปใช้จ่ายกับการรักษาพยาบาลเกี่ยวกับโควิด-19 และค่ายาต่างๆ ในอนาคต ดังนั้น คงนำไปใช้ฟื้นฟูเศรษฐกิจได้ไม่มาก
อย่างไรก็ตาม มาตรการที่ออกไปแล้ว เช่น คนละครึ่ง หรือการลงทุนเศรษฐกิจฐานราก คาดว่าจะช่วยกระตุ้นกิจกรรมทางเศรษฐกิจได้ระดับหนึ่ง
เพื่อไทย เย้ย ภท.-ปชป. อย่าเพิ่งโอ่กวาดเก้าอี้ ส.ส.ใต้ ไล่ทำตามสัญญาให้ได้ก่อน
https://www.matichon.co.th/politics/news_3507457
“เพื่อไทย” เย้ย ภท.-ปชป. อย่าเพิ่งประกาศกวาดเก้าอี้ ส.ส.ใต้ ไล่ ไปทำตามสัญญาที่ให้ปชช.ให้ได้ก่อน ชี้ กระแสพท.แรง ปชช.หวังให้เข้ามาฟื้นเศรษฐกิจใต้
เมื่อวันที่ 15 สิงหาคม นพ.ประสิทธิ์ โกยศิริพงศ์ อดีตนายกฯ อบจ.ภูเก็ต และประธานคณะทำงานโซนภาคใต้ฝั่งอันดามัน พรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวว่า จากกรณีที่พรรคภูมิใจไทย (ภท.) และพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ต่างประกาศจะยึดเก้าอี้พื้นที่ภาคใต้ฝั่งอันดามันทั้งหมดนั้น ตนอยากบอกว่า ขอให้ลืมไปได้เลย เพราะในปัจจุบันเท่าที่ทำหน้าที่ประสานงานให้พรรค พท. และลงพื้นที่อย่างต่อเนื่องนั้น ทำให้ทราบว่า ประชาชนไม่เอาด้วยกับนโยบายกัญชาเสรีของพรรคภท. ขณะที่พรรคปชป. ก็ไม่มีผลงานแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจให้แก่ประชาชนเลย ทำให้กระแสตกลงอย่างต่อเนื่อง
นพ.ประสิทธิ์ กล่าวต่อว่า ท่านอย่าเพิ่งพูด หรือคาดหวังไปก่อนโดยเหมารวมเอาเองว่าพี่น้องประชาชนชาวใต้ฝั่งอันดามันจะให้คะแนนเสียงพวกเราให้ท่าน เหมือนอดีต เพราะท่านอาจจะผิดหวังได้ วันนี้คนใต้ลำบากกันมาก ราคายางตกลงอย่างต่อเนื่อง หลายครอบครัวเริ่มเป็นหนี้หนัก เมื่อทั้ง ภท. และ ปชป.ประกาศกวาดเก้าอี้ ส.ส. ภาคใต้ ภายใต้ภาวะที่ท่านเป็นรัฐบาล แต่ไม่ได้มีนโยบาย หรือแนวทางที่จะช่วยเหลือพี่น้องประชาชนชาวใต้ให้กลับมาตั้งหลักได้อีกด้วยซ้ำ แล้วเหตุใดพี่น้องประชาชนภาคใต้ต้องเลือกท่านกลับมาอีก
“ผมคิดว่า วันนี้ประชาชนไว้วางใจและเชื่อว่า พรรคเพื่อไทย เป็นพรรคเดียวที่จะแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและทำให้พวกเขามีรายได้เพิ่มขึ้นได้ สังเกตได้จากวันนี้ที่พรรคเพื่อไทยเรากระแสดีวันดีคืน ได้รับการตอบรับอย่างมากจากพี่น้องประชาชน วัดได้จากจำนวนคนที่มาสมัครเข้าร่วมเป็นครอบครัวเพื่อไทย เพิ่มขึ้นทุกวัน ขอทั้ง 2 พรรคท่านอย่าเพิ่งประกาศกวาดเก้าอี้ ส.ส.เลยครับ ท่านทำตามสัญญา และนโยบายที่ให้ไว้กับพี่น้องประชาชนภาคใต้ให้ได้ก่อนเถิด ปากท่านเคยบอกจะไม่สนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี แต่ท่านยังช่วยกันอุ้มเขาให้อยู่ในตำแหน่งมายาวนานถึงวันนี้ ประชาชนเขาเฝ้ามองอยู่ เขาเห็นการกระทำของท่านทั้งหมด และพวกเราพร้อมเข้าคูหากาบัตรเลือกตั้งให้พรรคเพื่อไทย มานานแล้วครับ” นพ.ประสิทธิ์ กล่าว