JJNY : สื่อตปท.ถาม'ประยุทธ์'จะยอมลงจากตำแหน่งหรือไม่?│โพลเผยไม่เชื่อดีลลับ│เจ้าสัวยัน‘มาม่า’ขาดทุน│“อันวาร์”แฉ“จุรินทร์”

ตีแผ่อำนาจ '8 ปี' สื่อต่างประเทศตั้งคำถาม 'ประยุทธ์' จะยอมลงจากตำแหน่งหรือไม่?
https://voicetv.co.th/read/3j489UVMM

 
"นายกฯ ไทยจะยอมลงจากตำแหน่งหรือไม่?"

'อัลจาซีรา' สำนักข่าวใหญ่ที่สุด 1 ใน 3 ของโลกรายงานพิเศษถึงกรณีการอยู่ในตำแหน่งของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมของไทย โดยการตั้งคำถามสำคัญที่ว่า "Will the Thai prime minister step down?" หรือ "นายกฯ ไทยจะยอมลงจากตำแหน่งหรือไม่"
 
รายงานพิเศษฉบับเต็มมีความยาวเกือบ 25 นาทีในรายการ Inside Story บอกเล่าเรื่องราวภาพรวมของที่มาแห่งอำนาจของนายกฯ ไทย 
 
อัลจาซีราไล่เรียงลำดับเหตุการณ์ตั้งแต่การก่อรัฐประหารเมื่อ 8 ปีที่แล้ว การโค่นล้มรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง การถูกต่อต้านโดยประชาชนของประยุทธ์ ความไม่มีสเถียรภาพของการเมืองไทย มาจนถึงปัจจุบันว่าขณะนี้ "ประยุทธ์ จันทร์โอชา กำลังถูกกดดันจากผู้ประท้วงและประชาชนให้ลงจากตำแหน่งเสียที"
 
Inside Story รายงานถึงการรวมตัวกันครั้งล่าสุดของประชาชนและนักเรียนนักศึกษาเมื่อวันที่ 10 ส.ค.ที่ผ่านมาในงาน '10 สิงหา ประชาธิปไตยต้องไปต่อ' โดยนักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ได้จัดม็อบใหญ่ในรอบปีเพื่อวิพากษ์หนักการทำงานรัฐบาล 'ประยุทธ์'
 
'ชมพู่' หนึ่งในนักศึกษาที่มาชุมนุมในวันนั้นให้สัมภาษณ์ว่า "รัฐบาลไม่เคยแคร์อะไรเลย ทำราวกับว่าพวกเราไม่มีตัวตนและทิ้งประชาชนไว้ข้างหลัง นั่นคือเหตุผลที่เราออกมาในวันนี้เพื่อเรียกร้องการเลือกตั้งรัฐบาลที่แคร์ประชาชนจริงๆ ... จริงๆ ต้องถือว่ามันเป็นการต่อสู้ที่ประสบความสำเร็จมากค่ะ เพราะว่าเราได้พูดเรื่องที่เราไม่สามารถพูดได้ เรื่องที่เป็นปัญหาใต้พรมมานานมาก" 
 
ขณะที่ 'ป้าเป้า' กล่าวกับผู้สื่อข่าวอัลจาซีราว่า "เขาไปถึงไหนแล้ว มันต้องมีการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น โดยเฉพาะการศึกษา เพราะเด็กทุกวันนี้เขามีการศึกษา เขาถึงรู้ รู้ทุกอย่างที่เกิดขึ้น"
 
'สุณัย ผาสุข' ที่ปรึกษา Human Rights Watch ประจำประเทศไทยกล่าวในการสัมภาษณ์ว่า 
 
"ผมคิดว่าประยุทธ์มีความมุ่งมั่นที่จะอยู่ต่อไป เขาเชื่อมาเสมอว่า ตัวของเขาคือศูนย์รวมความเป็นอันหนึ่งอันเดียวและความมีสเถียรภาพของประเทศ ซึ่งผมมีความไม่เห็นด้วยอย่างยิ่ง"
 
"เขาคือสาเหตุของความไร้สเถียรภาพและความไม่พอใจทั้งหมดที่กำลังเกิดขึ้น แต่ดูเหมือนว่าตัวนายกฯ จะไม่คิดเช่นนั้น และมีความพยายามที่จะอยู่ต่อไปเพื่อประโยชน์ของประเทศ ซึ่งแน่นอนว่า ประชาชนก็ไม่ได้คิดแบบนั้น"

"การที่ประเทศไทยกำลังจะเป็นเจ้าภาพของการจัดการประชุมระดับนานาชาติอย่าง APEC การลงจากตำแหน่งตอนนี้จะเป็นเหมือนกันทิ้งสิ่งที่จะกลายเป็นมรดกที่เขาสามารถสร้างไว้ได้" 
 
"การที่ประยุทธ์ ผู้ซึ่งไม่มีความน่าเชื่อถือในด้านการทูตหรือความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ แต่สามารถพาตัวเองมาสู่การเป็นผู้นำประเทศในช่วงที่ไทยได้เป็นเจ้าภาพการจัดการประชุม APEC ที่จะมีผู้นำโลกมาร่วมได้นั้น มันคือสิ่งที่ประยุทธ์ต้องการทำให้เกิดขึ้นให้ได้"
 
ชมคลิปรายงานพิเศษฉบับเต็ม: https://youtu.be/47QES82-oCQ

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
 


โพลเผยประชาชนไม่เชื่อ'พปชร.- เพื่อไทย'จับมือทำดีลลับ
https://siamrath.co.th/n/373575
 
วันที่ 14 ส.ค. 2565 – ศูนย์สำรวจความคิดเห็น “นิด้าโพล” สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เปิดเผยผลสำรวจของประชาชน เรื่อง “ข้อตกลงทางการเมืองพรรคพลังประชารัฐและพรรคเพื่อไทย?” ทำการสำรวจระหว่างวันที่ 10-11 สิงหาคม 2565 จากประชาชนที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป กระจายทุกภูมิภาค ระดับการศึกษา อาชีพ และรายได้ ทั่วประเทศ รวมทั้งสิ้น จำนวน 1,312 หน่วยตัวอย่าง เกี่ยวกับข้อตกลงทางการเมืองระหว่างพรรคพลังประชารัฐและพรรคเพื่อไทย การสำรวจอาศัยการสุ่มตัวอย่างโดยใช้ความน่าจะเป็นจากบัญชีรายชื่อฐานข้อมูลตัวอย่างหลัก (Master Sample) ของ “นิด้าโพล” สุ่มตัวอย่างด้วยวิธีแบบง่าย (Simple Random Sampling) เก็บข้อมูลด้วยวิธีการสัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ โดยกำหนดค่าความเชื่อมั่น ร้อยละ 97.0
 
จากการสำรวจเมื่อถามถึงความเชื่อของประชาชนต่อข้อตกลงทางการเมืองระหว่างพรรคพลังประชารัฐกับพรรคเพื่อไทยในการเปลี่ยนสูตร การคำนวณ ส.ส. แบบบัญชีรายชื่อ จากหาร 500 เป็น หาร 100 พบว่า ตัวอย่าง ร้อยละ 40.32 ระบุว่า ไม่เชื่อเลย รองลงมา ร้อยละ 21.80 ระบุว่า ไม่ค่อยเชื่อ ร้อยละ 17.91 ระบุว่า ค่อนข้างเชื่อ ร้อยละ 9.38 ระบุว่า เชื่อมาก และร้อยละ 10.59 ระบุว่า ไม่ทราบ/ไม่ตอบ/ไม่สนใจ
 
ท้ายที่สุดเมื่อถามถึงความเชื่อของประชาชนต่อข้อตกลงทางการเมืองระหว่างพรรคพลังประชารัฐกับพรรคเพื่อไทยในการสนับสนุน พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ เป็นนายกรัฐมนตรีต่อจาก พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา พบว่า ตัวอย่าง ร้อยละ 59.76 ระบุว่า ไม่เชื่อเลย รองลงมา ร้อยละ 17.45 ระบุว่า ไม่ค่อยเชื่อ ร้อยละ 13.87 ระบุว่า ค่อนข้างเชื่อ ร้อยละ 7.47 ระบุว่า เชื่อมาก และร้อยละ 1.45 ระบุว่า ไม่ทราบ/ไม่ตอบ/ไม่สนใจ


  
'เจ้าสัวบุญชัย' ออกโรงยัน 'มาม่า' ขาดทุน 5แบรนด์หมี่ดัง ถก พณ.แจงปรับราคา
https://www.matichon.co.th/economy/news_3506069

‘เจ้าสัวบุญชัย’ ออกโรงยัน ‘มาม่า’ ขาดทุน 5แบรนด์หมี่ดัง ถก พณ.แจงปรับราคา

เมื่อวันที่ 13 สิงหาคม นายบุญชัย โชควัฒนา ประธานกรรมการ และประธานกรรมการบริหาร บริษัท สหพัฒนพิบูล จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตและจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภคในเครือสหพัฒน์ กล่าวว่า ขณะนี้บริษัทรอกรมการค้าภายใน (คน.) อนุมัติให้ปรับขึ้นราคาบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปยี่ห้อ “มาม่า” และ “ซื่อสัตย์” ตามที่บริษัทได้ยื่นขอขึ้น 2 บาทต่อซอง จาก 6 บาท เป็น 8 บาทต่อซองซึ่งเชื่อว่าทุกยี่ห้อขอขึ้นราคาเหมือนกับบริษัท เพราะเจอภาระต้นทุนในการผลิตสูงขึ้นเหมือนๆ กันหมด เพราะต้องใช้แป้งสาลีและน้ำมันปาล์มเป็นวัตถุดิบหลักในการผลิตและราคาเพิ่มขึ้นมากหลายเท่าตัว

“เรายังไม่ได้รับสัญญาณจากกรมการค้าภายในว่า จะปรับราคาขึ้นให้เราหรือไม่ หรือเมื่อไหร่ จริงๆ ควรต้องขึ้นให้แล้ว เพราะต้นทุนทุกอย่างขึ้นทุกวัน และขึ้นไปหมดแล้ว ขณะที่สงครามรัสเซียกับยูเครน ยังไม่เห็นจุดสิ้นสุด ยังไม่รู้ว่าจะส่งผลกระทบกับเราอีกมากแค่ไหน อยากให้ภาครัฐเร่งพิจารณาโดยเร็ว ตอนนี้เราขาดทุนจริงๆ” นายบุญชัยกล่าว

นายสมชาย พรรัตนเจริญ นายกสมาคมค้าส่งและปลีกไทย กล่าวว่า ช่วงต้นเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ได้รับแจ้งจากผู้ผลิตบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปยี่ห้อ “มาม่า” ว่า หากกระทรวงพาณิชย์อนุมัติให้ขึ้นราคาแล้ว ทางบริษัทจะปรับราคาขายปลีกขึ้นในทันที โดยจะไม่แจ้งให้ผู้จำหน่ายทราบล่วงหน้า เนื่องจากบริษัทรอการอนุมัติให้ปรับราคาขึ้นมานานเช่นกัน ซึ่งยังไม่ทราบว่าจะปรับขึ้นอีกซองละ 1 บาท หรือขึ้นซองละ 2 บาทตามที่ผู้ผลิตได้ยื่นขอไปล่าสุด

“มาม่า ที่ไม่แจ้งล่วงหน้าว่า จะขึ้นราคา คงกลัวว่าร้านค้าจะไปซื้อสินค้ากักตุน จริงๆ แล้วสินค้าแต่ละซอง มันมีวันหมดอายุ คงไม่มีใครไปแห่ซื้อตุนไว้เพราะอย่างไรก็จะมีการผลิตเพื่อขายต่อเนื่อง ไม่ได้ขาดแคลนวัตถุดิบการผลิต หรือเกิดเหตุการณ์รุนแรง อย่างกรณีเกิดน้ำท่วมใหญ่” นายสมชายกล่าว
 
แหล่งข่าวจากวงการผู้ผลิตบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป กล่าวว่า หลังจากกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ ยังไม่ไฟเขียวขึ้นราคาบะหมี่สำเร็จรูป หลังจากยื่นขอปรับราคาไปนานหลายเดือนแล้ว แต่ยังไม่มีแนวโน้ม หรือความชัดเจนว่าจะอนุมัติให้ขึ้นราคาตามที่ยื่นเสนอขอไปเมื่อไหร่ ทำให้ขณะนี้ผู้ผลิตต้องแบกภาระต้นทุนวัตถุดิบที่ปรับตัวสูงขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะแป้งสาลี และน้ำมันปาล์ม ซึ่งเป็นวัตถุดิบหลักที่ใช้ในการผลิต ขณะที่ภาระต้นทุนของแต่ละผู้ผลิตจะไม่เท่ากัน ขึ้นอยู่กับกำลังการผลิตว่าผลิตมากหรือน้อย

“ในวันที่ 15 สิงหาคมนี้ ผู้ผลิตบะหมี่กึ่งสำเร็จทั้ง 5 ยี่ห้อหลัก ได้แก่ ยี่ห้อไวไว ยำยำ นิชชิน มาม่า ซื่อสัตย์ จะรวมตัวกันเพื่อชี้แจงต้นทุนต่างๆ ที่สูงขึ้น เพื่อเป็นการบอกกล่าวไปยังกระทรวงพาณิชย์ว่าผู้ผลิตต้องเผชิญกับภาวะตุนมากขนาดไหน และทำไมถึงต้องขอปรับขึ้นราคาอีก 1-2 บาทต่อซอง ซึ่งน่าจะถึงเวลาที่เหมาะสมจะพิจารณาอนุมัติได้แล้ว ซึ่งผู้ผลิตสินค้าในหมวดเดียวกัน หากไม่ได้รับความเดือดร้อนสูงสุดแล้วก็จะไม่ได้รวมตัวกัน ต่างคนต่างยื่นเพราะต้นทุนและการบริหารจัดการแตกต่างกัน แต่ครั้งนี้ ทุกรายเจอผลกระทบต้นทุนสูงมากเหมือนกันหมด ถือเป็นการร่วมตัวกันเป็นการเฉพาะกิจที่ไม่ได้เห็นได้บ่อยนัก” แหล่งข่าวกล่าว
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่