JJNY : 5in1 เชียงใหม่ น้ำป่าทะลักอ.ฝาง│จับตาสศช.ประกาศจีดีพี│เพื่อไทยยืนยันเกมเดิม│"โรม”อัด“ตู่”│แพทย์ชนบทเหน็บ‘ศุภชัย’

เชียงใหม่ น้ำป่าไหลทะลักทั่ว อ.ฝาง กระแสน้ำยังสูงขึ้นเรื่อย ๆ ไม่มีท่าทีลด
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_7210477
 
 
เชียงใหม่ น้ำป่าไหลทะลักทั่ว อ.ฝาง โดยกระแสน้ำยังสูงขึ้นเรื่อย ๆ ไม่มีท่าทีลด หากคืนนี้ฝนยังตกลงมาเพิ่ม ระดับน้ำจะเพิ่มสูงขึ้นอีก
   
12 ส.ค. 2565 – ผู้สื่อข่าวรายงานสถานการณ์น้ำท่วม และน้ำป่าไหลหลากท่วมหลายหมู่บ้านในพื้นที่ อ.ฝาง อ.แม่อาย จ.เชียงใหม่ โดยในเช้าวันนี้ น้ำป่าเริ่มทะลักเข้าสู่แม่น้ำสายหลัก น้ำแม่มาว น้ำฝาง น้ำใจ ในพื้นที่ อ.ฝาง และน้ำป่าล้นจากลำห้วยล้นทะลักขึ้นถนนสาย 1089 ล้นเข้าท่วมถนน จากนั้นน้ำได้ไหลเข้าท่วมหลายหมู่บ้านซ้ำรอบสอง บ้านสบมาว บ้านนันทาราม ตำบลสันทราย บ้านริมฝาง บ้านสันป่าไหน่ บ้านต้นหนุน บ้านฟอกซ์แลนด์ ไหลล้นขึ้นถนนหน้าโรงพยาบาลฝาง จนถึงสี่แยกไฟแดงธนาคารออมสิน ทำให้การสัญจรเป็นไปแบบลำบาก และกระแสน้ำยังทะลักเข้ามาไม่ลด
 
โดยเวลานี้ น้ำป่าทะลักเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชนในพื้นที่ทั่วทุกหมู่บ้านที่อยู่ในพื้นที่ต่ำ และมีน้ำมาสมทบทุกลำห้วย และท่วมทุกหมู่บ้านและท้องทุ่งนาแล้ว และยังไม่มีท่าทีว่าจะลดลง ซึ่งหากคืนนี้ฝนยังตกลงมาเพิ่ม คาดว่าระดับน้ำจะเพิ่มสูงขึ้น
 
นายจีรชาติ ซื่อตระกูล นายอำเภอฝาง กล่าวว่า ขณะนี้น้ำได้ท่วมทุกตำบล 8 ตำบล แต่ที่หนักมากสุด 4 ตำบลคือ ต.เวียง ต.สันทราย ต.โป่งน้ำร้อน  ต.ม่อนปิ่น ซึ่งสั่งการให้เจ้าหน้าที่ออกตรวจทุกพื้นที่เตรียมให้การช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน
 


เงินบาทแข็งรอบเดือนครึ่ง จับตาสศช.ประกาศจีดีพีไตรมาส 2/65
https://www.tnnthailand.com/news/wealth/121851/
 
แบงก์กสิกรไทยมองกรอบเงินบาทสัปดาห์หน้าอยู่ที่ระดับ 34.70-35.60 บาทต่อดอลลาร์ฯ จับตาจีดีพีไตรมาส 2/65 ของไทยวันจันทร์นี้

ธนาคารกสิกรไทย มองกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทสัปดาห์หน้าระหว่างวันที่ 15-19 ส.ค.65 อยู่ที่ระดับ 34.70-35.60 บาทต่อดอลลาร์ฯ หลังจากวันพฤหัสบดีที่ 11 ส.ค. เงินบาทปิดตลาดในประเทศที่ระดับ 35.17 บาทต่อดอลลาร์ฯ โดยแตะระดับแข็งค่าสุดในรอบประมาณ 1 เดือนครึ่งที่ 35.16 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในช่วงปลายสัปดาห์
 
สำหรับการแข็งค่าของเงินบาทสอดคล้องกับหลายสกุลเงินในภูมิภาค  ประกอบกับมีปัจจัยหนุนเพิ่มเติมจากสถานะซื้อสุทธิหุ้นและพันธบัตรไทยของนักลงทุนต่างชาติ อย่างไรก็ดี  เงินบาทอ่อนค่าลงช่วงสั้นๆ หลังการประชุม กนง.ซึ่งมีมติปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% ไปที่ระดับ 0.75% และส่งสัญญาณขึ้นดอกเบี้ยอย่างค่อยเป็นค่อยไปในระยะข้างหน้า
 
ขณะที่ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ประเมินปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ ตัวเลขจีดีพีไตรมาส 2/65 ของไทย ทิศทางเงินทุนต่างชาติ สถานการณ์สหรัฐฯ-จีนในประเด็นไต้หวัน และถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่เฟด 
 
 ส่วนตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ดัชนีตลาดที่อยู่อาศัย ผลสำรวจภาคการผลิตของเฟดสาขานิวยอร์กและสาขาฟิลาเดลเฟียเดือนส.ค. ข้อมูลการเริ่มสร้างบ้าน การผลิตภาคอุตสาหกรรม ยอดค้าปลีก ยอดขายบ้านมือสองเดือนก.ค. และรายงานการประชุมเฟด เมื่อวันที่ 26-27 ก.ค. นอกจากนี้ ตลาดยังรอติดตามตัวเลขเงินเฟ้อเดือนก.ค. และจีดีพีไตรมาส 2/65 ของญี่ปุ่นและยูโรโซน รวมถึงข้อมูลเศรษฐกิจเดือนก.ค.ของจีน อาทิ ดัชนีราคาบ้าน การผลิตภาคอุตสาหกรรม และยอดค้าปลีก
 
ทั้งนี้เงินบาทผันผวนในกรอบแข็งค่า และแตะระดับแข็งค่าสุดในรอบประมาณ 1 เดือนครึ่ง ที่ 35.16 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในช่วงปลายสัปดาห์ โดยการแข็งค่าของเงินบาทสอดคล้องกับหลายสกุลเงินในภูมิภาค ประกอบกับมีปัจจัยหนุนเพิ่มเติมจากสถานะซื้อสุทธิหุ้นและพันธบัตรไทยของนักลงทุนต่างชาติ อย่างไรก็ดีเงินบาทอ่อนค่าลงช่วงสั้นๆ หลังการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ซึ่งมีมติปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% ไปที่ระดับ 0.75% และส่งสัญญาณขึ้นดอกเบี้ยอย่างค่อยเป็นค่อยไปในระยะข้างหน้า
 
โดยเงินบาทพลิกกลับมาแข็งค่าขึ้นอีกครั้งในช่วงก่อนวันหยุดของตลาดในประเทศ ขณะที่เงินดอลลาร์ฯ อ่อนค่าลงตามการปรับตัวลงของบอนด์ยีลด์สหรัฐฯ หลังจากตัวเลขดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนก.ค. ชะลอลงมาที่ 8.5% YoY (ต่ำกว่าตลาดคาดที่ 8.7% YoY) ซึ่งสนับสนุนมุมมองว่า อัตราเงินเฟ้อของสหรัฐฯ น่าจะผ่านพ้นจุดสูงสุดแล้ว และอาจทำให้เฟดไม่จำเป็นต้องเร่งปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายในระยะข้างหน้า
 
สำหรับในวันพฤหัสบดีที่ 11 ส.ค.65 เงินบาทปิดตลาดในประเทศที่ระดับ 35.17 (หลังแตะระดับแข็งค่าสุดในรอบ 1 เดือนครึ่งที่ 35.16) เทียบกับระดับ 35.57 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในวันศุกร์ก่อนหน้า (5 ส.ค.) ขณะที่ระหว่างวันที่ 8-11 ส.ค.65 นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิหุ้นไทย 14,431 ล้านบาท ขณะที่มีสถานะเป็น NET INFLOW เข้าตลาดพันธบัตร 8,487 ล้านบาท (ซื้อสุทธิพันธบัตร 8,997 ล้านบาท แต่มีตราสารหนี้ที่หมดอายุ 510 ล้านบาท)
ที่มา ธนาคารกสิกรไทย



เพื่อไทย ยืนยันเกมเดิม ไม่เป็นองค์ประชุม นัดสุดท้าย ยับยั้งปัญหา กม.ลูก
https://www.matichon.co.th/politics/news_3503747

“สุทิน” ลั่น พท.ไม่เป็นองค์ประชุมถก กม.ลูกเลือกตั้ง ชี้ หาก “บิ๊กตู่” หยุดปฏิบัติหน้าที่ ช่วงสั้นๆ คือความหวังของ ปชช.
 
เมื่อวันที่ 12 สิงหาคม นายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.) ประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (ประธานวิปฝ่ายค้าน) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ นายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา นัดประชุมรัฐสภา วันที่ 15 สิงหาคม เพื่อลงมติเกี่ยวกับร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. พรรค พท.จะยังคงแสดงจุดยืนเดิมหรือไม่ว่า เรื่องนี้ต้องถามหัวหน้า แต่คงต้องมีความจำเป็นยืนตามแนวทางเดิม ถึงแม้ว่าเป็นเรื่องที่เราไม่อยากจะทำ แต่ก็จำเป็นต้องทำ เพื่อยับยั้งกฎหมายเพื่อแก้ปัญหาที่จะเกิดขึ้นในอนาคตข้างหน้า
เมื่อถามย้ำว่า จะแสดงจุดยืนออกมาในลักษณะไหน นายสุทินกล่าวว่า แบบเดิม เราจะไม่เป็นองค์ประชุมให้
 
เมื่อถามว่า จะชี้แจงกับประชาชนอย่างไร หากไม่เป็นองค์ประชุมให้ระหว่างการประชุมรัฐสภา นายสุทินกล่าวว่า ชี้แจงเหมือนที่ผ่านมา ว่ามันเป็นการทำหน้าที่ ไม่ใช่การทิ้งหน้าที่ คือเสียงข้างน้อย หากจะยับยั้งเสียงข้างมาก คิดว่าเป็นเรื่องที่จะเสียหายต่อบ้านเมืองในอนาคต เราต้องใช้ทุกวิถีทางที่จะทำ แต่ว่ามันก็เป็นวิธีการที่อารยะ อยู่ในสภา ไม่ได้ปาสิ่งของ ไปลากเก้าอี้ ไปทุบตีประธานสภา แต่การนั่งโดยไม่แสดงตัวถือว่าเป็นอารยะ หากว่ารัฐบาลเสียงข้างมากคิดว่าจะลากต่อไป ท่านมีเสียงเยอะอยู่แล้ว ท่านก็สามารถดันต่อไปได้ เราจึงแสดงออกให้เห็น
 
เมื่อถามว่าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) เตรียมยื่นให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) วินิจฉัยในวาระ 3 หากร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.ลงมติเป็นที่เรียบร้อยแล้ว นายสุทินกล่าวว่า ต้องพิจารณา 2 ก่อน หากองค์ประชุมครบ เสียงส่วนมาลงมติเห็นด้วย มันก็ผ่าน แต่เมื่อผ่านแล้วก็จะต้องไปที่ กกต.อยู่ดี ของเราแสดงจุดยืนให้เห็น จะล่มไม่ลม ไม่ได้อยู่ที่เรา
 
เมื่อถามว่าจะยื่นเรื่องการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ครบวาระ 8 ปี ผ่านประธานรัฐสภา ในวันที่ 17 สิงหาคม เพื่อส่งต่อไปที่ศาลรัฐธรรมนูญหรือไม่ นายสุทินกล่าวว่า อันนี้เดี๋ยวประเมินอีกประมาณ สัปดาห์หน้า วิธีประเมินก็ต้องฟังเสียงทางสังคมไปด้วย
 
เมื่อถามว่าหาก พล.อ.ประยุทธ์ต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ขึ้นมาดำรงตำแหน่งรักษาการนายกรัฐมนตรี มีนัยยะอะไรทางการเมืองหรือไม่ นายสุทินกล่าวว่า ไม่น่าจะมีอะไร เป็นเรื่องปกติ นายรัฐมนตรีไม่อยู่ ก็ให้รองนายกรัฐมนตรีขึ้นรักษาการ ก็ไม่ทำให้บ้านเมืองสะดุดอะไร การมีรองนายกรัฐมนตรีไว้ก็เพราะเพื่อการนี้
 
เมื่อถามย้ำว่า หาก พล.อ.ประวิตรขึ้นมาดำรงตำแหน่งรักษาการนายกรัฐมนตรีจริง จะทำให้แตกต่างไปจากยุค พล.อ.ประยุทธ์หรือไม่ นายสุทินกล่าวว่า ไม่น่ามีอะไรแตกต่าง แต่จะแตกต่างตรงบรรยากาศของบ้านเมืองก็จะเปลี่ยนไปหน่อย พอ พล.อ.ประยุทธ์หยุดปฏิบัติหน้าที่ ประชาชนเขาก็คิดว่าเป็นความหวัง โอกาสได้ลุ้นที่จะได้มีชีวิตที่ดีขึ้น ช่วงสั้นๆ ประชาชนก็จะมีความหวังขึ้นมา


 
"โรม” อัด “บิ๊กตู่” ใช้ไทยเป็นสถานที่พักตากอากาศ อ้าแขนรับอดีตผู้นำศรีลังกาถูกประชาชนขับไล่
https://siamrath.co.th/n/373330
 
เมื่อวันที่ 12 ส.ค.65 นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล โพสต์เฟซบุ๊ก Rangsiman Rome - รังสิมันต์ โรม ระบุว่า...
 
[ต้อนรับอดีตผู้นำศรีลังกาที่ถูกขับไล่อย่างสบายใจ แต่ผลักไสผู้ลี้ภัยจากสงคราม รัฐบาลประยุทธ์จะฉุดภาพลักษณ์ประเทศไทยในสายตานานาชาติให้ตกต่ำถึงขนาดไหน?]
 
กรณีที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศออกมายืนยันกรณีที่อดีตประธานาธิบดีศรีลังกา กำลังจะขอเข้ามาพักรอลี้ภัยไปประเทศที่สามจริงนั้น ผมรู้สึกแปลกใจมากว่าเหตุผลใดรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ถึงเอาประเทศไทยมาเป็นบ้านพักชั่วคราวให้ผู้นำที่ถูกประชาชนขับไล่จนต้องหนีออกมา แต่ในขณะเดียวกัน ผู้ลี้ภัยสงครามชาวเมียนมาร์ กรณีค้ามนุษย์ชาวโรฮิงยา หรือผู้ลี้ภัยชาวอุยกูร์ที่อยู่ในสถานะหลบหนีภัยภายในประเทศ กลับเจอชะตากรรมที่ต่างกันราวฟ้ากับเหว
 
ที่ผ่านมา มีการร้องเรียนเข้ามาในกรรมาธิการการต่างประเทศ ให้ช่วยหาทางออกและการจัดการอย่างมีมนุษยธรรมต่อผู้ลี้ภัยอยู่หลายครั้ง เนื่องจากมีการร้องเรียนว่ามีมาตรการจากทางรัฐบาลที่ไม่เป็นไปตามหลักการที่ควร รวมถึงมีความพยายามกีดกัน ไปจนถึงส่งกลับผู้ลี้ภัยมาแล้วจากหลายกรณีในรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จนทำให้ภาพลักษณ์ของประเทศไทยเสียหายอย่างมาก
 
กลับกันพอเป็นอดีตประธานาธิบดีที่มีข้อสงสัยว่าเกี่ยวพันกับการอุ้มหาย ซ้อมทรมานประชาชนในศรีลังกา จนหาที่ไปไม่ได้ รัฐบาลไทยกลับอ้าแขนรับเข้ามาอย่างหน้าตาเฉยราวกับว่านี่คือเราไม่แคร์สายตาประชาคมโลกว่าจะมองประเทศเราเป็นอย่างไร กับการสองมาตรฐานในการต้อนรับผู้ลี้ภัยเช่นนี้
 
ผมอยากเรียนคุณประยุทธ์ว่า ในฐานะของนายกรัฐมนตรี การกระทำครั้งนี้จะฉุดให้ภาพลักษณ์ของประเทศไทยต้องมัวหมองในสายตานานาชาติ กรณีผู้ลี้ภัยที่ตัวเองมีชนักปักหลังก็ยังจัดการไม่ได้ กลับมาเพิ่มภาระการแก้ไขภาพลักษณ์ประเทศให้กับรัฐบาลถัดไปอีก ยิ่งทำแบบนี้ศักดิ์ศรีประเทศไทยในสายตาชาติอื่นๆจะเป็นอย่างไร ที่ประเทศเรากลับต้องมากลายเป็นคุกขังผู้ลี้ภัยชาวอุยกูร์ และเป็นสถานที่พักตากอากาศให้ผู้นำที่โดนประชาชนขับไล่แบบนี้กัน?
ผมอยากให้ผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่ายทบทวนให้ดีว่ากรณีเหล่านี้จะสร้างภาพลักษณ์อย่างไร และเกิดประโยชน์อย่างไรต่อประเทศชาติกันแน่ หากการกระทำนี้ไม่มีเหตุผลรองรับที่รับฟังได้มากพอ การเปลี่ยนมาตรการอย่างใดอย่างหนึ่งให้เป็นที่ยอมรับได้มากขึ้นทั้งต่อประชาชนและนานาประเทศก็เป็นเรื่องสำคัญที่พลเอกประยุทธ์ต้องตัดสินใจให้ดี เพราะนี่จะเป็นหน้าประวัติศาสตร์อีกหน้าที่ถูกบันทึกไว้ว่าพลเอกประยุทธฺตัดสินใจทำอะไร เพราะอะไร และส่งผลเช่นไรในอนาคตแน่นอน

https://www.facebook.com/photo/?fbid=614376886712041&set=a.488371845979213
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่