“เพื่อไทย” จัดเสวนา “กัญชาเสรี ผิดทิศ หลงทาง” เตือนระวังได้ไม่คุ้มเสีย เอาอนาคตเยาวชนมาแลกคะแนนเสียง
https://www.matichon.co.th/politics/news_3497404
“เพื่อไทย” จัดเสวนา “กัญชาเสรี ผิดทิศ หลงทาง” เตือนระวังได้ไม่คุ้มเสีย เอาอนาคตเยาวชนมาแลกคะแนนเสียง หลอกให้ปลูกแต่ส่งออกไม่ได้ สุดท้ายมอมเมาชุมชน สร้างปัญหาสังคม-เป็นภาระแพทย์
เมื่อวันที่ 9 สิงหาคม ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) จัดเสวนาในหัวข้อ
“กัญชาเสรี ผิดทิศ หลงทาง?” โดยมีนาย
สุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคามและรองหัวหน้าพรรค พร้อมด้วย นพ.
สุวิทย์ คนสมบูรณ์ ส.ส.ชัยภูมิ อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข, นาย
จิรายุ ห่วงทรัพย์ ส.ส.กทม. และ น.ส.
กิตติ์ธัญญา วาจาดี ส.ส.อุบลราชธานี ร่วมเสวนา
โดยนายสุทิน กล่าวว่า ตลอดเวลาที่ผ่านมาปัญหากัญชาเสรีไร้กรอบนั้นภาครัฐพยายามพูดอยู่แค่ 2 ประเด็นคือ กัญชาเสรีเป็นประโยชน์ทางการแพทย์ และกัญชาเสรีดีต่อเศรษฐกิจ ซึ่งประเด็นการใช้เพื่อประโยชน์ทางการแพทย์นั้น ใช้ในการรักษากันมาก่อนหน้านี้แล้วและหากคิดว่า อยากส่งเสริมประโยชน์การแพทย์จริง ก็ควรส่งเสริมโครงการ 30 บาทรักษาทุกโรค เอางบประมาณมาอุดหนุนบัญชียาแห่งชาติ เพิ่มงบโรงพยาบาลและบุคลากรทางการแพทย์น่าจะเป็นประโยชน์และชัดเจนกว่า
นาย
สุทิน กล่าวต่อว่า ส่วนด้านเศรษฐกิจนั้น วันนี้ยังไม่เห็นตัวเลขส่งออกที่ชัดเจนเลยว่าประโยชน์จากเรื่องนี้คำนวณออกมาได้เท่าไรและส่งออกได้จริงหรือไม่ เพราะทั่วโลกยังบอกว่ากัญชาคือยาเสพติด ถ้าส่งออกไม่ได้ ก็จะกลายเป็นกัญชาวนเวียนกันอยู่ในประเทศ งบประมาณที่ต้องรักษาผู้เสพ รวมไปถึงภาพลักษณ์ประเทศ ถ้าหักลบกลบหนี้กันกับความเสื่อมโทรมของสังคมแล้ว จึงไม่แน่ใจว่า ได้คุ้มเสียหรือไม่
“วันนี้ถึงขนาดเอาต้นกัญชามาเดินแจกกันในหมู่บ้าน บอกว่า 6 เดือนตัดขายได้ เดี๋ยวพอถึงเวลาขายไม่ได้จริงโดนเขาต้ม กัญชาที่ปลูกไว้ ก็จะวนกลับมาเสพกันเองในครอบครัว คราวนี้กัญชาจะได้วนอยู่ในบ้านในชุมชนเป็นนโยบายที่จะสร้างบาปมโหฬาร และสุดท้าย สังคมก็จะเรียกร้องให้กัญชากลับไปเป็นยาเสพติดเหมือนเดิม” นาย
สุทิน กล่าว
ด้าน นพ.
สุรวิทย์ กล่าวว่า ตั้งแต่เริ่มปลดล็อกกัญชา ในช่วงเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา แต่กลับไม่มีกฎหมายรองรับ ทำให้สถิติผู้ป่วยจากการเสพกัญชา เข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลจำนวนมากขึ้น มีตั้งแต่หลอน เมากัญชา จนถึงขั้นรุนแรง ต้องรับไว้รักษาตัวในโรงพยาบาล ต้องใช้แพทย์บุคลากรสาธารณสุขและงบประมาณจำนวนมากในการรักษา ขอเรียกร้องให้ภาครัฐเปิดเวทีรับฟังความเห็นของบุคลากรด้านการแพทย์โดยตรง เพื่อจะได้รู้ถึงปัญหาแท้จริงมากกว่าการฟังหมอการเมือง โดยไม่ฟังเสียงจากหมอมืออาชีพ
ขณะที่ น.ส.
กิตติ์ธัญญา กล่าวว่า ปัญหาจริงที่พบในพื้นที่คือ ครอบครัวและชุมชนได้รับผลกระทบรุนแรงตั้งแต่เปิดกัญชาเสรี เช่นหมู่บ้านหนึ่ง ในจังหวัดอุบลราชธานี มีเด็กและวัยรุ่นรวมตัวเสพกัญชาโดยที่พ่อแม่ออกไปทำงานไม่ทราบเรื่อง เมื่ออาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) ตรวจพบ ก็ห้ามไม่ได้ กำนันผู้ใหญ่บ้านก็บอกว่าไม่รู้จะห้ามอย่างไร พอแจ้งเตือนไปยังพ่อแม่ ก็กลายเป็นทะเลาะเบาะแว้งกันในครอบครัว ลามออกมาถึงหมู่บ้านชุมชน เป็นตัวอย่างจริงที่เห็นชัด ดังนั้นจึงไม่ควรเอาอนาคตของเยาวชนไทยไปแลกกับผลประโยชน์และคะแนนเสียงทางการเมืองของพรรคการเมืองเช่นนี้
ด้าน นาย
จิรายุ กล่าวว่า นโยบายกัญชาเสรีขณะนี้ คือนโยบายตายเอาดาบหน้า เพราะไม่มีมาตรการรองรับ ภาพลักษณ์ความเชื่อมั่นขอคนไทยไปต่างประเทศเสียหาย วันนี้คนไทยถือพาสปอร์ตไทยไปต่างประเทศ ถูกจับตรวจกระเป๋าเดินทาง โดนจับตรวจสารเสพติดในร่างกาย ประเด็นอ่อนไหวสะท้อนถึงการยอมรับนโยบายกัญชาเสรีของไทยมากน้อยเพียงไร รัฐบาลเคยคิดหรือไม่ จึงมีคำถามว่าควรยกเลิกหรือไม่ ถ้ายังไม่ยกเลิก ควรจะแขวนนโยบายกัญชาเสรีไว้ชั่วคราว รอให้มาตรการพร้อม ทุกคนเข้าใจ วันไหนพร้อมค่อยประกาศเสรีอีกครั้ง
ต้องจบในชาตินี้! กลุ่มชาติพันธุ์ ยื่นก้าวไกล 3 ข้อเรียกร้อง เร่งคุ้มครองสิทธิ
https://www.khaosod.co.th/politics/news_7204515
กลุ่มชาติพันธุ์ปลดแอก ยื่น 3 ข้อเรียกร้องถึงพรรคก้าวไกล ยันถอนรากถอนโคนปัญหาชาติพันธุ์ ออกกม.คุ้มครองสิทธิ์ ‘พิธา’รับข้อเรียกร้อง พร้อมดำเนินการ
เมื่อวันที่ 9 ส.ค. 2565 ที่สำนักบริการวิชาการ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ กลุ่มชาติพันธุ์ปลดแอก ในนามคนรุ่นใหม่กลุ่มชาติพันธุ์และนักกิจกรรมทางสังคม เข้ายื่นหนังสือถึงนาย
พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ในงานเปิดนโยบายชาติพันธุ์ก้าวไกล ชู 3 เจตนารมณ์และข้อเรียกร้องแก้ปัญหาชาติพันธุ์อย่างถอนรากถอนโคน
นาย
ลิขิต พิมานพนา ผู้แทนกลุ่มชาติพันธุ์ปลดแอก กล่าวว่า กลุ่มชาติพันธุ์ถูกละเมิดสิทธิความเป็นคนอย่างน้อย 6 สิทธิ ไม่ว่าจะเป็นสิทธิทางวัฒนธรรมและการศึกษา สิทธิในการจัดการที่ดินและทรัพยากรธรรมชาติ สิทธิในสัญชาติและการกำหนดตนเอง สิทธิในความเสมอภาคและไม่ถูกเลือกปฏิบัติ สิทธิในการมีส่วนร่วม รวมถึงสิทธิในการเข้าถึงบริการขั้นพื้นฐานจากรัฐ คุณภาพชีวิตของกลุ่มชาติพันธุ์บนผืนแผ่นดินนี้ก็ไม่ต่างอะไรจากการเป็นพลเมืองชั้นสอง มีค่าแค่ในสวนสัตว์มนุษย์ ให้คนเมืองได้รับชมรื่นเริงใจ หาใช่เคารพในความต่างของกลุ่มชาติพันธุ์อย่างแท้จริง
แม้ที่ผ่านมารัฐบาลจะมีแนวนโยบาย แต่ยังมีผลกระทบทั้งทางตรงและทางอ้อมต่อกลุ่มชาติพันธุ์ สอดแทรกอยู่ในกฎหมายและนโยบายต่างๆ ทั้งในและนอกประเทศที่กล่าวถึงการคุ้มครองสิทธิกลุ่มชาติพันธุ์ เช่น ปฏิญญาสหประชาชาติว่าด้วยสิทธิชนเผ่าพื้นเมือง มติครม.วันที่ 2 มิ.ย. 2553 มติครม.วันที่ 3
ส.ค. 2553 รัฐธรรมนูญ 2560 มาตรา 70 และแผนปฏิรูปประเทศด้านสังคม แต่รัฐบาลไทยกลับยังไม่ตระหนักถึงการคืนความเป็นคนแก่กลุ่มชาติพันธุ์อย่างแท้จริง ทุกกฎหมายและนโยบายที่ออกมานั้น กระทบต่อกลุ่มชาติพันธุ์ทั้งทางตรงและทางอ้อม โดยเฉพาะหลังการทำรัฐประหารในปี 2557 สถานการณ์ที่เกิดขึ้นกับกลุ่มชาติพันธุ์ทั่วประเทศรุนแรงขึ้นเป็นอย่างมาก
ผู้แทนกลุ่มชาติพันธุ์ปลดแอก กล่าวต่อว่า ตนขอนำเสนอเจตนารมณ์และข้อเรียกร้องของเรา ถึงพรรคก้าวไกล ในฐานะพรรคฝ่ายค้าน ที่พยายามผลักดันนโยบายด้านชาติพันธุ์เป็นพรรคแรก เพื่อให้รับไว้พิจารณาและทบทวนรายละเอียดบางส่วนสู่การแก้ไขปัญหาชาติพันธุ์อย่างถอนรากถอนโคน ควบคู่กับการสร้างฐานทางนโยบายรองรับ โดยมีเจตนารมณ์ดังนี้
1. กฎหมายเพื่อส่งเสริมศักยภาพ และคุ้มครองสิทธิของกลุ่มชาติพันธุ์ ถือเป็นแนวนโยบายขั้นแรกที่ทุกภาคส่วนต้องร่วมกันผลักดันให้เป็นไปตามเจตนารมณ์ของกลุ่มชาติพันธุ์และชนเผ่าพื้นเมืองในประเทศไทยโดยเร่งด่วน
2. ต้องปลดแอกมรดกสงครามเย็นออกจากนโยบายและกฎหมายทั้งหมด อาทิ พ.ร.บ.อุทยานแห่งชาติ พ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า นโยบายคณะกรรมการป่าไม้แห่งชาติ รวมถึงพ.ร.บ.สัญชาติ เป็นต้น
3. รัฐไทยและทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง จะต้องรับผิดชอบต่อทุกการกระทำ การผลิตซ้ำมายาคติเชิงลบ ทุกการกดขี่ ทุกโศกนาฏกรรมที่เกิดขึ้นกับกลุ่มชาติพันธุ์ อย่างน้อยคือ การออกมาขอโทษกลุ่มชาติพันธุ์ด้วยความจริงใจและสำนึกผิด และการร่วมผลักดันให้เกิดปฏิบัติการตามข้อ 1 และ 2 โดยการมีส่วนร่วมของประชาชนกลุ่มชาติพันธุ์และชนเผ่าพื้นเมือง
“เราเห็นว่า ฐานทางนโยบายมีความจำเป็น แต่เรายังยืนยันว่าการแก้ไขปัญหาชาติพันธุ์นั้น ต้องเป็นไปอย่างถอนรากถอนโคน ในนามคนรุ่นใหม่ผู้เป็นทั้งปัจจุบันและอนาคตของกลุ่มชาติพันธุ์ ยืนยันว่าการปลดแอกชาติพันธุ์ ต้องจบในชาตินี้” กลุ่มชาติพันธุ์ปลดแอกย้ำ
ด้านนาย
พิธา กล่าวว่า ตนเห็นด้วยกับเนื้อหาตามหนังสือและข้อเรียกร้องทั้งหมด และรับจะนำไปพิจารณาดำเนินการต่อไป
คนกรีดยางเมืองคอน เตรียมเป่านกหวีด แฉยางอัดแท่งยัดไส้ คาใจเกรดต่ำราคาสูงกว่ายางเกรด 1
https://www.matichon.co.th/region/news_3497721
คนกรีดยางเมืองคอน เตรียมเป่านกหวีด แฉยางอัดแท่งยัดไส้ คาใจเกรดต่ำราคาสูงกว่ายางเกรด 1
วันที่ 9 สิงหาคม 2565 ผู้สื่อข่าวรายงานสถานการณ์ราคายางพารา ณ ตลาดกลางยางพารานครศรีธรรมราช พบว่า ตลอดช่วง สัปดาห์ที่ผ่านมา ราคายางแผ่นดิบตกลงมา 1-2 บาท ขณะที่ราคาน้ำยางสดยังลดลงอย่างต่อเนื่อง
นาย
มนัส บุญพัฒน์ นายกสมาคมคนกรีดยางและชาวสวนยางรายย่อย กล่าวว่า มีเรื่องตลกเกิดขึ้นอีกแล้ว เรื่องแรก ราคายางพารา ทั้งยางแผ่นดิบ น้ำยาง เศษยางราคาตกลงมาอีก 1-3 บาท แล้วแต่ละพื้นที่ เงินออกจากกระเป๋าอย่างต่ำอีก 1 บาท ทำให้หลายรายต่างกระสับกระส่ายนั่งไม่ติด ราคาซื้อหน้าสวน ราคาลานเทรับซื้อ ราคากลุ่มวิสาหกิจ หรือกลุ่มโรงรมยางก็ทำไม่ถูก ขณะที่ราคาซื้อขายล่วงหน้าราคาไม่ต่ำกว่า 63 บาทอย่างแน่นอน
เรื่องที่สอง มีบริษัทเอกชนเข้ามากว้านซื้อยางแผ่นดิบรมควันฟองอากาศ ซึ่งเป็นยางที่ไม่เรียบสวย เป็นวงด่างๆจากการรมควันไม่ทั่วถึง เป็นวงกลมสีขาวๆบนยาวแผ่น ซึ่งเป็นยางเกรดที่ 4 ถามว่ากว้านซื้อไปทำอะไร ซื้อไปเพื่อเป็นแกนกลางในก้อนยางอัดแท่งของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการส่งออกยาง วิธีการแบบนี้ทำมาแทบทุกครั้งที่ภาครัฐมีโครงการขายยาง
ทำไมหรือเมื่อยางเหล่านี้ถูกซื้อแล้วนำมาวางกองรวมในสต็อก และในที่สุดพอนานเข้า ยางก็จะเสียและเน่าในที่สุด ก็เหมือนกับที่ผ่านๆมามียางแท่งเน่าในโกดังก่อนส่งออก ถามว่ารู้กันหรือไม่เค้าทราบกันแต่ไม่มีใครพูด เนื่องจากต่างคนต่างรู้กัน
แม้กระทั่งการซื้อยางจากประเทศเพื่อนบ้าน ก็เอามาสวมแบบนี้เหมือนกัน ซื้อยางถูกมาสวมยางแพงกลไกนี้มีมาก ยางอัดแท่งด้านในไม่มีใครมาตรวจสอบอยู่แล้ว ที่สำคัญ บริษัทที่กว้านรับซื้อยางแผ่นรมควันฟองอากาศเป็นบริษัทเดียวกันที่รับจ้างอัดแท่งยางแผ่นรมควันของหน่วยงานภาครัฐ ผมไม่รู้ว่าหน่วยไหน แต่ชาวสวนยางเมืองคอนรู้กันทั้งนั้น
“ผมดูว่า หากราคายางเกรดต่ำสูงกว่ายางแผ่นรมควันชั้น 1 คงต้องเป่านกหวีดเรียกชาวสวนยางที่พร้อมออกมาช่วยประจานการทำงานของหน่วยวานที่เกี่ยวข้องกันบ้าง การรวมพลคนั้งนี้ไม่บังคับใคร ใครว่ก็มา ช่วยกันประจานความไม่รู้ของหน่วยงานภาครัฐ”
นาย
มนัส กล่าว คณะกรรมการกำหนดราคากลางของการยางแห่งประเทศไทย ช่วยออกแรงทำงานหน่อย ช่วยดูช่วยทำราคาให้มันเหมาะสมกับที่ควรจะเป็น ในภาวะที่เศรษฐกิจค่าครองชีพของคนหาเช้ากินค่ำกำลังเดือดร้อน สินค้าทุกชนิดแพง ฝนตกชุก เงินหายาก แต่การประมูลซื้อขายยางผ่านตลาดกลางของกยท.มันทิ้งระยะห่างจากราคายางส่งออก(FOB)จนเกินจริง แล้วไม่ลงมือคิดและทำอะไรได้กันบ้างหรือ
การให้มีคณะกรรมการกลางฯและทำหน้าที่ตามระเบียบข้อกำหนดกฎกติกาต่างๆที่เขียนไว้ ในเมื่อบางสิ่งบางอย่างมันไม่ยุติธรรมให้กับเกษตรกรชาวสวนยางส่วนใหญ่ บรรดาท่านทั้งหลายก็ควรต้องคิดหาวิธีใดวิธีหนึ่งเพื่อเปลี่ยนแปลงแก้ไขได้ไม่ใช่หรือ?
ราคายางที่ขายไปต่างประเทศมันเอาเปรียบราคายางที่ซื้อขายกันภายในจากมือผู้ผลิต (สถาบัน+วิสาหกิจ+เอกชนรายย่อย) มากเกินควร และก็ส่งผลถึงราคาน้ำยางสดซึ่งเป็นรายได้หลักของเกษตรกรชาวสวนยางและคนกรีดยาง ช่วยสำนึกในหน้าที่กันหน่อยครับบรรดาท่านใต้เท้าทั้งหลาย
ผู้สื่อข่าวรายงาน ราคาตลาดกลางยางพาราเมื่อวันที่ 8 สิงหาคมที่ผ่านมา พบว่า ราคายางแผ้นดิบชั้น 3 ราคา กก.ละ 54.09 บาท ราคายางแผ่นดินชั้น 4 ไม่มี ราคายางแผ่นดิบชั้น 5 ไม่มี ขณะที่ราคายางแผ่นดินฟองอากาศ กก ละ 54.53 บาท
ส่วนราคายางพาราประจำวันที่ 9 สิงหาคม 2565 พบว่า ราคายางแผ้นดิบชั้น 3 ราคา กก.ละ 54.00 บาท ราคายางแผ่นดินชั้น 4 ราคา กก.ละ 53.24 บาทราคายางแผ่นดิบชั้น 5 ไม่มี ขณะที่ราคายางแผ่นดินฟองอากาศ กก ละ 53.09 บาท และตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมาราคายางแผ่นรมควันฟองอากาศจะมีราคาสูงกว่า ราคายางแผ่นรมควันชั้น 3-5
JJNY : 5in1 “พท.”จัดเสวนา│กลุ่มชาติพันธุ์ยื่นก.ก.│คนกรีดยางเตรียมเป่านกหวีด│ทร.ส่อแววกลับลำ│สมชัยฟาดแรงวิษณุปมขาดประชุม
https://www.matichon.co.th/politics/news_3497404
“เพื่อไทย” จัดเสวนา “กัญชาเสรี ผิดทิศ หลงทาง” เตือนระวังได้ไม่คุ้มเสีย เอาอนาคตเยาวชนมาแลกคะแนนเสียง หลอกให้ปลูกแต่ส่งออกไม่ได้ สุดท้ายมอมเมาชุมชน สร้างปัญหาสังคม-เป็นภาระแพทย์
เมื่อวันที่ 9 สิงหาคม ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) จัดเสวนาในหัวข้อ “กัญชาเสรี ผิดทิศ หลงทาง?” โดยมีนายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคามและรองหัวหน้าพรรค พร้อมด้วย นพ.สุวิทย์ คนสมบูรณ์ ส.ส.ชัยภูมิ อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข, นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ส.ส.กทม. และ น.ส.กิตติ์ธัญญา วาจาดี ส.ส.อุบลราชธานี ร่วมเสวนา
โดยนายสุทิน กล่าวว่า ตลอดเวลาที่ผ่านมาปัญหากัญชาเสรีไร้กรอบนั้นภาครัฐพยายามพูดอยู่แค่ 2 ประเด็นคือ กัญชาเสรีเป็นประโยชน์ทางการแพทย์ และกัญชาเสรีดีต่อเศรษฐกิจ ซึ่งประเด็นการใช้เพื่อประโยชน์ทางการแพทย์นั้น ใช้ในการรักษากันมาก่อนหน้านี้แล้วและหากคิดว่า อยากส่งเสริมประโยชน์การแพทย์จริง ก็ควรส่งเสริมโครงการ 30 บาทรักษาทุกโรค เอางบประมาณมาอุดหนุนบัญชียาแห่งชาติ เพิ่มงบโรงพยาบาลและบุคลากรทางการแพทย์น่าจะเป็นประโยชน์และชัดเจนกว่า
นายสุทิน กล่าวต่อว่า ส่วนด้านเศรษฐกิจนั้น วันนี้ยังไม่เห็นตัวเลขส่งออกที่ชัดเจนเลยว่าประโยชน์จากเรื่องนี้คำนวณออกมาได้เท่าไรและส่งออกได้จริงหรือไม่ เพราะทั่วโลกยังบอกว่ากัญชาคือยาเสพติด ถ้าส่งออกไม่ได้ ก็จะกลายเป็นกัญชาวนเวียนกันอยู่ในประเทศ งบประมาณที่ต้องรักษาผู้เสพ รวมไปถึงภาพลักษณ์ประเทศ ถ้าหักลบกลบหนี้กันกับความเสื่อมโทรมของสังคมแล้ว จึงไม่แน่ใจว่า ได้คุ้มเสียหรือไม่
“วันนี้ถึงขนาดเอาต้นกัญชามาเดินแจกกันในหมู่บ้าน บอกว่า 6 เดือนตัดขายได้ เดี๋ยวพอถึงเวลาขายไม่ได้จริงโดนเขาต้ม กัญชาที่ปลูกไว้ ก็จะวนกลับมาเสพกันเองในครอบครัว คราวนี้กัญชาจะได้วนอยู่ในบ้านในชุมชนเป็นนโยบายที่จะสร้างบาปมโหฬาร และสุดท้าย สังคมก็จะเรียกร้องให้กัญชากลับไปเป็นยาเสพติดเหมือนเดิม” นายสุทิน กล่าว
ด้าน นพ.สุรวิทย์ กล่าวว่า ตั้งแต่เริ่มปลดล็อกกัญชา ในช่วงเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา แต่กลับไม่มีกฎหมายรองรับ ทำให้สถิติผู้ป่วยจากการเสพกัญชา เข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลจำนวนมากขึ้น มีตั้งแต่หลอน เมากัญชา จนถึงขั้นรุนแรง ต้องรับไว้รักษาตัวในโรงพยาบาล ต้องใช้แพทย์บุคลากรสาธารณสุขและงบประมาณจำนวนมากในการรักษา ขอเรียกร้องให้ภาครัฐเปิดเวทีรับฟังความเห็นของบุคลากรด้านการแพทย์โดยตรง เพื่อจะได้รู้ถึงปัญหาแท้จริงมากกว่าการฟังหมอการเมือง โดยไม่ฟังเสียงจากหมอมืออาชีพ
ขณะที่ น.ส.กิตติ์ธัญญา กล่าวว่า ปัญหาจริงที่พบในพื้นที่คือ ครอบครัวและชุมชนได้รับผลกระทบรุนแรงตั้งแต่เปิดกัญชาเสรี เช่นหมู่บ้านหนึ่ง ในจังหวัดอุบลราชธานี มีเด็กและวัยรุ่นรวมตัวเสพกัญชาโดยที่พ่อแม่ออกไปทำงานไม่ทราบเรื่อง เมื่ออาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) ตรวจพบ ก็ห้ามไม่ได้ กำนันผู้ใหญ่บ้านก็บอกว่าไม่รู้จะห้ามอย่างไร พอแจ้งเตือนไปยังพ่อแม่ ก็กลายเป็นทะเลาะเบาะแว้งกันในครอบครัว ลามออกมาถึงหมู่บ้านชุมชน เป็นตัวอย่างจริงที่เห็นชัด ดังนั้นจึงไม่ควรเอาอนาคตของเยาวชนไทยไปแลกกับผลประโยชน์และคะแนนเสียงทางการเมืองของพรรคการเมืองเช่นนี้
ด้าน นายจิรายุ กล่าวว่า นโยบายกัญชาเสรีขณะนี้ คือนโยบายตายเอาดาบหน้า เพราะไม่มีมาตรการรองรับ ภาพลักษณ์ความเชื่อมั่นขอคนไทยไปต่างประเทศเสียหาย วันนี้คนไทยถือพาสปอร์ตไทยไปต่างประเทศ ถูกจับตรวจกระเป๋าเดินทาง โดนจับตรวจสารเสพติดในร่างกาย ประเด็นอ่อนไหวสะท้อนถึงการยอมรับนโยบายกัญชาเสรีของไทยมากน้อยเพียงไร รัฐบาลเคยคิดหรือไม่ จึงมีคำถามว่าควรยกเลิกหรือไม่ ถ้ายังไม่ยกเลิก ควรจะแขวนนโยบายกัญชาเสรีไว้ชั่วคราว รอให้มาตรการพร้อม ทุกคนเข้าใจ วันไหนพร้อมค่อยประกาศเสรีอีกครั้ง
ต้องจบในชาตินี้! กลุ่มชาติพันธุ์ ยื่นก้าวไกล 3 ข้อเรียกร้อง เร่งคุ้มครองสิทธิ
https://www.khaosod.co.th/politics/news_7204515
กลุ่มชาติพันธุ์ปลดแอก ยื่น 3 ข้อเรียกร้องถึงพรรคก้าวไกล ยันถอนรากถอนโคนปัญหาชาติพันธุ์ ออกกม.คุ้มครองสิทธิ์ ‘พิธา’รับข้อเรียกร้อง พร้อมดำเนินการ
เมื่อวันที่ 9 ส.ค. 2565 ที่สำนักบริการวิชาการ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ กลุ่มชาติพันธุ์ปลดแอก ในนามคนรุ่นใหม่กลุ่มชาติพันธุ์และนักกิจกรรมทางสังคม เข้ายื่นหนังสือถึงนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ในงานเปิดนโยบายชาติพันธุ์ก้าวไกล ชู 3 เจตนารมณ์และข้อเรียกร้องแก้ปัญหาชาติพันธุ์อย่างถอนรากถอนโคน
นายลิขิต พิมานพนา ผู้แทนกลุ่มชาติพันธุ์ปลดแอก กล่าวว่า กลุ่มชาติพันธุ์ถูกละเมิดสิทธิความเป็นคนอย่างน้อย 6 สิทธิ ไม่ว่าจะเป็นสิทธิทางวัฒนธรรมและการศึกษา สิทธิในการจัดการที่ดินและทรัพยากรธรรมชาติ สิทธิในสัญชาติและการกำหนดตนเอง สิทธิในความเสมอภาคและไม่ถูกเลือกปฏิบัติ สิทธิในการมีส่วนร่วม รวมถึงสิทธิในการเข้าถึงบริการขั้นพื้นฐานจากรัฐ คุณภาพชีวิตของกลุ่มชาติพันธุ์บนผืนแผ่นดินนี้ก็ไม่ต่างอะไรจากการเป็นพลเมืองชั้นสอง มีค่าแค่ในสวนสัตว์มนุษย์ ให้คนเมืองได้รับชมรื่นเริงใจ หาใช่เคารพในความต่างของกลุ่มชาติพันธุ์อย่างแท้จริง
แม้ที่ผ่านมารัฐบาลจะมีแนวนโยบาย แต่ยังมีผลกระทบทั้งทางตรงและทางอ้อมต่อกลุ่มชาติพันธุ์ สอดแทรกอยู่ในกฎหมายและนโยบายต่างๆ ทั้งในและนอกประเทศที่กล่าวถึงการคุ้มครองสิทธิกลุ่มชาติพันธุ์ เช่น ปฏิญญาสหประชาชาติว่าด้วยสิทธิชนเผ่าพื้นเมือง มติครม.วันที่ 2 มิ.ย. 2553 มติครม.วันที่ 3
ส.ค. 2553 รัฐธรรมนูญ 2560 มาตรา 70 และแผนปฏิรูปประเทศด้านสังคม แต่รัฐบาลไทยกลับยังไม่ตระหนักถึงการคืนความเป็นคนแก่กลุ่มชาติพันธุ์อย่างแท้จริง ทุกกฎหมายและนโยบายที่ออกมานั้น กระทบต่อกลุ่มชาติพันธุ์ทั้งทางตรงและทางอ้อม โดยเฉพาะหลังการทำรัฐประหารในปี 2557 สถานการณ์ที่เกิดขึ้นกับกลุ่มชาติพันธุ์ทั่วประเทศรุนแรงขึ้นเป็นอย่างมาก
ผู้แทนกลุ่มชาติพันธุ์ปลดแอก กล่าวต่อว่า ตนขอนำเสนอเจตนารมณ์และข้อเรียกร้องของเรา ถึงพรรคก้าวไกล ในฐานะพรรคฝ่ายค้าน ที่พยายามผลักดันนโยบายด้านชาติพันธุ์เป็นพรรคแรก เพื่อให้รับไว้พิจารณาและทบทวนรายละเอียดบางส่วนสู่การแก้ไขปัญหาชาติพันธุ์อย่างถอนรากถอนโคน ควบคู่กับการสร้างฐานทางนโยบายรองรับ โดยมีเจตนารมณ์ดังนี้
1. กฎหมายเพื่อส่งเสริมศักยภาพ และคุ้มครองสิทธิของกลุ่มชาติพันธุ์ ถือเป็นแนวนโยบายขั้นแรกที่ทุกภาคส่วนต้องร่วมกันผลักดันให้เป็นไปตามเจตนารมณ์ของกลุ่มชาติพันธุ์และชนเผ่าพื้นเมืองในประเทศไทยโดยเร่งด่วน
2. ต้องปลดแอกมรดกสงครามเย็นออกจากนโยบายและกฎหมายทั้งหมด อาทิ พ.ร.บ.อุทยานแห่งชาติ พ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า นโยบายคณะกรรมการป่าไม้แห่งชาติ รวมถึงพ.ร.บ.สัญชาติ เป็นต้น
3. รัฐไทยและทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง จะต้องรับผิดชอบต่อทุกการกระทำ การผลิตซ้ำมายาคติเชิงลบ ทุกการกดขี่ ทุกโศกนาฏกรรมที่เกิดขึ้นกับกลุ่มชาติพันธุ์ อย่างน้อยคือ การออกมาขอโทษกลุ่มชาติพันธุ์ด้วยความจริงใจและสำนึกผิด และการร่วมผลักดันให้เกิดปฏิบัติการตามข้อ 1 และ 2 โดยการมีส่วนร่วมของประชาชนกลุ่มชาติพันธุ์และชนเผ่าพื้นเมือง
“เราเห็นว่า ฐานทางนโยบายมีความจำเป็น แต่เรายังยืนยันว่าการแก้ไขปัญหาชาติพันธุ์นั้น ต้องเป็นไปอย่างถอนรากถอนโคน ในนามคนรุ่นใหม่ผู้เป็นทั้งปัจจุบันและอนาคตของกลุ่มชาติพันธุ์ ยืนยันว่าการปลดแอกชาติพันธุ์ ต้องจบในชาตินี้” กลุ่มชาติพันธุ์ปลดแอกย้ำ
ด้านนายพิธา กล่าวว่า ตนเห็นด้วยกับเนื้อหาตามหนังสือและข้อเรียกร้องทั้งหมด และรับจะนำไปพิจารณาดำเนินการต่อไป
คนกรีดยางเมืองคอน เตรียมเป่านกหวีด แฉยางอัดแท่งยัดไส้ คาใจเกรดต่ำราคาสูงกว่ายางเกรด 1
https://www.matichon.co.th/region/news_3497721
คนกรีดยางเมืองคอน เตรียมเป่านกหวีด แฉยางอัดแท่งยัดไส้ คาใจเกรดต่ำราคาสูงกว่ายางเกรด 1
วันที่ 9 สิงหาคม 2565 ผู้สื่อข่าวรายงานสถานการณ์ราคายางพารา ณ ตลาดกลางยางพารานครศรีธรรมราช พบว่า ตลอดช่วง สัปดาห์ที่ผ่านมา ราคายางแผ่นดิบตกลงมา 1-2 บาท ขณะที่ราคาน้ำยางสดยังลดลงอย่างต่อเนื่อง
นายมนัส บุญพัฒน์ นายกสมาคมคนกรีดยางและชาวสวนยางรายย่อย กล่าวว่า มีเรื่องตลกเกิดขึ้นอีกแล้ว เรื่องแรก ราคายางพารา ทั้งยางแผ่นดิบ น้ำยาง เศษยางราคาตกลงมาอีก 1-3 บาท แล้วแต่ละพื้นที่ เงินออกจากกระเป๋าอย่างต่ำอีก 1 บาท ทำให้หลายรายต่างกระสับกระส่ายนั่งไม่ติด ราคาซื้อหน้าสวน ราคาลานเทรับซื้อ ราคากลุ่มวิสาหกิจ หรือกลุ่มโรงรมยางก็ทำไม่ถูก ขณะที่ราคาซื้อขายล่วงหน้าราคาไม่ต่ำกว่า 63 บาทอย่างแน่นอน
เรื่องที่สอง มีบริษัทเอกชนเข้ามากว้านซื้อยางแผ่นดิบรมควันฟองอากาศ ซึ่งเป็นยางที่ไม่เรียบสวย เป็นวงด่างๆจากการรมควันไม่ทั่วถึง เป็นวงกลมสีขาวๆบนยาวแผ่น ซึ่งเป็นยางเกรดที่ 4 ถามว่ากว้านซื้อไปทำอะไร ซื้อไปเพื่อเป็นแกนกลางในก้อนยางอัดแท่งของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการส่งออกยาง วิธีการแบบนี้ทำมาแทบทุกครั้งที่ภาครัฐมีโครงการขายยาง
ทำไมหรือเมื่อยางเหล่านี้ถูกซื้อแล้วนำมาวางกองรวมในสต็อก และในที่สุดพอนานเข้า ยางก็จะเสียและเน่าในที่สุด ก็เหมือนกับที่ผ่านๆมามียางแท่งเน่าในโกดังก่อนส่งออก ถามว่ารู้กันหรือไม่เค้าทราบกันแต่ไม่มีใครพูด เนื่องจากต่างคนต่างรู้กัน
แม้กระทั่งการซื้อยางจากประเทศเพื่อนบ้าน ก็เอามาสวมแบบนี้เหมือนกัน ซื้อยางถูกมาสวมยางแพงกลไกนี้มีมาก ยางอัดแท่งด้านในไม่มีใครมาตรวจสอบอยู่แล้ว ที่สำคัญ บริษัทที่กว้านรับซื้อยางแผ่นรมควันฟองอากาศเป็นบริษัทเดียวกันที่รับจ้างอัดแท่งยางแผ่นรมควันของหน่วยงานภาครัฐ ผมไม่รู้ว่าหน่วยไหน แต่ชาวสวนยางเมืองคอนรู้กันทั้งนั้น
“ผมดูว่า หากราคายางเกรดต่ำสูงกว่ายางแผ่นรมควันชั้น 1 คงต้องเป่านกหวีดเรียกชาวสวนยางที่พร้อมออกมาช่วยประจานการทำงานของหน่วยวานที่เกี่ยวข้องกันบ้าง การรวมพลคนั้งนี้ไม่บังคับใคร ใครว่ก็มา ช่วยกันประจานความไม่รู้ของหน่วยงานภาครัฐ”
นายมนัส กล่าว คณะกรรมการกำหนดราคากลางของการยางแห่งประเทศไทย ช่วยออกแรงทำงานหน่อย ช่วยดูช่วยทำราคาให้มันเหมาะสมกับที่ควรจะเป็น ในภาวะที่เศรษฐกิจค่าครองชีพของคนหาเช้ากินค่ำกำลังเดือดร้อน สินค้าทุกชนิดแพง ฝนตกชุก เงินหายาก แต่การประมูลซื้อขายยางผ่านตลาดกลางของกยท.มันทิ้งระยะห่างจากราคายางส่งออก(FOB)จนเกินจริง แล้วไม่ลงมือคิดและทำอะไรได้กันบ้างหรือ
การให้มีคณะกรรมการกลางฯและทำหน้าที่ตามระเบียบข้อกำหนดกฎกติกาต่างๆที่เขียนไว้ ในเมื่อบางสิ่งบางอย่างมันไม่ยุติธรรมให้กับเกษตรกรชาวสวนยางส่วนใหญ่ บรรดาท่านทั้งหลายก็ควรต้องคิดหาวิธีใดวิธีหนึ่งเพื่อเปลี่ยนแปลงแก้ไขได้ไม่ใช่หรือ?
ราคายางที่ขายไปต่างประเทศมันเอาเปรียบราคายางที่ซื้อขายกันภายในจากมือผู้ผลิต (สถาบัน+วิสาหกิจ+เอกชนรายย่อย) มากเกินควร และก็ส่งผลถึงราคาน้ำยางสดซึ่งเป็นรายได้หลักของเกษตรกรชาวสวนยางและคนกรีดยาง ช่วยสำนึกในหน้าที่กันหน่อยครับบรรดาท่านใต้เท้าทั้งหลาย
ผู้สื่อข่าวรายงาน ราคาตลาดกลางยางพาราเมื่อวันที่ 8 สิงหาคมที่ผ่านมา พบว่า ราคายางแผ้นดิบชั้น 3 ราคา กก.ละ 54.09 บาท ราคายางแผ่นดินชั้น 4 ไม่มี ราคายางแผ่นดิบชั้น 5 ไม่มี ขณะที่ราคายางแผ่นดินฟองอากาศ กก ละ 54.53 บาท
ส่วนราคายางพาราประจำวันที่ 9 สิงหาคม 2565 พบว่า ราคายางแผ้นดิบชั้น 3 ราคา กก.ละ 54.00 บาท ราคายางแผ่นดินชั้น 4 ราคา กก.ละ 53.24 บาทราคายางแผ่นดิบชั้น 5 ไม่มี ขณะที่ราคายางแผ่นดินฟองอากาศ กก ละ 53.09 บาท และตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมาราคายางแผ่นรมควันฟองอากาศจะมีราคาสูงกว่า ราคายางแผ่นรมควันชั้น 3-5