กระอักเลือด! ชาวสวนลำไยเชียงใหม่ โอดราคาตกต่ำ จ้างคนขึ้นไม่คุ้มค่าแรง ต้องปล่อยให้เน่าคาต้น
https://ch3plus.com/news/economy/morning/303779
วานนี้ (วันที่ 1 ก.ค.) นาย
ธนโชติ ไชยมาตร์ เกษตรกรชาวสวนลำไย บ้านแคว อ.สารภี พาผู้สื่อข่าวลงพื้นที่สวนลำไย ที่ปลูกไว้กว่า 6 ไร่รวมทั้งหมดกว่า 200 ต้นในพื้นที่บ้านท่ากว้าง ซึ่งผลผลิตลำไย มีขนาดใหญ่ บางส่วนกำลังเน่าเสีย และเริ่มออกรากขึ้นหัว หลังจากปีนี้ตัดสินใจไม่เก็บเกี่ยวผลผลิตปล่อยลำไยทิ้งไว้ตามยถากรรม หลังจากลำไยราคาตกต่ำอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ต้นฤดูเกี่ยวเกี่ยวล่าสุดเมื่อวานนี้ราคาลำไยร่วงเกรด AA ราคาลดลงเหลือกิโลกรัมล่ะ 11 บาท ส่วนเกรด A เหลือกิโลฯล่ะ 4 บาท ส่วน B กิโลฯล่ะ 2 บาท ขณะที่เกรด C ล้งลำไยไม่รับซื้อตั้งแต่ต้นฤดู
นาย
ธนโชติ เปิดเผยว่าตั้งแต่ช่วงต้นฤดูเกี่ยวเกี่ยวทำให้พอได้เงินบ้าง แต่มาปีนี้ถึงแม้ว่าขนาดผลลำไย ค่อนข้างจะลูกใหญ่ แต่ราคาลำไย กลับตกต่ำตั้งแต่ต้นฤดู เมื่อคำนวณค่าแรง กับราคาลำไย ที่ต้องใช้คนงานขึ้นลำไยถึง 2 คนค่าแรงคนล่ะ 500 บาท และคนงานคัดแยกลำไย อีก 3 คนค่าจ้างคนล่ะ 300 บาทตนจึงปล่อยลำไยไว้คาต้นจนบางส่วนเน่าและและเริ่มออกรากขึ้นหัว หากดึงดันเก็บลำไยก็คงจะขาดทุนซ้ำสองจากการขายอีก จึงตัดสินใจเลิกเก็บปล่อยให้ลำไยเน่าคาต้น ประกอบกับปีนี้ทางล้ง รับซื้อลำไยหลายแห่งปิดรับซื้อลำไยแบบมัดจุก และแบบใส่ตะกร้า มีบางส่วนเท่านั้นที่รับซื้อลำไยกับชาวสวนที่สมาชิก ทำให้เกษตรกรไม่มีทางเลือกหากเก็บลำไยขายก็ขาดทุนจึงยอมปล่อยผลลำไยทิ้งไว้ให้ร่วงตกลงเอง
นาย
ธนโชติ กล่าวเพิ่มเติม ถึงต้นทุนในการผลิตลำไย เฉลี่ยจะอยู่ที่ไร่ล่ะ 4-5 บาทหลังจากปีนี้ราคาปุ๋ย เพิ่มสูงขึ้นจากปีที่ผ่านมา 2-3 เท่าตัว จากการคำนวณราคาลำไย ปัจจุบันหากเก็บลำไยไปขายคาดว่าจะขายได้ไม่เกิน 6 พันบาทต่อไร่นี่ยังไม่รวมที่ต้องจ่ายค่าแรงคนงานอีกวันล่ะเกือบ 2 พันบาท ซึ่งจะเห็นได้ว่าราคาลำไย กับค่าแรงสวนทางกันอย่างชัดเจน อย่างไรก็ตามตนอยากให้ภาครัฐเข้ามาดูแลเรื่องราคาลำไย
นาย
คำแสน กล่าวเพิ่มเติมว่าตั้งแต่ฤดูการเก็บเกี่ยวผลผลิตลำไยช่วงปลายเดือนมิถุนายน เป็นต้นมามีชาวสวนลำไย ติดต่อขายต้นลำไย เป็นจำนวนมาก เจ้าของสวนบางส่วนจะปลูกพืชผัก สวนบางส่วนจะจัดสรรเพื่อขายทำบ้านจัดสรร ทำให้ตนและคนงานต้องตัดต้นลำไยป้อนโรงงานทุกวันซึ่งเฉลี่ยแล้วนำฟืนส่งโรงงานวันล่ะ 12 ตันต่อวันที่ผ่านมาส่งตัดต้นลำไยเป็นฟืนส่งให้โรงงานไปแล้วกว่า 300 ตันแล้ว
รับชมผ่านยูทูปได้ที่ :
https://youtu.be/NH0ohkV35s0
น้ำตาลแพงกระทบขนมไทย ร้านแบกต้นทุน-ตรึงราคา อนาคตปรับขึ้นบิด-ลดปริมาณ
https://www.khaosod.co.th/around-thailand/news_7192635
ขอนแก่น น้ำตาลแพง กระทบร้านขายขนมไทย แม่ค้ายันยังแบกต้นทุนไหว ตรึงราคาจำหน่ายต่อไปเนื่องจากการค้าขายเริ่มดีขึ้น อนาคตราคายังขึ้นอยู่ อาจปรับขึ้นนิดหน่อย หรือลดปริมาณลง
2 ส.ค. 65 – ภายหลังจากที่ราคาน้ำตาลปรับขึ้นกิโลกรัมละ 1 บาท โดยมีผลมาตั้งแต่วันที่ 1 ส.ค.ที่ผ่านมาทำให้ร้านค้าต่างๆ ต้องแบกรับภาระต้นทุนมากขึ้น โดยเฉพาะที่ร้านขนมไทยเรไร ซึ่งตั้งอยู่ภายในตลาดโต้รุ่งร่วมจิตร เขตเทศบาลนครขอนแก่นซึ่งพบว่าได้รับผลกระทบโดยตรงอย่างมาก เนื่องจากส่วนผสมหลักของขนมหวานคือน้ำตาล
นาย
เทพรักษ์ บุญรักษา อายุ 45 ปี เจ้าของร้านขนมไทยเรไร กล่าวว่า จากการปรับราคาน้ำตาล1 บาท ต่อ กิโลกรัมมีผลกับร้านขนมไทยแน่นอนเพราะปัจจัยหลักในการทำขนมหวานคือน้ำตาล ทำให้ขณะนี้ผู้ประกอบการหลายร้านต้องรับภาระต้นทุนที่เพิ่มขึ้น
แต่ร้านยังไม่มีขึ้นราคาจำหน่ายหรือลดปริมาณขนมลงเพราะยังรับภาระต้นทุนในขณะนี้ได้ แต่อนาคตถ้าราคายังขึ้นอยู่ และไม่มีท่าทีที่จะปรับตัวลง อาจจะมีการปรับราคาขึ้นนิดหน่อย หรือไม่อาจจะลดปริมาณลงให้เหมาะสมกับราคาที่ขาย
“อยากจะฝากไปยังบริษัทน้ำตาลและรัฐบาลหรือผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง ว่าควรที่จะพยุงราคาไว้อีกสักระยะเพราะสถานการณ์ค้าขายกำลังดีขึ้น จึงอยากให้ช่วยเหลือพ่อค้าแม่ค้าด้วย ซึ่งร้านใช้น้ำตาลเป็นส่วนประกอบหลักของขนมไทยกว่า 10 ชนิด
ไม่ว่าจะเป็น ทองหยอด ทองหยิบ ฝอยทอง เม็ดขนุน ข้าวเหนียวแก้ว ข้าวเหนียวแดง กระยาสารท ขนมต้มแดง ต้มขาว ขนมตาล ขนมหม้อแกงและ ขนมชั้น ก็ยังคงตรึงราคาจำหน่ายในราคาเริ่มต้นชุดละ 10 บาทเท่าเดิม”
ส.ส.-ส.ก.เพื่อไทย ลุยน้ำท่วม ประสาน กทม.เร่งระบายน้ำช่วยเหลือประชาชน
https://www.matichon.co.th/politics/news_3484961
นาย
พลภูมิ วิภัติภูมิประเทศ ส.ส.กทม. พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า คืนวันที่ 1 ส.ค. ที่ผ่านมาฝนตกมาอย่างหนักทั้วทั้ง กทม. จึงเป็นปกติที่น้ำระบายไม่ทันจนเกิดน้ำท่วมขัง ซึ่งเป็นเรื่องที่ตนและทีม ส.ก.พรรคเพื่อไทย เตรียมความพร้อมช่วยเหลือประชาชนอยู่ตลอด โดยคืนที่ผ่านมา ตน รวมถึง ส.ก.ของพรรคเพื่อไทย ทั้ง นางชญาดา วิภัติภูมิประเทศ ส.ก.คันนายาว นาย
เนติภูมิ มิ่งรุจิราลัย ส.ก.บึงกุ่ม น.ส.
มธุรส เบนท์ ส.ก.สะพานสูง น.ส.
นภัสสร พละระวีพงศ์ ส.ก.บางกะปิ นาย
สุรจิตต์ พงษ์สิงห์วิทยา ส.ก.ลาดกระบัง รวมถึง นาย
พงศกร รัตนเรืองวัฒนา ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.กทม.เขตบางกะปิ พรรคเพื่อไทย ได้ลงพื้นที่ตามชุมชนที่มีน้ำท่วมขังเป็นประจำเพื่อเร่งรัดการระบายน้ำในพื้นที่ด้วยการประสานให้ กทม. เร่งเปิดเครื่องสูบน้ำเพื่อให้น้ำลดลงเร็วที่สุด รวมถึงคอยช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากน้ำท่วมขัง แจกจ่ายยาป้องกันน้ำกัดเท้าสำหรับบ้านเรือนประชาชนที่ยังไม่สามารถระบายน้ำออกจากบ้านได้ อีกทั้งยังเร่งประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจให้อำนวยความสะดวกในการสัญจรของประชาชน เมื่อปัญหาที่เกิดขึ้นเป็นสิ่งที่เราคาดการณ์ไว้แล้วจึงสามารถลงมือช่วยเหลือประชาชนได้อย่างทันที ก็หวังว่าเมื่อเรามีผู้ว่าฯ กทม.คนใหม่ปัญหาเหล่านี้ที่เป็นปัญหาเรื้อรังจะได้รับการแก้ไขในระยะยาวเพื่อให้ปัญหาเหล่านี้หมดไป ยืนยันพวกตนทีมเพื่อไทยในพื้นที่ กทม.ที่อาสามารับใช้พี่น้องประชาชน จะขอทำหน้าที่ตัวเองให้ดีที่สุดเพื่อความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นของคน กทม.
JJNY : ชาวสวนลำไยเชียงใหม่โอดราคาต่ำ│น้ำตาลแพงกระทบขนมไทย│ส.ส.-ส.ก.เพื่อไทยลุยน้ำท่วมช่วยปชช.│เผยเพโลซีมีแผนเยือนไต้หวัน
https://ch3plus.com/news/economy/morning/303779
วานนี้ (วันที่ 1 ก.ค.) นายธนโชติ ไชยมาตร์ เกษตรกรชาวสวนลำไย บ้านแคว อ.สารภี พาผู้สื่อข่าวลงพื้นที่สวนลำไย ที่ปลูกไว้กว่า 6 ไร่รวมทั้งหมดกว่า 200 ต้นในพื้นที่บ้านท่ากว้าง ซึ่งผลผลิตลำไย มีขนาดใหญ่ บางส่วนกำลังเน่าเสีย และเริ่มออกรากขึ้นหัว หลังจากปีนี้ตัดสินใจไม่เก็บเกี่ยวผลผลิตปล่อยลำไยทิ้งไว้ตามยถากรรม หลังจากลำไยราคาตกต่ำอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ต้นฤดูเกี่ยวเกี่ยวล่าสุดเมื่อวานนี้ราคาลำไยร่วงเกรด AA ราคาลดลงเหลือกิโลกรัมล่ะ 11 บาท ส่วนเกรด A เหลือกิโลฯล่ะ 4 บาท ส่วน B กิโลฯล่ะ 2 บาท ขณะที่เกรด C ล้งลำไยไม่รับซื้อตั้งแต่ต้นฤดู
นายธนโชติ เปิดเผยว่าตั้งแต่ช่วงต้นฤดูเกี่ยวเกี่ยวทำให้พอได้เงินบ้าง แต่มาปีนี้ถึงแม้ว่าขนาดผลลำไย ค่อนข้างจะลูกใหญ่ แต่ราคาลำไย กลับตกต่ำตั้งแต่ต้นฤดู เมื่อคำนวณค่าแรง กับราคาลำไย ที่ต้องใช้คนงานขึ้นลำไยถึง 2 คนค่าแรงคนล่ะ 500 บาท และคนงานคัดแยกลำไย อีก 3 คนค่าจ้างคนล่ะ 300 บาทตนจึงปล่อยลำไยไว้คาต้นจนบางส่วนเน่าและและเริ่มออกรากขึ้นหัว หากดึงดันเก็บลำไยก็คงจะขาดทุนซ้ำสองจากการขายอีก จึงตัดสินใจเลิกเก็บปล่อยให้ลำไยเน่าคาต้น ประกอบกับปีนี้ทางล้ง รับซื้อลำไยหลายแห่งปิดรับซื้อลำไยแบบมัดจุก และแบบใส่ตะกร้า มีบางส่วนเท่านั้นที่รับซื้อลำไยกับชาวสวนที่สมาชิก ทำให้เกษตรกรไม่มีทางเลือกหากเก็บลำไยขายก็ขาดทุนจึงยอมปล่อยผลลำไยทิ้งไว้ให้ร่วงตกลงเอง
นายธนโชติ กล่าวเพิ่มเติม ถึงต้นทุนในการผลิตลำไย เฉลี่ยจะอยู่ที่ไร่ล่ะ 4-5 บาทหลังจากปีนี้ราคาปุ๋ย เพิ่มสูงขึ้นจากปีที่ผ่านมา 2-3 เท่าตัว จากการคำนวณราคาลำไย ปัจจุบันหากเก็บลำไยไปขายคาดว่าจะขายได้ไม่เกิน 6 พันบาทต่อไร่นี่ยังไม่รวมที่ต้องจ่ายค่าแรงคนงานอีกวันล่ะเกือบ 2 พันบาท ซึ่งจะเห็นได้ว่าราคาลำไย กับค่าแรงสวนทางกันอย่างชัดเจน อย่างไรก็ตามตนอยากให้ภาครัฐเข้ามาดูแลเรื่องราคาลำไย
นายคำแสน กล่าวเพิ่มเติมว่าตั้งแต่ฤดูการเก็บเกี่ยวผลผลิตลำไยช่วงปลายเดือนมิถุนายน เป็นต้นมามีชาวสวนลำไย ติดต่อขายต้นลำไย เป็นจำนวนมาก เจ้าของสวนบางส่วนจะปลูกพืชผัก สวนบางส่วนจะจัดสรรเพื่อขายทำบ้านจัดสรร ทำให้ตนและคนงานต้องตัดต้นลำไยป้อนโรงงานทุกวันซึ่งเฉลี่ยแล้วนำฟืนส่งโรงงานวันล่ะ 12 ตันต่อวันที่ผ่านมาส่งตัดต้นลำไยเป็นฟืนส่งให้โรงงานไปแล้วกว่า 300 ตันแล้ว
รับชมผ่านยูทูปได้ที่ : https://youtu.be/NH0ohkV35s0
น้ำตาลแพงกระทบขนมไทย ร้านแบกต้นทุน-ตรึงราคา อนาคตปรับขึ้นบิด-ลดปริมาณ
https://www.khaosod.co.th/around-thailand/news_7192635
ขอนแก่น น้ำตาลแพง กระทบร้านขายขนมไทย แม่ค้ายันยังแบกต้นทุนไหว ตรึงราคาจำหน่ายต่อไปเนื่องจากการค้าขายเริ่มดีขึ้น อนาคตราคายังขึ้นอยู่ อาจปรับขึ้นนิดหน่อย หรือลดปริมาณลง
2 ส.ค. 65 – ภายหลังจากที่ราคาน้ำตาลปรับขึ้นกิโลกรัมละ 1 บาท โดยมีผลมาตั้งแต่วันที่ 1 ส.ค.ที่ผ่านมาทำให้ร้านค้าต่างๆ ต้องแบกรับภาระต้นทุนมากขึ้น โดยเฉพาะที่ร้านขนมไทยเรไร ซึ่งตั้งอยู่ภายในตลาดโต้รุ่งร่วมจิตร เขตเทศบาลนครขอนแก่นซึ่งพบว่าได้รับผลกระทบโดยตรงอย่างมาก เนื่องจากส่วนผสมหลักของขนมหวานคือน้ำตาล
นายเทพรักษ์ บุญรักษา อายุ 45 ปี เจ้าของร้านขนมไทยเรไร กล่าวว่า จากการปรับราคาน้ำตาล1 บาท ต่อ กิโลกรัมมีผลกับร้านขนมไทยแน่นอนเพราะปัจจัยหลักในการทำขนมหวานคือน้ำตาล ทำให้ขณะนี้ผู้ประกอบการหลายร้านต้องรับภาระต้นทุนที่เพิ่มขึ้น
แต่ร้านยังไม่มีขึ้นราคาจำหน่ายหรือลดปริมาณขนมลงเพราะยังรับภาระต้นทุนในขณะนี้ได้ แต่อนาคตถ้าราคายังขึ้นอยู่ และไม่มีท่าทีที่จะปรับตัวลง อาจจะมีการปรับราคาขึ้นนิดหน่อย หรือไม่อาจจะลดปริมาณลงให้เหมาะสมกับราคาที่ขาย
“อยากจะฝากไปยังบริษัทน้ำตาลและรัฐบาลหรือผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง ว่าควรที่จะพยุงราคาไว้อีกสักระยะเพราะสถานการณ์ค้าขายกำลังดีขึ้น จึงอยากให้ช่วยเหลือพ่อค้าแม่ค้าด้วย ซึ่งร้านใช้น้ำตาลเป็นส่วนประกอบหลักของขนมไทยกว่า 10 ชนิด
ไม่ว่าจะเป็น ทองหยอด ทองหยิบ ฝอยทอง เม็ดขนุน ข้าวเหนียวแก้ว ข้าวเหนียวแดง กระยาสารท ขนมต้มแดง ต้มขาว ขนมตาล ขนมหม้อแกงและ ขนมชั้น ก็ยังคงตรึงราคาจำหน่ายในราคาเริ่มต้นชุดละ 10 บาทเท่าเดิม”
ส.ส.-ส.ก.เพื่อไทย ลุยน้ำท่วม ประสาน กทม.เร่งระบายน้ำช่วยเหลือประชาชน
https://www.matichon.co.th/politics/news_3484961
นายพลภูมิ วิภัติภูมิประเทศ ส.ส.กทม. พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า คืนวันที่ 1 ส.ค. ที่ผ่านมาฝนตกมาอย่างหนักทั้วทั้ง กทม. จึงเป็นปกติที่น้ำระบายไม่ทันจนเกิดน้ำท่วมขัง ซึ่งเป็นเรื่องที่ตนและทีม ส.ก.พรรคเพื่อไทย เตรียมความพร้อมช่วยเหลือประชาชนอยู่ตลอด โดยคืนที่ผ่านมา ตน รวมถึง ส.ก.ของพรรคเพื่อไทย ทั้ง นางชญาดา วิภัติภูมิประเทศ ส.ก.คันนายาว นายเนติภูมิ มิ่งรุจิราลัย ส.ก.บึงกุ่ม น.ส.มธุรส เบนท์ ส.ก.สะพานสูง น.ส.นภัสสร พละระวีพงศ์ ส.ก.บางกะปิ นายสุรจิตต์ พงษ์สิงห์วิทยา ส.ก.ลาดกระบัง รวมถึง นายพงศกร รัตนเรืองวัฒนา ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.กทม.เขตบางกะปิ พรรคเพื่อไทย ได้ลงพื้นที่ตามชุมชนที่มีน้ำท่วมขังเป็นประจำเพื่อเร่งรัดการระบายน้ำในพื้นที่ด้วยการประสานให้ กทม. เร่งเปิดเครื่องสูบน้ำเพื่อให้น้ำลดลงเร็วที่สุด รวมถึงคอยช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากน้ำท่วมขัง แจกจ่ายยาป้องกันน้ำกัดเท้าสำหรับบ้านเรือนประชาชนที่ยังไม่สามารถระบายน้ำออกจากบ้านได้ อีกทั้งยังเร่งประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจให้อำนวยความสะดวกในการสัญจรของประชาชน เมื่อปัญหาที่เกิดขึ้นเป็นสิ่งที่เราคาดการณ์ไว้แล้วจึงสามารถลงมือช่วยเหลือประชาชนได้อย่างทันที ก็หวังว่าเมื่อเรามีผู้ว่าฯ กทม.คนใหม่ปัญหาเหล่านี้ที่เป็นปัญหาเรื้อรังจะได้รับการแก้ไขในระยะยาวเพื่อให้ปัญหาเหล่านี้หมดไป ยืนยันพวกตนทีมเพื่อไทยในพื้นที่ กทม.ที่อาสามารับใช้พี่น้องประชาชน จะขอทำหน้าที่ตัวเองให้ดีที่สุดเพื่อความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นของคน กทม.