JJNY : 5in1 สภาล่มอีกแล้ว!│โพลซีอีโอส.อ.ท.│พท.ประณามแก้สูตรลต.│กก.แฉสตช.ขอซื้อสปายแวร์│มินอ่องลายอาจเตรียมประหารอีก 41

สภาล่มอีกแล้ว! องค์ประชุมไม่ครบ ปธ.ชวน หลุดขำ กรีดสมาชิก‘เก็บหอมรอมริบ’
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_7184760
 
 
ประชุมร่วมรัฐสภา ทุลักทุเล สุดท้ายล่ม องค์ประชุมไม่ครบ ชวน ถึงกลับหลุดขำ กรีดสมาชิก ส.ส.-ส.ว. เหมือนค่อยๆ เก็บหอมรอมริบ ต้องสั่งปิดแบบคาราคาซัง
  
เมื่อวันที่ 27 ก.ค.2565 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมร่วมรัฐสภา เพื่อพิจารณาร่างพ.ร.บ.การปฏิบัติราชการทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. …. ซึ่งคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาเสร็จแล้ว โดยการพิจารณาในวาระ 2 เป็นรายมาตรานั้น การโหวตแต่ละครั้งผ่านเกินครึ่ง หรือ 364 เสียง มาไม่ถึง 10 เสียง และในการลงมติในวาระ 3 มีผู้เห็นด้วย 385 เสียง ไม่เห็นด้วยไม่มี งดออกคะแนนเสียง 1 และไม่ลงคะแนน 2 เสียง
 
กระทั่งเวลา 14.00 น. ที่ประชุมได้พิจารณาร่างพ.ร.บ.ว่าด้วยการปรับเป็นพินัย พ.ศ. …. ซึ่งกมธ. พิจารณาเสร็จแล้ว แต่ดูเหมือนว่านายชวน หลีกภัย  ประธานรัฐสภา ทำหน้าที่ประธานการประชุม พยายามจะขอยุติการประชุม แต่นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย (พท.) ลุกขึ้นแสดงความเห็นว่า ยังเหลือเวลาอีกหลายชั่วโมง ซึ่งฝ่ายค้านพร้อมร่วมประชุม และดูแล้วในห้องประชุมมีองค์ประชุมครบ ขอให้เดินหน้าประชุมต่อ
 
จากนั้นที่ประชุม ได้พิจารณาร่างพ.ร.บ.ดังกล่าวต่อ แต่เมื่อถึงช่วงลงมติชื่อร่าง พ.ร.บ. ในมาตรา 1 นายชวน ได้กดออดเรียกสมาชิกแสดงตน เกือบ 20 นาที ทั้งนี้ ในช่วงหนึ่งระหว่างรอสมาชิกขานชื่อเพื่อให้ครบองค์ประชุม นายชวน ถึงขั้นเอ่ยปากว่า “เก็บหอมรอมริบครับ” พร้อมยิ้มและหัวเราะ
 
ขณะที่นายสมชาย แสวงการ ส.ว. ขอให้ประธานนับองค์ประชุมด้วยการขานชื่อ เพราะส.ว.มีความพร้อมเช่นเดียวกับส.ส.ฝ่ายค้าน ขอให้การประชุมเดินหน้าต่อ แต่นายชวน กล่าวว่า องค์ประชุมครบพอดี และพวกเราต้องเสียบบัตรแสดงตน คนที่ขานชื่อ อย่าไปเสียบบัตรซ้ำ เท่าไหร่ก็เท่านั้น เราต้องเอาความเป็นจริงเป็นหลัก ในที่สุดองค์ประชุมมีจำนวน 368 เสียง ถือว่าครบองค์ประชุม
 
จากนั้นจึงลงมติชื่อร่าง พ.ร.บ. ก่อนพิจารณาต่อและลงมติในมาตรา 2 ที่สมาชิกจะขอแก้ระยะเวลาในการใช้บังคับกฎหมายจาก 240 วัน เป็น 180 วัน
 
โดยนายพรเพชร วิชิตชลชัย รองประธานรัฐสภา ที่ทำหน้าที่ประธานการประชุม ได้กดออดเรียกให้ลงมติ พร้อมกล่าวว่า กฎหมายฉบับนี้ยาวมาก และมีคนแปรญัตติจำนวนมาก แต่ตนพร้อมสู้ ดังนั้น ขอความกรุณาสมาชิก ถ้าพร้อมเพรียงกัน ตนไม่ไปไหน
 
จากนั้นนายพรเพชร ได้รอสมาชิกเป็นองค์ประชุมประมาณ 5 นาที แต่ดูเหมือนองค์ประชุมจะไม่ครบ จึงกล่าวว่า จะรอผลว่าจะเอา 180 วัน หรือ 240 วันดี หรือจะไปทราบในการประชุมครั้งหน้า แต่สุดท้ายนายพรเพชร ได้ขอปิดประชุมในเวลา 15.45 น.
 
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับการประชุมรัฐสภาล่ม เพราะมีปัญหาองค์ประชุมนั้น ก่อนหน้านี้เกิดขึ้นมาแล้ว 1 ครั้ง เมื่อวันที่ 5 ก.ค. ระหว่างพิจารณาร่างพ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. (ฉบับที่…) พ.ศ.. ในวาระ 2 เนื่องจากส.ส.ทยอยกลับบ้าน เพราะที่ประชุมได้ใช้เวลาพักการประชุมไปเป็นเวลานาน จนสมาชิกเข้าใจผิดว่าปิดการประชุมไปแล้ว
 


โพลซีอีโอ ส.อ.ท. ชี้ธุรกิจเตรียมรัดเข็มขัดรับมือดอกเบี้ย จี้รัฐออกมาตรการช่วย
https://www.matichon.co.th/economy/news_3475917
 
โพลซีอีโอ ส.อ.ท. ชี้ธุรกิจเตรียมรัดเข็มขัดรับมือดอกเบี้ย จี้รัฐออกมาตรการช่วย เหตุยังไม่ฟื้นจากพิษโควิด
 
นายมนตรี มหาพฤกษ์พงศ์ รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยผลการสำรวจ FTI Poll ครั้งที่ 19 ในเดือนกรกฎาคม 2565 ภายใต้หัวข้อ “ภาคอุตสาหกรรมจะรับมือกับอัตราดอกเบี้ยขาขึ้นอย่างไร” พบว่า จากอัตราเงินเฟ้อที่ระดับ 7.6% ในเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ซึ่งสูงสุดในรอบ 13 ปี และค่าเงินบาทที่อ่อนค่าต่อเนื่อง รวมทั้ง ปัจจัยภายนอกจากทิศทางของธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ที่ส่งสัญญาณเตรียมปรับขึ้นดอกเบี้ยไปถึงระดับ 3.4% ภายในสิ้นปีนี้ ทำให้มีโอกาสที่คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) จะพิจารณาปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายในการประชุมครั้งหน้า เพื่อรักษาส่วนต่างของอัตราดอกเบี้ยในประเทศและต่างประเทศไม่ให้ห่างกันจนมากเกินไป จนไปกระทบต่อการเคลื่อนย้ายเงินทุนและค่าเงินบาท
 
ดังนั้น ผู้บริหาร ส.อ.ท. จึงเสนอว่า กรณี ธปท. มีความจำเป็นในการปรับขึ้นดอกเบี้ยเพื่อรักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ ควรพิจารณาปรับขึ้นดอกเบี้ยอย่างค่อยเป็นค่อยให้เหมาะสมกับสถานการณ์เศรษฐกิจ ณ ขณะนั้น รวมทั้งควรมีมาตรการช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย เนื่องจากบางธุรกิจยังไม่สามารถฟื้นตัวได้อย่างเต็มที่ จากผลกระทบของการแพร่ระบาดของโควิด-19 เช่น มาตรการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ (Soft loan), การสนับสนุนการปรับโครงสร้างหนี้, มาตรการช่วยเหลือทางภาษีทั่วไป เป็นต้น โดย ผู้บริหาร ส.อ.ท. คาดว่าอัตราดอกเบี้ยนโยบายของไทย ณ
ปี 2566 จะอยู่ที่ระดับ 0.75 – 1.00% เพื่อที่จะรักษาทิศทางการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจไทย
 
ในส่วนของค่าเงินบาทที่อ่อนค่าต่อเนื่อง ผู้บริหาร ส.อ.ท. มองว่า ถึงแม้การอ่อนค่าของเงินบาทจะช่วยส่งเสริมขีดความสามารถด้านราคาในการส่งออกสินค้าไทย แต่อีกมุมหนึ่งก็ส่งผลกระทบทำให้ต้นทุนพลังงาน สินค้าและวัตถุดิบที่ต้องนำเข้าปรับตัวสูงขึ้นจนกระทบต่อต้นทุนการผลิตสินค้า ซึ่งภาครัฐควรให้ความสำคัญในการกำกับดูแลการเคลื่อนไหวค่าเงินบาท และมาตรการป้องปรามหรือจำกัดการเก็งกำไรค่าเงินบาท เพื่อรักษาเสถียรภาพค่าเงินบาทและภาวะเศรษฐกิจในภาพรวม โดยค่าเงินบาทที่เหมาะสนกับการดำเนินธุรกิจควรอยู่ที่ระดับ 32 – 34 บาท ต่อ ดอลลาร์สหรัฐฯ นอกจากนี้ ผู้บริหาร ส.อ.ท. ยังได้แนะให้ผู้ประกอบการทำธุรกรรมทางการเงินเพื่อป้องกันความเสี่ยงจากเงินบาทที่อ่อนค่า เช่น การซื้อหรือขายเงินสกุลต่างประเทศล่วงหน้า (Forward Contract) หรือการซื้อสิทธิ์ที่จะซื้อหรือขายเงินสกุลต่างประเทศล่วงหน้า (Option Contract) เป็นต้น
 
จากการสำรวจผู้บริหาร ส.อ.ท. (CEO Survey) จำนวน 209 ท่าน ครอบคลุมผู้บริหารจาก
45 กลุ่มอุตสาหกรรม และ 76 สภาอุตสาหกรรมจังหวัด มีสรุปผลการสำรวจ FTI Poll ครั้งที่ 19 จำนวน 7 คำถาม ดังนี้
 
1. ภาคอุตสาหกรรมมีแนวทางหลักในการรับมือต่อทิศทางอัตราดอกเบี้ยขาขึ้นอย่างไร
อันดับที่ 1 : ลดค่าใช้จ่ายในการดำเนินธุรกิจ 33.0%
อันดับที่ 2 : เพิ่มเงินทุนหมุนเวียน และปรับการบริหารกระแสเงินสดใหม่ 19.6%
อันดับที่ 3 : ปรับวิธีการบริหารกระแสเงินสด เช่น กู้ระยะยาว 18.7% แทนการกู้เงินเบิกเกินบัญชี OD
อันดับที่ 4 : ชะลอการลงทุน 18.7%
อันดับที่ 5 : เปลี่ยนวิธีการลงทุน เช่น ระดมทุนจากผู้ถือหุ้นในบริษัท 7.2%
อันดับที่ 6 : อื่นๆ 2.8%
 
2. ภาครัฐควรมีมาตรการ/นโยบาย เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการจากภาวะอัตราดอกเบี้ยขาขึ้นอย่างไร
อันดับที่ 1 : ขึ้นดอกเบี้ยนโยบายอย่างค่อยเป็นค่อยไป 52.6%
อันดับที่ 2 : มาตรการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ (Soft loan) 52.2%
อันดับที่ 3 : สนับสนุนการปรับโครงสร้างหนี้ และเงินกู้อัตราดอกเบี้ยคงที่ (Fixed rate loan) 45.5%
อันดับที่ 4 : มาตรการช่วยเหลือทางภาษีทั่วไป 45.5%
 
3. คาดว่าอัตราดอกเบี้ยนโยบายของไทย ณ ปี 2566 จะอยู่ในระดับใด
อันดับที่ 1 : 0.75 – 1.00% 43.5%
อันดับที่ 2 : 1.00 – 1.25% 20.6%
อันดับที่ 3 : คงที่ 0.50% 12.4%
อันดับที่ 4 : 1.25 – 1.50% 7.7%
อันดับที่ 5 : 1.5 – 1.75% 7.2%
อันดับที่ 6 : 1.75 – 2.00% 5.3%
อันดับที่ 7 : มากกว่า 2.00% 3.3%
 
4. ค่าเงินบาทที่เหมาะสมสำหรับภาคอุตสาหกรรมควรอยู่ในระดับใด
อันดับที่ 1 : 32 – 34 บาท / ดอลลาร์ สรอ. 44.0%
อันดับที่ 2 : 34 – 36 บาท / ดอลลาร์ สรอ. 37.8%
อันดับที่ 3 : 30 – 32 บาท / ดอลลาร์ สรอ. 11.0%
อันดับที่ 4 : 36 – 38 บาท / ดอลลาร์ สรอ. 6.7%
อันดับที่ 5 : มากกว่า 38 บาท / ดอลลาร์ สรอ. 0.5%
 
5. ภาคอุตสาหกรรมมีแนวทางในการลดผลกระทบจากการอ่อนค่าของเงินบาทอย่างไร
อันดับที่ 1 : ทำธุรกรรมทางการเงิน เพื่อป้องกันความเสี่ยงเรื่องค่าเงิน 58.4%
อันดับที่ 2 : เปลี่ยนมาใช้วัตถุดิบภายในประเทศ 47.4%
อันดับที่ 3 : ขึ้นราคาขายในประเทศเพื่อส่งผ่านต้นทุนที่สูงขึ้นไปยังผู้บริโภค 34.9%
อันดับที่ 4 : การใช้สกุลเงินท้องถิ่นในการซื้อขายระหว่างกัน 19.6%
 
6. ภาครัฐควรมีมาตรการ/นโยบาย เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบจากการอ่อนค่าของเงินบาทอย่างไร
อันดับที่ 1 : กำกับดูแลการเคลื่อนไหวค่าเงินบาท และมาตรการป้องปราม 63.2% หรือจำกัดการเก็งกำไรค่าเงินบาท
อันดับที่ 2 : ส่งเสริมการใช้วัตถุดิบและสินค้าที่ผลิตภายในประเทศ 52.2%
อันดับที่ 3 : มาตรการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ (Soft loan) 43.1%
อันดับที่ 4 : ปรับเพดานราคาสินค้าควบคุมให้สอดคล้องกับต้นทุนที่เพิ่มขึ้น 32.5%
 
7. ปัจจัยที่ควรนำมาเป็นเหตุผลในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย
อันดับที่ 1 : รักษาเสถียรภาพค่าเงินบาท 72.2%
อันดับที่ 2 : ชะลอการไหลออกของเงินทุน และดึงดูดผู้ลงทุนต่างประเทศ 52.2%
อันดับที่ 3 : รักษาเสถียรภาพอัตราเงินเฟ้อฝังลึก (Entrenched Inflation expectation)38.8% เช่น การปรับขึ้นราคาสินค้าล่วงหน้าเนื่องจากการคาดการณ์ว่าอัตราเงินเฟ้อจะปรับขึ้น
อันดับที่ 4 : ลดพฤติกรรมการแสวงหาผลตอบแทนจากการลงทุนที่มีความเสี่ยงสูง 29.7%
 


น่าอับอาย! เพื่อไทย ประณาม แก้สูตรเลือกตั้ง คิดแต่เอื้อตัวเอง ไม่ใช่เพื่อประเทศ
https://www.khaosod.co.th/politics/news_7184861

น่าอับอาย! “สุทิน” ประณาม แก้สูตรปาร์ตี้ลิสต์-หวนใช้บัตรใบเดียว คิดแต่ตัวเอง ไม่ใช่เพื่อประเทศ จ่อยื่นเอาผิด 4-5 รัฐมนตรี พร้อมยื่นยุบพรรค
   
เมื่อวันที่ 27 ก.ค. 2565 นายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย (พท.) ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) กล่าวถึงกรณีการแก้ไขร่างพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. ที่มีกระแสข่าวรัฐบาลพยายามจะกลับไปใช้สูตรคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อ หาร 100 รวมถึงจะแก้รัฐธรรมนูญกลับไปใช้บัตรเลือกตั้งใบเดียว ว่า ตนได้ยินเรื่องนี้มาหนาหูเมื่อ 2-3 สัปดาห์ที่ผ่านมา การคิดเช่นนี้เป็นเรื่องที่เขาคิดการเมือง เพื่อผลประโยชน์เฉพาะหน้า 
 
นายสุทิน กล่าวต่อว่า คิดเพื่อเอาเปรียบคู่ต่อสู้ และคิดเพื่อเอาชนะการเลือกตั้งครั้งหน้าเท่านั้น ไม่ได้คิดที่จะทำระบบที่ดีไว้ให้กับประเทศ และไม่ได้คิดการเมืองเพื่ออนาคตของลูกหลานและประเทศชาติ วิธีคิดและพฤติกรรมแบบนี้อันตรายและน่าประณามอย่างยิ่ง เพราะรัฐธรรมนูญเป็นกฎหมายหลักของประเทศที่วางระบบให้คนในประเทศได้อยู่ร่วมกันอย่างสันติ
 
นายสุทิน กล่าวอีกว่า โดยเฉพาะบทที่ว่าด้วยการเลือกตั้ง มันคือระบบที่จะวางไว้เพื่อให้คนได้เข้าสู่อำนาจ ที่ต้องเท่าเทียมเป็นธรรมและเป็นที่ยอมรับของทุกฝ่าย แต่ถ้าไม่เป็นอย่างนี้แล้ว กฎกติกาที่ไปเอื้อให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งได้เปรียบเสียเปรียบ การยอมรับก็จะไม่เกิดขึ้น จะนำไปสู่ปัญหา ความแตกแยกจะเกิดไม่สิ้นสุด
 
เมื่อถามว่า แนวคิดกลับไปใช้บัตรเลือกตั้งใบเดียวจะเป็นจริงได้หรือไม่ นายสุทิน กล่าวว่า ถ้าเสียงข้างมากวางแผนและใช้ความพยายาม ก็คิดว่าเป็นไปได้ ซึ่งการแก้กฎหมายไปสู่แบบเดิมในระยะเวลาไม่ถึงปี เป็นเรื่องน่าอับอายและอธิบายให้ชาวโลกฟังไม่ได้
 
เมื่อถามถึงความคืบหน้าการดำเนินการฟ้องร้องรัฐมนตรีที่ถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจต่อองค์กรอิสระ นายสุทิน กล่าวว่า ตอนนี้กำลังให้ฝ่ายกฎหมายยกร่างวางประเด็น หาข้อมูลประกอบเพื่อยื่นฟ้องต่อองค์กรที่เกี่ยวข้อง คาดว่าคงใช้เวลาไม่เกิน 2 สัปดาห์จะยื่นได้ ส่วนจะยื่นกี่คนนั้นยังไม่สรุป น่าจะอยู่ที่ประมาณ 4-5 คน โดยจะยื่นในนามพรรคร่วมฝ่ายค้าน เพียงแต่จะให้พรรคที่เป็นเจ้าภาพอภิปรายเป็นผู้ดำเนินการตามประเด็นไป
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่