คุมไม่อยู่! ส.ค.สินค้าขึ้นราคาเพียบ ร้านค้าโอด 'น้ำมันปาล์ม' ขาลง 'ถั่วเหลือง' ขายไม่ออก
https://www.matichon.co.th/economy/news_3467752
คุมไม่อยู่! ส.ค.สินค้าขึ้นราคาเพียบ ร้านค้าโอด ‘น้ำมันปาล์ม’ ขาลง ‘ถั่วเหลือง’ ขายไม่ออก
เมื่อวันที่ 22 กรกฎาคม แหล่งข่าวจากร้านค้าปลีกและร้านค้าส่ง เปิดเผยว่า ได้รับแจ้งจากบริษัท น้ำตาลมิตรผล จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายน้ำตาลยี่ห้อ “
มิตรผล” ว่าตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม 2565 จะปรับราคาขึ้นอีก 1 บาท/ถุง (ขนาด 1 กก.) เนื่องจากต้นทุนการผลิตสูงขึ้น ทั้งวัตถุดิบและบรรจุภัณฑ์
นอกจากนี้ ยังมียาสีฟัน แชมพู สบู่ ยี่ห้อ “
ดอกบัวคู่” จะขึ้นราคาอีก 7% จากราคาขายในปัจจุบัน ส่วนสินค้าอื่นเมื่อต้นเดือนกรกฎาคม มีนมสดกระป๋องตราคาร์เนชั่น ปรับราคาขึ้น 100 บาท/ลัง (จำนวน 48 กระป๋อง) หรือปรับขึ้น 2 บาท/กระป๋อง เป็นการปรับขึ้นรอบ 2 นับจากเดือนเมษายน 2565 ที่ปรับขึ้นมาแล้ว 2 บาท/กระป๋อง
นาย
สมชาย พรรัตนเจริญ นายกสมาคมค้าส่งและค้าปลีกไทย กล่าวว่า ในเดือนสิงหาคมนี้ได้รับแจ้งจากผู้ผลิตและจำหน่ายนมสดกระป๋องตราหมี จะปรับขึ้นทั้งต้นทุนขายส่งและขายปลีกขึ้นอีก แต่ยังไม่แจ้งจะปรับขึ้นเท่าไหร่ คาดว่าน่าจะปรับขึ้นไม่เกิน 2 บาท/กระป๋อง
นาย
สมชายกล่าวว่า ส่วนราคาน้ำมันพืชขวดขนาด 1 ลิตร ขณะนี้น้ำมันปาล์มราคาลดลงแล้ว 10 บาท ในช่วง 30-40 วันที่ผ่านมา จากเดิมราคาสูงสุด 70 บาท/ขวด ปัจจุบันราคาขายปลีกอยู่ที่ 60-65 บาท/ขวด คาดว่าจะลดลงอีก ส่วนน้ำมันถั่วเหลืองราคายังคงเดิมที่ 70 บาท/ขวด หากคนหันไปบริโภคน้ำมันปาล์มมากขึ้น คาดว่าราคาจะปรับลงอีก
สอดคล้องกับแหล่งข่าวจากร้านค้าปลีกและค้าส่งอีกราย กล่าวว่า ในรอบสัปดาห์นี้ราคาน้ำมันปาล์มลงอีก 3 บาท/ขวด โดยราคาขายปลีกอยู่ที่ 62 บาท/ขวด ทั้งนี้ จากราคาน้ำมันปาล์มขาลง ทำให้น้ำมันถั่วเหลืองขายไม่ค่อยออก ซึ่งที่ร้านได้ซื้อสินค้าเป็นสต๊อกไว้เมื่อ 2 เดือนที่ผ่านมา ถึงขณะนี้ยังขายไม่หมด ยังเหลืออยู่ 300 ลัง (1 ลังมี 12 ขวด) โดยราคาต้นทุนในขณะนั้นอยู่ที่ 804 บาท/ลัง หรือ 67 บาท/ขวด ส่วนราคาขายปลีกอยู่ที่ 68-70 บาท/ขวด
“ตอนนี้คนไม่มีเงินซื้อของ ถึงราคาน้ำมันปาล์มจะถูกลง ก็ยังขายไม่ดี ส่วนน้ำมันถั่วเหลืองก็ขายไม่ออก เราซื้อตอนราคาแพง เลยทำให้แบกต้นทุนไว้สูง ต้องเร่งระบายอย่างเดียวตอนนี้ คาดว่าคงใช้เวลาเป็นเดือนกว่าจะขายสต๊อกเก่าหมด” แหล่งข่าวกล่าว
ด้าน “
นางปุ้ย” แม่ค้าไก่ในตลาดสดแห่งหนึ่งย่านกรุงเทพฯ กล่าวว่า เมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม ราคาเนื้อไก่เป็นส่วนของราคาทุนลดลงประมาณ 2 บาท/กก. แต่ราคาขายปลีกยังคงเดิม เช่น เนื้อส่วนอกอยู่ที่ 110 บาท/กก.
จวก! ‘ประยุทธ์’ อุ้ม9ทหารหลุดคดีฆ่าหมู่ลูกเรือจีน-เพิ่งนำผู้ต้องหาส่งฟ้อง
https://www.dailynews.co.th/news/1279239/
ส.ส.เพื่อไทยซัด "ประยุทธ์" อุ้ม 9 ทหารหลุดในบางคดีฆาตกรรมหมู่ลูกเรือจีนกลางแม่น้ำโขง จ.เชียงราย ตั้งแต่ปี 54 ทำลายความสัมพันธ์ไทย-จีน แต่กองทัพเพิ่งนำผู้ต้องหาไปส่งฟ้อง หลังรู้ว่ามีการอภิปรายไม่ไว้วางใจ
เมื่อวันที่ 22 ก.ค. นาย
สมบัติ ศรีสุรินทร์ ส.ส.สุรินทร์ พรรคเพื่อไทย ลุกขึ้นอภิปรายไม่ไว้วางใจ พล.อ.
ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ในประเด็นที่นายกฯ ไม่ปฏิบัติตามหลักนิติธรรม กระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศไทย-จีน ปูนบำเหน็จให้ทหารที่เป็นผู้ต้องหา โดยขัดต่อรัฐธรรมนูญ กฎหมาย และระเบียบกระทรวงกลาโหม โดยข้อหาคือส่อว่าจงใจปฏิบัติหน้าที่และใช้อำนาจขัดต่อบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ และกฎหมายกระทำการฝ่าฝืนระเบียบหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างมาก ปกป้องและสนับสนุนผู้ใต้บังคับบัญชา บริวาร และพวกพ้องที่กระทำผิดกฎหมายโดยไม่คำนึงถึงประเทศชาติและความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ไม่เคารพหลักนิติรัฐและหลักนิติธรรมสิทธิมนุษยชน ทำลายระบบคุณธรรมในระบบราชการ
นาย
สมบัติ กล่าวว่า คดีนี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 5 ต.ค.54 เหตุเกิดบริเวณสามเหลี่ยมทองคำ จ.เชียงราย มีการฆาตกรรมลูกเรือชาวจีน 13 ราย เป็นคดีใหญ่กลางแม่น้ำโขง เป็นเรื่องสะเทือนใจมาก โดยลูกเรือคนจีน 12 คน เสียชีวิตจากการโจมตี ส่วนอีก 1 คน หายสาบสูญ รวมเป็นระยะเวลา 11 ปี แต่ปัจจุบันคดียังไม่สิ้นสุด บางคดีอาจหมดอายุความ แต่บางคดียังไม่หมดอายุความ ถือเป็นพฤติกรรมปกปิด หลังจากเกิดเหตุนายกรัฐมนตรีจีน ได้ประสานมายังรัฐบาล
ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เพื่อให้ช่วยหาตัวกลุ่มคนร้ายมาดำเนินคดีให้ได้ เนื่องจากเกี่ยวข้องกับการค้าขาย-ท่องเที่ยวของชาวจีนแถบยูนนาน และสิบสองปันนา รัฐบาลจีนส่งคนมาร่วมสอบสวนด้วย คนจีนก็โกรธว่าทำไมทำกับพวกเขาแบบนี้
เรื่องดังกล่าวมีความเกี่ยวข้องโดยตรงกับ พล.อ.
ประยุทธ์ เนื่องจากขณะนั้นดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) และมีพฤติการณ์ที่ไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง ปกป้อง ช่วยเหลือผู้ต้องหาในคดีฆาตกรรมที่เป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของตน ทำให้กระบวนการยุติธรรมล่าช้ากว่า 10 ปี แสดงให้เห็นการไม่เคารพหลักสิทธิมนุษยชน และมาตรฐานทางจริยธรรม ทำลายระบบคุณธรรมในระบบราชการทหาร
กรณีนี้ทำให้การค้าขายระหว่างประเทศสะดุด เพราะความไม่เข้าใจต่อกัน เนื่องจากมีผู้สงสัยเป็นนายทหาร ตั้งแต่ยศ พ.ท.-พ.ต. และ จ.ส.อ. รวม 9 คน ในคดีซ่อนเร้นศพและคดีฆาตกรรม ต่อมาอัยการสูงสุดทำสำนวนคดีสั่งฟ้องศาลจังหวัดเชียงราย เพื่อดำเนินคดี แต่ไม่สามารถส่งฟ้องเนื่องจากเอาผู้ต้องหามาส่งมอบตัวไม่ได้ เรื่องนี้เกี่ยวกับนายกฯ โดยตรง เพราะขณะนั้น พล.อ.
ประยุทธ์ เป็น ผบ.ทบ. ส่วนแม่ทัพภาคที่ 3 และรอง ผบ.ตร.ในช่วงนั้น เป็นเพื่อนร่วมรุ่นของ พล.อ.
ประยุทธ์ โดยในชั้นการสืบสวนทางลับพบว่า มีการสมคบคิดค้าขายเสพติด และสิ่งต่างๆ พัวพันกันพอสมควร
“หลังจากผ่านมา 11 ปี ยังไม่สามารถเอาตัวผู้ต้องหามาดำเนินคดีได้ เพราะราชการทหารดึง ประวิงเวลา คดีซ่อนเร้นศพในที่เกิดเหตุ หมดอายุความไปแล้ว ส่วนคดีฆาตกรรมมีอายุความ 20 ปี เมื่อรัฐบาลรู้ว่าจะมีการอภิปราย คดีจึงมีความคืบหน้า เพราะกองทัพได้นำผู้ต้องหาเป็นทหาร 9 นาย ส่งฟ้องในวันที่ 25 พ.ค.65 แต่กว่าจะดำเนินการ เราได้ปล่อยเวลามาเนิ่นนาน กระทบต่อการค้าขายระหว่างไทย-จีน เสียโอกาส เสียเพื่อนที่ดีไปแล้วกว่า 10 ปี” นาย
สมบัติ กล่าว
พิธา สรุป ‘3 แกน’ ประยุทธ์ ทำลายประเทศ ปลุกส.ส.โหวตจมรัฐนาวา
https://www.matichon.co.th/politics/news_3467748
‘พิธา’ สรุป ‘3 แกน’ ประยุทธ์ ทำลายประเทศ วันที่ 23 ก.ค.นี้ชวนสมาชิกร่วมจมรัฐนาวา
เมื่อเวลา 15.38 น. วันที่ 22 กรกฎาคม ที่รัฐสภา มีการประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อพิจารณาญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคลตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 151 จำนวน 11 คน เป็นวันที่สี่
นาย
พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล (ก.ก.) อภิปรายไม่ไว้วางใจพล.อ.
ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ว่า พอกันที 8 ปีที่พล.อ.
ประยุทธ์ ทำให้คนไทยมืด 8 ด้าน ทั้งที่มืดไปแล้ว 3 ด้าน กับยุทธศาสตร์ 3 แกนแห่งอนาคต เมื่อแถลงออกมาก็มีฉันทมติสหบาทาจากทุกฝ่าย ว่า 3 แกนคือ 3 กลวง เพราะนายกฯ ไม่รู้ว่าตัวเองกำลังพูดอะไรอยู่ ยกตัวอย่าง ที่นายกฯ พูดถึงแกนที่ 1 เรื่องโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ ที่บอกว่าใกล้เสร็จแล้ว ทั้งที่สัญญา 3 สนามบิน ที่คืบหน้า 0% หรือรถไฟไทย-จีน คืบหน้า 6% จึงไม่รู้ว่าใกล้เสร็จของนายกฯ กับนักลงทุนเป็นความย้อนแย้งหรือไม่ ชัดเจนว่าถ้าปล่อยใหพล.อ.
ประยุทธ์ อยู่ต่อก็จะเละเป็นโจ๊ก เหมือนตอม่อโฮปเวลล์ ตนไว้วางใจไม่ได้กับความมั่วของอุตสาหกรรมอีวี ที่นายกฯ บอกว่าจะทำให้ไทยเดินนำหน้าทุกประเทศ ซึ่งถูกจีนแซงหน้าไปมากแล้ว ในช่วงที่หนี้สาธารณะสูงที่สุด ค่าครองชีพสูงที่สุด และค่าปุ๋ยแพงที่สุด สิ่งที่ประชาชนอยากได้ยินจากนายกฯ คือทางแก้ของแพงค่าแรงถูก ไม่ใช่มาพูดเรื่องโครงสร้างพื้นฐาน หรือรถยนต์อีวี
นาย
พิธา กล่าวต่อว่า เท่าที่ตนฟังนายกฯ ชี้แจงมาตลอด 4 วัน พบว่านายกฯ มีแกน 3 คือ นายกฯ คือตัวทำลายศักยภาพของประเทศ คือแกนที่หนึ่ง ทำลายศักยภาพไทยในต่างประเทศ คือแกนที่สอง และทำลายศักยภาพของพี่น้องประชาชน คือแกนที่สาม โดยแกนที่หนึ่ง คือ ตลอด 3 ปีนายกฯ ใช้งบประมาณกว่า 5 แสนล้านบาท อย่างสุรุ่ยสุร่าย และไม่มีประสิทธิภาพ เช่น นายกฯ ไม่มีความกล้าชนเพื่อเจรจากับนายทุนผู้ผลิตไฟฟ้าเพื่อให้ค่าไฟถูกลง นอกจากนี้ ยังมีการทุจริต และไม่มีความสุจริตอย่างเป็นที่ประจักษ์ มีพฤติกรรมลอยนวลพ้นผิด กรณีการจัดซื้อจีที 200 ที่ไม่มีชื่อของผู้เซ็นอนุมัติจัดซื้ออยู่ในสำนวนคำฟ้อง ส่วน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ยังมีข้อกังขาการครอบครองนาฬิกาหรูว่ามีที่มาอย่างไร ถ้าพล.อ.ประวิตร จำซีเรียลนัมเบอร์ไม่ได้ ก็มาเอาที่ตน แล้วไปเช็คที่ห้างสยามพารากอน คืนนี้ก็ได้ จะได้รู้ทันทีว่ามีที่มาจากที่ไหน และเจ้าของชื่ออะไร
นาย
พิธา กล่าวว่า แกนที่สอง พล.อ.
ประยุทธ์ ทำลายศักยภาพไทยในต่างประเทศ โดยนโยบายการต่างประเทศของไทยกำลังอยู่ในช่วงวิกฤตที่จำเป็นต้องมีผู้นำที่เก่ง และมีไพ่หลายใบในการเจรจา เพื่อให้เกิดประโยชน์กับคนไทยให้ได้มากที่สุด ตนอยากให้พล.อ.
ประยุทธ์ รู้ว่าการต่างประเทศกับระเบียบการทูตนั้นต่างกัน การที่ท่านได้รับการเชิญให้ไปต่างประเทศเยอะๆ ไม่ใช่การต่างประเทศ แต่เป็นระเบียบทางการทูต คือไม่ได้หมายความว่าท่านมีความสามารถทางการต่างประเทศแต่อย่างใด ด้วยความที่ พล.อ.
ประยุทธ์ ไม่มีความเข้าใจเรื่องการต่างประเทศนี้ ทำให้พล.อ.
ประยุทธ์ มองว่า ปัญหาเมียนมาเป็นเรื่องเล็กน้อย จึงปล่อยให้เครื่องบินเมียนมาเข้ามาในน่านฟ้าไทย ซึ่งอาจจะทำให้พล.อ.
ประยุทธ์ต้องขึ้นศาลโลกในอีก 10-20 ปี ในฐานะอาชญากรสงครามหรือไม่
นาย
พิธา กล่าวว่า แกนที่สามคือ การทำลายศักยภาพของพี่น้องประชาชน กรณีการใช้ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ซึ่งไม่ได้ทำให้ศักยภาพคนในสังคมดีขึ้น ทั้งที่เป็นหน้าที่ของนายกฯ ที่ต้องเป็นผู้ริเริ่มในการแก้ไข มาตรา 112 ด้วยซ้ำ ไม่ใช่พวกตน เพื่อให้ประเทศเดินหน้าต่อไปข้างหน้าได้ เพราะความรู้สึกของประชาชนเปลี่ยนไปแล้ว สิ่งที่เกิดขึ้นทั้งปวงที่กล่าวไป ทำให้ประชาชนสิ้นหวัง นายกฯ ตอบตนได้หรือไม่ ทเหตุใดประเทศไทยจึงมีคนฆ่าตัวตายมากที่สุดในอาเซียน โดยเฉพาะในกลุ่มคนรุ่นใหม่ คือ ช่วงอายุ 25-34 ปี นั่นเป็นเพราะความสิ้นหวังของคนไทย ที่เกี่ยวข้องกับระบบเศรษฐกิจ
“นายกฯ คนต่อไปจึงต้องเป็นคนที่ทำงานเพื่อประชาชนก่อนตัวเอง ต้องเป็นคนที่มีวิสัยทัศน์ มีความสามารถ รอบรู้ทั้งในประเทศ และต่างประเทศ เป็นคนที่มีความฝันแต่ไม่เพ้อฝัน พร้อมที่จะดึงพลังสร้างสรรค์ของคนรุ่นใหม่เข้ามาทำงานร่วมกัน แม้จะมีความเห็นต่าง เพื่อสร้างประเทศที่ดีกว่าไปด้วยกัน แต่พล.อ.ประยุทธ์ ไม่มีคุณสมบัติเหล่านี้ โดยเป็นที่พิสูจน์ แล้วว่า รัฐนาวาที่นำโดยพล.อ.ประยุทธ์ มายาวนาน 8 ปี ไม่ได้พาเราไปที่ไหน และการเดินทางควรจะจบได้ในวันที่ 23 กรกฎาคมเป็นต้นไป” นาย
พิธา กล่าว
JJNY : 5in1 ส.ค.สินค้าขึ้นเพียบ│จวก!‘ประยุทธ์’อุ้ม9ทหาร│พิธาสรุป‘3 แกน’│ไลน์หลุด‘พรรคเล็ก’│มาเลเซีย ยึดยาบ้า 2,000 เม็ด
https://www.matichon.co.th/economy/news_3467752
เมื่อวันที่ 22 กรกฎาคม แหล่งข่าวจากร้านค้าปลีกและร้านค้าส่ง เปิดเผยว่า ได้รับแจ้งจากบริษัท น้ำตาลมิตรผล จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายน้ำตาลยี่ห้อ “มิตรผล” ว่าตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม 2565 จะปรับราคาขึ้นอีก 1 บาท/ถุง (ขนาด 1 กก.) เนื่องจากต้นทุนการผลิตสูงขึ้น ทั้งวัตถุดิบและบรรจุภัณฑ์
นอกจากนี้ ยังมียาสีฟัน แชมพู สบู่ ยี่ห้อ “ดอกบัวคู่” จะขึ้นราคาอีก 7% จากราคาขายในปัจจุบัน ส่วนสินค้าอื่นเมื่อต้นเดือนกรกฎาคม มีนมสดกระป๋องตราคาร์เนชั่น ปรับราคาขึ้น 100 บาท/ลัง (จำนวน 48 กระป๋อง) หรือปรับขึ้น 2 บาท/กระป๋อง เป็นการปรับขึ้นรอบ 2 นับจากเดือนเมษายน 2565 ที่ปรับขึ้นมาแล้ว 2 บาท/กระป๋อง
นายสมชาย พรรัตนเจริญ นายกสมาคมค้าส่งและค้าปลีกไทย กล่าวว่า ในเดือนสิงหาคมนี้ได้รับแจ้งจากผู้ผลิตและจำหน่ายนมสดกระป๋องตราหมี จะปรับขึ้นทั้งต้นทุนขายส่งและขายปลีกขึ้นอีก แต่ยังไม่แจ้งจะปรับขึ้นเท่าไหร่ คาดว่าน่าจะปรับขึ้นไม่เกิน 2 บาท/กระป๋อง
นายสมชายกล่าวว่า ส่วนราคาน้ำมันพืชขวดขนาด 1 ลิตร ขณะนี้น้ำมันปาล์มราคาลดลงแล้ว 10 บาท ในช่วง 30-40 วันที่ผ่านมา จากเดิมราคาสูงสุด 70 บาท/ขวด ปัจจุบันราคาขายปลีกอยู่ที่ 60-65 บาท/ขวด คาดว่าจะลดลงอีก ส่วนน้ำมันถั่วเหลืองราคายังคงเดิมที่ 70 บาท/ขวด หากคนหันไปบริโภคน้ำมันปาล์มมากขึ้น คาดว่าราคาจะปรับลงอีก
สอดคล้องกับแหล่งข่าวจากร้านค้าปลีกและค้าส่งอีกราย กล่าวว่า ในรอบสัปดาห์นี้ราคาน้ำมันปาล์มลงอีก 3 บาท/ขวด โดยราคาขายปลีกอยู่ที่ 62 บาท/ขวด ทั้งนี้ จากราคาน้ำมันปาล์มขาลง ทำให้น้ำมันถั่วเหลืองขายไม่ค่อยออก ซึ่งที่ร้านได้ซื้อสินค้าเป็นสต๊อกไว้เมื่อ 2 เดือนที่ผ่านมา ถึงขณะนี้ยังขายไม่หมด ยังเหลืออยู่ 300 ลัง (1 ลังมี 12 ขวด) โดยราคาต้นทุนในขณะนั้นอยู่ที่ 804 บาท/ลัง หรือ 67 บาท/ขวด ส่วนราคาขายปลีกอยู่ที่ 68-70 บาท/ขวด
“ตอนนี้คนไม่มีเงินซื้อของ ถึงราคาน้ำมันปาล์มจะถูกลง ก็ยังขายไม่ดี ส่วนน้ำมันถั่วเหลืองก็ขายไม่ออก เราซื้อตอนราคาแพง เลยทำให้แบกต้นทุนไว้สูง ต้องเร่งระบายอย่างเดียวตอนนี้ คาดว่าคงใช้เวลาเป็นเดือนกว่าจะขายสต๊อกเก่าหมด” แหล่งข่าวกล่าว
ด้าน “นางปุ้ย” แม่ค้าไก่ในตลาดสดแห่งหนึ่งย่านกรุงเทพฯ กล่าวว่า เมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม ราคาเนื้อไก่เป็นส่วนของราคาทุนลดลงประมาณ 2 บาท/กก. แต่ราคาขายปลีกยังคงเดิม เช่น เนื้อส่วนอกอยู่ที่ 110 บาท/กก.
จวก! ‘ประยุทธ์’ อุ้ม9ทหารหลุดคดีฆ่าหมู่ลูกเรือจีน-เพิ่งนำผู้ต้องหาส่งฟ้อง
https://www.dailynews.co.th/news/1279239/
ส.ส.เพื่อไทยซัด "ประยุทธ์" อุ้ม 9 ทหารหลุดในบางคดีฆาตกรรมหมู่ลูกเรือจีนกลางแม่น้ำโขง จ.เชียงราย ตั้งแต่ปี 54 ทำลายความสัมพันธ์ไทย-จีน แต่กองทัพเพิ่งนำผู้ต้องหาไปส่งฟ้อง หลังรู้ว่ามีการอภิปรายไม่ไว้วางใจ
เมื่อวันที่ 22 ก.ค. นายสมบัติ ศรีสุรินทร์ ส.ส.สุรินทร์ พรรคเพื่อไทย ลุกขึ้นอภิปรายไม่ไว้วางใจ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ในประเด็นที่นายกฯ ไม่ปฏิบัติตามหลักนิติธรรม กระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศไทย-จีน ปูนบำเหน็จให้ทหารที่เป็นผู้ต้องหา โดยขัดต่อรัฐธรรมนูญ กฎหมาย และระเบียบกระทรวงกลาโหม โดยข้อหาคือส่อว่าจงใจปฏิบัติหน้าที่และใช้อำนาจขัดต่อบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ และกฎหมายกระทำการฝ่าฝืนระเบียบหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างมาก ปกป้องและสนับสนุนผู้ใต้บังคับบัญชา บริวาร และพวกพ้องที่กระทำผิดกฎหมายโดยไม่คำนึงถึงประเทศชาติและความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ไม่เคารพหลักนิติรัฐและหลักนิติธรรมสิทธิมนุษยชน ทำลายระบบคุณธรรมในระบบราชการ
นายสมบัติ กล่าวว่า คดีนี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 5 ต.ค.54 เหตุเกิดบริเวณสามเหลี่ยมทองคำ จ.เชียงราย มีการฆาตกรรมลูกเรือชาวจีน 13 ราย เป็นคดีใหญ่กลางแม่น้ำโขง เป็นเรื่องสะเทือนใจมาก โดยลูกเรือคนจีน 12 คน เสียชีวิตจากการโจมตี ส่วนอีก 1 คน หายสาบสูญ รวมเป็นระยะเวลา 11 ปี แต่ปัจจุบันคดียังไม่สิ้นสุด บางคดีอาจหมดอายุความ แต่บางคดียังไม่หมดอายุความ ถือเป็นพฤติกรรมปกปิด หลังจากเกิดเหตุนายกรัฐมนตรีจีน ได้ประสานมายังรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เพื่อให้ช่วยหาตัวกลุ่มคนร้ายมาดำเนินคดีให้ได้ เนื่องจากเกี่ยวข้องกับการค้าขาย-ท่องเที่ยวของชาวจีนแถบยูนนาน และสิบสองปันนา รัฐบาลจีนส่งคนมาร่วมสอบสวนด้วย คนจีนก็โกรธว่าทำไมทำกับพวกเขาแบบนี้
เรื่องดังกล่าวมีความเกี่ยวข้องโดยตรงกับ พล.อ.ประยุทธ์ เนื่องจากขณะนั้นดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) และมีพฤติการณ์ที่ไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง ปกป้อง ช่วยเหลือผู้ต้องหาในคดีฆาตกรรมที่เป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของตน ทำให้กระบวนการยุติธรรมล่าช้ากว่า 10 ปี แสดงให้เห็นการไม่เคารพหลักสิทธิมนุษยชน และมาตรฐานทางจริยธรรม ทำลายระบบคุณธรรมในระบบราชการทหาร
กรณีนี้ทำให้การค้าขายระหว่างประเทศสะดุด เพราะความไม่เข้าใจต่อกัน เนื่องจากมีผู้สงสัยเป็นนายทหาร ตั้งแต่ยศ พ.ท.-พ.ต. และ จ.ส.อ. รวม 9 คน ในคดีซ่อนเร้นศพและคดีฆาตกรรม ต่อมาอัยการสูงสุดทำสำนวนคดีสั่งฟ้องศาลจังหวัดเชียงราย เพื่อดำเนินคดี แต่ไม่สามารถส่งฟ้องเนื่องจากเอาผู้ต้องหามาส่งมอบตัวไม่ได้ เรื่องนี้เกี่ยวกับนายกฯ โดยตรง เพราะขณะนั้น พล.อ.ประยุทธ์ เป็น ผบ.ทบ. ส่วนแม่ทัพภาคที่ 3 และรอง ผบ.ตร.ในช่วงนั้น เป็นเพื่อนร่วมรุ่นของ พล.อ.ประยุทธ์ โดยในชั้นการสืบสวนทางลับพบว่า มีการสมคบคิดค้าขายเสพติด และสิ่งต่างๆ พัวพันกันพอสมควร
“หลังจากผ่านมา 11 ปี ยังไม่สามารถเอาตัวผู้ต้องหามาดำเนินคดีได้ เพราะราชการทหารดึง ประวิงเวลา คดีซ่อนเร้นศพในที่เกิดเหตุ หมดอายุความไปแล้ว ส่วนคดีฆาตกรรมมีอายุความ 20 ปี เมื่อรัฐบาลรู้ว่าจะมีการอภิปราย คดีจึงมีความคืบหน้า เพราะกองทัพได้นำผู้ต้องหาเป็นทหาร 9 นาย ส่งฟ้องในวันที่ 25 พ.ค.65 แต่กว่าจะดำเนินการ เราได้ปล่อยเวลามาเนิ่นนาน กระทบต่อการค้าขายระหว่างไทย-จีน เสียโอกาส เสียเพื่อนที่ดีไปแล้วกว่า 10 ปี” นายสมบัติ กล่าว
พิธา สรุป ‘3 แกน’ ประยุทธ์ ทำลายประเทศ ปลุกส.ส.โหวตจมรัฐนาวา
https://www.matichon.co.th/politics/news_3467748
‘พิธา’ สรุป ‘3 แกน’ ประยุทธ์ ทำลายประเทศ วันที่ 23 ก.ค.นี้ชวนสมาชิกร่วมจมรัฐนาวา
เมื่อเวลา 15.38 น. วันที่ 22 กรกฎาคม ที่รัฐสภา มีการประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อพิจารณาญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคลตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 151 จำนวน 11 คน เป็นวันที่สี่
นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล (ก.ก.) อภิปรายไม่ไว้วางใจพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ว่า พอกันที 8 ปีที่พล.อ.ประยุทธ์ ทำให้คนไทยมืด 8 ด้าน ทั้งที่มืดไปแล้ว 3 ด้าน กับยุทธศาสตร์ 3 แกนแห่งอนาคต เมื่อแถลงออกมาก็มีฉันทมติสหบาทาจากทุกฝ่าย ว่า 3 แกนคือ 3 กลวง เพราะนายกฯ ไม่รู้ว่าตัวเองกำลังพูดอะไรอยู่ ยกตัวอย่าง ที่นายกฯ พูดถึงแกนที่ 1 เรื่องโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ ที่บอกว่าใกล้เสร็จแล้ว ทั้งที่สัญญา 3 สนามบิน ที่คืบหน้า 0% หรือรถไฟไทย-จีน คืบหน้า 6% จึงไม่รู้ว่าใกล้เสร็จของนายกฯ กับนักลงทุนเป็นความย้อนแย้งหรือไม่ ชัดเจนว่าถ้าปล่อยใหพล.อ.ประยุทธ์ อยู่ต่อก็จะเละเป็นโจ๊ก เหมือนตอม่อโฮปเวลล์ ตนไว้วางใจไม่ได้กับความมั่วของอุตสาหกรรมอีวี ที่นายกฯ บอกว่าจะทำให้ไทยเดินนำหน้าทุกประเทศ ซึ่งถูกจีนแซงหน้าไปมากแล้ว ในช่วงที่หนี้สาธารณะสูงที่สุด ค่าครองชีพสูงที่สุด และค่าปุ๋ยแพงที่สุด สิ่งที่ประชาชนอยากได้ยินจากนายกฯ คือทางแก้ของแพงค่าแรงถูก ไม่ใช่มาพูดเรื่องโครงสร้างพื้นฐาน หรือรถยนต์อีวี
นายพิธา กล่าวต่อว่า เท่าที่ตนฟังนายกฯ ชี้แจงมาตลอด 4 วัน พบว่านายกฯ มีแกน 3 คือ นายกฯ คือตัวทำลายศักยภาพของประเทศ คือแกนที่หนึ่ง ทำลายศักยภาพไทยในต่างประเทศ คือแกนที่สอง และทำลายศักยภาพของพี่น้องประชาชน คือแกนที่สาม โดยแกนที่หนึ่ง คือ ตลอด 3 ปีนายกฯ ใช้งบประมาณกว่า 5 แสนล้านบาท อย่างสุรุ่ยสุร่าย และไม่มีประสิทธิภาพ เช่น นายกฯ ไม่มีความกล้าชนเพื่อเจรจากับนายทุนผู้ผลิตไฟฟ้าเพื่อให้ค่าไฟถูกลง นอกจากนี้ ยังมีการทุจริต และไม่มีความสุจริตอย่างเป็นที่ประจักษ์ มีพฤติกรรมลอยนวลพ้นผิด กรณีการจัดซื้อจีที 200 ที่ไม่มีชื่อของผู้เซ็นอนุมัติจัดซื้ออยู่ในสำนวนคำฟ้อง ส่วน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ยังมีข้อกังขาการครอบครองนาฬิกาหรูว่ามีที่มาอย่างไร ถ้าพล.อ.ประวิตร จำซีเรียลนัมเบอร์ไม่ได้ ก็มาเอาที่ตน แล้วไปเช็คที่ห้างสยามพารากอน คืนนี้ก็ได้ จะได้รู้ทันทีว่ามีที่มาจากที่ไหน และเจ้าของชื่ออะไร
นายพิธา กล่าวว่า แกนที่สอง พล.อ.ประยุทธ์ ทำลายศักยภาพไทยในต่างประเทศ โดยนโยบายการต่างประเทศของไทยกำลังอยู่ในช่วงวิกฤตที่จำเป็นต้องมีผู้นำที่เก่ง และมีไพ่หลายใบในการเจรจา เพื่อให้เกิดประโยชน์กับคนไทยให้ได้มากที่สุด ตนอยากให้พล.อ.ประยุทธ์ รู้ว่าการต่างประเทศกับระเบียบการทูตนั้นต่างกัน การที่ท่านได้รับการเชิญให้ไปต่างประเทศเยอะๆ ไม่ใช่การต่างประเทศ แต่เป็นระเบียบทางการทูต คือไม่ได้หมายความว่าท่านมีความสามารถทางการต่างประเทศแต่อย่างใด ด้วยความที่ พล.อ.ประยุทธ์ ไม่มีความเข้าใจเรื่องการต่างประเทศนี้ ทำให้พล.อ.ประยุทธ์ มองว่า ปัญหาเมียนมาเป็นเรื่องเล็กน้อย จึงปล่อยให้เครื่องบินเมียนมาเข้ามาในน่านฟ้าไทย ซึ่งอาจจะทำให้พล.อ.ประยุทธ์ต้องขึ้นศาลโลกในอีก 10-20 ปี ในฐานะอาชญากรสงครามหรือไม่
นายพิธา กล่าวว่า แกนที่สามคือ การทำลายศักยภาพของพี่น้องประชาชน กรณีการใช้ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ซึ่งไม่ได้ทำให้ศักยภาพคนในสังคมดีขึ้น ทั้งที่เป็นหน้าที่ของนายกฯ ที่ต้องเป็นผู้ริเริ่มในการแก้ไข มาตรา 112 ด้วยซ้ำ ไม่ใช่พวกตน เพื่อให้ประเทศเดินหน้าต่อไปข้างหน้าได้ เพราะความรู้สึกของประชาชนเปลี่ยนไปแล้ว สิ่งที่เกิดขึ้นทั้งปวงที่กล่าวไป ทำให้ประชาชนสิ้นหวัง นายกฯ ตอบตนได้หรือไม่ ทเหตุใดประเทศไทยจึงมีคนฆ่าตัวตายมากที่สุดในอาเซียน โดยเฉพาะในกลุ่มคนรุ่นใหม่ คือ ช่วงอายุ 25-34 ปี นั่นเป็นเพราะความสิ้นหวังของคนไทย ที่เกี่ยวข้องกับระบบเศรษฐกิจ
“นายกฯ คนต่อไปจึงต้องเป็นคนที่ทำงานเพื่อประชาชนก่อนตัวเอง ต้องเป็นคนที่มีวิสัยทัศน์ มีความสามารถ รอบรู้ทั้งในประเทศ และต่างประเทศ เป็นคนที่มีความฝันแต่ไม่เพ้อฝัน พร้อมที่จะดึงพลังสร้างสรรค์ของคนรุ่นใหม่เข้ามาทำงานร่วมกัน แม้จะมีความเห็นต่าง เพื่อสร้างประเทศที่ดีกว่าไปด้วยกัน แต่พล.อ.ประยุทธ์ ไม่มีคุณสมบัติเหล่านี้ โดยเป็นที่พิสูจน์ แล้วว่า รัฐนาวาที่นำโดยพล.อ.ประยุทธ์ มายาวนาน 8 ปี ไม่ได้พาเราไปที่ไหน และการเดินทางควรจะจบได้ในวันที่ 23 กรกฎาคมเป็นต้นไป” นายพิธา กล่าว