เรามีน้องชาย 1 คน พ่อแม่เราแยกทางกัน เราอยู่กับพ่อ น้องอยู่กับแม่ จนผ่านไปตอนเราประมาณประถมปลาย แม่เราก็กลับมา เราก็เลยได้มาอยู่กับแม่บ้าง บางคืนก็นอนค้างบ้านแม่ ก็เทียวไปเทียวมาระหว่างบ้านพ่อบ้านแม่
จนแม่เรามีแฟนใหม่ และตอนนั้นแม่เราก็ได้กลับบ้านบ้าง ไม่กลับบ้าง แต่แฟนใหม่นี่จะอยู่ตลอดกับน้องชายเรา จนมาวันนึง เราก็มานอนค้างกับน้อง แต่แม่ไม่อยู่ ด้วยความไว้ใจมาก เราก็เรียกเขาว่าพ่อนะ คืนนั้นเขาเกือบจะข่มขืนเรา แต่เขาหยุดตัวเองได้ก่อนที่เขาจะสอดใส่ เราก็บอกแม่ แม่เราก็บอกว่าจะคุยกับเขา แต่แม่ก็มาบอกเราว่า เราไปนั่งตักเขานิ หลังจากนั้นเราก็ไม่ได้พูดเรื่องนี้กับใครอีกเลย จนเขาสองคนเลิกกัน ตอนนั้นแม่เราเสียใจมาก
แม่เราก็ย้ายไปทำงานที่สระบุรี แม่ก็มีแฟนใหม่อีก ก็อยู่ด้วยกันปกติดี แม่เราก็มาสอนหนังสืออยู่โรงเรียนของที่บ้าน (ตากับยายเปิดโรงเรียนเอกชนระดับอนุบาล-ประถม) แฟนแม่คนนี้ก็สอบติดทหารม้า ทำได้ไม่กี่ปีก็ลาออก มาช่วยงานแม่ที่โรงเรียน แต่อยู่มาวันนึงเราก็เห็นว่าเขาแอบดูเราอาบน้ำ ห้องน้ำมันมีช่องลม เราเห็นจากตรงนั้นระหว่างที่เรากำลังอาบน้ำ ตอนนั้นเราก็ไม่ได้คิดจะบอกใคร แม้แต่แม่เรา เพราะเราจำได้ว่าขนาดแฟนแม่คนแรกทำกับเราขนาดนั้น แม่ยังไม่เข้าข้างเราเลย และเราก็ได่ยินแม่พูดกับแฟนคนใหม่ว่า เราเคยเรียกร้องความสนใจด้วยการบอกว่าแฟนแม่คนเก่าเกือบข่มขืนเรา
จนเราขึ้นปี 1 พอปี 2 เราก็ลาออก เพราะอยากทำงานมากกว่า ก็ลาออกมาทำงาน ทำงานได้ปีกว่า แม่ก็มาบอกเราว่า ให้มาช่วยสอนหนังสือที่โรงเรียน เพราะตาเขาอายที่เราทำงาน 7-11 (ตากับยายไม่เคยสนใจใบดีเราเลยแม้แต่น้อย เราไม่มีความทรงจำเกี่ยวกับเขาสองคนเลย ไม่เคยอยู่ด้วย ไม่เคยเลี้ยงดู) เราก็ลาออกมาสอนหนังสือ ระหว่างนั้นก็เอาเงินเก็บจากการทำงาน 7-11 มาเรียน ปวส.ภาคพิเศษ จนจบ
ก็สอนหนังสือไปตามปกติ จนมีวันนึง วันสอบปลายภาค เราก็ใจดีกับเด็ก เห็นสอบเสร็จแล้ว ก็เลยปล่อยเด็ก(ให้อยู่ในห้องนะ แค่ไม่ได้เข้มงวดเฉยๆ) เด็กก็เริ่มเสียงดัง ตาเราก็เข้ามาโรงเรียนพอดี เลยเรียกเด็กเข้าห้องทั้งหมด และเรียกเราไปด้วย ไล่เราออกต่อหน้าเด็กทั้งห้อง เราก็เลยลาออก ทำคะแนนส่งงานเคลียร์ทุกอย่าง แล้วก็มาติวสอบราชการ จนเราสอบติด
ในระยะเวลาที่เล่ามาทั้งหมด เราแทบไม่ได้คุยกับน้องเลย จนเรามาเป็นข้าราชการ ย้ายมาอยู่อีกจังหวัดหนึ่ง จนเราแต่งงาน(จดทะเบียน ไม่ได้จัดงาน) ในระหว่างนั้นความสัมพันธ์ของเรากับครอบครัวก็ปกติดี แล้วตาก็ล้ม กลายเป็นผู้ป่วยติดเตียง แม่เราก็ขอให้เรากู้เงินมาใช้หนี้ค่านมโรงเรียน 200,000+ บาท เพราะตาไปถอนมาให้ยายเป็นก้อน พอถึงเวลาจ่าย ก็ไม่มีจ่าย สามีเราก็ไปให้เพื่อนเขามาค้ำให้ ก็กู้ได้ เอาเงินมาให้แม่ ตอนแรกแม่เราบอกว่า จะให้หักเงินเดือนเราจนหมด เพราะหนี้จะได้หมดไวๆ แล้วเขาจะโอนคืนให้เราทุกเดือน แต่บุญเรายังมี เจ้าหน้าที่สหกรณ์ไม่แนะนำให้หักหมด เขาจึงหักเราแค่เดือนละ 2,500 บาท แต่พอถึงเวลา แม่เรากลับไม่คืนให้เรา บอกแต่ว่าไม่มีตัง ชักหน้าไม่ถึงหลัง บัญชีโรงเรียนขาดทุน ต้องหมุนไปเรื่อยๆ เราก็โอเคไม่เป็นไร เพราะเรายังอยู่ได้ และเราก็ให้เงินแม่ไปอีก 60,000 บาท ไปทำห้องนอนกับห้องรับแขกที่โรงเรียน แม่เราก็เอาไปหมด ไม่มีทอน ไม่มีประหยัดใดๆ จนสามีเรามาป่วยเป็นหมอนรองกระดูกสันหลังเสื่อม แม่เราก็มาบอกว่า แม่รู้สึกผิดที่มห้เราจดทะเบียนสมรสกัน เพราะเขาเหมือนจะดูแลเราไม่ได้ ซึ่งเราอึ้งไปเลย เพราะตอนที่เราป่วยหนัก ก็มีแต่สามีที่ดูแลเรา และก็ได้สามีเรานะ ที่ไปหาคนค้ำเงินกู้จนเรากู้เงินให้แม่ได้
จนผ่านไป แฟนใหม่แม่ มาบอกเรา ว่าทำร้ายร่างกายน้องชายเรา เนื่องจากน้องเราติดยา เรารู้สึกรับไม่ได้ จึงไปรับน้องมาอยู่ด้วย และคุยแบบเปิดอกกับน้อง น้องบอกเราว่า "แม่โทษน้องทุกอย่าง ที่โรงเรียนขาดทุน ไม่มีเด็ก ไม่มีเงิน เป็นเพราะน้องเราที่ทำเลวๆ และตอนที่แฟนแม่เราทำร้ายร่างกาย แม่ก็ยืนอยู่ข้างๆบอกว่า ตีมันอีก ทำมันอีก ให้มันสำนึก" มีครั้งนึงน้องโดนจับ ตำรวจเรียก 80,000 บาท เพื่อไม่ให้เสียประวัติ แม่เราไปหาเงินมาจ่าย ตอนนั้นเราคิดว่า แม่พยามช่วยน้อง หลังจากนี้มันต้องดีขึ้นนะ แต่น้องมาบอกว่า แม่พูดว่า"แม่อายคนในอำเภอ แม่มีตาเป็นเจ้าของโรงเรียน แม่เป็นครู และสักวันแม่ก็ต้องเป็นเจ้าของโรงเรียนต่อจากตา แม่ไม่อยากให้ใครรู้นี้" และแม่ก็ไม่ได้ช่วยรักษาหรือเยียวยาอะไรน้องเลย มีแต่ดุด่า น้องเราอยู่บ้าน แม่เราอยู่โรงเรียน ๅจ่ายเงินค่าจ้างดูแลตาที่เป็นผู้ป่วยติดเตียง และยายที่เป็นพากินสัน(อาทิตย์นึง 700 บาท) จ่ายเงิน จบกัน แทบไม่ดูแล ไม่ใส่ใจ
ตอนนั้นคือใจเราแตกสลายมากๆ เราคิดว่า แม่ดูแลน้องยังไง ทำไมน้องกลายเป็นแบบนี้ แล้วน้องใช้มาตั้งแต่ ม.4 แม่ทำอะไรอยู่(ตอนนี้น้องอายุ 25 ปี) และภาพเหตุการณ์ทั้งปวงที่เคยเกิดขึ้นกับเรา มันตีย้อนกลับมาหมด จากที่เราคิดว่าเราทำใจได้และไม่รู้สึกอะไรกับเรื่องเลวร้ายพวกนั้นได้แล้ว มันไม่ใช่เลย เราร้องไห้เราเสียใจ เราเครียด กินอะไรไม่ลง จากที่เคยเป็นคนลิ้นจระเข้ กินอะไรก็อร่อย จนน้ำหนักลดเหลือแค่ 39 กิโล เหมือนความรู้สึกทุกอย่างมันเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง สามีเราเขาก็ช่วยเหลือเราทุกอย่าง วางแผน สอน พูดคุย ปรับสภาพ ทุกๆอย่างกับน้องเรา พาไปรักษา พาออกกำลังกาย ชวยคุย ชวนทำนู้นนี่ จนน้องเราสนิทกับสามีเรา
ระหว่างนั้นเราก็เห็นแชทที่แม่คุยกับน้อง บอกว่ารักน้อง อยากให้น้องใช้ชีวิตอยู่ในสังคมได้ คือ พูดอะไรดีๆ คุยดีๆ แบบ คนละเรื่องกับตอนที่ยังอยู่ด้วยกัน พอเห็นแบบนั้นแล้ว เรายิ่งรู้สึกเกลียด ยิ่งรู้สึกแย่ เราไม่ได้คุยกับแม่เรา ตั้งแต่ที่เรารู้เรื่องทำร้ายร่างกายน้อง และแม่เราก็โกรธเรา เพราะเขาคิดว่าเราไปพูดไม่ดีกับแฟนเขา
ตอนนี้ความรู้สึกที่เรามีต่อแม่ มันคือความเกลียด โมโห ยิ่งคิดยิ่งรู้สึกเกลียด เราอยากตัดแม่ตัดลูกกับเขามาก เราถึงขั้นคิดว่า ถ้าชาติหน้าเรายังต้องเกิดมาเป็นคน ขออย่าให้เราได้เจอะได้เจอได้ผูกเวรผูกกรรมอะไรกับแม่เราอีกเลย มันอาจจะบาป แต่เรามีแต่ความคิดและความรู้สึกแบบนั้นต่อแม่เราจริงๆ
ขอบคุณพื้นที่จากพันทิพย์ ที่ให้เราได้ระบาย และทุกๆคนที่รับฟัง
ผิดไหม ที่เรารู้สึกเกลียดแม่มาก
จนแม่เรามีแฟนใหม่ และตอนนั้นแม่เราก็ได้กลับบ้านบ้าง ไม่กลับบ้าง แต่แฟนใหม่นี่จะอยู่ตลอดกับน้องชายเรา จนมาวันนึง เราก็มานอนค้างกับน้อง แต่แม่ไม่อยู่ ด้วยความไว้ใจมาก เราก็เรียกเขาว่าพ่อนะ คืนนั้นเขาเกือบจะข่มขืนเรา แต่เขาหยุดตัวเองได้ก่อนที่เขาจะสอดใส่ เราก็บอกแม่ แม่เราก็บอกว่าจะคุยกับเขา แต่แม่ก็มาบอกเราว่า เราไปนั่งตักเขานิ หลังจากนั้นเราก็ไม่ได้พูดเรื่องนี้กับใครอีกเลย จนเขาสองคนเลิกกัน ตอนนั้นแม่เราเสียใจมาก
แม่เราก็ย้ายไปทำงานที่สระบุรี แม่ก็มีแฟนใหม่อีก ก็อยู่ด้วยกันปกติดี แม่เราก็มาสอนหนังสืออยู่โรงเรียนของที่บ้าน (ตากับยายเปิดโรงเรียนเอกชนระดับอนุบาล-ประถม) แฟนแม่คนนี้ก็สอบติดทหารม้า ทำได้ไม่กี่ปีก็ลาออก มาช่วยงานแม่ที่โรงเรียน แต่อยู่มาวันนึงเราก็เห็นว่าเขาแอบดูเราอาบน้ำ ห้องน้ำมันมีช่องลม เราเห็นจากตรงนั้นระหว่างที่เรากำลังอาบน้ำ ตอนนั้นเราก็ไม่ได้คิดจะบอกใคร แม้แต่แม่เรา เพราะเราจำได้ว่าขนาดแฟนแม่คนแรกทำกับเราขนาดนั้น แม่ยังไม่เข้าข้างเราเลย และเราก็ได่ยินแม่พูดกับแฟนคนใหม่ว่า เราเคยเรียกร้องความสนใจด้วยการบอกว่าแฟนแม่คนเก่าเกือบข่มขืนเรา
จนเราขึ้นปี 1 พอปี 2 เราก็ลาออก เพราะอยากทำงานมากกว่า ก็ลาออกมาทำงาน ทำงานได้ปีกว่า แม่ก็มาบอกเราว่า ให้มาช่วยสอนหนังสือที่โรงเรียน เพราะตาเขาอายที่เราทำงาน 7-11 (ตากับยายไม่เคยสนใจใบดีเราเลยแม้แต่น้อย เราไม่มีความทรงจำเกี่ยวกับเขาสองคนเลย ไม่เคยอยู่ด้วย ไม่เคยเลี้ยงดู) เราก็ลาออกมาสอนหนังสือ ระหว่างนั้นก็เอาเงินเก็บจากการทำงาน 7-11 มาเรียน ปวส.ภาคพิเศษ จนจบ
ก็สอนหนังสือไปตามปกติ จนมีวันนึง วันสอบปลายภาค เราก็ใจดีกับเด็ก เห็นสอบเสร็จแล้ว ก็เลยปล่อยเด็ก(ให้อยู่ในห้องนะ แค่ไม่ได้เข้มงวดเฉยๆ) เด็กก็เริ่มเสียงดัง ตาเราก็เข้ามาโรงเรียนพอดี เลยเรียกเด็กเข้าห้องทั้งหมด และเรียกเราไปด้วย ไล่เราออกต่อหน้าเด็กทั้งห้อง เราก็เลยลาออก ทำคะแนนส่งงานเคลียร์ทุกอย่าง แล้วก็มาติวสอบราชการ จนเราสอบติด
ในระยะเวลาที่เล่ามาทั้งหมด เราแทบไม่ได้คุยกับน้องเลย จนเรามาเป็นข้าราชการ ย้ายมาอยู่อีกจังหวัดหนึ่ง จนเราแต่งงาน(จดทะเบียน ไม่ได้จัดงาน) ในระหว่างนั้นความสัมพันธ์ของเรากับครอบครัวก็ปกติดี แล้วตาก็ล้ม กลายเป็นผู้ป่วยติดเตียง แม่เราก็ขอให้เรากู้เงินมาใช้หนี้ค่านมโรงเรียน 200,000+ บาท เพราะตาไปถอนมาให้ยายเป็นก้อน พอถึงเวลาจ่าย ก็ไม่มีจ่าย สามีเราก็ไปให้เพื่อนเขามาค้ำให้ ก็กู้ได้ เอาเงินมาให้แม่ ตอนแรกแม่เราบอกว่า จะให้หักเงินเดือนเราจนหมด เพราะหนี้จะได้หมดไวๆ แล้วเขาจะโอนคืนให้เราทุกเดือน แต่บุญเรายังมี เจ้าหน้าที่สหกรณ์ไม่แนะนำให้หักหมด เขาจึงหักเราแค่เดือนละ 2,500 บาท แต่พอถึงเวลา แม่เรากลับไม่คืนให้เรา บอกแต่ว่าไม่มีตัง ชักหน้าไม่ถึงหลัง บัญชีโรงเรียนขาดทุน ต้องหมุนไปเรื่อยๆ เราก็โอเคไม่เป็นไร เพราะเรายังอยู่ได้ และเราก็ให้เงินแม่ไปอีก 60,000 บาท ไปทำห้องนอนกับห้องรับแขกที่โรงเรียน แม่เราก็เอาไปหมด ไม่มีทอน ไม่มีประหยัดใดๆ จนสามีเรามาป่วยเป็นหมอนรองกระดูกสันหลังเสื่อม แม่เราก็มาบอกว่า แม่รู้สึกผิดที่มห้เราจดทะเบียนสมรสกัน เพราะเขาเหมือนจะดูแลเราไม่ได้ ซึ่งเราอึ้งไปเลย เพราะตอนที่เราป่วยหนัก ก็มีแต่สามีที่ดูแลเรา และก็ได้สามีเรานะ ที่ไปหาคนค้ำเงินกู้จนเรากู้เงินให้แม่ได้
จนผ่านไป แฟนใหม่แม่ มาบอกเรา ว่าทำร้ายร่างกายน้องชายเรา เนื่องจากน้องเราติดยา เรารู้สึกรับไม่ได้ จึงไปรับน้องมาอยู่ด้วย และคุยแบบเปิดอกกับน้อง น้องบอกเราว่า "แม่โทษน้องทุกอย่าง ที่โรงเรียนขาดทุน ไม่มีเด็ก ไม่มีเงิน เป็นเพราะน้องเราที่ทำเลวๆ และตอนที่แฟนแม่เราทำร้ายร่างกาย แม่ก็ยืนอยู่ข้างๆบอกว่า ตีมันอีก ทำมันอีก ให้มันสำนึก" มีครั้งนึงน้องโดนจับ ตำรวจเรียก 80,000 บาท เพื่อไม่ให้เสียประวัติ แม่เราไปหาเงินมาจ่าย ตอนนั้นเราคิดว่า แม่พยามช่วยน้อง หลังจากนี้มันต้องดีขึ้นนะ แต่น้องมาบอกว่า แม่พูดว่า"แม่อายคนในอำเภอ แม่มีตาเป็นเจ้าของโรงเรียน แม่เป็นครู และสักวันแม่ก็ต้องเป็นเจ้าของโรงเรียนต่อจากตา แม่ไม่อยากให้ใครรู้นี้" และแม่ก็ไม่ได้ช่วยรักษาหรือเยียวยาอะไรน้องเลย มีแต่ดุด่า น้องเราอยู่บ้าน แม่เราอยู่โรงเรียน ๅจ่ายเงินค่าจ้างดูแลตาที่เป็นผู้ป่วยติดเตียง และยายที่เป็นพากินสัน(อาทิตย์นึง 700 บาท) จ่ายเงิน จบกัน แทบไม่ดูแล ไม่ใส่ใจ
ตอนนั้นคือใจเราแตกสลายมากๆ เราคิดว่า แม่ดูแลน้องยังไง ทำไมน้องกลายเป็นแบบนี้ แล้วน้องใช้มาตั้งแต่ ม.4 แม่ทำอะไรอยู่(ตอนนี้น้องอายุ 25 ปี) และภาพเหตุการณ์ทั้งปวงที่เคยเกิดขึ้นกับเรา มันตีย้อนกลับมาหมด จากที่เราคิดว่าเราทำใจได้และไม่รู้สึกอะไรกับเรื่องเลวร้ายพวกนั้นได้แล้ว มันไม่ใช่เลย เราร้องไห้เราเสียใจ เราเครียด กินอะไรไม่ลง จากที่เคยเป็นคนลิ้นจระเข้ กินอะไรก็อร่อย จนน้ำหนักลดเหลือแค่ 39 กิโล เหมือนความรู้สึกทุกอย่างมันเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง สามีเราเขาก็ช่วยเหลือเราทุกอย่าง วางแผน สอน พูดคุย ปรับสภาพ ทุกๆอย่างกับน้องเรา พาไปรักษา พาออกกำลังกาย ชวยคุย ชวนทำนู้นนี่ จนน้องเราสนิทกับสามีเรา
ระหว่างนั้นเราก็เห็นแชทที่แม่คุยกับน้อง บอกว่ารักน้อง อยากให้น้องใช้ชีวิตอยู่ในสังคมได้ คือ พูดอะไรดีๆ คุยดีๆ แบบ คนละเรื่องกับตอนที่ยังอยู่ด้วยกัน พอเห็นแบบนั้นแล้ว เรายิ่งรู้สึกเกลียด ยิ่งรู้สึกแย่ เราไม่ได้คุยกับแม่เรา ตั้งแต่ที่เรารู้เรื่องทำร้ายร่างกายน้อง และแม่เราก็โกรธเรา เพราะเขาคิดว่าเราไปพูดไม่ดีกับแฟนเขา
ตอนนี้ความรู้สึกที่เรามีต่อแม่ มันคือความเกลียด โมโห ยิ่งคิดยิ่งรู้สึกเกลียด เราอยากตัดแม่ตัดลูกกับเขามาก เราถึงขั้นคิดว่า ถ้าชาติหน้าเรายังต้องเกิดมาเป็นคน ขออย่าให้เราได้เจอะได้เจอได้ผูกเวรผูกกรรมอะไรกับแม่เราอีกเลย มันอาจจะบาป แต่เรามีแต่ความคิดและความรู้สึกแบบนั้นต่อแม่เราจริงๆ
ขอบคุณพื้นที่จากพันทิพย์ ที่ให้เราได้ระบาย และทุกๆคนที่รับฟัง