...เรื่องนี้ไม่ต้องเชิญก็ได้มั๊งครับ เปลืองงบเปลืองเวลาเปล่าๆ.../วชรน

กระทู้สนทนา
ผมกลับมองว่าทหารไม่ควรเสียเวลาที่จะต้องมาเชิญและเผชิญกับประชาชนเพื่อทำความเข้าใจในสิ่งที่เห็นต่าง  ทหารเองก็น่าจะรู้ดีอยู่แก่ใจว่าการเห็นต่างที่ว่านี้เกิดจากอะไรและอย่างไร?   ซึ่งตัวทหารเองนั่นแหละควรจะทำความเข้าใจในหมู่ทหารด้วยกันในเรื่อง "บทบาท" และ "หน้าที่" ของทหารเสียก่อนๆ ที่จะเปิดเวทีทำความเข้าใจในสิ่งที่ประชาชนเห็นต่าง   และโดยเฉพาะคำว่า "ทหารอาชีพ"  ถ้าหากทหารตระหนักตรงนี้อย่างจริงจังและสมกับเป็นชายชาติทหาร   ความเห็นต่างหรือแม้กระทั่งภาพลบที่มีต่อสถาบันทหารจากประชาชนคงจะแทบจะไม่มี

ตอนนี้ประเทศไทยควรจับตามองประเทศอินโดนีเซียหรือแม้กระทั่งฟิลิปินส์   การเมืองของสองประเทศเคยติดอยู่กับวังวนทหารมานานนับศตวรรษ  การสลัดและผลักทหารให้ห่างออกไปจากวังวนการเมืองได้  ก็ส่งผลให้สองประเทศนี้พัฒนามาอย่างเรื่อยๆ และมั่นคง(ถึงช้า  และที่สำคัญอีกข้อคือส่งให้ทหารกลับสู่กรมกองและมีความเป็นอาชีพมากขึ้นเรื่อยๆ  

คนที่จุดไฟเผานาตัวเองนั่นแหละ  ควรจะย้อนถามตัวเองเสียก่อนว่าจุดทำไม? (อันนี้ไม่เกี่ยวกับวาทะกรรมเผาบ้านเผาเมืองที่บางท่านอาจจะยกมาค่อนแคะนะ  เพราะวาทะกรรมนี้ถูกใจบรรดาคอที่เป็นแฟนทหารมากทั้งๆ ที่มีการตัดสินไปแล้ว) ไม่ใช่ว่าจุดไฟเผานาเสร็จไปแล้วๆ จึงมาถามคนที่ไม่เห็นด้วยว่าทำไมไม่เห็นด้วยที่ได้จุดไฟเผานาไปตรงนั้น

ประเทศใดๆ ก็ตามที่มีทหารเป็น "ทหารอาชีพ"  ฝึกวินัยใหัมีนิสัยหนักแน่นและมั่นคงประเทศนั้นจะพัฒนาเร็วขึ้น    แต่ถ้าประเทศไหนมีทหารขี้น้อยใจไม่เป็นทหารอาชีพ  เอาเวลาราชการไปตีกอล์ฟบ้าง  กินเงินเดือนด้านอื่นๆ จากตำแหน่งและเกียรติที่ตนได้รับจากราชเช่น ที่ปรึกษาธนาคาร ที่ปรึกษาสมาคมฯ ฯลฯ  หรือแม้กระทั่งดำรงตำแหน่ง สว. ก็ตาม  การพัฒนาของประเทศนั้นๆ แทบจะไม่ขยับและมีแนวโน้มถอยหลังลงคลองด้วยซ้ำเหมือนที่เราและพม่ากำลังเผชิญ   นี่พูดแบบกว้างๆ โดยไม่เจาะจงว่าค่ายคอมมิวนิสต์หรือประชาธิปไตย
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่