นักเศรษฐศาสตร์เตือน ไทยเข้า ‘บริกส์’ ถูกมองเลือกข้าง ติดร่างแห จีน-สหรัฐ
https://www.bangkokbiznews.com/finance/investment/1160383
“นักเศรษฐศาสตร์” ชี้การเข้าเป็นสมาชิกกลุ่ม “บริกส์” ผลประโยชน์ยังไม่ชัด “ศูนย์วิจัยกสิกรไทย-เคเคพี-ทีทีบี-ซีไอเอ็มบีไทย” เตือนระหว่างไทยถูกมองว่า “เลือกข้าง” ระวังติดร่างแหสงครามการค้าระหว่างจีน-สหรัฐ ท่ามกลางความขัดแย้ง
เป็นสมาชิก BRICS ระวังไทยถูกหาว่า “เลือกข้าง”
นาย
บุรินทร์ อดุลวัฒนะ กรรมการผู้จัดการ และ Chief Economist บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด กล่าวว่า วันนี้การเข้าสู่ประเทศสมาชิกในกลุ่ม BRICS ประเทศไทย เป็นเพียงพาร์ตเนอร์ ยังไม่ได้เป็นสมาชิก ดังนั้นในแง่ประโยชน์ก็อาจไม่ได้มีมากนัก
แต่อาจทำให้ประเทศไทยมีเวทีมากขึ้น ในการสื่อสาร ถึงปัญหาต่างๆ รวมถึงอัปเดตสถานการณ์ร่วมกับโลกได้ ส่วนผลบวกอื่นๆ ยังไม่ชัดเจน ว่าได้ประโยชน์ด้านใด เช่น การค้า การลงทุน การเชื่อมกันระหว่างประเทศในกลุ่ม BRICS
อีกด้านที่ต้องระวังคือ โลกอาจมองว่าประเทศไทย “
เลือกข้าง” เพราะการเข้าในกลุ่มสมาชิก BRICS มีบางประเทศเท่านั้น ที่เข้าร่วมไม่ได้ เข้าทุกประเทศ ดังนั้นให้ดีทุกประเทศของอาเซียนต้องเข้าร่วมทุกประเทศ เพื่อหลีกเลี่ยงผลกระทบจากการกีดกันทางการค้ารายประเทศ
ระวังไทยติดร่างแหสงครามการค้าจีน-สหรัฐ
ดร.
พิพัฒน์ เหลืองนฤมิตชัย หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ กลุ่มธุรกิจการเงินเกียรตินาคินภัทร (KKP) กล่าวว่า การสร้างกลุ่ม BRICS เป็นความพยายามในการสร้างกลุ่มขั้วอำนาจอีกกลุ่มขึ้นมา ที่เป็นทางเลือกของประเทศกำลังพัฒนา เพื่อต้องการมีสิทธิมีเสียง มีแรงการเจรจา และต่อรองกับประเทศตะวันตกได้ และประเทศที่พัฒนาแล้วได้
แต่วันนี้การรวมตัวกลุ่มสมาชิก ผลประโยชน์ยังไม่ชัดเจน ซึ่งต้องติดตามประโยชน์ที่ประเทศไทยจะได้รับในการเข้าเป็นสมาชิก BRICS ด้วย
อย่างไรก็ตาม การเข้าสู่สมาชิก BRICS อีกด้านก็มีความเสี่ยงที่จะถูกหมายหัวว่าด้อยค่าสหรัฐ เพราะภายใต้สถานการณ์ปัจจุบัน ที่สหรัฐ และจีนมีประเด็นการค้า การเข้าร่วมกลุ่มนี้ที่มีจีนอยู่ด้วย อาจทำให้ไทยถูกเหมารวมว่าเป็นพวกจีนได้ ดังนั้น ก็มีความเสี่ยง
“
ความเสี่ยงที่ต้องระวังคือ บนโลกที่มีความไม่แน่นอนมากขึ้น ภายใต้ทรัมป์การที่เรากระโดดเข้าไปในกลุ่ม BRICS อาจทำให้เราเสี่ยงมากขึ้น เหมือนเราติดร่างแหไปด้วย ท่ามกลางคนที่ทะเลาะกัน ดังนั้นต้องศึกษาผลดี กับผลกระทบให้ดีว่าสุดท้ายเราได้ประโยชน์หรือเสียประโยชน์มากกว่ากัน”
โอกาสใหม่สร้างสัมพันธ์กับประเทศเศรษฐกิจใหม่
ดร.
อมรเทพ จาวะลา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สำนักวิจัย ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย กล่าวว่า มองว่า การเข้าเป็นสมาชิก BRICS วันนี้ประเทศไทยเป็นเพียงพาร์ตเนอร์ ยังไม่ได้เข้าเป็นสมาชิก แต่เชื่อว่าผลบวกที่มีต่อไทย นอกจากการเป็นสมาชิกกับกลุ่มสำคัญในฝั่งตะวันตกแล้ว การกระชับความสัมพันธ์กับกลุ่มประเทศเศรษฐกิจใหม่ๆ
โดยเฉพาะในเอเชียถือว่าเป็นสิ่งที่ดีในการขยายธุรกิจ ขยายการลงทุน หรือความสัมพันธ์กับประเทศใหม่ๆ จากการอยู่ในกลุ่มสมาชิก BRICS จากปัจจุบันที่ไทยส่งออกหลักไปสหรัฐ
อีกด้าน เชื่อในมุมผลกระทบ โดยเฉพาะการขึ้นกำแพงภาษีของสหรัฐ ที่อาจมีผลต่อประเทศในภูมิภาค หรือสมาชิก BRICS ก็เชื่อว่าประเทศมีความยืดหยุ่นเพียงพอในการรับผลกระทบ เพื่อหาแนวทางเลี่ยงไม่ให้ถูกกระทบจากนโยบายของทรัมป์ได้
“
เชื่อในที่สุดแล้วไทยเองก็ต้องเข้าทุกกลุ่ม เพื่อหาโอกาสใหม่ๆ และไทยเองวันนี้ก็มีเพื่อนน้อยที่สุดในภูมิภาค ดังนั้น มองการเข้าสู่กลุ่มใหม่ๆ อาจเป็นโอกาสของไทยเพิ่มขึ้น เช่นเดียวกันไทย ที่มีการทำสิทธิทางการค้า FTA หรือกลุ่มต่างๆ”
หวั่นไทยถูกเพ่งเล็งจากสหรัฐ
นาย
นริศ สถาผลเดชา ประธานกลุ่มงาน Data และ Analytics ทีเอ็มบีธนชาต กล่าวว่า ปัจจุบันการค้าระหว่างประเทศ ของกลุ่มประเทศที่พัฒนาแล้ว มีแนวโน้มการเติบโตที่ลดลง และไปเติบโตในกลุ่มประเทศเศรษฐกิจใหม่ๆ มากขึ้น
ดังนั้น ความพยายามของไทยที่จะเข้าสู่กลุ่ม BRICS อาจต้องการจับกระแสโลก ซึ่งเชื่อหากไทยใช้โอกาสนี้ในการเข้าสู่การค้าใหม่ๆ ก็จะเป็นโอกาสในการเติบโตของไทย โดยเฉพาะการพึ่งพาจีน หรืออินเดีย ที่มีกำลังซื้อขนาดใหญ่
แต่ปัญหาคือ การหาประโยชน์จากการเข้ากลุ่ม BRICS จะทำอย่างไรให้ไทยได้ประโยชน์ มากกว่าเสียประโยชน์ เพราะวันนี้สิ่งที่ประเทศไทยกำลังเผชิญคือ ปัญหาสินค้าจีนทะลักเข้าไทย ดังนั้น ทำอย่างไร ให้ประเทศไทยได้ประโยชน์ร่วมกันกับประเทศอื่นๆ ขณะเดียวกัน การเข้าสมาชิก BRICS ที่ต้องระวังคือ ไทยอาจถูกสหรัฐเพ่งเล็งได้
ทนายแจม บี้ตร.เคลียร์ 4 ปม หลักสูตรอาสาตำรวจจีน มั่นใจคำชี้แจง ต้องมีคนโกหกแน่ๆ
https://www.matichon.co.th/politics/news_4983293
ทนายแจม บี้ตร.เคลียร์ 4 ข้อ หลักสูตรอาสาตำรวจจีน มั่นใจคำชี้แจง ต้องมีคนโกหกแน่ๆ
จากกรณีที่ปรากฏเป็นข่าวว่า ตำรวจนครบาล 3 มีการเรียกเก็บค่าคอร์สเข้าอบรมเป็นอาสาสมัครตำรวจบ้านกับชาวจีน โดยคิดราคาคอร์สละ 38,000 บาท โดยต่อมา มีการชี้แจงจากเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า เป็นการจัดอบรมของมหาวิทยาลัยสยาม และเจ้าหน้าที่ตำรวจเพียงแค่เป็นวิทยากรนั้น
ล่าสุด (3 ม.ค.)
ศศินันท์ ธรรมนิฐินันท์ หรือ
ทนายแจม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ได้โพสต์ผ่าน แอปพลิเคชั่น X ถึงเรื่องดังกล่าวว่า
“เรื่องอบรมอาสาตำรวจคนจีน เริ่มมีเรื่องไม่ชอบมาพากลนะคะ ทางมหาวิทยาลัยก็ออกมาปฏิเสธเรื่องเก็บเงิน ทางตำรวจก็บอกไม่รู้เรื่องเก็บเงิน แสดงว่าไม่ใครก็ใครต้องโกหกแล้วค่ะ เมื่อวานได้รับโทรศัพท์ทั้งวัน แต่มีสายสำคัญสายหนึ่ง ที่พอจะได้ข้อมูลเพิ่มเกี่ยวกับเรื่องนี้ รอหลักฐานเพิ่มนะคะ
เรื่องเงิน 38,000 บาท การตรวจเส้นทางการเงิน ก็จะทราบได้ว่า การโอนเงินไปที่ไหน ใครโอนเงินให้ใคร แม้กระทั่งเรื่องหนังสือที่มหาวิทยาลัยส่งไปขอให้ตำรวจมาเป็นวิทยากร นั่นก็ดูไม่ปกติเช่นกัน แต่ทั้งตำรวจและอาจารย์ของมหาวิทยาลัย เป็นบุคคลที่มีตัวตนจริงๆทั้งสองฝ่าย
ตอนนี้จึงมีประเด็นสำคัญอยู่ 3-4 ประเด็น
1. เงิน 38,000 บาท ใครจ่ายบ้าง และจ่ายให้ใคร? ตร.จะตรวจสอบเส้นเงินหรือไม่?
2. หนังสือที่อ้างว่าออกจากมหาวิทยาลัยสยาม ใครเป็นคนออกกันแน่?
3. การแอบอ้างทั้ง CIB ทั้ง DSI ตำรวจด้วยกันไม่มีการตรวจสอบก่อน? หลังจากนี้ทางตำรวจจะดำเนินการอย่างไร?
4. ผู้เข้าร่วมอบรบทั้ง 30 คน เป็นนักศึกษาทั้งหมดหรือไม่? หรือเป็นนศ.แค่บางส่วน แล้วมีบุคคลภายนอกมาร่วมด้วยหรือไม่? ทางตำรวจแจ้งว่าอีก 2-3 วัน จะได้คำตอบ ดิฉันก็คาดหวังว่าจะได้คำตอบจากท่านค่ะ”
https://x.com/lawyerJammy/status/1874968698634834180
อึ้งอบรมคนจีนลามวงการทหาร ใส่เครื่องแบบประดับยศ-ร่วมพิธีฯฉ่ำ
https://www.pptvhd36.com/news/สังคม/239898
รันทุกวงการ! อึ้งโครงการอบรมคนจีนลามวงการทหาร ใส่เครื่องแบบเขียวขี้ม้า-ชุดขาวร่วมงานพิธีฯฉ่ำ แถมมีพิธีประดับยศในสโมสรทหารบก
หลังจากเมื่อวานนี้ ทีมข่าว PPTVHD36 เปิดข้อมูลเรื่องหลักสูตรอบรมอาสาตำรวจคนจีน ซึ่งมีการเก็บค่าอบรมหัวละ 38,000 บาท โดยมีตำรวจ กก.สส.บก.น.3 เป็นวิทยากร หลังจบหลักสูตรมอบเสื้อกั๊กตำรวจ บัตรอาสาตำรวจ ที่มีสัญลักษณ์สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยระบุว่าเป็นสมาชิกแจ้งเหตุข่าวอาชญากรรมและการจราจร จนกลายเป็นประเด็นร้อนที่คนในสังคมต่างตั้งคำถามทำได้หรือไม่
ล่าสุดวันนี้ เพจ"บิ๊กเกรียน" เปิดเผยภาพชายคนหนึ่งแต่งกายด้วยชุดข้าราชการ ชุดขาว และอีกภาพแต่งกายคล้ายเครื่องแบบทหาร
พร้อมระบุข้อความ
“คนจีนฉ่ำ จีนแต่งชุดคล้ายข้าราชการ ร่วมงานสำคัญๆ กลุ่มนักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ชาวจีนและเอเจนซี ถือวีซ่านักเรียน เข้าอบรมหลักสูตรต่างๆ ที่เจ้าหน้าที่ต้องตรวจสอบ โดยเฉพาะคนจีนชื่อ #นายพันติ๊ก เป็นเอเจนซี”
ซึ่งเพจ “บิ๊กเกรียน” เปิดเผยภายหลังว่า ชายจีนที่เคลมตัวเองว่า เป็นนายพันติ๊ก ป้ายชื่อที่หน้าออกเขียนว่า "ลีหมิง" โดยจะเห็นว่าภาพที่เพจ “บิ๊กเกรียน” นำมาเปิดเผยนั้น นายลี หมิง คนนี้แต่งชุดขาวดูกลมกลืนกับข้าราชการคนอื่นๆ ถ่ายภาพตอนไปร่วมงานพิธีสำคัญ ในภาพน่าจะเป็น พระบรมราชานุสาวรีย์ พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก เชิงสะพานปฐมบรมราชานุสรณ์หรือสะพานพุทธฯ น่าจะเป็นพิธีวางพานพุ่ม
และอีกหลายภาพ นายลีหมิง แต่งชุดสีเขียวขี้ม้าแขนยาว คล้ายเครื่องแบบทหาร โดยเพจ “บิ๊กเกรียน” ให้ข้อมูลในเพจเพียงว่า “โฉมหน้านายพันติ๊ก หนุ่มจีน อาชีพเอเจนซีทำอสังหาริมทรัพย์(ขายคอนโดมิเนียม) เคลมตัวเองว่าเป็นนายพันติ๊ก”
และอีกโพสต์เป็นภาพหมู่ถ่ายหน้าตึกกองบัญชาการกองทัพบก ซึ่งเพจ “บิ๊กเกรียน” ระบุว่า "ตรวจสอบ ผู้พันติ๊ก คนจีน ด้วย ชักชวนเข้าคอร์ส อบรมสมาชิกรักษาดินแดน" ตามมาด้วยภาพในพิธีประดับยศ โดยเพจ “
บิ๊กเกรียน” ระบุว่า
“ผู้พันติ๊ก จัดคนจีน เข้าร่วมคอร์ส กันมาตั้งแต่ปี62 ตีเนียน เข้าร่วมอบรม กับ สมาคมแห่งหนึ่ง เพื่อเป็นกำลังสำรองรักษาดินแดนไทย ภาพในงานพิธีประดับเครื่องหมายเลื่อนชั้นตำแหน่ง เมื่อวันอาทิตย์ ที่ 23 กุมภาพันธ์ ปี'62 ณ ชั้น 2 ของสโมสร แห่งหนึ่ง แถวๆ ถนนวิภาวดีรังสิต”
ทั้งนี้จากภาพที่ เพจ “บิ๊กเกรียน” นำมาเปิดเผย ทีมข่าวพยายามจะดูรายละเอียดว่า เครื่องแบบที่ นาย
ลี หมิง ใส่ คือเครื่องแบบหน่วยใด สังกัดใดกันแน่ ไล่ตั้งแต่สีของชุดที่ นาย
ลีหมิงใส่ เป็นสีเขียวขี้ม้า ซึ่งเป็นสีประจำของทหารบก
ส่วนที่บริเวณบ่า มีการใส่อินทรธนู ลักษณะคล้ายกับอินทรธนูของผู้กำกับนักศึกษาวิชาทหาร แต่ไม่ใช่ เพราะถ้าอินทรธนูของผู้กำกับนักศึกษาวิชาทหารจะไม่มีเส้นขีดกลาง โดยทีมข่าวก็ตั้งข้อสังเกตอีกหรือว่าจะเป็นอินทนูของทหาร ยศใดตำแหน่งใด จึงเอาไปถามทหารจริงๆ ซึ่งก็ได้คำตอบว่า ทหารไทยไม่มีอินทรธนูลักษณะนี้
ส่วนเครื่องหมายที่บริเวณหน้าอก มีการติดเครื่องหมายและเหรียญหลายอย่าง อันแรกคือเครื่องหมายผ่านการกระโดดร่ม หรือกระโดดหอ ติดที่หน้าอกเสื้อด้านขวา ถัดลงมาเป็นป้ายชื่อเขียนว่า
ลี หมิง
ส่วนหน้าอกเสื้อด้านซ้าย ติดเครื่องหมายแถบ หรือแพแถบข้าราชการ ซึ่งเมื่อไปเทียบดูกับแพแถบข้าราชการทหารยศต่างๆก็ไม่มีแบบนี้เพราะส่วนใหญ่แพแถบทหารยศต่างๆจะมีแค่ 2 แถว แต่ของนาย
ลีหมิง กลับมี 3 แถว แต่ถ้าชุดสีเขียวแบบเต็มตัว ชุดของ นาย
ลีหมิง ดูคล้ายชุดผู้กำกับนักศึกษาวิชาทหารมากที่สุด
นอกจากข้อมูลจากเพจ บิ๊กเกรียน ทีมข่าว PPTVHD36 ยังไปค้นเจอคลิปที่ถูกโพสต์ในติ๊กต๊อก เป็นคลิป ของผู้หญิงคนจีนคนหนึ่งที่เป็นนักร้อง มาทำงานสอนร้องเพลงในประเทศไทย และมักจะไปอบรมหลักสูตรต่างๆ โดยปรากฏภาพที่เธอใส่ชุดเครื่องแบบลักษณะเป็นชุดขาว มีการติดเครื่องหมายตราสัญลักษณ์ต่างๆ คล้ายชุดปกติขาวของข้าราชการไทย
นอกจากนั้นยังปรากฏคลิปการอบรมของสมาคมกำลังสำรองรักษาดินแดน หลักสูตร “
ผู้กำกับกำลังสำรองรักษาดินแดน” โดยมียศเรียกชื่อนำหน้าว่า
“ผู้กำกับตรี” ใส่ชุดเครื่องแบบเต็มยศ ขึ้นประดับเครื่องหมายผู้สำเร็จการอบรม หลักสูตร“ผู้กำกับกำลังสำรองรักษาดินแดน” รุ่นที่ 34 ห้อง เทวกรรมรังรักษ์ สโมสรทหารบก วิภาวดี
ทั้งนี้หากดูจากคลิป ป้ายหลังเวที เขียนสมาคมกำลังสำรองรักษาดินแดนไทย ทีมข่าวจึงนำชื่อนี้ไปค้นในเฟซบุ๊ก ก็พบว่า มีสมาคมนี้จริง เมื่อ
7 สิงหาคม 2565 มีการโพสต์ เข้ารับการฝึกอบรม หลักสูตร
"ผู้กำกับกำลังสำรองรักษาดินแดน" รุ่นที่ 34 ประจำปี 2565 จริง (ตรงกับรุ่นที่หญิงชาวจีนโพสต์คลิป) โดยรายละเอียดการรับสมัคร มีการบอกวัตถุประสงค์ คุณสมบัติของผู้สมัครไว้อย่างละเอียด รวมถึง ค่าใช้จ่ายในการสมัคร 54,500 บาทต่อคน
JJNY : 5in1 เตือนไทยเข้า‘บริกส์’│ทนายแจมบี้ตร.│อึ้งจีนลามวงการทหาร│จีนพบไวรัสHMPV│หวัง “ทรัมป์” จะเด็ดขาดเรื่องสงคราม
https://www.bangkokbiznews.com/finance/investment/1160383
“นักเศรษฐศาสตร์” ชี้การเข้าเป็นสมาชิกกลุ่ม “บริกส์” ผลประโยชน์ยังไม่ชัด “ศูนย์วิจัยกสิกรไทย-เคเคพี-ทีทีบี-ซีไอเอ็มบีไทย” เตือนระหว่างไทยถูกมองว่า “เลือกข้าง” ระวังติดร่างแหสงครามการค้าระหว่างจีน-สหรัฐ ท่ามกลางความขัดแย้ง
เป็นสมาชิก BRICS ระวังไทยถูกหาว่า “เลือกข้าง”
นายบุรินทร์ อดุลวัฒนะ กรรมการผู้จัดการ และ Chief Economist บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด กล่าวว่า วันนี้การเข้าสู่ประเทศสมาชิกในกลุ่ม BRICS ประเทศไทย เป็นเพียงพาร์ตเนอร์ ยังไม่ได้เป็นสมาชิก ดังนั้นในแง่ประโยชน์ก็อาจไม่ได้มีมากนัก
แต่อาจทำให้ประเทศไทยมีเวทีมากขึ้น ในการสื่อสาร ถึงปัญหาต่างๆ รวมถึงอัปเดตสถานการณ์ร่วมกับโลกได้ ส่วนผลบวกอื่นๆ ยังไม่ชัดเจน ว่าได้ประโยชน์ด้านใด เช่น การค้า การลงทุน การเชื่อมกันระหว่างประเทศในกลุ่ม BRICS
อีกด้านที่ต้องระวังคือ โลกอาจมองว่าประเทศไทย “เลือกข้าง” เพราะการเข้าในกลุ่มสมาชิก BRICS มีบางประเทศเท่านั้น ที่เข้าร่วมไม่ได้ เข้าทุกประเทศ ดังนั้นให้ดีทุกประเทศของอาเซียนต้องเข้าร่วมทุกประเทศ เพื่อหลีกเลี่ยงผลกระทบจากการกีดกันทางการค้ารายประเทศ
ระวังไทยติดร่างแหสงครามการค้าจีน-สหรัฐ
ดร.พิพัฒน์ เหลืองนฤมิตชัย หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ กลุ่มธุรกิจการเงินเกียรตินาคินภัทร (KKP) กล่าวว่า การสร้างกลุ่ม BRICS เป็นความพยายามในการสร้างกลุ่มขั้วอำนาจอีกกลุ่มขึ้นมา ที่เป็นทางเลือกของประเทศกำลังพัฒนา เพื่อต้องการมีสิทธิมีเสียง มีแรงการเจรจา และต่อรองกับประเทศตะวันตกได้ และประเทศที่พัฒนาแล้วได้
แต่วันนี้การรวมตัวกลุ่มสมาชิก ผลประโยชน์ยังไม่ชัดเจน ซึ่งต้องติดตามประโยชน์ที่ประเทศไทยจะได้รับในการเข้าเป็นสมาชิก BRICS ด้วย
อย่างไรก็ตาม การเข้าสู่สมาชิก BRICS อีกด้านก็มีความเสี่ยงที่จะถูกหมายหัวว่าด้อยค่าสหรัฐ เพราะภายใต้สถานการณ์ปัจจุบัน ที่สหรัฐ และจีนมีประเด็นการค้า การเข้าร่วมกลุ่มนี้ที่มีจีนอยู่ด้วย อาจทำให้ไทยถูกเหมารวมว่าเป็นพวกจีนได้ ดังนั้น ก็มีความเสี่ยง
“ความเสี่ยงที่ต้องระวังคือ บนโลกที่มีความไม่แน่นอนมากขึ้น ภายใต้ทรัมป์การที่เรากระโดดเข้าไปในกลุ่ม BRICS อาจทำให้เราเสี่ยงมากขึ้น เหมือนเราติดร่างแหไปด้วย ท่ามกลางคนที่ทะเลาะกัน ดังนั้นต้องศึกษาผลดี กับผลกระทบให้ดีว่าสุดท้ายเราได้ประโยชน์หรือเสียประโยชน์มากกว่ากัน”
โอกาสใหม่สร้างสัมพันธ์กับประเทศเศรษฐกิจใหม่
ดร.อมรเทพ จาวะลา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สำนักวิจัย ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย กล่าวว่า มองว่า การเข้าเป็นสมาชิก BRICS วันนี้ประเทศไทยเป็นเพียงพาร์ตเนอร์ ยังไม่ได้เข้าเป็นสมาชิก แต่เชื่อว่าผลบวกที่มีต่อไทย นอกจากการเป็นสมาชิกกับกลุ่มสำคัญในฝั่งตะวันตกแล้ว การกระชับความสัมพันธ์กับกลุ่มประเทศเศรษฐกิจใหม่ๆ
โดยเฉพาะในเอเชียถือว่าเป็นสิ่งที่ดีในการขยายธุรกิจ ขยายการลงทุน หรือความสัมพันธ์กับประเทศใหม่ๆ จากการอยู่ในกลุ่มสมาชิก BRICS จากปัจจุบันที่ไทยส่งออกหลักไปสหรัฐ
อีกด้าน เชื่อในมุมผลกระทบ โดยเฉพาะการขึ้นกำแพงภาษีของสหรัฐ ที่อาจมีผลต่อประเทศในภูมิภาค หรือสมาชิก BRICS ก็เชื่อว่าประเทศมีความยืดหยุ่นเพียงพอในการรับผลกระทบ เพื่อหาแนวทางเลี่ยงไม่ให้ถูกกระทบจากนโยบายของทรัมป์ได้
“เชื่อในที่สุดแล้วไทยเองก็ต้องเข้าทุกกลุ่ม เพื่อหาโอกาสใหม่ๆ และไทยเองวันนี้ก็มีเพื่อนน้อยที่สุดในภูมิภาค ดังนั้น มองการเข้าสู่กลุ่มใหม่ๆ อาจเป็นโอกาสของไทยเพิ่มขึ้น เช่นเดียวกันไทย ที่มีการทำสิทธิทางการค้า FTA หรือกลุ่มต่างๆ”
หวั่นไทยถูกเพ่งเล็งจากสหรัฐ
นายนริศ สถาผลเดชา ประธานกลุ่มงาน Data และ Analytics ทีเอ็มบีธนชาต กล่าวว่า ปัจจุบันการค้าระหว่างประเทศ ของกลุ่มประเทศที่พัฒนาแล้ว มีแนวโน้มการเติบโตที่ลดลง และไปเติบโตในกลุ่มประเทศเศรษฐกิจใหม่ๆ มากขึ้น
ดังนั้น ความพยายามของไทยที่จะเข้าสู่กลุ่ม BRICS อาจต้องการจับกระแสโลก ซึ่งเชื่อหากไทยใช้โอกาสนี้ในการเข้าสู่การค้าใหม่ๆ ก็จะเป็นโอกาสในการเติบโตของไทย โดยเฉพาะการพึ่งพาจีน หรืออินเดีย ที่มีกำลังซื้อขนาดใหญ่
แต่ปัญหาคือ การหาประโยชน์จากการเข้ากลุ่ม BRICS จะทำอย่างไรให้ไทยได้ประโยชน์ มากกว่าเสียประโยชน์ เพราะวันนี้สิ่งที่ประเทศไทยกำลังเผชิญคือ ปัญหาสินค้าจีนทะลักเข้าไทย ดังนั้น ทำอย่างไร ให้ประเทศไทยได้ประโยชน์ร่วมกันกับประเทศอื่นๆ ขณะเดียวกัน การเข้าสมาชิก BRICS ที่ต้องระวังคือ ไทยอาจถูกสหรัฐเพ่งเล็งได้
ทนายแจม บี้ตร.เคลียร์ 4 ปม หลักสูตรอาสาตำรวจจีน มั่นใจคำชี้แจง ต้องมีคนโกหกแน่ๆ
https://www.matichon.co.th/politics/news_4983293
ทนายแจม บี้ตร.เคลียร์ 4 ข้อ หลักสูตรอาสาตำรวจจีน มั่นใจคำชี้แจง ต้องมีคนโกหกแน่ๆ
จากกรณีที่ปรากฏเป็นข่าวว่า ตำรวจนครบาล 3 มีการเรียกเก็บค่าคอร์สเข้าอบรมเป็นอาสาสมัครตำรวจบ้านกับชาวจีน โดยคิดราคาคอร์สละ 38,000 บาท โดยต่อมา มีการชี้แจงจากเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า เป็นการจัดอบรมของมหาวิทยาลัยสยาม และเจ้าหน้าที่ตำรวจเพียงแค่เป็นวิทยากรนั้น
ล่าสุด (3 ม.ค.) ศศินันท์ ธรรมนิฐินันท์ หรือ ทนายแจม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ได้โพสต์ผ่าน แอปพลิเคชั่น X ถึงเรื่องดังกล่าวว่า
“เรื่องอบรมอาสาตำรวจคนจีน เริ่มมีเรื่องไม่ชอบมาพากลนะคะ ทางมหาวิทยาลัยก็ออกมาปฏิเสธเรื่องเก็บเงิน ทางตำรวจก็บอกไม่รู้เรื่องเก็บเงิน แสดงว่าไม่ใครก็ใครต้องโกหกแล้วค่ะ เมื่อวานได้รับโทรศัพท์ทั้งวัน แต่มีสายสำคัญสายหนึ่ง ที่พอจะได้ข้อมูลเพิ่มเกี่ยวกับเรื่องนี้ รอหลักฐานเพิ่มนะคะ
เรื่องเงิน 38,000 บาท การตรวจเส้นทางการเงิน ก็จะทราบได้ว่า การโอนเงินไปที่ไหน ใครโอนเงินให้ใคร แม้กระทั่งเรื่องหนังสือที่มหาวิทยาลัยส่งไปขอให้ตำรวจมาเป็นวิทยากร นั่นก็ดูไม่ปกติเช่นกัน แต่ทั้งตำรวจและอาจารย์ของมหาวิทยาลัย เป็นบุคคลที่มีตัวตนจริงๆทั้งสองฝ่าย
ตอนนี้จึงมีประเด็นสำคัญอยู่ 3-4 ประเด็น
1. เงิน 38,000 บาท ใครจ่ายบ้าง และจ่ายให้ใคร? ตร.จะตรวจสอบเส้นเงินหรือไม่?
2. หนังสือที่อ้างว่าออกจากมหาวิทยาลัยสยาม ใครเป็นคนออกกันแน่?
3. การแอบอ้างทั้ง CIB ทั้ง DSI ตำรวจด้วยกันไม่มีการตรวจสอบก่อน? หลังจากนี้ทางตำรวจจะดำเนินการอย่างไร?
4. ผู้เข้าร่วมอบรบทั้ง 30 คน เป็นนักศึกษาทั้งหมดหรือไม่? หรือเป็นนศ.แค่บางส่วน แล้วมีบุคคลภายนอกมาร่วมด้วยหรือไม่? ทางตำรวจแจ้งว่าอีก 2-3 วัน จะได้คำตอบ ดิฉันก็คาดหวังว่าจะได้คำตอบจากท่านค่ะ”
https://x.com/lawyerJammy/status/1874968698634834180
อึ้งอบรมคนจีนลามวงการทหาร ใส่เครื่องแบบประดับยศ-ร่วมพิธีฯฉ่ำ
https://www.pptvhd36.com/news/สังคม/239898
รันทุกวงการ! อึ้งโครงการอบรมคนจีนลามวงการทหาร ใส่เครื่องแบบเขียวขี้ม้า-ชุดขาวร่วมงานพิธีฯฉ่ำ แถมมีพิธีประดับยศในสโมสรทหารบก
หลังจากเมื่อวานนี้ ทีมข่าว PPTVHD36 เปิดข้อมูลเรื่องหลักสูตรอบรมอาสาตำรวจคนจีน ซึ่งมีการเก็บค่าอบรมหัวละ 38,000 บาท โดยมีตำรวจ กก.สส.บก.น.3 เป็นวิทยากร หลังจบหลักสูตรมอบเสื้อกั๊กตำรวจ บัตรอาสาตำรวจ ที่มีสัญลักษณ์สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยระบุว่าเป็นสมาชิกแจ้งเหตุข่าวอาชญากรรมและการจราจร จนกลายเป็นประเด็นร้อนที่คนในสังคมต่างตั้งคำถามทำได้หรือไม่
ล่าสุดวันนี้ เพจ"บิ๊กเกรียน" เปิดเผยภาพชายคนหนึ่งแต่งกายด้วยชุดข้าราชการ ชุดขาว และอีกภาพแต่งกายคล้ายเครื่องแบบทหาร
พร้อมระบุข้อความ
“คนจีนฉ่ำ จีนแต่งชุดคล้ายข้าราชการ ร่วมงานสำคัญๆ กลุ่มนักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ชาวจีนและเอเจนซี ถือวีซ่านักเรียน เข้าอบรมหลักสูตรต่างๆ ที่เจ้าหน้าที่ต้องตรวจสอบ โดยเฉพาะคนจีนชื่อ #นายพันติ๊ก เป็นเอเจนซี”
ซึ่งเพจ “บิ๊กเกรียน” เปิดเผยภายหลังว่า ชายจีนที่เคลมตัวเองว่า เป็นนายพันติ๊ก ป้ายชื่อที่หน้าออกเขียนว่า "ลีหมิง" โดยจะเห็นว่าภาพที่เพจ “บิ๊กเกรียน” นำมาเปิดเผยนั้น นายลี หมิง คนนี้แต่งชุดขาวดูกลมกลืนกับข้าราชการคนอื่นๆ ถ่ายภาพตอนไปร่วมงานพิธีสำคัญ ในภาพน่าจะเป็น พระบรมราชานุสาวรีย์ พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก เชิงสะพานปฐมบรมราชานุสรณ์หรือสะพานพุทธฯ น่าจะเป็นพิธีวางพานพุ่ม
และอีกหลายภาพ นายลีหมิง แต่งชุดสีเขียวขี้ม้าแขนยาว คล้ายเครื่องแบบทหาร โดยเพจ “บิ๊กเกรียน” ให้ข้อมูลในเพจเพียงว่า “โฉมหน้านายพันติ๊ก หนุ่มจีน อาชีพเอเจนซีทำอสังหาริมทรัพย์(ขายคอนโดมิเนียม) เคลมตัวเองว่าเป็นนายพันติ๊ก”
และอีกโพสต์เป็นภาพหมู่ถ่ายหน้าตึกกองบัญชาการกองทัพบก ซึ่งเพจ “บิ๊กเกรียน” ระบุว่า "ตรวจสอบ ผู้พันติ๊ก คนจีน ด้วย ชักชวนเข้าคอร์ส อบรมสมาชิกรักษาดินแดน" ตามมาด้วยภาพในพิธีประดับยศ โดยเพจ “บิ๊กเกรียน” ระบุว่า
“ผู้พันติ๊ก จัดคนจีน เข้าร่วมคอร์ส กันมาตั้งแต่ปี62 ตีเนียน เข้าร่วมอบรม กับ สมาคมแห่งหนึ่ง เพื่อเป็นกำลังสำรองรักษาดินแดนไทย ภาพในงานพิธีประดับเครื่องหมายเลื่อนชั้นตำแหน่ง เมื่อวันอาทิตย์ ที่ 23 กุมภาพันธ์ ปี'62 ณ ชั้น 2 ของสโมสร แห่งหนึ่ง แถวๆ ถนนวิภาวดีรังสิต”
ทั้งนี้จากภาพที่ เพจ “บิ๊กเกรียน” นำมาเปิดเผย ทีมข่าวพยายามจะดูรายละเอียดว่า เครื่องแบบที่ นายลี หมิง ใส่ คือเครื่องแบบหน่วยใด สังกัดใดกันแน่ ไล่ตั้งแต่สีของชุดที่ นายลีหมิงใส่ เป็นสีเขียวขี้ม้า ซึ่งเป็นสีประจำของทหารบก
ส่วนที่บริเวณบ่า มีการใส่อินทรธนู ลักษณะคล้ายกับอินทรธนูของผู้กำกับนักศึกษาวิชาทหาร แต่ไม่ใช่ เพราะถ้าอินทรธนูของผู้กำกับนักศึกษาวิชาทหารจะไม่มีเส้นขีดกลาง โดยทีมข่าวก็ตั้งข้อสังเกตอีกหรือว่าจะเป็นอินทนูของทหาร ยศใดตำแหน่งใด จึงเอาไปถามทหารจริงๆ ซึ่งก็ได้คำตอบว่า ทหารไทยไม่มีอินทรธนูลักษณะนี้
ส่วนเครื่องหมายที่บริเวณหน้าอก มีการติดเครื่องหมายและเหรียญหลายอย่าง อันแรกคือเครื่องหมายผ่านการกระโดดร่ม หรือกระโดดหอ ติดที่หน้าอกเสื้อด้านขวา ถัดลงมาเป็นป้ายชื่อเขียนว่า ลี หมิง
ส่วนหน้าอกเสื้อด้านซ้าย ติดเครื่องหมายแถบ หรือแพแถบข้าราชการ ซึ่งเมื่อไปเทียบดูกับแพแถบข้าราชการทหารยศต่างๆก็ไม่มีแบบนี้เพราะส่วนใหญ่แพแถบทหารยศต่างๆจะมีแค่ 2 แถว แต่ของนายลีหมิง กลับมี 3 แถว แต่ถ้าชุดสีเขียวแบบเต็มตัว ชุดของ นายลีหมิง ดูคล้ายชุดผู้กำกับนักศึกษาวิชาทหารมากที่สุด
นอกจากข้อมูลจากเพจ บิ๊กเกรียน ทีมข่าว PPTVHD36 ยังไปค้นเจอคลิปที่ถูกโพสต์ในติ๊กต๊อก เป็นคลิป ของผู้หญิงคนจีนคนหนึ่งที่เป็นนักร้อง มาทำงานสอนร้องเพลงในประเทศไทย และมักจะไปอบรมหลักสูตรต่างๆ โดยปรากฏภาพที่เธอใส่ชุดเครื่องแบบลักษณะเป็นชุดขาว มีการติดเครื่องหมายตราสัญลักษณ์ต่างๆ คล้ายชุดปกติขาวของข้าราชการไทย
นอกจากนั้นยังปรากฏคลิปการอบรมของสมาคมกำลังสำรองรักษาดินแดน หลักสูตร “ผู้กำกับกำลังสำรองรักษาดินแดน” โดยมียศเรียกชื่อนำหน้าว่า “ผู้กำกับตรี” ใส่ชุดเครื่องแบบเต็มยศ ขึ้นประดับเครื่องหมายผู้สำเร็จการอบรม หลักสูตร“ผู้กำกับกำลังสำรองรักษาดินแดน” รุ่นที่ 34 ห้อง เทวกรรมรังรักษ์ สโมสรทหารบก วิภาวดี
ทั้งนี้หากดูจากคลิป ป้ายหลังเวที เขียนสมาคมกำลังสำรองรักษาดินแดนไทย ทีมข่าวจึงนำชื่อนี้ไปค้นในเฟซบุ๊ก ก็พบว่า มีสมาคมนี้จริง เมื่อ
7 สิงหาคม 2565 มีการโพสต์ เข้ารับการฝึกอบรม หลักสูตร "ผู้กำกับกำลังสำรองรักษาดินแดน" รุ่นที่ 34 ประจำปี 2565 จริง (ตรงกับรุ่นที่หญิงชาวจีนโพสต์คลิป) โดยรายละเอียดการรับสมัคร มีการบอกวัตถุประสงค์ คุณสมบัติของผู้สมัครไว้อย่างละเอียด รวมถึง ค่าใช้จ่ายในการสมัคร 54,500 บาทต่อคน