คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 37
เมนูสุดสร้างสรรค์ ที่เราจะชวนทุกๆท่านเคลิบเคลิ้มไปกับมนต์เสน่ห์แห่งอาหารเหนือ ผสานวิถีไทยภาคกลางตำหรับชาววัง
สู่เมนูฟิวชั่น 🥥 ”แกงกระด้างไข่กรอบราดซอสปลาร้าในกะลา” 🥗
ก่อนอื่นต้องเกริ่นถึงกิจกรรมสุดพิเศษแบบนี้ของ 🐟 ปลาร้าพาราไดซ์ by ปลาหมึก น้ำปลาร้าปรุงรสพาสเจอร์ไรซ์ ถืกใจหลายเด้ เพราะดั้นไปเจอในอีเมลล์จากพันทิปที่เขาเชิญชวนให้ทุกคนเข้าควรอวดฝีมือทำอาหาร ผ่านการใช้ปลาร้า ของดีวิถีไทยอีสาน 🍽 สู่การสร้างสรรค์เมนู ที่ตอบโจทย์ของทุกคน เมื่อเห็นแว๊ปเแรกก็ปิ๊งไอเดีย เมนูที่อยากทำ เพราะตัวเองเป็นคนชอบเรื่องราวของประวัติศาสตร์ และอาหารพื้นถิ่น จึงนำสองอย่างนี้มามิกซ์ ผสมผสานออกมาเป็นเมนูในวันนี้ ไม่รอช้าจึงกด shopee เข้าไปที่ Squidbrand Official Shop แล้วเลือกมาทั้งสองรสชาติเลย ทั้งสูตรแซ่บโหน่ง (ฝาส้ม) อันนี้เขาผลิตจากปลากระดี่ชั้นดี หอมโหน่ง ชะชะช่า เอ้ย!! หอมโหน่ง เฉยๆ ที่จะฟินกับกลิ่นข้าวคั่ว รสเข้มข้นได้ใจไม่มีกลิ่นคาว และอีกขวดเป็นสูตรแซ่บนัว (ฝาแดง) ซึ่งทำมาจากปลากะตักเกรด A ให้รสกลมกล่อม แซ่บ นัว กดสั่งปุ๊ป 📲 อีกสองวันของได้ปั๊ป จึงไม่รอช้าเราไปลงมือเข้าครัวประกวดประชันฝีมือกันเลยครับ
🍲 ”แกงกระด้างไข่กรอบราดซอสปลาร้าในกะลา”🥥
เมนูนี้จะมีส่วนประกอบทั้งหมด สามส่วนด้วยกัน ได้แก่
🔸1.ตัวแกงกระด้างที่มีลักษณะเป็นวุ้น 🔸2.ไข่กรอบ และ 🔸3.ปลาร้าในกะลา ซึ่งเป็นซอสไว้สำหรับราดในแกง
ปักหมุดจุดเริ่มต้นที่คิดเมนูนี้เกิดจากการศึกษาในตำหรับอาหารชาววังของวังสวนสุนันทา ซึ่งเป็นอาหารไทยชาววังในตำรับพระวิมาดาเธอ กรมพระสุทธาสินีนาฏ พระอรรคชายาเธอในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ผู้ดูแลห้องพระเครื่อง ทรงคิดค้นขึ้นเมนูเครื่องจิ้ม มากมายและหนึ่งในนั้นคือปลาร้าในกะลา ที่มีกรรมวิธีไม่ยาก และจะมีเคล็ดลับการรับประทานที่ไม่เหมือนใครในสมัยนั้น จึงนำมาดัดแปลงทำเป็นตัวซอส ราดกับแกงกระด้างที่เป็นเมนูของทางภาคเหนือที่เกิดจากการการทำแกงหมูแล้วอากาศหนาวน้ำแกงจึงเซทตัวเป็นวุ้น จะได้การกินที่มีความสัมผัสในอีกหนึ่งรูปแบบ ทั้งหมดนี้จึงนำมาปรับเป็นสูตรใหม่ให้ไฉไล เข้ายุค โดยจะใช้ปลาร้าพาราไดร์ทั้งสองสูตร มาทำ เราไปเริ่มกันเลยนะออเจ้า...
🔺 🔻🔺 🔻🔺 🔻🔺 🔻🔺 🔻🔺 🔻🔺 🔻🔺 🔻
เริ่มแรกเรามาทำส่วนของแกงกระด้างกันก่อน
วัตถุดิบประกอบด้วย
- ปลาร้าพาราไดร์ สูตรแซ่บนัว ฝาแดง 2 ช้อนโต๊ะ
- พริกแกงแดง 2 ช้อนโต๊ะ
- ผงวุ้น 2 ช้อนชา
- ขาหมู 1 ขีด
- กุ้งขาว 5 ตัว
- มะเขือเทศ หลากสี
- แคร์รอตหั่นเต๋า
- ต้นหอมซอย
- ผักชีซอย
- น้ำเปล่า 500 มิลลิลิตร
เริ่มต้นด้วยการนำเนื้อขาหมู อู๊ดๆ 🐷 หั่นเป็นชิ้นเล็กๆ พอคำเคี้ยวได้ แล้วแกะเปลือกกุ้ง นำมาสับละเอียด พักไว้ แล้วตั้งกระทะ จุดไฟให้ลุกโชน แล้วโยนแกงแดง ให้ไปสำแดงความซู่ซ่า กลิ่นฉุน ในกระทะ ผัดให้แตกมัน แล้วเบาไฟ นำหมู ที่หั่นสับไว้ลงคั่วกับพริกแกง
ผัดพริกแกงหมู แล้วจึงใส่กุ้งสับลงไป 🦐 ผัดให้หอมฟุ้ง จึงปรุงด้วยน้ำปลาตราปลาหมึก รสชาติดี เติมตามชอบ แล้วตามด้วยตัดหวานจากน้ำตาลทราย เมื่อผัดกันดีแล้วพักไว้
แล้วเรามาทำน้ำแกงกัน ซึ่งเราจะใช้ผงวุ้น เป็นตัวช่วยดุนดันความอร่อยให้เร็วขึ้น โดยการเทน้ำลงหม้อ เติมผงวุ้นลงไป คนให้ละลายดี สังเกตว่าจะไม่มีเศษผงติดที่ปลายช้อนคน แล้วพักไว้สัก 5 นาที 🕐 เพื่อให้ผงวุ้นทำปฏิกิริยากับน้ำ แล้วนำตั้งไฟ หมั่นคนไปเรื่อยๆ แล้วนำพริแกงที่ผัดเทใส่ลงไป ตามด้วยปลาร้า พาราไดร์สูตรแซ่บนัว ที่เลือกใช้สูตรนี้กับแกงกระด้างเพราะด้วยความที่ปลาร้าของพาราไดร์มีกรรมวิธีการหมักแบบธรรมชาติ 100% ทำให้ได้กลิ่นและรสสัมผัสที่รู้สึกได้ถึงความเป็นทำธรรมชาติ ไม่ปรุงแต่ง และมีกลิ่นหอมอ่อนๆ ไม่คาว ไม่เค็ม เหมาะกับคนรุ่นใหม่หรือมือใหม่พึ่งหัดรับประทานปลาร้า ด้วย
เราสามารถและเติมได้ตามความชอบ ลองชิมแล้วค่อยๆเติมเพิ่มรส และปรุงด้วยน้ำปลาอีกเล็กน้อย มั่นคนไม่ต้องคอย enjoy กับการเคี่ยวคน. คนไปเรื่อยๆจนน้ำเริ่มหนืดขึ้นมา ไม่รอช้าคว้าผักแคร์รอต ผักชี ต้นหอม ใส่รวมลงไป
แล้วตักน้ำแกงลงใส่ภาชนะรูปร่างตามต้องการ แล้วนำเข้าไปแช่ในตู้เย็น ทอ้งไว้ประมาณ 1/2 ชั่วโมง จึงนำออกมาได้
🔸 🔹🔸 🔹🔸 🔹🔸 🔹🔸 🔹🔸 🔹🔸 🔹🔸 🔹🔸 🔹
ส่วนที่สอง มาลองทำปลาร้าในกะลา ปรับสูตรมาจากตำหรับพระวิมาดาฯ วัตถุดิบมีดังนี้
ปลาร้าพาราไดซ์ รสแซ่บนัว 2 ช้อนโต๊ะ
หัวกะทิ 250 มิลลิลิตร
น้ำปลาตราปลาหมึก 1/4 ช้อนโตีะ
หอมแดงบุบ 5 หัว
สามเกลอ
(กระเทียม พริกไทย รากผักชี)
น้ำมะกรูด 2 ช้อนชา
ใบมะกรูดฉีก 4 ใบ
พริกขี้หนูบุบพอแหลก ตามชอบ
เริ่มต้นตำหรับชาววังด้วยการโขลกสามเกลอ กระเทียม พริกไทย รากผักชี 🧄 โขลกหยาบเกือบละเอียด เพราะเราจะใช้กลิ่นเป็นหลัก จากนั้นต้มกะทิ โดยเทกะทิลงกระทะ ตั้งไฟให้กะทิแตกมัน แล้วนำสามเกลอใส่ลงไป เคี่ยวให้ส่วนผสมเข้ากับกะทิ มีกลิ่นหอมขั้นมา
นำหอมแดงบุบ และพริกขี้หนูบุบ 🌶 ใส่ลงตาม ตามชอบ ตรงนี้เราจะได้กลิ่นสมุนไพรที่มากขึ้น ช่วยบรรเทาอาการหวัดได้ด้วย สูดกลิ่นหมสดชื่น ต่อมาฉีกใบมะกรูดลงไป ย้ำว่าให้ฉีกแล้วขยี้ ขยำใบเล็กน้อย พอใก้น้ำมันจากใบส่งกลิ่นออกมา แล้วใส่ลงกะทะ เคี่ยวจะเริ่มมีความเหนียวหนืด ตามด้วยไฮไลท์ของเราคือ ปลาร้า พาราไดร์ รสแซ่บนัว ฝาแดง ซึ่งจะใส่ในปริมาณ 2 ช้อนโต๊ะ หรือถ้าในชอบมากกว่านั้นก็ปรับสูตรใส่ได้ ขอแอบกระซิบว่า พอใส่น้ำปลาร้าลงไป มันทำให้กลิ่นละมุนขึ้น อาหารของเรายิ่งน่ารับประทานมากๆเลย
เมื่อเคี่ยวจนได้ที่ ให้เปิดไฟ แล้วบีบน้ำมะกรูดลงไป 🍋 ซึ่งเราต้องปิดไฟก่อน เพราะถ้ายังมีความร้อนที่มาก น้ำมะกรูดจะขมไป ซึ่งโดยตำหรับของพระวิมาดา นั้น จะนำต้มกะทิที่ได้ ใส่ลงในกะละ แล้วก่อนรับประทาน 🥥 จะนำกะลาที่ใส่กะทิไปตั้งไฟ ให้ร้อน ซึ่งจะได้ความหอมจากกะลาเพิ่มขึ้นมาอีกด้วย
🟧 🟨 🟧 🟨 🟧 🟨 🟧 🟨 🟧 🟨 🟧 🟨 🟧 🟨 🟧 🟨
ส่วนที่สาม ส่วนสุดท้าย เราจะทำ topping สำหรับตกแต่งหน้าตาของอาหาร และยังสามารถทานเป็นสแน็คได้ด้วย นั้นคือการทำไข่กรอบ โดยมีส่วนผสมคือ
น้ำปลาร้า พาราไดซ์ รสแซ่บโหน่ง 1 ช้อนโต๊ะ
ไข่ไก่ สองฟอง
ผงทอดกรอบ 1 ช้อนโต๊ะ
น้ำเย็น 1 ถ้วย
น้ำมันพืช
การทำไข่กรอบเริ่มด้วยการผสมแป้งทอดกรอบ กับน้ำเย็น คนให้เนื้อแป้งเข้ากันดีกับน้ำ แล้วตามด้วยไข่ไก่
ปรุงรสด้วยการเติมปลาร้าพาราไดซ์ สูตรแซ่บโหน่ง ลงไป ซึ่งเหตุที่ใช้สูตรนี้เพราะ เน้นความกลมกล่อม รสไม่โดด นำอาหารจานหลัก เขาไม่ใช้ผงชูรสด้วยนะ จากนั้นก็ตั้งไฟใส่น้ำมัน พอละอุ แล้วค่อยๆหยอดไข่ลงไปเป็นตามรูปร่างที่ต้องการ จะทำเป็นแท่ง จะทำเป็นปะการัง หรือแบบไหนแล้วแต่เราสร้างสรรค์ได้เลย
เราได้ส่วนประกอบของเมนูทั่งสามอย่างแล้ว ทั้ง แกงกระด้าง (อย่าลืมนำออกมาจากตู้เย็นนะ) ซอสปลาร้าในกะลา และไข่กรอบ ก็นำทั้งสามมาจัดจานตกแต่งให้สวยงามตามอารมณ์ มีพร๊อบอะไรก็จัดเต็มไปเลย 🥬 ถ่ายรูปเก๋ๆ อวดเพื่อนๆได้เลย 📸
🍽 เวลารับประทานเพียงแค่ ตัดเป็นชิ้น แล้วนำซอสปลาร้ากะทิมาราดลงไป พอได้ชิม คุณจะได้สัมผัสกับความเด้งด๋งของตัววุ้นที่มีรสชาติคล้ายแกงอ่อม เคี้ยวกรุบๆ ผสมผสานไปกับเนื้อหมู ที่มีความมันจากไขมันที่ติดเนื้อหมู ความเด้งกรึบๆจากตัวกุ้งสับ เข้ากันฟินๆ แล้วตอนยิ่งเคี้ยวจะได้ความหอมของปลาร้าพาราไดซ์ ขึ้นจมูกมาเลย จากนั้นเราลองกินแบบมีซอสบ้างโดยราดตัวน้ำซอสกะทิลงไป จะให้ความมัน กลมกล่อม หอมกลิ่นจากธรรมชาติแท้ๆ ได้ความเผ็ดเล็กน้อย และทานคู่กับไข่กรอบ ที่จะเป็นตัวชูให้อาหารมีความสนุกในการรับประทานมากขึ้น บอกเลยว่า
‘อร่อยเคลิ้มเหมือนขึ้นสวรรค์...ถืกใจหลายเด้ ! กับปลาร้าพาราไดซ์ by ปลาหมึก’
🙋🏽♂️ใครสนใจเมนูนี้สามารถทำตามได้ ใช้เวลาไม่นาน แถมปลาร้าพาราไดร์ ทั้งสองสูตร ยังสามารถรังสรรค์เมนูอื่นๆได้อีกสารพัด ง่าย สะดวก ที่สำคัญ อร่อยมว๊ากกกกกกกก เพราะเขาใช้วัตถุดิบชั้นดี จากธรรมชาติ ผ่านการพาสเจอร์ไรซ์ สะอาดปลอดภัยผ่านมาตรฐาน อย. GMP HACCP และ ฮาลาล. เริดๆเลยคร้าบบบบ
🙏🏿 สุดท้ายขอขอบคุณกิจกรรมดีๆจากปลาร้าพาราไดซ์ by ปลาหมึก และเว๊ปพันทิป ..ขอตัวไปรับประทานต่อแล้วนะครับ อดใจไม่ไหว อิอิ
สู่เมนูฟิวชั่น 🥥 ”แกงกระด้างไข่กรอบราดซอสปลาร้าในกะลา” 🥗
ก่อนอื่นต้องเกริ่นถึงกิจกรรมสุดพิเศษแบบนี้ของ 🐟 ปลาร้าพาราไดซ์ by ปลาหมึก น้ำปลาร้าปรุงรสพาสเจอร์ไรซ์ ถืกใจหลายเด้ เพราะดั้นไปเจอในอีเมลล์จากพันทิปที่เขาเชิญชวนให้ทุกคนเข้าควรอวดฝีมือทำอาหาร ผ่านการใช้ปลาร้า ของดีวิถีไทยอีสาน 🍽 สู่การสร้างสรรค์เมนู ที่ตอบโจทย์ของทุกคน เมื่อเห็นแว๊ปเแรกก็ปิ๊งไอเดีย เมนูที่อยากทำ เพราะตัวเองเป็นคนชอบเรื่องราวของประวัติศาสตร์ และอาหารพื้นถิ่น จึงนำสองอย่างนี้มามิกซ์ ผสมผสานออกมาเป็นเมนูในวันนี้ ไม่รอช้าจึงกด shopee เข้าไปที่ Squidbrand Official Shop แล้วเลือกมาทั้งสองรสชาติเลย ทั้งสูตรแซ่บโหน่ง (ฝาส้ม) อันนี้เขาผลิตจากปลากระดี่ชั้นดี หอมโหน่ง ชะชะช่า เอ้ย!! หอมโหน่ง เฉยๆ ที่จะฟินกับกลิ่นข้าวคั่ว รสเข้มข้นได้ใจไม่มีกลิ่นคาว และอีกขวดเป็นสูตรแซ่บนัว (ฝาแดง) ซึ่งทำมาจากปลากะตักเกรด A ให้รสกลมกล่อม แซ่บ นัว กดสั่งปุ๊ป 📲 อีกสองวันของได้ปั๊ป จึงไม่รอช้าเราไปลงมือเข้าครัวประกวดประชันฝีมือกันเลยครับ
🍲 ”แกงกระด้างไข่กรอบราดซอสปลาร้าในกะลา”🥥
เมนูนี้จะมีส่วนประกอบทั้งหมด สามส่วนด้วยกัน ได้แก่
🔸1.ตัวแกงกระด้างที่มีลักษณะเป็นวุ้น 🔸2.ไข่กรอบ และ 🔸3.ปลาร้าในกะลา ซึ่งเป็นซอสไว้สำหรับราดในแกง
ปักหมุดจุดเริ่มต้นที่คิดเมนูนี้เกิดจากการศึกษาในตำหรับอาหารชาววังของวังสวนสุนันทา ซึ่งเป็นอาหารไทยชาววังในตำรับพระวิมาดาเธอ กรมพระสุทธาสินีนาฏ พระอรรคชายาเธอในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ผู้ดูแลห้องพระเครื่อง ทรงคิดค้นขึ้นเมนูเครื่องจิ้ม มากมายและหนึ่งในนั้นคือปลาร้าในกะลา ที่มีกรรมวิธีไม่ยาก และจะมีเคล็ดลับการรับประทานที่ไม่เหมือนใครในสมัยนั้น จึงนำมาดัดแปลงทำเป็นตัวซอส ราดกับแกงกระด้างที่เป็นเมนูของทางภาคเหนือที่เกิดจากการการทำแกงหมูแล้วอากาศหนาวน้ำแกงจึงเซทตัวเป็นวุ้น จะได้การกินที่มีความสัมผัสในอีกหนึ่งรูปแบบ ทั้งหมดนี้จึงนำมาปรับเป็นสูตรใหม่ให้ไฉไล เข้ายุค โดยจะใช้ปลาร้าพาราไดร์ทั้งสองสูตร มาทำ เราไปเริ่มกันเลยนะออเจ้า...
🔺 🔻🔺 🔻🔺 🔻🔺 🔻🔺 🔻🔺 🔻🔺 🔻🔺 🔻
เริ่มแรกเรามาทำส่วนของแกงกระด้างกันก่อน
วัตถุดิบประกอบด้วย
- ปลาร้าพาราไดร์ สูตรแซ่บนัว ฝาแดง 2 ช้อนโต๊ะ
- พริกแกงแดง 2 ช้อนโต๊ะ
- ผงวุ้น 2 ช้อนชา
- ขาหมู 1 ขีด
- กุ้งขาว 5 ตัว
- มะเขือเทศ หลากสี
- แคร์รอตหั่นเต๋า
- ต้นหอมซอย
- ผักชีซอย
- น้ำเปล่า 500 มิลลิลิตร
เริ่มต้นด้วยการนำเนื้อขาหมู อู๊ดๆ 🐷 หั่นเป็นชิ้นเล็กๆ พอคำเคี้ยวได้ แล้วแกะเปลือกกุ้ง นำมาสับละเอียด พักไว้ แล้วตั้งกระทะ จุดไฟให้ลุกโชน แล้วโยนแกงแดง ให้ไปสำแดงความซู่ซ่า กลิ่นฉุน ในกระทะ ผัดให้แตกมัน แล้วเบาไฟ นำหมู ที่หั่นสับไว้ลงคั่วกับพริกแกง
ผัดพริกแกงหมู แล้วจึงใส่กุ้งสับลงไป 🦐 ผัดให้หอมฟุ้ง จึงปรุงด้วยน้ำปลาตราปลาหมึก รสชาติดี เติมตามชอบ แล้วตามด้วยตัดหวานจากน้ำตาลทราย เมื่อผัดกันดีแล้วพักไว้
แล้วเรามาทำน้ำแกงกัน ซึ่งเราจะใช้ผงวุ้น เป็นตัวช่วยดุนดันความอร่อยให้เร็วขึ้น โดยการเทน้ำลงหม้อ เติมผงวุ้นลงไป คนให้ละลายดี สังเกตว่าจะไม่มีเศษผงติดที่ปลายช้อนคน แล้วพักไว้สัก 5 นาที 🕐 เพื่อให้ผงวุ้นทำปฏิกิริยากับน้ำ แล้วนำตั้งไฟ หมั่นคนไปเรื่อยๆ แล้วนำพริแกงที่ผัดเทใส่ลงไป ตามด้วยปลาร้า พาราไดร์สูตรแซ่บนัว ที่เลือกใช้สูตรนี้กับแกงกระด้างเพราะด้วยความที่ปลาร้าของพาราไดร์มีกรรมวิธีการหมักแบบธรรมชาติ 100% ทำให้ได้กลิ่นและรสสัมผัสที่รู้สึกได้ถึงความเป็นทำธรรมชาติ ไม่ปรุงแต่ง และมีกลิ่นหอมอ่อนๆ ไม่คาว ไม่เค็ม เหมาะกับคนรุ่นใหม่หรือมือใหม่พึ่งหัดรับประทานปลาร้า ด้วย
เราสามารถและเติมได้ตามความชอบ ลองชิมแล้วค่อยๆเติมเพิ่มรส และปรุงด้วยน้ำปลาอีกเล็กน้อย มั่นคนไม่ต้องคอย enjoy กับการเคี่ยวคน. คนไปเรื่อยๆจนน้ำเริ่มหนืดขึ้นมา ไม่รอช้าคว้าผักแคร์รอต ผักชี ต้นหอม ใส่รวมลงไป
แล้วตักน้ำแกงลงใส่ภาชนะรูปร่างตามต้องการ แล้วนำเข้าไปแช่ในตู้เย็น ทอ้งไว้ประมาณ 1/2 ชั่วโมง จึงนำออกมาได้
🔸 🔹🔸 🔹🔸 🔹🔸 🔹🔸 🔹🔸 🔹🔸 🔹🔸 🔹🔸 🔹
ส่วนที่สอง มาลองทำปลาร้าในกะลา ปรับสูตรมาจากตำหรับพระวิมาดาฯ วัตถุดิบมีดังนี้
ปลาร้าพาราไดซ์ รสแซ่บนัว 2 ช้อนโต๊ะ
หัวกะทิ 250 มิลลิลิตร
น้ำปลาตราปลาหมึก 1/4 ช้อนโตีะ
หอมแดงบุบ 5 หัว
สามเกลอ
(กระเทียม พริกไทย รากผักชี)
น้ำมะกรูด 2 ช้อนชา
ใบมะกรูดฉีก 4 ใบ
พริกขี้หนูบุบพอแหลก ตามชอบ
เริ่มต้นตำหรับชาววังด้วยการโขลกสามเกลอ กระเทียม พริกไทย รากผักชี 🧄 โขลกหยาบเกือบละเอียด เพราะเราจะใช้กลิ่นเป็นหลัก จากนั้นต้มกะทิ โดยเทกะทิลงกระทะ ตั้งไฟให้กะทิแตกมัน แล้วนำสามเกลอใส่ลงไป เคี่ยวให้ส่วนผสมเข้ากับกะทิ มีกลิ่นหอมขั้นมา
นำหอมแดงบุบ และพริกขี้หนูบุบ 🌶 ใส่ลงตาม ตามชอบ ตรงนี้เราจะได้กลิ่นสมุนไพรที่มากขึ้น ช่วยบรรเทาอาการหวัดได้ด้วย สูดกลิ่นหมสดชื่น ต่อมาฉีกใบมะกรูดลงไป ย้ำว่าให้ฉีกแล้วขยี้ ขยำใบเล็กน้อย พอใก้น้ำมันจากใบส่งกลิ่นออกมา แล้วใส่ลงกะทะ เคี่ยวจะเริ่มมีความเหนียวหนืด ตามด้วยไฮไลท์ของเราคือ ปลาร้า พาราไดร์ รสแซ่บนัว ฝาแดง ซึ่งจะใส่ในปริมาณ 2 ช้อนโต๊ะ หรือถ้าในชอบมากกว่านั้นก็ปรับสูตรใส่ได้ ขอแอบกระซิบว่า พอใส่น้ำปลาร้าลงไป มันทำให้กลิ่นละมุนขึ้น อาหารของเรายิ่งน่ารับประทานมากๆเลย
เมื่อเคี่ยวจนได้ที่ ให้เปิดไฟ แล้วบีบน้ำมะกรูดลงไป 🍋 ซึ่งเราต้องปิดไฟก่อน เพราะถ้ายังมีความร้อนที่มาก น้ำมะกรูดจะขมไป ซึ่งโดยตำหรับของพระวิมาดา นั้น จะนำต้มกะทิที่ได้ ใส่ลงในกะละ แล้วก่อนรับประทาน 🥥 จะนำกะลาที่ใส่กะทิไปตั้งไฟ ให้ร้อน ซึ่งจะได้ความหอมจากกะลาเพิ่มขึ้นมาอีกด้วย
🟧 🟨 🟧 🟨 🟧 🟨 🟧 🟨 🟧 🟨 🟧 🟨 🟧 🟨 🟧 🟨
ส่วนที่สาม ส่วนสุดท้าย เราจะทำ topping สำหรับตกแต่งหน้าตาของอาหาร และยังสามารถทานเป็นสแน็คได้ด้วย นั้นคือการทำไข่กรอบ โดยมีส่วนผสมคือ
น้ำปลาร้า พาราไดซ์ รสแซ่บโหน่ง 1 ช้อนโต๊ะ
ไข่ไก่ สองฟอง
ผงทอดกรอบ 1 ช้อนโต๊ะ
น้ำเย็น 1 ถ้วย
น้ำมันพืช
การทำไข่กรอบเริ่มด้วยการผสมแป้งทอดกรอบ กับน้ำเย็น คนให้เนื้อแป้งเข้ากันดีกับน้ำ แล้วตามด้วยไข่ไก่
ปรุงรสด้วยการเติมปลาร้าพาราไดซ์ สูตรแซ่บโหน่ง ลงไป ซึ่งเหตุที่ใช้สูตรนี้เพราะ เน้นความกลมกล่อม รสไม่โดด นำอาหารจานหลัก เขาไม่ใช้ผงชูรสด้วยนะ จากนั้นก็ตั้งไฟใส่น้ำมัน พอละอุ แล้วค่อยๆหยอดไข่ลงไปเป็นตามรูปร่างที่ต้องการ จะทำเป็นแท่ง จะทำเป็นปะการัง หรือแบบไหนแล้วแต่เราสร้างสรรค์ได้เลย
เราได้ส่วนประกอบของเมนูทั่งสามอย่างแล้ว ทั้ง แกงกระด้าง (อย่าลืมนำออกมาจากตู้เย็นนะ) ซอสปลาร้าในกะลา และไข่กรอบ ก็นำทั้งสามมาจัดจานตกแต่งให้สวยงามตามอารมณ์ มีพร๊อบอะไรก็จัดเต็มไปเลย 🥬 ถ่ายรูปเก๋ๆ อวดเพื่อนๆได้เลย 📸
🍽 เวลารับประทานเพียงแค่ ตัดเป็นชิ้น แล้วนำซอสปลาร้ากะทิมาราดลงไป พอได้ชิม คุณจะได้สัมผัสกับความเด้งด๋งของตัววุ้นที่มีรสชาติคล้ายแกงอ่อม เคี้ยวกรุบๆ ผสมผสานไปกับเนื้อหมู ที่มีความมันจากไขมันที่ติดเนื้อหมู ความเด้งกรึบๆจากตัวกุ้งสับ เข้ากันฟินๆ แล้วตอนยิ่งเคี้ยวจะได้ความหอมของปลาร้าพาราไดซ์ ขึ้นจมูกมาเลย จากนั้นเราลองกินแบบมีซอสบ้างโดยราดตัวน้ำซอสกะทิลงไป จะให้ความมัน กลมกล่อม หอมกลิ่นจากธรรมชาติแท้ๆ ได้ความเผ็ดเล็กน้อย และทานคู่กับไข่กรอบ ที่จะเป็นตัวชูให้อาหารมีความสนุกในการรับประทานมากขึ้น บอกเลยว่า
‘อร่อยเคลิ้มเหมือนขึ้นสวรรค์...ถืกใจหลายเด้ ! กับปลาร้าพาราไดซ์ by ปลาหมึก’
🙋🏽♂️ใครสนใจเมนูนี้สามารถทำตามได้ ใช้เวลาไม่นาน แถมปลาร้าพาราไดร์ ทั้งสองสูตร ยังสามารถรังสรรค์เมนูอื่นๆได้อีกสารพัด ง่าย สะดวก ที่สำคัญ อร่อยมว๊ากกกกกกกก เพราะเขาใช้วัตถุดิบชั้นดี จากธรรมชาติ ผ่านการพาสเจอร์ไรซ์ สะอาดปลอดภัยผ่านมาตรฐาน อย. GMP HACCP และ ฮาลาล. เริดๆเลยคร้าบบบบ
🙏🏿 สุดท้ายขอขอบคุณกิจกรรมดีๆจากปลาร้าพาราไดซ์ by ปลาหมึก และเว๊ปพันทิป ..ขอตัวไปรับประทานต่อแล้วนะครับ อดใจไม่ไหว อิอิ
แสดงความคิดเห็น
ชวนแชร์เมนู อร่อยเคลิ้มเหมือนขึ้นสวรรค์…ถืกใจหลายเด้ ! กับปลาร้าพาราไดซ์ by ปลาหมึก ชิงรางวัลจัดเต็ม