พริกขึ้นราคาเท่าตัว แม่ค้าส้มตำขยับเพิ่มครกละ 5 บาท ฝากถึงรัฐบาล ปชช.จะกินเกลือกันแล้ว
https://www.matichon.co.th/region/news_3396973
พริกขึ้นราคาเท่าตัว แม่ค้าส้มตำขยับเพิ่มครกละ 5 บาท ฝากถึงรัฐบาล ปชช.จะกินเกลือกันแล้ว
เมื่อวันที่ 13 มิถุนายน ที่ร้านส้มตำในเขตเทศบาลหนองฉาง จังหวัดอุทัยธานี ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งร้านอาหารที่ต้องใช้พริกเป็นวัตถุดิบหลักในการตำส้มตำขาย ภายหลังจากที่ช่วงนี้พริกสดขยับราคาพุ่งสูงขึ้นตั้งแต่กิโลกรัมละ 230-250 บาท โดยพบว่าขณะนี้แต่ละร้านพากันปรับตัวในการขายส้มตำ ซึ่งมีทั้งขอปรับขึ้นราคาขายขึ้นมาอีกครกละ 5 บาท ส่วนบางร้านที่ยังไม่ปรับขึ้นราคาก็ปรับตัวซื้อพริกสดในแต่ละวันลดลงเหลือเพียงวันละ 20 บาท โดยยังพบอีกว่าตอนนี้ ราคาไก่สดก็เริ่มขยับราคาขึ้นอีกด้วยเช่นเดียวกัน แต่ร้านส้มตำยังพยุงขายกันในราคาเดิม เพื่อลดการแบกภาระไปที่ลูกค้า และพยุงให้ยอดขายยังพอไปได้ในช่วงเศรษฐกิจ ตอนนี้
โดย นางชนิดา แก้วเกตุ อายุ 50 ปี เจ้าของร้านส้มตำเจ๊มด ที่ตั้งร้านขายอยู่ในตลาดสดเขตเทศบาลหนองฉาง เล่าว่า ตอนนี้ราคาพริกสดปรับสูงขึ้นมากจริงๆ ที่ร้านเลยปรับแก้ด้วยการซื้อใช้แค่พอใช้ตำขายวันต่อวัน แค่ครั้งละ 20 บาท เพราะที่ร้านใช้ทั้งพริกแห้งและพริกสดในการตำส้มตำ ที่สำคัญส้มตำไปสามารถปรับลดพริกให้ลูกค้าได้ถ้าลูกอยากได้เผ็ดก็ต้องใช้พริกในปริมาณที่ลูกค้าต้องการ ตอนนี้ที่ร้านก็ยังขายราคาเดิมทุกอย่าง โดยตอนนี้ราคาไก่ที่ซื้อมาทำไก่ย่างก็ปรับขึ้นราคาขึ้นมาเยอะมาก อย่างสะโพกไก่สับ จากที่เคยซื้อกิโลกรัม ละ 58 บาท ตอนนี้กิโลกรัมละ 85 บาท ตับไก่จาก กิโลกรัมละ 78 บาท เป็นกิโลกรัมละ 85 บาท แต่ก็ยังขายไก่ย่างราคาเท่าเดิม อย่างตับไก่เครื่องในไก่ย่าง ก็ยังขายที่ไม้ละ 5 บาท ส่วนอกไก่และปีกไก่ก็ยังขายไม้ละ 15 บาท เช่นกัน เพราะตอนนี้ก็ซื้อขายกันยากหากขึ้นราคาขายอีกก็คงจะขายลำบากกว่าเดิม รวมๆแล้วตอนนี้ราคาต้นทุนไก่ที่ซื้อก็เพิ่มขึ้นมาค่อนข้างมาก ราคารวมที่ซื้อมาขายในแต่ละวันจากเดิมเคยซื้อในราคา 1,100-1,200 ตอนนี้ต้องจ่าย 1,500-1,600 บาท ทำให้รู้เลยว่าทุกวันนี้ขายของได้กำไรน้อยลงแน่นอน
ส่วน สองสามีภรรยา ร้านส้มตำร้อยเอ็ด ซึ่งเป็นร้านส้มตำรถเร่นั้น ก็เล่าให้ฟังด้วยเช่นกันว่า ตอนนี้ของขยับขึ้นราคามาหลายอย่างมาก ส่วนพริกนั้นที่ร้านจะใช้เป็นพริกแห้งอย่างเดียว ตอนนี้ซื้อพริกแห้งในราคากิโลกรัม ละ 170 บาท จากเดิมกิโลกรัม ละ 140 บาท และที่ขยับขึ้นตามมาตอนนี้ก็จะเป็นถั่วลิสง จากที่เคยซื้อกิโลกรัม ละ 50 บาท เป็นกิโลกรัม ละ 70 บาท เนื้อไก่ตอนนี้กิโลกรัม 90 บาท จากเดิมกิโลกรัม ละ 60-65 บาท ทำให้ตอนนี้ที่ร้านต้องแบกรับต้นทุนสินค้าที่เพิ่มขึ้นเพราะยังขายราคาเท่าเดิม จะมีขอปรับขึ้นราคาแค่เมนูตำไทยจากครกละ 30 บาท เป็น 35 บาท เพราะตำไทยต้องใช้ถั่วลิสง และกุ้งแห้งเยอะ และตอนนี้ทั้งถั่วลิลงทั้งกุ้งแห้งก็ปรับขึ้นราคา เลยทำให้ต้องขอปรับขึ้นราคาขายมาอีก 5 บาท ที่สำคัญตอนนี้ มะเขือเทศ ยกถุง 5 กิโลกรัม ก็ขยับขึ้นราคาแล้วเช่นเดียวกัน ถ้าในช่วงฤดูกาล ก็จะถุงละ 30 บาท ถูกสุดก็ 3 ถุง 100 บาท ตอนนี้ซื้อถุงละ 80-100 บาท แล้วอีกด้วย
ด้าน นางธัญชนก สุขสะอาด เจ้าของร้านส้มตำลำยอง ก็เล่าว่า ตอนนี้วัตถุดิบที่ใช้ในการตำส้มตำนั้นทยอยขึ้นราคาเกือบทั้งหมด แต่ที่ปรับขึ้นมาสูงมากก็จะเป็นพริกสดและพริกแห้ง ซึ่งถือเป็นวัตถุดิบหลักสำคัญที่ต้องใช้อย่างเลี่ยงไม่ได้ โดยตอนนี้ราคาพริกแห้งราคากิโลกรัม ละ 180 บาท จากเดิมเคยซื้อที่กิโลกรัม ละ 160 บาท และพริกแกวสดตอนนี้กิโลกรัมละ 220 บาท จากที่เคยซื้อกิโลกรัมละ 150 บาท รวมแล้วปรับขึ้นมาถึงกิโลกรัม ละ 70 บาท ทำให้ตอนนี้ที่ร้านไม่เน้นลดปริมาณแต่ขอปรับขึ้นราคาขายขึ้นมาอีกครกละ 5 บาท อย่างต้มตำปูปลาร้าจากเดิมครกละ 30 บาท เป็น 35 บาท อีกทั้งตอนนี้ ราคาเนื้อไก่ก็ปรับขึ้นทุกวัน จากที่เคยซื้อถูกสุดกิโลกรัมละ 54 บาท ตอนนี้ต้องซื้อกันในราคา 90-100 บาท แต่ก็ยังขายราคาเท่าเดิมเพราะต้องเอามาขายคู่กับส้มตำ
โดย นางธัญชนกฯ ยังได้กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า ตอนนี้ เศรษฐกิจของค้าของขายขึ้นหมด แต่ว่าค่าแรงก็เท่าเดิม คนที่เป็นลูกจ้างเขาบ่นกันทุกคนเลยว่าค่าแรงไม่ขึ้น แต่ค่าครองชีพเขาสูงขึ้นมาก ก็จะตายกันหมดทุกคน ก็อยากฝากถึงรัฐบาลด้วยว่าประชาชนจะตายแล้ว ทุกวันนี้จะกินเกลือกันแล้ว
ดีเซลจ่อแตะ35บาท-ใช้เงินอุ้มทะลุ9หมื่นล้าน ธุรกิจเบนเข็มใช้รฟท.ขนสินค้าหนีน้ำมันแพง
https://www.matichon.co.th/economy/news_3396942
ดีเซลจ่อแตะ35บาท-ใช้เงินอุ้มทะลุ9หมื่นล้าน ธุรกิจเบนเข็มใช้รฟท.ขนสินค้าหนีน้ำมันแพง
เมื่อวันที่ 13 มิถุนายน รายงานข่าวจาก สำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (สกนช.) กระทรวงพลังงาน แจ้งเมื่อวันที่ 12 มิ.ย.ที่ผ่านมาว่า คณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (กบน.) จะมีการประชุมวันที่ 13 มิถุนายน เพื่อพิจารณาราคาน้ำมันดีเซลประจำสัปดาห์หน้า (14-21 มิถุนายน) เบื้องต้นจากต้นทุนราคาตลาดโลก ประกอบกับฐานะกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงที่เตรียมติดลบกว่า 9 หมื่นล้านบาท มีความเป็นไปได้ที่ กบน.จะปรับราคาขึ้นอีก 1 บาท ชนเพดานเป็น 34.94 บาทต่อลิตร หรือไม่เกิน 35 บาทต่อลิตร กรณีการตรึงราคาดีเซลไม่เกิน 35 บาทต่อลิตร อยู่ภายใต้มาตรการรัฐบาลในการช่วยเหลือราคาน้ำมันดีเซล 50% ไม่ให้เกินเพดาน 35 บาทต่อลิตร มีระยะเวลานาน 3 เดือน ตั้งแต่เดือนเมษายน-มิถุนายน ส่วนเดือนกรกฎาคมเป็นต้นไป กระทรวงพลังงานกำลังหารือร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อพิจารณามาตรการช่วยเหลือเพิ่มเติม
นาย
นิรุฒ มณีพันธ์ ผู้ว่าการการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) กล่าวว่า จากปัญหาราคาน้ำมันเพิ่มสูง ทำให้ขณะนี้มีลูกค้าหลายบริษัทติดต่อมายัง รฟท.อย่างต่อเนื่อง โดยสนใจหันมาใช้บริการขนส่งสินค้าทางรถไฟแทนรถบรรทุก เนื่องจากราคาน้ำมันเชื้อเพลิงปรับตัวสูงทำให้ค่าขนส่งทางถนนเพิ่มตามไปด้วย ขณะที่การขนส่งทางรางสามารถช่วยลดต้นทุนค่าขนส่งได้ โดยปัจจุบันอยู่ระหว่างการเจรจากับลูกค้ารายใหม่ประมาณ 10 ราย คาดว่าจะได้ข้อสรุปและเปิดเดินขบวนรถขนส่งสินค้าได้ภายในปีนี้
รฟท.มีโบกี้รถบรรทุกตู้สินค้า หรือแคร่ขนสินค้า ประมาณ 1,000 คัน โดยใช้ขนสินค้าแบบเหมาขบวน 60% และแบบรายย่อย 40% แต่ขณะนี้การใช้แคร่ขนสินค้าค่อนข้างตึงตัว รฟท.จึงมีแผนจัดหาโบกี้รถบรรทุกตู้สินค้า 965 คัน วงเงินประมาณ 2 พันล้านบาท รองรับการเติบโตของการขนส่งสินค้าทางรางในอนาคต
รายงานข่าวแจ้งว่า ปัจจุบันการให้บริการขนส่งสินค้า รฟท.ต้องรับภาระค่าน้ำมันที่ตรึงไว้ที่ 30 บาทต่อลิตร เพื่อช่วยเหลือและลดภาระค่าใช้จ่ายให้ภาคเอกชนตามนโยบายกระทรวงคมนาคมเป็นเวลา 3 เดือน (มิถุนายน-สิงหาคม 2565) ขณะที่ รฟท.ต้องจ่ายค่าน้ำมันตามราคาตลาด ซึ่งปัจจุบันอยู่ที่ประมาณ 34 บาทต่อลิตร โดยทุก 1 บาทที่ราคาน้ำมันเพิ่มขึ้นจะส่งผลให้ รฟท.มีค่าใช้จ่ายเพิ่มประมาณ 2 ล้านบาทต่อเดือน
ค้นบ้านครูโอ๊ะ-ส.จ.โต้ง ล่าจับ ‘สุนทร’ คว้าน้ำเหลว ลุ้นคดีรุกเขาใหญ่หมดอายุความวันนี้
https://www.matichon.co.th/politics/news_3396933
บุกค้นบ้านครูโอ๊ะ-ส.จ.โต้ง ล่าจับนายกฯสุนทร ตร.ปูพรม5จุดปราจีนคว้าน้ำเหลว-ไหวตัวหนี ลุ้นคดีรุกป่าเขาใหญ่หมดอายุความวันนี้
เมื่อวันที่ 13 มิถุนายน ผู้สื่อข่าวรายงานเมื่อวันที่ 12 มิ.ย.ที่ผ่านมาว่า พล.ต.ท.
จิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (ผบช.ก.) สั่งการให้ตำรวจกองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.), ตำรวจกองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) และตำรวจทางหลวง (บก.ทล.) กระจายกำลังเข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมายจำนวน 5 จุด ในพื้นที่ จ.ปราจีนบุรี เพื่อตามจับกุมตัว นาย
สุนทร วิลาวัลย์ นายก อบจ.ปราจีนบุรี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 2 ลงวันที่ 9 มิถุนายน 2565 ข้อหาสนับสนุนเจ้าพนักงานมีหน้าที่ซื้อ ทำ จัดการ รักษาทรัพย์ใดๆ ใช้อำนาจในตำแหน่งโดยทุจริต อันเป็นการเสียหายแก่รัฐ เทศบาล สุขาภิบาล บิดาของ นาง
กนกวรรณ วิลาวัลย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ หลังตกเป็นผู้ต้องหาในคดีบุกรุกอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ใน จ.ปราจีนบุรี พื้นที่กว่า 150 ไร่ ยังอยู่ระหว่างการหลบหนี
ทั้งนี้ เป้าหมายสำคัญในการเข้าตรวจค้นครั้งนี้ อยู่ที่บ้านเลขที่ 21/1 ถ.วัดโรมันอุทิศ ต.หน้าเมือง อ.เมือง จ.ปราจีนบุรี บ้านพักของนาง
กนกวรรณ วิลาวัลย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ลูกสาวนาย
สุนทร, บ้านเลขที่ 43 ถ.วัดโรมันอุทิศ ต.หน้าเมือง อ.เมือง จ.ปราจีนบุรี สำนักงานของนาย
สุนทร, โรงแรมบางปะกง เลขที่ 41 ถ.วัดโรมันอุทิศ ต.หน้าเมือง อ.เมือง จ.ปราจีนบุรี และบ้านพักของ นาย
ชัยเมศร์ สิทธิสนิทพงศ์ หรือชื่อเดิมคือ นาย
เต็มพงษ์ ฤทธิ์เดช หรือ ส.จ.โต้ง อายุ 46 ปี ผู้กว้างขวางในพื้นที่และมีความใกล้ชิดกับนาย
สุนทร
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เบื้องต้นจากการเข้าตรวจค้นและตรวจสอบ ยังไม่พบตัวนายสุนทร คาดว่าไหวตัวทัน ชิงหลบหนีออกจากพื้นที่ไปได้ไม่นาน จากการสอบถามบุคคลใกล้ชิด ส่วนใหญ่อ้างว่าไม่พบเห็นหรือติดต่อกับนายสุนทรมานานกว่า 1 สัปดาห์ ก่อนหน้าออกหมายจับ แต่เจ้าหน้าที่เองก็ยังไม่ปักใจเชื่อ พร้อมกระจายกำลังลงพื้นที่ไล่สืบหาเบาะแสเพื่อแกะรอยติดตามตัวให้ได้ก่อนที่คดีดังกล่าวจะหมดอายุความลงในวันที่ 13 มิถุนายน
คดีนี้มีอายุความ 20 ปี นับจากวันที่กระทำผิดในปี 2545 โดยนาย
นิวัติไชย เกษมมงคล เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ระบุว่า ป.ป.ช.เพิ่งได้รับสำนวนคดีจากตำรวจเมื่อปี 2563 ก็เร่งพิจารณามาโดยตลอด จนสรุปสำนวนชี้มูลความผิดได้
พร้อมประสานกับตำรวจเพื่อหาทางนำตัว นายสุนทรมารายงานตัวต่ออัยการให้ทันวันที่ 13 มิถุนายน ก่อนคดีหมดอายุความ หากคดีหมดอายุความไปจริง ป.ป.ช.จะพิจารณาดำเนินการถอดถอนนายสุนทรออกจากตำแหน่งนายก อบจ.ปราจีนบุรี ต่อไป
พ.อ.
พงษ์เพชร เกษสุภะ หัวหน้าชุดปฏิบัติการศูนย์การประสานการปฏิบัติ (ศปป.) ที่ 4 กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) ในฐานะชุดจับกุมดำเนินคดีนายสุนทรและนางกนกวรรณกับพวก กรณีบุกรุกพื้นที่อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ กล่าวว่า
คดีนาย
สุนทรและนาง
กนกวรรณ ต้องแยกเป็น 2 คดี โดยคดีแรกคือคดีการออกเอกสารสิทธิโดยมิชอบ เกิดขึ้นปี 2545 ป.ป.ช.รับไปดำเนินการ และไปย้อนดูว่าโฉนดออกปีไหน ปรากฏว่าออกในปี 2545 มีนาย
สุนทรและนาง
กนกวรรณนำชี้ มีเจ้าหน้าที่กรมที่ดิน เจ้าหน้าที่ป่าไม้ รวม 10 คน ร่วมออกเอกสารสิทธิ ถือว่ามีความผิดทั้งหมด คดีนี้จะหมดอายุความวันที่ 13 มิถุนายน 2565 เฉพาะคดีของนาย
สุนทร แต่ของนาง
กนกวรรณจะหมดอายุความในเดือนกรกฎาคม 2565 เพราะเป็นเอกสารสิทธิคนละฉบับ
ถ้าไม่สามารถนำตัวนาย
สุนทรมาส่งฟ้องได้ คดีจะขาดอายุความจริง แต่นาย
สุนทรยังมีคดีบุกรุกป่าอีก 1 คดี ที่เจ้าหน้าที่เข้าไปจับกุมในปี 2560 และปี 2563 ถ้านาย
สุนทรจะหนีก็ต้องหนีอีกเกือบ 20 ปี เช่นเดียวกับนาง
กนกวรรณ ก็โดนคดีบุกรุกป่าเหมือนกัน
JJNY : แม่ค้าส้มตำฝากถึงรบ. ปชช.จะกินเกลือกันแล้ว│ดีเซลจ่อแตะ35บาท│ล่าจับ‘สุนทร’คว้าน้ำเหลว│รัสเซีย-ตุรเคียล้มเหลวเจรจา
https://www.matichon.co.th/region/news_3396973
เมื่อวันที่ 13 มิถุนายน ที่ร้านส้มตำในเขตเทศบาลหนองฉาง จังหวัดอุทัยธานี ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งร้านอาหารที่ต้องใช้พริกเป็นวัตถุดิบหลักในการตำส้มตำขาย ภายหลังจากที่ช่วงนี้พริกสดขยับราคาพุ่งสูงขึ้นตั้งแต่กิโลกรัมละ 230-250 บาท โดยพบว่าขณะนี้แต่ละร้านพากันปรับตัวในการขายส้มตำ ซึ่งมีทั้งขอปรับขึ้นราคาขายขึ้นมาอีกครกละ 5 บาท ส่วนบางร้านที่ยังไม่ปรับขึ้นราคาก็ปรับตัวซื้อพริกสดในแต่ละวันลดลงเหลือเพียงวันละ 20 บาท โดยยังพบอีกว่าตอนนี้ ราคาไก่สดก็เริ่มขยับราคาขึ้นอีกด้วยเช่นเดียวกัน แต่ร้านส้มตำยังพยุงขายกันในราคาเดิม เพื่อลดการแบกภาระไปที่ลูกค้า และพยุงให้ยอดขายยังพอไปได้ในช่วงเศรษฐกิจ ตอนนี้
โดย นางชนิดา แก้วเกตุ อายุ 50 ปี เจ้าของร้านส้มตำเจ๊มด ที่ตั้งร้านขายอยู่ในตลาดสดเขตเทศบาลหนองฉาง เล่าว่า ตอนนี้ราคาพริกสดปรับสูงขึ้นมากจริงๆ ที่ร้านเลยปรับแก้ด้วยการซื้อใช้แค่พอใช้ตำขายวันต่อวัน แค่ครั้งละ 20 บาท เพราะที่ร้านใช้ทั้งพริกแห้งและพริกสดในการตำส้มตำ ที่สำคัญส้มตำไปสามารถปรับลดพริกให้ลูกค้าได้ถ้าลูกอยากได้เผ็ดก็ต้องใช้พริกในปริมาณที่ลูกค้าต้องการ ตอนนี้ที่ร้านก็ยังขายราคาเดิมทุกอย่าง โดยตอนนี้ราคาไก่ที่ซื้อมาทำไก่ย่างก็ปรับขึ้นราคาขึ้นมาเยอะมาก อย่างสะโพกไก่สับ จากที่เคยซื้อกิโลกรัม ละ 58 บาท ตอนนี้กิโลกรัมละ 85 บาท ตับไก่จาก กิโลกรัมละ 78 บาท เป็นกิโลกรัมละ 85 บาท แต่ก็ยังขายไก่ย่างราคาเท่าเดิม อย่างตับไก่เครื่องในไก่ย่าง ก็ยังขายที่ไม้ละ 5 บาท ส่วนอกไก่และปีกไก่ก็ยังขายไม้ละ 15 บาท เช่นกัน เพราะตอนนี้ก็ซื้อขายกันยากหากขึ้นราคาขายอีกก็คงจะขายลำบากกว่าเดิม รวมๆแล้วตอนนี้ราคาต้นทุนไก่ที่ซื้อก็เพิ่มขึ้นมาค่อนข้างมาก ราคารวมที่ซื้อมาขายในแต่ละวันจากเดิมเคยซื้อในราคา 1,100-1,200 ตอนนี้ต้องจ่าย 1,500-1,600 บาท ทำให้รู้เลยว่าทุกวันนี้ขายของได้กำไรน้อยลงแน่นอน
ส่วน สองสามีภรรยา ร้านส้มตำร้อยเอ็ด ซึ่งเป็นร้านส้มตำรถเร่นั้น ก็เล่าให้ฟังด้วยเช่นกันว่า ตอนนี้ของขยับขึ้นราคามาหลายอย่างมาก ส่วนพริกนั้นที่ร้านจะใช้เป็นพริกแห้งอย่างเดียว ตอนนี้ซื้อพริกแห้งในราคากิโลกรัม ละ 170 บาท จากเดิมกิโลกรัม ละ 140 บาท และที่ขยับขึ้นตามมาตอนนี้ก็จะเป็นถั่วลิสง จากที่เคยซื้อกิโลกรัม ละ 50 บาท เป็นกิโลกรัม ละ 70 บาท เนื้อไก่ตอนนี้กิโลกรัม 90 บาท จากเดิมกิโลกรัม ละ 60-65 บาท ทำให้ตอนนี้ที่ร้านต้องแบกรับต้นทุนสินค้าที่เพิ่มขึ้นเพราะยังขายราคาเท่าเดิม จะมีขอปรับขึ้นราคาแค่เมนูตำไทยจากครกละ 30 บาท เป็น 35 บาท เพราะตำไทยต้องใช้ถั่วลิสง และกุ้งแห้งเยอะ และตอนนี้ทั้งถั่วลิลงทั้งกุ้งแห้งก็ปรับขึ้นราคา เลยทำให้ต้องขอปรับขึ้นราคาขายมาอีก 5 บาท ที่สำคัญตอนนี้ มะเขือเทศ ยกถุง 5 กิโลกรัม ก็ขยับขึ้นราคาแล้วเช่นเดียวกัน ถ้าในช่วงฤดูกาล ก็จะถุงละ 30 บาท ถูกสุดก็ 3 ถุง 100 บาท ตอนนี้ซื้อถุงละ 80-100 บาท แล้วอีกด้วย
ด้าน นางธัญชนก สุขสะอาด เจ้าของร้านส้มตำลำยอง ก็เล่าว่า ตอนนี้วัตถุดิบที่ใช้ในการตำส้มตำนั้นทยอยขึ้นราคาเกือบทั้งหมด แต่ที่ปรับขึ้นมาสูงมากก็จะเป็นพริกสดและพริกแห้ง ซึ่งถือเป็นวัตถุดิบหลักสำคัญที่ต้องใช้อย่างเลี่ยงไม่ได้ โดยตอนนี้ราคาพริกแห้งราคากิโลกรัม ละ 180 บาท จากเดิมเคยซื้อที่กิโลกรัม ละ 160 บาท และพริกแกวสดตอนนี้กิโลกรัมละ 220 บาท จากที่เคยซื้อกิโลกรัมละ 150 บาท รวมแล้วปรับขึ้นมาถึงกิโลกรัม ละ 70 บาท ทำให้ตอนนี้ที่ร้านไม่เน้นลดปริมาณแต่ขอปรับขึ้นราคาขายขึ้นมาอีกครกละ 5 บาท อย่างต้มตำปูปลาร้าจากเดิมครกละ 30 บาท เป็น 35 บาท อีกทั้งตอนนี้ ราคาเนื้อไก่ก็ปรับขึ้นทุกวัน จากที่เคยซื้อถูกสุดกิโลกรัมละ 54 บาท ตอนนี้ต้องซื้อกันในราคา 90-100 บาท แต่ก็ยังขายราคาเท่าเดิมเพราะต้องเอามาขายคู่กับส้มตำ
โดย นางธัญชนกฯ ยังได้กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า ตอนนี้ เศรษฐกิจของค้าของขายขึ้นหมด แต่ว่าค่าแรงก็เท่าเดิม คนที่เป็นลูกจ้างเขาบ่นกันทุกคนเลยว่าค่าแรงไม่ขึ้น แต่ค่าครองชีพเขาสูงขึ้นมาก ก็จะตายกันหมดทุกคน ก็อยากฝากถึงรัฐบาลด้วยว่าประชาชนจะตายแล้ว ทุกวันนี้จะกินเกลือกันแล้ว
ดีเซลจ่อแตะ35บาท-ใช้เงินอุ้มทะลุ9หมื่นล้าน ธุรกิจเบนเข็มใช้รฟท.ขนสินค้าหนีน้ำมันแพง
https://www.matichon.co.th/economy/news_3396942
ดีเซลจ่อแตะ35บาท-ใช้เงินอุ้มทะลุ9หมื่นล้าน ธุรกิจเบนเข็มใช้รฟท.ขนสินค้าหนีน้ำมันแพง
เมื่อวันที่ 13 มิถุนายน รายงานข่าวจาก สำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (สกนช.) กระทรวงพลังงาน แจ้งเมื่อวันที่ 12 มิ.ย.ที่ผ่านมาว่า คณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (กบน.) จะมีการประชุมวันที่ 13 มิถุนายน เพื่อพิจารณาราคาน้ำมันดีเซลประจำสัปดาห์หน้า (14-21 มิถุนายน) เบื้องต้นจากต้นทุนราคาตลาดโลก ประกอบกับฐานะกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงที่เตรียมติดลบกว่า 9 หมื่นล้านบาท มีความเป็นไปได้ที่ กบน.จะปรับราคาขึ้นอีก 1 บาท ชนเพดานเป็น 34.94 บาทต่อลิตร หรือไม่เกิน 35 บาทต่อลิตร กรณีการตรึงราคาดีเซลไม่เกิน 35 บาทต่อลิตร อยู่ภายใต้มาตรการรัฐบาลในการช่วยเหลือราคาน้ำมันดีเซล 50% ไม่ให้เกินเพดาน 35 บาทต่อลิตร มีระยะเวลานาน 3 เดือน ตั้งแต่เดือนเมษายน-มิถุนายน ส่วนเดือนกรกฎาคมเป็นต้นไป กระทรวงพลังงานกำลังหารือร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อพิจารณามาตรการช่วยเหลือเพิ่มเติม
นายนิรุฒ มณีพันธ์ ผู้ว่าการการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) กล่าวว่า จากปัญหาราคาน้ำมันเพิ่มสูง ทำให้ขณะนี้มีลูกค้าหลายบริษัทติดต่อมายัง รฟท.อย่างต่อเนื่อง โดยสนใจหันมาใช้บริการขนส่งสินค้าทางรถไฟแทนรถบรรทุก เนื่องจากราคาน้ำมันเชื้อเพลิงปรับตัวสูงทำให้ค่าขนส่งทางถนนเพิ่มตามไปด้วย ขณะที่การขนส่งทางรางสามารถช่วยลดต้นทุนค่าขนส่งได้ โดยปัจจุบันอยู่ระหว่างการเจรจากับลูกค้ารายใหม่ประมาณ 10 ราย คาดว่าจะได้ข้อสรุปและเปิดเดินขบวนรถขนส่งสินค้าได้ภายในปีนี้
รฟท.มีโบกี้รถบรรทุกตู้สินค้า หรือแคร่ขนสินค้า ประมาณ 1,000 คัน โดยใช้ขนสินค้าแบบเหมาขบวน 60% และแบบรายย่อย 40% แต่ขณะนี้การใช้แคร่ขนสินค้าค่อนข้างตึงตัว รฟท.จึงมีแผนจัดหาโบกี้รถบรรทุกตู้สินค้า 965 คัน วงเงินประมาณ 2 พันล้านบาท รองรับการเติบโตของการขนส่งสินค้าทางรางในอนาคต
รายงานข่าวแจ้งว่า ปัจจุบันการให้บริการขนส่งสินค้า รฟท.ต้องรับภาระค่าน้ำมันที่ตรึงไว้ที่ 30 บาทต่อลิตร เพื่อช่วยเหลือและลดภาระค่าใช้จ่ายให้ภาคเอกชนตามนโยบายกระทรวงคมนาคมเป็นเวลา 3 เดือน (มิถุนายน-สิงหาคม 2565) ขณะที่ รฟท.ต้องจ่ายค่าน้ำมันตามราคาตลาด ซึ่งปัจจุบันอยู่ที่ประมาณ 34 บาทต่อลิตร โดยทุก 1 บาทที่ราคาน้ำมันเพิ่มขึ้นจะส่งผลให้ รฟท.มีค่าใช้จ่ายเพิ่มประมาณ 2 ล้านบาทต่อเดือน
ค้นบ้านครูโอ๊ะ-ส.จ.โต้ง ล่าจับ ‘สุนทร’ คว้าน้ำเหลว ลุ้นคดีรุกเขาใหญ่หมดอายุความวันนี้
https://www.matichon.co.th/politics/news_3396933
บุกค้นบ้านครูโอ๊ะ-ส.จ.โต้ง ล่าจับนายกฯสุนทร ตร.ปูพรม5จุดปราจีนคว้าน้ำเหลว-ไหวตัวหนี ลุ้นคดีรุกป่าเขาใหญ่หมดอายุความวันนี้
เมื่อวันที่ 13 มิถุนายน ผู้สื่อข่าวรายงานเมื่อวันที่ 12 มิ.ย.ที่ผ่านมาว่า พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (ผบช.ก.) สั่งการให้ตำรวจกองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.), ตำรวจกองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) และตำรวจทางหลวง (บก.ทล.) กระจายกำลังเข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมายจำนวน 5 จุด ในพื้นที่ จ.ปราจีนบุรี เพื่อตามจับกุมตัว นายสุนทร วิลาวัลย์ นายก อบจ.ปราจีนบุรี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 2 ลงวันที่ 9 มิถุนายน 2565 ข้อหาสนับสนุนเจ้าพนักงานมีหน้าที่ซื้อ ทำ จัดการ รักษาทรัพย์ใดๆ ใช้อำนาจในตำแหน่งโดยทุจริต อันเป็นการเสียหายแก่รัฐ เทศบาล สุขาภิบาล บิดาของ นางกนกวรรณ วิลาวัลย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ หลังตกเป็นผู้ต้องหาในคดีบุกรุกอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ใน จ.ปราจีนบุรี พื้นที่กว่า 150 ไร่ ยังอยู่ระหว่างการหลบหนี
ทั้งนี้ เป้าหมายสำคัญในการเข้าตรวจค้นครั้งนี้ อยู่ที่บ้านเลขที่ 21/1 ถ.วัดโรมันอุทิศ ต.หน้าเมือง อ.เมือง จ.ปราจีนบุรี บ้านพักของนางกนกวรรณ วิลาวัลย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ลูกสาวนายสุนทร, บ้านเลขที่ 43 ถ.วัดโรมันอุทิศ ต.หน้าเมือง อ.เมือง จ.ปราจีนบุรี สำนักงานของนายสุนทร, โรงแรมบางปะกง เลขที่ 41 ถ.วัดโรมันอุทิศ ต.หน้าเมือง อ.เมือง จ.ปราจีนบุรี และบ้านพักของ นายชัยเมศร์ สิทธิสนิทพงศ์ หรือชื่อเดิมคือ นายเต็มพงษ์ ฤทธิ์เดช หรือ ส.จ.โต้ง อายุ 46 ปี ผู้กว้างขวางในพื้นที่และมีความใกล้ชิดกับนายสุนทร
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เบื้องต้นจากการเข้าตรวจค้นและตรวจสอบ ยังไม่พบตัวนายสุนทร คาดว่าไหวตัวทัน ชิงหลบหนีออกจากพื้นที่ไปได้ไม่นาน จากการสอบถามบุคคลใกล้ชิด ส่วนใหญ่อ้างว่าไม่พบเห็นหรือติดต่อกับนายสุนทรมานานกว่า 1 สัปดาห์ ก่อนหน้าออกหมายจับ แต่เจ้าหน้าที่เองก็ยังไม่ปักใจเชื่อ พร้อมกระจายกำลังลงพื้นที่ไล่สืบหาเบาะแสเพื่อแกะรอยติดตามตัวให้ได้ก่อนที่คดีดังกล่าวจะหมดอายุความลงในวันที่ 13 มิถุนายน
คดีนี้มีอายุความ 20 ปี นับจากวันที่กระทำผิดในปี 2545 โดยนาย นิวัติไชย เกษมมงคล เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ระบุว่า ป.ป.ช.เพิ่งได้รับสำนวนคดีจากตำรวจเมื่อปี 2563 ก็เร่งพิจารณามาโดยตลอด จนสรุปสำนวนชี้มูลความผิดได้
พร้อมประสานกับตำรวจเพื่อหาทางนำตัว นายสุนทรมารายงานตัวต่ออัยการให้ทันวันที่ 13 มิถุนายน ก่อนคดีหมดอายุความ หากคดีหมดอายุความไปจริง ป.ป.ช.จะพิจารณาดำเนินการถอดถอนนายสุนทรออกจากตำแหน่งนายก อบจ.ปราจีนบุรี ต่อไป
พ.อ.พงษ์เพชร เกษสุภะ หัวหน้าชุดปฏิบัติการศูนย์การประสานการปฏิบัติ (ศปป.) ที่ 4 กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) ในฐานะชุดจับกุมดำเนินคดีนายสุนทรและนางกนกวรรณกับพวก กรณีบุกรุกพื้นที่อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ กล่าวว่า
คดีนายสุนทรและนางกนกวรรณ ต้องแยกเป็น 2 คดี โดยคดีแรกคือคดีการออกเอกสารสิทธิโดยมิชอบ เกิดขึ้นปี 2545 ป.ป.ช.รับไปดำเนินการ และไปย้อนดูว่าโฉนดออกปีไหน ปรากฏว่าออกในปี 2545 มีนายสุนทรและนางกนกวรรณนำชี้ มีเจ้าหน้าที่กรมที่ดิน เจ้าหน้าที่ป่าไม้ รวม 10 คน ร่วมออกเอกสารสิทธิ ถือว่ามีความผิดทั้งหมด คดีนี้จะหมดอายุความวันที่ 13 มิถุนายน 2565 เฉพาะคดีของนายสุนทร แต่ของนางกนกวรรณจะหมดอายุความในเดือนกรกฎาคม 2565 เพราะเป็นเอกสารสิทธิคนละฉบับ
ถ้าไม่สามารถนำตัวนายสุนทรมาส่งฟ้องได้ คดีจะขาดอายุความจริง แต่นายสุนทรยังมีคดีบุกรุกป่าอีก 1 คดี ที่เจ้าหน้าที่เข้าไปจับกุมในปี 2560 และปี 2563 ถ้านายสุนทรจะหนีก็ต้องหนีอีกเกือบ 20 ปี เช่นเดียวกับนางกนกวรรณ ก็โดนคดีบุกรุกป่าเหมือนกัน