หรือเราเองที่เป็น Toxic People

เราต้องอยู่ร่วสอยู่กับคนที่เราไม่ชอบ แต่คนที่เราไม่ชอบเค้าก็ไม่ได้ทำอะไรผิดนักหนานะ
เราเองที่แอนตี้เค้าเอง
 
สิ่งที่เราไม่ชอบเค้า
- นางชอบอยากรู้ไปหมดทุกเรื่อง เห็นโทรศัพท์เราเปิดอยู่ก็ไปยืนอ่าน (เราไม่ชอบมากๆ ถึงกับต้องล็อกหน้าจอมือถือ ให้ขึ้นแค่ว่ามี massage เข้า) 
- ไม่ชอบการช่วยเหลือของนาง อย่างมี 5 อย่างต้องทำ นางจะช่วยเราตั้งแต่อย่างที่ 0.1 จนกว่าจะครบ 5 ซึ่งเราไม่ต้องการ (นางโดนปลูกฝังจากเจ้านายว่าต้องช่วยทุกอย่างนั่นนี่) แม้กระทั่งปิดประตู ต้องปิดให้จนกว่าจะหมุนลูกบิดเสร็จ
- เราพาลแม้กระทั่ง นางคุยกับแมวเราเสียงสองเสียงสามทุกวัน ได้ยินแล้วรำคาน
- เวลาเราคุยกับใคร แล้วนางอยู่ตรงนั้น ก็จะจ้องแต่หน้าเรา และเราเองรู้สึกได้
- แล้วเวลาที่อยู่ด้วยกัน เราจะไม่คุยกับนางเลย เพราะไม่อยากคุย ส่วนนางก็จะไม่คุยกับเราเลยเหมือนกัน (ไม่รู้เป็นเพราะว่า เราไม่คุยกับนางก่อนรึป่าว)
 
คือเอาง่ายๆ อะไรที่เป็นนาง เราไม่ชอบหมดเลย
เรารู้สึกขัดหูขัดตา แต่เราไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ เพราะต้องอยู่กับนางตลอด (นางไม่ใช่ญาติ แต่เป็นลูกน้องของป้าสามีเรา!!) 
 
เราคิดแม้กระทั่ง เค้าโชคร้ายมากเลยนะ ที่มาเจอเรา หรือว่าเราเป็น Toxic people มันจะมีแค่ไม่กี่คนที่เราไม่ชอบมากๆๆๆ 
เราควรจัดการกับตัวเองยังไงดี 
 
เราไม่อยากบอกนางตรงๆ เพราะไม่อยากให้ป้าของสามีรู้ เดี๋ยวจะมีปัญหา
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 1
ถ้าคุณแค่ไม่ชอบในใจ ไม่แสดงออกไป ทางกาย วาจา ก็ไม่นับว่าผิดอะไรค่ะ

เกือบทุกคน น่าจะเคยมีประสบการณ์ การไม่ถูกชะตากับใครแบบนี้
แม้อีกฝ่าย จะไม่ได้ทำความผิดอะไรใหญ่โตนัก
(แถมหากเป็นคนที่ถูกชะตา ความผิดหนักหนา ยังมองข้ามไปได้อย่างหน้าตาเฉย)

เราเคยรู้สึกแบบนี้ กับเพื่อนร่วมงาน …
เราจะหงุดหงิดมาก หากเขามาใกล้ๆ … แล้วเขาก็ขยันมาใกล้เราเสียจริงๆ  ซึ่งเราก็จำเป็นต้องคุยด้วย
พอคุยด้วยเท่านั้นแหละ ยาวเลย … ไม่กลับไปง่ายๆล่ะ
เราก็หงุดหงิดอีกรอบ ที่ต้องปฏิเสธและขอตัวทำงาน  (ตรงนี้มั้ง ที่ทำให้เราอึดอัด คือจริงๆ เราไม่ชอบปฏิเสธใคร เราจะรู้สึกผิด)

เราไม่ชอบที่ ทุกคำที่ออกจากปากเขา คือ พลังลบทั้งสิ้น  บ่นได้ทุกคนทุกเรื่อง
เรารู้สึก เสียดายเวลา (ที่ปกติ เราจะเอาไว้ใช้ภาวนาในใจของเราเงียบๆ) ไปกับการฟังเขา บ่นดินฟ้าอากาศ /ผู้บริหาร / รัฐบาล …

เวลาผ่านไป เราเติบโตขึ้น … เจริญเมตตามากขึ้น

พอมีโอกาสเจอเขาอีก
เขายังเหมือนเดิมทุกอย่างค่ะ  … แต่เราไม่หงุดหงิดเขาอีกแล้ว

กลายเป็นว่า เราเริ่มชักจูงให้เขาทำสิ่งที่มีประโยชน์กับตัวเขา (เขาเลยไม่ว่างบ่นเรื่องอื่นๆอีกต่อไป)

ทุกวันนี้ เลยกลายเป็นเพื่อนที่ดีของเราคนหนึ่งค่ะ

เล่าให้ฟัง เพื่อจะบอกให้คุณเปิดใจ มองมุมเขา และเมตตาเขาให้มากขึ้นกว่าเดิม
ก็ในเมื่อจำเป็นต้องอยู่ใกล้กัน / ไหนๆก็ทำอะไรดีกว่านี้ไม่ได้ จะบอกเขาตรงๆก็ไม่ดี บอกป้าก็ไม่ได้

ฉะนั้น มาแก้ที่ใจคุณดีกว่าค่ะ

ถือซะว่า เขาคือเครื่องมือ ฝึกเมตตาในใจคุณ หากคุณเมตตาเขาได้ ใจคุณจะมีความสุขก่อน
ส่วนผลดีอื่นๆ เช่นได้เพื่อนที่ดีเพิ่มมาอีกคนนั้น เป็นผลพลอยได้ที่คุ้มค่าอยู่นะคะ

เทียน
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่