บนรถทัวร์ที่กำลังวิ่งอยู่บนเส้นทางเลียบภูเขาซีซาน ในเมืองคุนหมิง ประเทศจีน
ท่ามกลางเสียงบรรยายภูมิทัศน์และประวัติศาสตร์ที่อัดแน่นเต็มสองข้างทางของไกด์ทัวร์ และดวงอาทิตย์ที่กำลังลับเหลี่บมช่องเขาในยามเย็นอย่างงดงาม
บวรเดชนั่งกอดอกพิงหน้าต่างและหลับตาอย่างแนบแน่น
เขามาทัวร์เที่ยวประเทศจีนนี้ทั้งครอบครัว แต่แม่และพี่ชายกับพี่สะใภ้ของเขาเกิดมีปัญหากับพาสปอร์ตจนถูกกักตัวไว้ที่สนามบิน แล้วพี่ชายกับเมียดันทิ้งไอ้ลูกชายวัย 8 ขวบไว้กับเขาโดยบอกว่าจะตามมาที่หลัง ทำให้เขาที่รำคาญกับความซนของไอ้หลานชายตัวแสบต้องแกล้งหลับแบบนี้
เมื่อเห็นเขานั่งหลับ เจ้าแบงค์หลานชายของเขาก็ออกเดินเพ่นพ่านไปทั่วรถ ซึ่งบวรเดชขี้เกียจจะไปสนใจ คิดแค่ว่ามันไม่มากวนเขาก็ดีแล้ว
แต่ไอ้เด็กแสบ มันไปกวนคนขับรถ
"ลุง ขอผมลองขับบ้างสิ"
ลุงคนขับรถหัวเราะอย่างอารมณ์ดี
"ไว้โตจนมีขับขี่ก่อนนะไอ้หนู"
"โด่ ขี้งก"
เป็นจังหวะที่บวรเดชลืมตาขึ้นมา กำลังจะเรียกหลานชายให้กลับมานั่งที่
แต่ไอ้เด็กแสบทำสิ่งที่ไม่มีใครคาดคิด
มันอ้อมไปด้านหลังแล้วเอามือปิดตาคนขับรถ
"ทายซิใครเอ่ย"
บวนเดชตาเหลือก ไอ้ตัวแสบ มันกินชินจังเข้าไปหรือไงฟะ เขารีบลุกถลันวิ่งไปหา จะลากไอ้หลานชายออกมา
แต่ช้าไป
คนขับรีบเหยียบเบรกแล้วหักเข้าข้างทาง แต่เพราะแล่นมาด้วยความเร็ว รถทัวร์จึงเสียหลักพลิกตะแคง
...
บวรเดชฟื้นขึ้นมาหลังจากสลบไปครู่หนึ่ง พยายามสะบัดหัวไล่ความมึนงง
เขาได้ยินเสียงกระจกแตก เมื่อหันไปมอง ก็เห็นเป็นเด็กหนุ่มคนหนึ่งทุบหน้าต่างรถ แล้วปีนออกไป หลังจากนั้นคนอื่นๆก็ช่วยกัน ดึงลากคนออกจากซากรถได้ทุกคน โชคดีที่ยังไม่มีใครตาย แต่ผู้หญิงคนที่นั่งอยู่ด้านหน้านั้นยังจำได้ และชี้มาที่เจ้าแบงค์ เสียงแหลมแผดลั่น
"ไอ้เด็กนั่น มันปิดตาคนขับ รถเลยคว่ำ"
เมื่อถูกผู้ใหญ่หลายคนจ้องมาด้วยสายตาโกรธแค้น เจ้าแบงค์มันก็ทำสิ่งที่ไม่มีใครคาดคิดอีกครั้ง
มันวิ่งหนีเข้าไปในป่าข้างทาง
"ไอ้แบงค์" บวรเดชตะโกนปนตวาด
เมื่อก่อนตอนที่เจ้าแบงค์ทำอะไรผิด มันก็จะหนีออกไปนอกบ้าน รอจนพี่ชายของเขาหายโมโหแล้วค่อยกลับเข้าบ้าน
คราวนี้มันก็คิดจะทำอย่างเดียวกันงั้นเหรอ แต่มันได้ดูมั้ย ว่าที่นี่มันที่ไหน
"เดี๋ยวผมไปตามเอง" เด็กหนุ่มที่ทุบกระจกรถช่วยอาสา
"นั่นหลานผม" มันเป็นความรับผิดชอบของบวรเดช
เขากับเด็กหนุ่มจึงวิ่งตามเจ้าแบงค์เข้าไปในป่า
เป็นเด็กหนุ่มที่เข้าถึงตัวเจ้าแบงค์ได้ก่อน แต่ไอ้เด็กแสบพยายามดิ้นรนขัดขืน จนทั้งคู่เสียหลักพลัดกลิ้งตกลงไปตามทางลาดเนินเขา
บวรเดชคำรามอย่างหัวเสีย อยากจะตบหัวเจ้าหลานชายให้หนักขณะที่ค่อยๆไถลตัวลงตามทางลาดชันไปหาคนทั้งคู่
ดูเหมือนทั้งสองคนจะไม่เป็นอะไรมาก จึงพากันตะกายปีนกลับขึ้นมา แต่ขากลับนั้นกว่าจะขึ้นถึงก็หอบจนหมดแรง โดยเฉพาะเด็กหนุ่มที่ตอนนี้แสดงอาการปวดที่ขา เนื่องจากข้อเท้าที่พลิกเริ่มบวมจนเป็นสีม่วงเห็นได้ชัด
และสำคัญกว่านั้น ดวงอาทิตย์กำลังจะลับฟ้าไปแล้ว
ตอนนี้ที่เจ้าตัวแสบเริ่มรู้สึกกลัวจนร้องไห้
"ฮิอๆ อาครับ พาผมกลับบ้านที ผมไม่เอาแล้ว เที่ยวแบบนี้"
บวรเดชเดชต้องช่วยประคองเด็กหนุ่มที่เดินไม่ไหว
"เออ แล้วเอ็งเห็นมั้ยล่ะ ทางกลับบ้านมันอยู่ทางไหน"
ในป่าที่มิดเร็ว และเมื่อเริ่มมืด ก็มืดขนาดมองแทบไม่เห็นมือตัวเอง
"ผมจำได้ว่าเราลงมาทางทิศใต้ มองพระจันทร์ให้มันอยู่ทางขวามือไว้ครับ ถ้าเป็นแบบนั้นเราจะเดินขึ้นทิศเหนือ น่าจะกลับไปที่ถนนได้"
เป็นเด็กหนุ่มตอบมา แต่ไอ้เด็กแสบไม่ทันฟังให้ดี วิ่งตามทิศที่เห็นพระจันทร์
"ผิดทางแล้วโว้ย" บวรเดชตะโกนเรียก
เจ้าแบงค์ที่อยากจะรีบกลับ วิ่งพลางเงยหน้ามองจันทร์บนฟ้า ทำให้สะดุดกิ่งไม้จนหน้าทิ่มลงไปฟาดกับก้อนหินจนสลบไป
บวรเดชต้องแบกเด็กหนุ่มมาหาเจ้าแบงค์ เพราะขาของเด็กหนุ่มแย่จนเดินไม่ได้ทั้งสองข้าง
"เวรเอ๊ย" บวรเดชสบถ เขาเขย่าตัวเรียกเจ้าแบงค์แต่มันก็ไม่ยอมตื่น เด็กหนุ่มก็เดินไม่ได้ เขาไม่มีทางพากลับไปได้ทั้งสองคนแน่ๆ
ตอนนี้เขามีสามทางเลือก
ทางแรก คือเขาเดินออกไปคนเดียว สบายๆ ซึ่งเป็นตัวที่เลือกที่เขาอยากทำมากที่สุด แต่ทำได้ยากเหลือเกิน
ทางที่สองคือ พาเจ้าแบงค์ไป ทิ้งเด็กหนุ่มที่เขาไม่ได้รู้จักแม้แต่ชื่อไว้ รอให้ไปถึงถนนใหญ่ ค่อยแจ้งให้ทีมช่วยเหลือมาตามหาเพื่อช่วยเด็กหนุ่ม ซึ่งน่าจะยังทัน อยู่ในป่าคนเดียว คงไม่อันตรายเท่าไหร่หรอก มั้ง
หรือทางที่สาม คือ พาเด็กหนุ่มไป ทิ้งไอ้ตัวแสบไว้ ไม่ต้องห่วงมันหรอก ทิ้งมันไว้ในป่า ห่วงเจ้าป่าเจ้าเขาเถอะ ฮึ่ม
บวรเดชมองทั้งสองคนแล้วถอนใจ ที่เขาต้องเลือกแค่ทางเดียว
เขาหันไปทางเด็กหนุ่ม กำลังจะบอกสิ่งที่เขาจะทำให้เด็กหนุ่มได้รู้ และคิดว่าด้วยความเป็นคนดีของเด็กหนุ่ม น่าจะเข้าใจ และยินดีเป็นผู้เสียสละ นั่นจะทำให้เขารู้สึกผิดน้อยลง
แต่ราวกับเด็กหนุ่มจะรู้แล้วเข้าใจได้ เด็กหนุ่มพูดกับเขา กระท่อนกระแท่น
"สุดท้าย..คุณ...เลือก...เอง..."
ก่อนเสียงจะขาดห้วง แล้วเด็กหนุ่มก็สลบไป
ไอ้บ้าเอ๊ย
บวรเดชตะโกนลั่น ในใจ
...
"อั่กก ย้าาากกก"
บวรเดชคำรามเรียกพลัง เมื่อได้เห็นถนนอันเป็นจุดหมาย หลังจากเดินผ่านป่าที่มืดมิดมาไม่รู้นานเท่าไหร่
ยิ่งการเดินโดยแบกคนไว้บนหลังด้วย แต่ละนาที มันเหมือนเป็นชั่วโมง
แสงไฟจากหน้ารถ เหมือนแสงที่นำทางให้ชีวิต ทำเขาโบกมืออย่างบ้าคลั่ง
เมื่อรถจอดลงตรงหน้าเขา เขารู้สึกเหมือนได้รับน้ำทิพย์ชุบชีวิตเขาขึ้นมาจากความตาย
รอดแล้ว
บวรเดชยิ้มกว้าง หันไปมองผู้ที่เขาแบกออกมา
เมื่อเห็นแววตาที่มองตอบกลับมา
นั่น ทำให้เขามั่นใจ ว่าเขาเลือกได้ถูกต้องแล้ว
.................................................................................................................................................../...
เลือก
ท่ามกลางเสียงบรรยายภูมิทัศน์และประวัติศาสตร์ที่อัดแน่นเต็มสองข้างทางของไกด์ทัวร์ และดวงอาทิตย์ที่กำลังลับเหลี่บมช่องเขาในยามเย็นอย่างงดงาม
บวรเดชนั่งกอดอกพิงหน้าต่างและหลับตาอย่างแนบแน่น
เขามาทัวร์เที่ยวประเทศจีนนี้ทั้งครอบครัว แต่แม่และพี่ชายกับพี่สะใภ้ของเขาเกิดมีปัญหากับพาสปอร์ตจนถูกกักตัวไว้ที่สนามบิน แล้วพี่ชายกับเมียดันทิ้งไอ้ลูกชายวัย 8 ขวบไว้กับเขาโดยบอกว่าจะตามมาที่หลัง ทำให้เขาที่รำคาญกับความซนของไอ้หลานชายตัวแสบต้องแกล้งหลับแบบนี้
เมื่อเห็นเขานั่งหลับ เจ้าแบงค์หลานชายของเขาก็ออกเดินเพ่นพ่านไปทั่วรถ ซึ่งบวรเดชขี้เกียจจะไปสนใจ คิดแค่ว่ามันไม่มากวนเขาก็ดีแล้ว
แต่ไอ้เด็กแสบ มันไปกวนคนขับรถ
"ลุง ขอผมลองขับบ้างสิ"
ลุงคนขับรถหัวเราะอย่างอารมณ์ดี
"ไว้โตจนมีขับขี่ก่อนนะไอ้หนู"
"โด่ ขี้งก"
เป็นจังหวะที่บวรเดชลืมตาขึ้นมา กำลังจะเรียกหลานชายให้กลับมานั่งที่
แต่ไอ้เด็กแสบทำสิ่งที่ไม่มีใครคาดคิด
มันอ้อมไปด้านหลังแล้วเอามือปิดตาคนขับรถ
"ทายซิใครเอ่ย"
บวนเดชตาเหลือก ไอ้ตัวแสบ มันกินชินจังเข้าไปหรือไงฟะ เขารีบลุกถลันวิ่งไปหา จะลากไอ้หลานชายออกมา
แต่ช้าไป
คนขับรีบเหยียบเบรกแล้วหักเข้าข้างทาง แต่เพราะแล่นมาด้วยความเร็ว รถทัวร์จึงเสียหลักพลิกตะแคง
...
บวรเดชฟื้นขึ้นมาหลังจากสลบไปครู่หนึ่ง พยายามสะบัดหัวไล่ความมึนงง
เขาได้ยินเสียงกระจกแตก เมื่อหันไปมอง ก็เห็นเป็นเด็กหนุ่มคนหนึ่งทุบหน้าต่างรถ แล้วปีนออกไป หลังจากนั้นคนอื่นๆก็ช่วยกัน ดึงลากคนออกจากซากรถได้ทุกคน โชคดีที่ยังไม่มีใครตาย แต่ผู้หญิงคนที่นั่งอยู่ด้านหน้านั้นยังจำได้ และชี้มาที่เจ้าแบงค์ เสียงแหลมแผดลั่น
"ไอ้เด็กนั่น มันปิดตาคนขับ รถเลยคว่ำ"
เมื่อถูกผู้ใหญ่หลายคนจ้องมาด้วยสายตาโกรธแค้น เจ้าแบงค์มันก็ทำสิ่งที่ไม่มีใครคาดคิดอีกครั้ง
มันวิ่งหนีเข้าไปในป่าข้างทาง
"ไอ้แบงค์" บวรเดชตะโกนปนตวาด
เมื่อก่อนตอนที่เจ้าแบงค์ทำอะไรผิด มันก็จะหนีออกไปนอกบ้าน รอจนพี่ชายของเขาหายโมโหแล้วค่อยกลับเข้าบ้าน
คราวนี้มันก็คิดจะทำอย่างเดียวกันงั้นเหรอ แต่มันได้ดูมั้ย ว่าที่นี่มันที่ไหน
"เดี๋ยวผมไปตามเอง" เด็กหนุ่มที่ทุบกระจกรถช่วยอาสา
"นั่นหลานผม" มันเป็นความรับผิดชอบของบวรเดช
เขากับเด็กหนุ่มจึงวิ่งตามเจ้าแบงค์เข้าไปในป่า
เป็นเด็กหนุ่มที่เข้าถึงตัวเจ้าแบงค์ได้ก่อน แต่ไอ้เด็กแสบพยายามดิ้นรนขัดขืน จนทั้งคู่เสียหลักพลัดกลิ้งตกลงไปตามทางลาดเนินเขา
บวรเดชคำรามอย่างหัวเสีย อยากจะตบหัวเจ้าหลานชายให้หนักขณะที่ค่อยๆไถลตัวลงตามทางลาดชันไปหาคนทั้งคู่
ดูเหมือนทั้งสองคนจะไม่เป็นอะไรมาก จึงพากันตะกายปีนกลับขึ้นมา แต่ขากลับนั้นกว่าจะขึ้นถึงก็หอบจนหมดแรง โดยเฉพาะเด็กหนุ่มที่ตอนนี้แสดงอาการปวดที่ขา เนื่องจากข้อเท้าที่พลิกเริ่มบวมจนเป็นสีม่วงเห็นได้ชัด
และสำคัญกว่านั้น ดวงอาทิตย์กำลังจะลับฟ้าไปแล้ว
ตอนนี้ที่เจ้าตัวแสบเริ่มรู้สึกกลัวจนร้องไห้
"ฮิอๆ อาครับ พาผมกลับบ้านที ผมไม่เอาแล้ว เที่ยวแบบนี้"
บวรเดชเดชต้องช่วยประคองเด็กหนุ่มที่เดินไม่ไหว
"เออ แล้วเอ็งเห็นมั้ยล่ะ ทางกลับบ้านมันอยู่ทางไหน"
ในป่าที่มิดเร็ว และเมื่อเริ่มมืด ก็มืดขนาดมองแทบไม่เห็นมือตัวเอง
"ผมจำได้ว่าเราลงมาทางทิศใต้ มองพระจันทร์ให้มันอยู่ทางขวามือไว้ครับ ถ้าเป็นแบบนั้นเราจะเดินขึ้นทิศเหนือ น่าจะกลับไปที่ถนนได้"
เป็นเด็กหนุ่มตอบมา แต่ไอ้เด็กแสบไม่ทันฟังให้ดี วิ่งตามทิศที่เห็นพระจันทร์
"ผิดทางแล้วโว้ย" บวรเดชตะโกนเรียก
เจ้าแบงค์ที่อยากจะรีบกลับ วิ่งพลางเงยหน้ามองจันทร์บนฟ้า ทำให้สะดุดกิ่งไม้จนหน้าทิ่มลงไปฟาดกับก้อนหินจนสลบไป
บวรเดชต้องแบกเด็กหนุ่มมาหาเจ้าแบงค์ เพราะขาของเด็กหนุ่มแย่จนเดินไม่ได้ทั้งสองข้าง
"เวรเอ๊ย" บวรเดชสบถ เขาเขย่าตัวเรียกเจ้าแบงค์แต่มันก็ไม่ยอมตื่น เด็กหนุ่มก็เดินไม่ได้ เขาไม่มีทางพากลับไปได้ทั้งสองคนแน่ๆ
ตอนนี้เขามีสามทางเลือก
ทางแรก คือเขาเดินออกไปคนเดียว สบายๆ ซึ่งเป็นตัวที่เลือกที่เขาอยากทำมากที่สุด แต่ทำได้ยากเหลือเกิน
ทางที่สองคือ พาเจ้าแบงค์ไป ทิ้งเด็กหนุ่มที่เขาไม่ได้รู้จักแม้แต่ชื่อไว้ รอให้ไปถึงถนนใหญ่ ค่อยแจ้งให้ทีมช่วยเหลือมาตามหาเพื่อช่วยเด็กหนุ่ม ซึ่งน่าจะยังทัน อยู่ในป่าคนเดียว คงไม่อันตรายเท่าไหร่หรอก มั้ง
หรือทางที่สาม คือ พาเด็กหนุ่มไป ทิ้งไอ้ตัวแสบไว้ ไม่ต้องห่วงมันหรอก ทิ้งมันไว้ในป่า ห่วงเจ้าป่าเจ้าเขาเถอะ ฮึ่ม
บวรเดชมองทั้งสองคนแล้วถอนใจ ที่เขาต้องเลือกแค่ทางเดียว
เขาหันไปทางเด็กหนุ่ม กำลังจะบอกสิ่งที่เขาจะทำให้เด็กหนุ่มได้รู้ และคิดว่าด้วยความเป็นคนดีของเด็กหนุ่ม น่าจะเข้าใจ และยินดีเป็นผู้เสียสละ นั่นจะทำให้เขารู้สึกผิดน้อยลง
แต่ราวกับเด็กหนุ่มจะรู้แล้วเข้าใจได้ เด็กหนุ่มพูดกับเขา กระท่อนกระแท่น
"สุดท้าย..คุณ...เลือก...เอง..."
ก่อนเสียงจะขาดห้วง แล้วเด็กหนุ่มก็สลบไป
ไอ้บ้าเอ๊ย
บวรเดชตะโกนลั่น ในใจ
...
"อั่กก ย้าาากกก"
บวรเดชคำรามเรียกพลัง เมื่อได้เห็นถนนอันเป็นจุดหมาย หลังจากเดินผ่านป่าที่มืดมิดมาไม่รู้นานเท่าไหร่
ยิ่งการเดินโดยแบกคนไว้บนหลังด้วย แต่ละนาที มันเหมือนเป็นชั่วโมง
แสงไฟจากหน้ารถ เหมือนแสงที่นำทางให้ชีวิต ทำเขาโบกมืออย่างบ้าคลั่ง
เมื่อรถจอดลงตรงหน้าเขา เขารู้สึกเหมือนได้รับน้ำทิพย์ชุบชีวิตเขาขึ้นมาจากความตาย
รอดแล้ว
บวรเดชยิ้มกว้าง หันไปมองผู้ที่เขาแบกออกมา
เมื่อเห็นแววตาที่มองตอบกลับมา
นั่น ทำให้เขามั่นใจ ว่าเขาเลือกได้ถูกต้องแล้ว
.................................................................................................................................................../...