เศร้า คิดไม่ตกกับการตัดสินใจของตัวเองตอนพ่อใกล้เสีย จนรู้สึกไม่รู้อยู่ไปทำไมทุกวันนี้

พ่อเสียจากมะเร็งไปได้ปีกว่าๆแล้วค่ะ

สองปีก่อนพ่อจะเสีย ตั้งแต่รู้ว่าเป็นมะเร็งระยะสุดท้าย หมอบอกว่าอยู่ได้อีกหกเดือน  แต่เราก็วิ่งเต้นหาหมอ รักษาทุกวิถีทาง เพื่อรักษาพ่อ 

เราแทบเป็นคนเดียวในครอบครัวที่รับผิดชอบพ่อทุกอย่าง ตั้งแต่เรื่องอาหารการกินแต่ละมื้อ ยา การดูแล ค้นคว้าการรักษา หาหมอทุกอาทิตย์ เฝ้าพ่อที่รพเป็นอาทิตย์ๆหลายๆครั้ง..คือถ้าเราไม่บอกว่าวันนี้เราไม่ได้จริงๆ ก็จะไม่มีใครอาสามาช่วยเรา ยอมรับว่าตรงนี้คิดน้อยใจคนในบ้านหลายครั้งที่ผ่านมา แต่เราก็รู้สึกว่านี่พ่อเรา เราก็อยากทำเต็มที่ด้วยตัวเองจริงๆ แต่ก็อยากให้มีคนในบ้านถามไถ่เราบ้างประมาณนั้นค่ะ

จนช่วงหลังพ่อเข้ารพบ่อยมาก ที่บ้านให้เราออกจากงานประจำ มาทำงานที่บ้าน (แต่หลักๆคืออยู่กับพ่อ ทำกับข้าวให้พ่อ เฝ้าพ่อรพค่ะ เพราะงานที่บ้านไม่ต้องทำก็ได้ แต่ถ้าทำงานประจำจะลางานบ่อยๆไม่ได้ เพราะพ่อเริ่มป่วยบ่อยขึ้น)

เรามีหงุดหงิดพ่อบ้างเวลาทำกับข้าวแล้วพ่อไม่กิน บ่นนู้นนี่ เคยครั้งนึงเราบอกพ่อว่า ไม่กินก็ไม่ต้องกินเลย ยังคิดจนถึงทุกวันนี้ทำไมตอนนั้นไม่ขอโทษพ่อ พ่อป่วยอยู่ เค้าจะบ่นจะงงแงก็น่าจะยอมๆเค้าไป

ช่วงหลังๆที่อยู่รพเป็นเดือนๆเรานอนเฝ้า มีหลายครั้งที่เราหายลงมาซื้อกาแฟ แล้วเดินอยู่ข้างล่างรพเป็นชั่วโมงๆ เพราะเบื่อมาก ตอนนี้ก็คิดว่าแทนที่จะใช้เวลาอยู่กับพ่อ พ่ออยู่ได้อีกไม่นานแล้ว ตอนนั้นจะเบื่อทำไม จะมานั้งข้างล่างรพคนเดียวทำไม น่าจะอยู่กับพ่อบนห้อง

จนช่วงสุดท้ายของชีวิตพ่อ หมอบอกไม่น่าได้นานแล้ว ให้ดูกันไปเป็นวันต่อวัน หมอก็จะถามค่ะว่าถ้าเกิดเหตุอะไรขึ้นมา จะยื้อมั้ย... ตอนนั้นปรึกษากันในบ้าน และถามความเห็นคุณหมอ คือไม่ยื้อค่ะ เพราะมันรักษาอะไรไม่ได้แล้ว มะเร็งลามไปหมดแล้ว แค่รักษาตามอาการไม่ให้ทรมานก็พอ (แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ไม่เคยได้รับคำตอบจากพ่อนะคะว่าเค้าต้องการยังไง เพราะบางทีพ่อก็บอกอยากหาหมอ บางทีพ่อก็บอกไม่เอาแล้ว ไม่ใส่ท่อแล้ว จะดึงเข็มออกบ้าง จะกลับบ้านบ้าง และพ่อก็ไม่ค่อยรู้เรื่องเท่าไหร่แล้วค่ะ คือมีสติ แต่เพ้อๆหลอนๆ ไม่รุ้เรือ่งเท่าไหร่)

มีเหตุการฉุกเฉินครั้งนึงหลังจากเคยตกลงกับหมอและที่บ้านแล้วว่าจะไม่สอดท่อ แต่ตอนนั้นพ่อเราพะงาบๆ เราตกใจ และบอกว่าให้ใส่ท่อ พ่อก็ใส่ท่อแล้วเข้าไปอยู่ไอซียู แต่อาการก็ดีขึ้นนะคะ ถึงจะเพ้อกว่าเดิม  แต่สักพักหมอก็ให้ถอดท่อ ใส่แค่ออกซิเจนทางจมูกแล้วกลับมาอยู่ห้องปกติได้ ...ก็อยู่ไปเรื่อยๆ ประมาณอีกสองสามอาทิตย์ค่ะ ทรุดลงเรื่อยๆ เริ่มไม่กินข้าว ไม่กินน้ำเลย สองสามวันก่อนถึงวันสุดท้าย...

เช้าวันสุดท้ายพ่อมีเสมหะมากต้องดูดเสมหะ จนมีอาการเหนื่อยมากแบบพะงาบๆอีก และไม่มีสติ แบบดูยังลืมตาปรือๆแต่เรียกแล้วไม่ตอบสนอง เราก็กดเรียกพยาบาล พยาบาลถามว่าจะใส่ท่อมั้ย น่าจะต้องใส่ท่อแล้วเข้าไอซียูใหม่เหมือนรอบก่อนหน้า ตอนนั้นเราตอบว่า ไม่ค่ะ (ตอนนั้นยอมรับว่าในใจคิดว่าพ่อไปน่าจะดีกว่า สบายกว่า อยู่แบบนี้ทรมาน และก็เป็นไปตามที่เคยตกลงกับหมอ ที่เคยคุยกับคนในบ้าน เซ็นเอกสารไม่ยื้อชีวิตไว้แล้วด้วย) 

พยาบาลก็โทรแจ้งหมอเพื่อจะฉีดมอฟีน เราโทรบอกที่บ้าน ทุกคนก็เห็นด้วยกับเราว่าไม่ยื้อ เพราะตอนที่พ่อใส่ท่อแล้วเข้าไอซียูก่อนหน้านี้คือพ่อดูทรมานมาก สุดท้ายเค้าก็ฉีดมอฟีนพ่อ แล้วพ่อก็ดูสงบลง ไม่พะงาบๆแบบหายใจไม่พอแล้ว แล้วก็ค่อยๆจากไปค่ะ 

จนตอนนี้พ่อเสียไปนานแล้ว เราคิดมาตลอดว่าการตัดสินใจของเรานั้นถูกมั้ย พ่ออยากได้แบบนั้นรึป่าว เราฆ่าพ่อรึป่าว เรายอมให้เค้าฉีดมอฟีนพ่อเร็วไปมั้ย เราควรยื้ออีกมั้ย ที่เราทำแบบนั้น เพราะในใจลึกๆเราเห็นแก่ตัวเพราะเหนื่อยกับการอยู่รพเฝ้าพ่อนานๆ พ่อเราอาจจะยังอยากมีชีวิตอยู่ต่ออีกชั่วโมง หรืออีกสองสามวันก็ได้รึป่าว

เราคิดวนไปมาแบบนี้อยู่หลายครั้ง เรารู้สึกว่าตั้งแต่พ่อไม่อยู่ ชีวิตเราไม่มีอะไรแล้วอะค่ะ ไม่รู้อยู่ไปทำไม ทำงานไปทำไม คนเราดิ้นรนทำงานไปเพื่ออะไร เราไม่มีจุดหมายอะไรเลยในชีวิต เหมือนอยู่หายใจทิ้งไปวันๆ รอช่วงจิตตกคิดถึงพ่อ ความคิดพวกนี้ก็วนลูปเข้ามาอีกครั้ง นอนร้องไห้ รู้สึกผิดและสงสัยกับการตัดสินใจตัวเองตอนนั้น รู้สึกว่าตัวเองเลว ชั่ว บาป รึป่าว จนยิ่งอยากไปๆซะ 

ที่มาเขียนไม่รู้ต้องการอะไรเหมือนกันค่ะ  อยากระบาย อยากรู้มีใครเคยผ่านช่วงเวลาแบบนี้มาเหมือนกันมั้ย มีความคิดมืดๆแบบนี้ตอนดูแลคนป่วยเข้ามาแบบเรามั้ย อยากรู้ว่าควรทำยังไงกับชีวิตตัวเองต่อจากนี้ เหนื่อยกับการวนลูปความคิดนี้มากเลยค่ะตลอดปีกว่าที่ผ่านมา เวลาไม่ทำให้มันดีขึ้น  แต่กลับดาร์คขึ้นเรื่อยๆด้วยซ้ำ สำหรับความคิดเรา

......
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่