ตึงจริงค่ะ
ก่อนออกเดินทางชั่งน้ำหนักไว้ พอ4วันผ่านไป
กลับบ้านมาพบว่าน้ำหนักขึ้นมาราว1.5 กก.
กินหนักไปหน่อย ก็มันอดไม่ได้ เมืองอะไรของกินเยอะดีจัง
หนอนฯเคยไปยะลา แต่ว่าไปไม่ถึงเบตงสักที แม้ว่าเพื่อนรักรุ่นน้องที่สนิทมากจะเป็นคนเบตง
พอเบตงมีสนามบิน เราก็กางนิ้วรอจิ้มซื้อตั๋ว
แต่แม่เจ้า! ราคาตั๋วแพงเหลือเกิน เลยตัดสินใจซื้อทัวร์เลยค่ะ เพราะว่ารวมทุกอย่างแล้วน่าจะถูกกว่าไปเองหลายบาทอยู่
เป็นทัวร์เต็มรูปแบบในประเทศทัวร์แรกในชีวิตค่ะ (ส่วนตปท.ก็เคยซื้อทัวร์แค่ครั้งเดียวสมัยเรียนจบตรีใหม่ๆ)
ก็เรามันคนแบกเป้นี่เนอะ
เช้าวันที่17/5 หนอนฯไปลั้ลลารายงานตัวกับจนท.ทัวร์ เช็คอินแล้วเข้าไปรอบิน
นกแอร์ลำกระทัดรัดพาบินไปเบตงด้วยเวลาราวๆเกือบสองชั่วโมง อากาศดี นั่งริมหน้าต่างชมวิวเพลินๆ
เครื่องลงแล้ว สนามบินเบตงที่อยากมาสัมผัส ขนาดกระทัดรัด บรรดานักเดินทางถ่ายรูปเป็นที่ระลึกกัน
เราก็เอากะเขามั่ง
หนอนฯเดินออกมาที่โถงผดส. ก็มีผู้ประกอบการในเบตงบางรายที่เตรียมถุงขนมมอบให้เป็นการต้อนรับ มีเฉาก๊วย น้ำดื่ม แซนด์วิช และมีนามบัตรแจ้งรายการส่วนลดของร้านในเบตง
บรรยากาศแจ่มใสดีมากค่ะ ก็คนมาเที่ยวอ่ะเนอะ
หนอนฯมาคนเดียว เดินเข้าหาคุณไกด์แล้วรายงานตัว ก่อนจะมายืนรออย่างเจียมตัว(อิอิ)แล้วพบว่ามีสาวมาเดี่ยวอีกหนึ่งคนที่ถูกจับมาไว้รถคันเดียวกัน
ลูกทัวร์ท่านอื่นมาเป็นคู่และเป็นกลุ่มค่ะ
พวกเราใช้รถตู้เป็นพาหนะตลอด4วัน3คืนสำหรับชาวทัวร์8คน
ออกจากสนามบินก็มุ่งไปกินมื้อกลางวันก่อนเลยค่ะ
มื้อแรกเราได้ชิม "ปลานิลสายน้ำไหล" ปรุงโดยร้าน"ครัวสมุย" เป็นปลานิลที่เลี้ยงในเบตง ในสภาพแวดล้อมที่มีสายน้ำไหลตลอดเวลา ไม่ใช่เลี้ยงในบ่อแบบที่เห็นกันอยู่ทั่วไป
นอกจากปลานิลก็มีไก่ตุ๋นยาจีนที่รสดีมาก อาหารจานอื่นก็ใช้ได้ค่ะ เสิร์ฟมาปริมาณเยอะด้วย
มื้อแรกกับคนไม่คุ้น หนอนฯรับประทานน้อยมากจนมีพี่ร่วมทัวร์ทัก
ดังนั้นจึงตั้งใจว่าจะพัฒนาตัวเองด้วยการ"กินให้มากขึ้น"ในมื้อต่อๆไป เพื่อไม่ให้เพื่อนร่วมทัวร์เป็นห่วงค่ะ อิอิ
มื้อแรกกับคนแปลกหน้าผ่านไป อาหารอร่อยช่วยละลายพฤติกรรมขัดเขิน หนอนฯและสตรีสาวที่มาเดี่ยวเหมือนกันเริ่มคุ้นกับลูกทัวร์ท่านอื่นที่ล้วนแต่อาวุโสกว่าเรา เริ่มคุยสนุกล่ะค่ะ พี่ๆเขาล้วนแต่อัธยาศัยดี
บ่ายวันแรกนี้มีโปรแกรมเบาๆ เช่นไปชมด่านชายแดนไทย-มาเลเซีย
พากลับเข้าเมือง แวะถ่ายรูปเล่นแถวหน้าอุโมงค์และรูปปั้นไก่ ตรงนี้มีรูปวาดเป็นที่ระลึกถึงคุณตูนและโครงการก้าวคนละก้าวด้วย เป็นโครงการที่งดงามที่คนทั่วประเทศออกมามีส่วนร่วม นึกถึงบรรยากาศช่วงนั้นแล้วก็ชอบมากจริงๆ
แถวนี้ตอนกลางคืนก็สวยด้วยแสงไฟประดับค่ะ และมีร้านค้าขายของที่ระลึก เช่นพวกเสื้อพิมพ์คำว่าเบตงด้วย
เราแวะเดินถ่ายรูปเล่น แวะกินขนม ก่อนเข้าพักที่โรงแรมที่ดีที่สุดในเมืองเบตง ใหญ่โต และอยู่ใกล้จุดสำคัญที่เดินเที่ยวเล่นง่าย เพราะเมืองเบตงไม่ใหญ่เลยค่ะ
ระหว่างที่พี่บางท่านแวะกินขนม หนอนฯเดินเล่นเจอรูปนี้ โมนาลิซ่าหนีมารับจ๊อบขายไก่เบตง อิอิ
มื้อเย็นเป็นร้านอาหารเก่าแก่ชื่อดังของเบตง "ต้าเหยิน"เสิร์ฟไก่เบตงแสนอร่อย
จานอื่นๆก็ดี หนอนฯชอบแกงจืดที่ปรุงด้วยผักชื่อจีนๆ ออกเสียงประมาณ'ฟูมักชอย' เสียดายมื้อนี้ไม่มี"เคาหยก"
อุ๋ย พูดไม่ถูก ต้องชมภาพค่ะ ขอจากน้องในร้านที่ใจดีไปหยิบในครัวมาให้ชม และยังเจอผักนี้ทั้งในตลาดและแปลงผักที่เราผ่านตอนไปเที่ยวค่ะ
ออกจากต้าเหยิน หนอนฯไปเดินเล่นกับคู่หูหน้าใหม่ที่มาเดี่ยวเหมือนกันอยู่แป๊ปนึงก่อนแยกย้าย (น้องท่านนี้เด็กสุดในกรุ๊ป ส่วนหนอนฯเป็นเบอร์2)
ตะลอนเติมพุง......"เบตง พุงตึง"
ก่อนออกเดินทางชั่งน้ำหนักไว้ พอ4วันผ่านไป
กลับบ้านมาพบว่าน้ำหนักขึ้นมาราว1.5 กก.
กินหนักไปหน่อย ก็มันอดไม่ได้ เมืองอะไรของกินเยอะดีจัง
หนอนฯเคยไปยะลา แต่ว่าไปไม่ถึงเบตงสักที แม้ว่าเพื่อนรักรุ่นน้องที่สนิทมากจะเป็นคนเบตง
พอเบตงมีสนามบิน เราก็กางนิ้วรอจิ้มซื้อตั๋ว
แต่แม่เจ้า! ราคาตั๋วแพงเหลือเกิน เลยตัดสินใจซื้อทัวร์เลยค่ะ เพราะว่ารวมทุกอย่างแล้วน่าจะถูกกว่าไปเองหลายบาทอยู่
เป็นทัวร์เต็มรูปแบบในประเทศทัวร์แรกในชีวิตค่ะ (ส่วนตปท.ก็เคยซื้อทัวร์แค่ครั้งเดียวสมัยเรียนจบตรีใหม่ๆ)
ก็เรามันคนแบกเป้นี่เนอะ
เช้าวันที่17/5 หนอนฯไปลั้ลลารายงานตัวกับจนท.ทัวร์ เช็คอินแล้วเข้าไปรอบิน
นกแอร์ลำกระทัดรัดพาบินไปเบตงด้วยเวลาราวๆเกือบสองชั่วโมง อากาศดี นั่งริมหน้าต่างชมวิวเพลินๆ
เครื่องลงแล้ว สนามบินเบตงที่อยากมาสัมผัส ขนาดกระทัดรัด บรรดานักเดินทางถ่ายรูปเป็นที่ระลึกกัน
เราก็เอากะเขามั่ง
หนอนฯเดินออกมาที่โถงผดส. ก็มีผู้ประกอบการในเบตงบางรายที่เตรียมถุงขนมมอบให้เป็นการต้อนรับ มีเฉาก๊วย น้ำดื่ม แซนด์วิช และมีนามบัตรแจ้งรายการส่วนลดของร้านในเบตง
บรรยากาศแจ่มใสดีมากค่ะ ก็คนมาเที่ยวอ่ะเนอะ
หนอนฯมาคนเดียว เดินเข้าหาคุณไกด์แล้วรายงานตัว ก่อนจะมายืนรออย่างเจียมตัว(อิอิ)แล้วพบว่ามีสาวมาเดี่ยวอีกหนึ่งคนที่ถูกจับมาไว้รถคันเดียวกัน
ลูกทัวร์ท่านอื่นมาเป็นคู่และเป็นกลุ่มค่ะ
พวกเราใช้รถตู้เป็นพาหนะตลอด4วัน3คืนสำหรับชาวทัวร์8คน
ออกจากสนามบินก็มุ่งไปกินมื้อกลางวันก่อนเลยค่ะ
มื้อแรกเราได้ชิม "ปลานิลสายน้ำไหล" ปรุงโดยร้าน"ครัวสมุย" เป็นปลานิลที่เลี้ยงในเบตง ในสภาพแวดล้อมที่มีสายน้ำไหลตลอดเวลา ไม่ใช่เลี้ยงในบ่อแบบที่เห็นกันอยู่ทั่วไป
นอกจากปลานิลก็มีไก่ตุ๋นยาจีนที่รสดีมาก อาหารจานอื่นก็ใช้ได้ค่ะ เสิร์ฟมาปริมาณเยอะด้วย
มื้อแรกกับคนไม่คุ้น หนอนฯรับประทานน้อยมากจนมีพี่ร่วมทัวร์ทัก
ดังนั้นจึงตั้งใจว่าจะพัฒนาตัวเองด้วยการ"กินให้มากขึ้น"ในมื้อต่อๆไป เพื่อไม่ให้เพื่อนร่วมทัวร์เป็นห่วงค่ะ อิอิ
มื้อแรกกับคนแปลกหน้าผ่านไป อาหารอร่อยช่วยละลายพฤติกรรมขัดเขิน หนอนฯและสตรีสาวที่มาเดี่ยวเหมือนกันเริ่มคุ้นกับลูกทัวร์ท่านอื่นที่ล้วนแต่อาวุโสกว่าเรา เริ่มคุยสนุกล่ะค่ะ พี่ๆเขาล้วนแต่อัธยาศัยดี
บ่ายวันแรกนี้มีโปรแกรมเบาๆ เช่นไปชมด่านชายแดนไทย-มาเลเซีย
พากลับเข้าเมือง แวะถ่ายรูปเล่นแถวหน้าอุโมงค์และรูปปั้นไก่ ตรงนี้มีรูปวาดเป็นที่ระลึกถึงคุณตูนและโครงการก้าวคนละก้าวด้วย เป็นโครงการที่งดงามที่คนทั่วประเทศออกมามีส่วนร่วม นึกถึงบรรยากาศช่วงนั้นแล้วก็ชอบมากจริงๆ
แถวนี้ตอนกลางคืนก็สวยด้วยแสงไฟประดับค่ะ และมีร้านค้าขายของที่ระลึก เช่นพวกเสื้อพิมพ์คำว่าเบตงด้วย
เราแวะเดินถ่ายรูปเล่น แวะกินขนม ก่อนเข้าพักที่โรงแรมที่ดีที่สุดในเมืองเบตง ใหญ่โต และอยู่ใกล้จุดสำคัญที่เดินเที่ยวเล่นง่าย เพราะเมืองเบตงไม่ใหญ่เลยค่ะ
ระหว่างที่พี่บางท่านแวะกินขนม หนอนฯเดินเล่นเจอรูปนี้ โมนาลิซ่าหนีมารับจ๊อบขายไก่เบตง อิอิ
มื้อเย็นเป็นร้านอาหารเก่าแก่ชื่อดังของเบตง "ต้าเหยิน"เสิร์ฟไก่เบตงแสนอร่อย
จานอื่นๆก็ดี หนอนฯชอบแกงจืดที่ปรุงด้วยผักชื่อจีนๆ ออกเสียงประมาณ'ฟูมักชอย' เสียดายมื้อนี้ไม่มี"เคาหยก"
อุ๋ย พูดไม่ถูก ต้องชมภาพค่ะ ขอจากน้องในร้านที่ใจดีไปหยิบในครัวมาให้ชม และยังเจอผักนี้ทั้งในตลาดและแปลงผักที่เราผ่านตอนไปเที่ยวค่ะ
ออกจากต้าเหยิน หนอนฯไปเดินเล่นกับคู่หูหน้าใหม่ที่มาเดี่ยวเหมือนกันอยู่แป๊ปนึงก่อนแยกย้าย (น้องท่านนี้เด็กสุดในกรุ๊ป ส่วนหนอนฯเป็นเบอร์2)