3
ผมพยายามละสายตาจากเธอแล้ว -- พระเจ้ากับตัวผมเองเท่านั้นที่รู้ ว่าผมพยายามแล้วจริงๆ -- หากแต่ไม่เป็นผล
ผมไม่อาจละสายตาจากวีโอล่าได้ นับตั้งแต่วินาทีแรกที่เธอเดินเข้ามาในงานเลี้ยงคริสต์มาสแห่งนี้
อะไรบางอย่างในตัวเธอทำให้ผมรู้สึกราวกับถูกดึงดูดให้เข้าไปใกล้มากกว่าเดิม
เข้าไปใกล้ร่างบางในชุดราตรีสีดำยาวระยิบระยับตัวนั้น -- เข้าไปใกล้กลิ่นหอมกุหลาบอันเบาบางที่ฟุ้งไปทั่วบริเวณนั่น -- เข้าไปใกล้เสียงหัวเราะเบาๆที่ชวนฟังราวกับเสียงกระดิ่งที่ก้องกังวานมาจากสักแห่งที่อยู่ไกลออกไป
ผมพบว่าผมพยายามเดินเข้าไปใกล้เธอ
เป็นเพราะดวงตาสีฟ้าเข้มคู่นั้นหรือ -- ผมนึก ในขณะที่เดินวนไปอีกทางด้านหนึ่งของโถง ลอบมองไปยังใบหน้างามนั้นอย่างเงียบๆ
หรือเป็นเพราะรอยยิ้มของเธอที่มุมปากหยักนั้น -- ผมเดินเข้าไปใกล้ -- รอยยิ้มที่ดูลึกลับ และสวยงามได้ในเวลาเดียวกัน จนทำให้คู่สนทนาแทบลืมหายใจไปชั่วขณะ
“ลอว์เรนซ์ เพรสลีย์” เสียงของแซมดังขึ้น ขณะแนะนำผมกับเธอ “เขาคือเจ้าของบทประพันธ์ละครเวทีเรื่องสลักรัก เขาจะเป็นนักเขียนบทคนใหม่ของเรา -- พวกคุณไม่เคยได้ทำความรู้จักกันจริงๆจังๆเลยนี่”
ผมไม่เคยเห็นรอยยิ้มแบบนี้มาก่อน -- ผมบอกตัวเอง ในตอนที่ถูกปล่อยให้ยืนอยู่กับเธอตามลำพัง -- รอยยิ้มที่ดูสวยงามและจริงใจ ราวกับจะมอบให้แก่เราเพียงผู้เดียว
นี่ไม่ใช่รอยยิ้มที่ต้องการเพียงความประทับใจอันผิวเผินจากคู่สนทนา หากแต่เป็นรอยยิ้มที่ต้องการอะไรที่ลึกซึ้งมากกว่านั้น
และความมั่นใจนั้นก็ทำให้ผมเพิ่งรู้ตัว ว่าเธอเองก็ลอบมองผมมาตั้งแต่วินาทีแรกที่เดินเข้ามาในงานเลี้ยงแห่งนี้แล้ว
“ลอว์เรนซ์ เพรสลีย์” เธอมองผมนิ่ง “ฉันรู้จักคุณอยู่ก่อนแล้ว ฉันชอบผลงานของคุณ”
ผมประหลาดใจ
ผมไม่นึกมาก่อนว่านักแสดงชื่อดังระดับเธอจะรู้จักผลงานของนักเขียนบทเช่นผม
ผมไม่ได้โด่งดังแบบนั้น
“ฉันดีใจที่เห็นบทละครเวทีของคุณถูกนำมาสร้างเป็นภาพยนตร์” วีโอล่าว่าต่อไป “ฉันทึ่งที่คุณเขียนเรื่องราวออกมาได้สวยงามขนาดนั้น”
ผมนึกถึงงานที่ผมต้องจัดการ สำหรับการเขียนบทละครให้เป็นบทภาพยนตร์
“ผมรักที่จะเขียน” ผมตอบ
นี่เป็นความจริง ผมรักที่จะเขียน --
บางทีมันอาจจะเป็นเหตุผลเดียวที่ทำให้ผมยังไม่หยุดเขียน ต่อให้ผมจะยังไม่สำเร็จอย่างที่ใครอื่นเป็นกัน
“เหตุผลเดียวที่คุณยังไม่ได้มีชื่อเสียงอย่างที่ควรจะเป็น ไม่ได้เป็นเพราะความสามารถคุณน้อยเกินไป” วีโอล่าบอกอย่างตรงไปตรงมา “แต่มันเป็นเพราะนักแสดงละครเวทีเล่นได้ต่ำกว่ามาตรฐานบทที่คุณเขียนเอาไว้”
ผมประหลาดใจอีกครั้ง
“คุณไม่เชื่อฉันหรือ” เธอถาม
ผมส่ายหน้า “มันแค่ --” ผมกระแอม “ผมดีใจที่ได้ยินว่าคุณชอบผลงานของผม -- แต่นักแสดงของผม เป็นนักแสดงที่มีความสามารถ --”
“นักแสดง
ของคุณหรือ” เธอทวน คิ้วบางเลิกขึ้นเล็กน้อย
“นักแสดงของผม” ผมพยักหน้ารับ “พวกเขาเป็นกลุ่มคนที่มีความสามารถ -- ผมไม่อยากจะพูดถึงพวกเขา ว่าพวกเขาเล่นได้
ต่ำกว่ามาตรฐานผม --”
ผมพยายามปกป้องคนของผม
วีโอล่าเดินเข้ามาใกล้ จนอยู่ห่างจากผมเพียงเล็กน้อย -- เธอก้มหน้า จากนั้นจึงเงยหน้าขึ้น สบตามองผมนิ่ง
“เจเรมี่ จี มีชีวิตที่น่าเศร้า” เธอกระซิบ ใบหน้าดูเศร้าขึ้นมาในพริบตา “มีชายมากมายบนโลกใบนี้ ที่มีโอกาสพบรักแท้ที่สวยงาม แต่เจเรมี่ จี กลับเลือกที่จะพบและรักในสิ่งที่ต้องห้าม”
ผมนิ่งเงียบไป เมื่อได้ยินประโยคนั้นดังมาจากริมฝีปากอิ่มตรงหน้า
พลันเธอก็ขยับตัวเข้ามาใกล้ผมมากขึ้น -- มือบางนั้นเอื้อมมาที่ใบหน้าของผมอย่างช้าๆ ดวงตาคู่โตไล่มองไปตามหน้าผาก และริมฝีปากของผม ราวกับกำลังพินิจมองทุกส่วนบนใบหน้าของผมอย่างละเมียดละไม -- และอย่างระมัดระวัง -- ราวกับต้องการเก็บรายละเอียดทุกอย่างเกี่ยวกับผมเอาไว้ในใจของเธอ
ราวกับผมคือรูปปั้นที่เธอกำลังสลักอยู่ก็ไม่ปาน --
พลันนัยน์ตาของเธอก็ดูนิ่งสงบมากขึ้น และเปล่งประกายมากขึ้น -- เป็นสายตาเดียวกันกับสายตาของคนที่ได้พบคำตอบที่กำลังตามหามานานแสนนาน
“รู้ไหมคะ ว่าเขาแกะสลักจมูกของเธอได้เหมือนจริงเพียงใด” เสียงวีโอล่ากระซิบ ไล่ปลายนิ้วมายังสันจมูกของผมเบาๆ “เขาแกะสลักจมูกได้เหมือนของคุณมากเชียวค่ะ -- คุณเจอราร์ด --”
ผมปล่อยให้เธอไล่นิ้วมือมาถึงปลายจมูกของผม -- เธอนิ่งอยู่อย่างนั้นไปชั่วขณะ ก่อนจะละมือออกไปจากใบหน้าผม
หากแต่ผมคว้ามือเธอเอาไว้ -- รั้งไม่ให้เธอถอยห่างไปจากผม
จนในที่สุดผมก็ได้ยินเสียงตัวเองพูดออกมาว่า “คุณจำบทของผมได้”
วีโอล่ากะพริบตา ความเศร้าหายไปจากใบหน้าของเธออย่างรวดเร็ว ราวกับเธอเพิ่งถอดหน้ากากที่มองไม่เห็นออกไปก็ไม่ปาน
วีโอล่า -- เธอคือนักแสดงที่มีความสามารถตัวจริง
“คุณ -- พูดถูก” ผมกระซิบ “พวกเขาเล่นได้ต่ำกว่ามาตรฐานของบทผม”
วีโอล่าไม่ได้ดึงมือหนีไปจากผม
“ฉันนึกว่าคุณจะปกป้องนักแสดงของคุณเสียอีก” เธอยักไหล่ “คุณเพิ่งกล่าวหาว่านักแสดงของคุณไม่ใช่นักแสดงที่ดีพออย่างงั้นหรอกหรือ”
“ไม่ ผมไม่ว่าร้ายนักแสดงของผม” ผมตอบ “เพราะฉะนั้นผมจะไม่ว่าร้ายคุณแม้สักคำ วีโอล่า -- คุณคือนักแสดงของผม”
วีโอล่ายิ้มกว้างกว่าเดิม
“ฉันดีใจที่ได้ยินแบบนั้น” เธอบอก “เพราะฉันเป็นนักแสดงของคุณแล้วจริงๆ”
ผมมึนงงไปชั่วขณะ
“แซมไม่ได้บอกคุณหรือ ฉันได้เป็นนักแสดงหลักของคุณในภาพยนตร์เรื่องนี้” เธอยิ้ม “และฉันเพิ่งพูดบทของฉันออกมา”
ผมไม่แม้แต่หันไปหาแซมในงานเลี้ยงแห่งนี้
วีโอล่าเป็นคนเดียวที่ตรึงสายตาของผมเอาไว้
“คุณแน่ใจหรือ” ผมถามช้าๆ “คุณรับเล่นเรื่องนี้ แทนที่จะเล่นเรื่องอื่นน่ะหรือ”
“ฉันแน่ใจ” วีโอล่าตอบ “ฉันชอบคุณมาตั้งแต่แรกแล้ว -- ไม่อย่างนั้นฉันคงไม่ไปดูผลงานคุณตั้งแต่ตอนที่มันเป็นละครเวที”
ฉันชอบคุณ --
ประโยคสั้นๆนั้นทำให้ผมนิ่งชะงักไป
“ฉันชอบคุณ” วีโอล่าพูดเสียงเบา หากแต่ชัดเจนในทุกคำพูด
ผมชอบเธอ --
ประโยคสั้นๆแวบขึ้นมาในใจของผม
ผมตกใจกับความรู้สึกที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วในตัวเอง โดยเฉพาะตอนที่สัมผัสได้ถึงหัวใจที่เต้นผิดจังหวะในอกซ้าย
ทว่าผมกลับพูดออกไปว่า “คุณแน่ใจหรือ”
“แน่ใจสิ” วีโอล่าจุดบุหรี่ “ฉันชอบผลงานนักเขียนไม่กี่คน และคุณเป็นหนึ่งในนั้น ลอว์เรนซ์ เพรสลีย์”
“ผมหมายถึงที่คุณบอกว่า คุณชอบผม”
วีโอล่าหันไปพ่นควันทางอื่นอย่างช้าๆ ทว่าดวงตาคู่นั้นยังคงมองมาทางผมนิ่ง
“แน่ใจสิ” เธอตอบ
“มีผู้ชายคนอื่นอีกมากมาย --” ผมมองไปทางบรรดาผู้คนภายในงานเลี้ยง ที่เต็มไปด้วยกลุ่มคนที่มีชื่อเสียงและบทบาทหน้าที่สำคัญในวงการภาพยนตร์ “ผู้ชายที่คู่ควรกับคุณจริงๆ --”
วีโอล่าไม่ได้พูดอะไรกลับมา
“คุณไม่ควรรักผม”
“ฉันรู้ว่าการชอบพอ หรือรักผู้ชายมันเป็นยังไง” เสียงของวีโอล่าแข็งขึ้นเล็กน้อย
“ผมรู้ว่าคุณรู้” ผมตอบในทันที “แต่คุณควรอยู่กับคนที่คุณรู้จักเขาดีพอ คนที่คุณรู้ความลับของเขามากพอ -- ไม่ใช่คนแปลกหน้า ที่คุณแทบไม่รู้จักอะไรเลยนอกจากงานเขียนเช่นผม”
“ฉันให้ความสำคัญกับความรักที่ตัวบุคคล มากกว่ารูปลักษณ์ภายนอก หรือรายละเอียดส่วนตัวที่พวกเขาเก็บเป็นความลับ” วีโอล่ายื่นบุหรี่มาให้ผม “สำหรับฉันแล้ว ความรักเป็นอิสระมากขนาดนั้น -- คุณเพรสลีย์”
“ผมไม่สูบบุหรี่” ผมตอบเบาๆ
“โอ” เธอว่า ดูประทับใจอยู่ในที ก่อนที่จะจุดบุหรี่สูบอีกครั้ง
ทว่าท่าทีอันเชื่องช้าของเธอกลับทำให้หัวใจของผมเต้นแรงขึ้นกว่าเดิม
แรงมากพอที่จะทำให้ผมพูดออกมาว่า “ผมชอบคุณ” ผมมองเธอนิ่ง
“มีชายมากมายบนโลกใบนี้ ที่มีโอกาสพบรักแท้ที่สวยงาม แต่เจเรมี่ จี กลับเลือกที่จะพบและรักในสิ่งที่ต้องห้าม” วีโอล่ากระซิบ “
คุณกับฉัน -- กลับเลือกที่จะพบและรักในสิ่งที่ต้องห้าม คุณเพรสลีย์”
ราวกับบทละครของผมที่ถูกเธอพูดออกมานั้น จะทรงพลังมากกว่าสิ่งอื่นใดที่ผมเคยพบเจอมาตลอดทั้งชีวิต
“เรียกผมว่าลอว์เรนซ์เถอะ” ผมพูดออกมาโดยไม่รู้ตัว
“ลอว์เรนซ์” วีโอล่ายิ้ม “เรียกฉันว่าวีโอล่าเถอะ”
วินาทีนั้นเสียงของเธอมีพลังมากกว่าเสียงของสายลม และไออุ่นจากลมหายใจของเธอก็ทรงพลังมากกว่าแสงอาทิตย์แรกในยามเช้า
วีโอล่า --
เธอทำให้ผมตกหลุมรักเธอได้อย่างรวดเร็ว และรุนแรงโดยไม่ทันตั้งตัว
ผมรักเธอ ผมรักเธอมากกว่าที่ผมคิดว่าผมจะรู้สึกได้
และนั่นก็เป็นจุดเริ่มต้นของเรื่องราวระหว่างเธอกับผม
สลักรัก The Last Masterpiece ตอนที่ 3
ผมไม่อาจละสายตาจากวีโอล่าได้ นับตั้งแต่วินาทีแรกที่เธอเดินเข้ามาในงานเลี้ยงคริสต์มาสแห่งนี้
อะไรบางอย่างในตัวเธอทำให้ผมรู้สึกราวกับถูกดึงดูดให้เข้าไปใกล้มากกว่าเดิม
เข้าไปใกล้ร่างบางในชุดราตรีสีดำยาวระยิบระยับตัวนั้น -- เข้าไปใกล้กลิ่นหอมกุหลาบอันเบาบางที่ฟุ้งไปทั่วบริเวณนั่น -- เข้าไปใกล้เสียงหัวเราะเบาๆที่ชวนฟังราวกับเสียงกระดิ่งที่ก้องกังวานมาจากสักแห่งที่อยู่ไกลออกไป
ผมพบว่าผมพยายามเดินเข้าไปใกล้เธอ
เป็นเพราะดวงตาสีฟ้าเข้มคู่นั้นหรือ -- ผมนึก ในขณะที่เดินวนไปอีกทางด้านหนึ่งของโถง ลอบมองไปยังใบหน้างามนั้นอย่างเงียบๆ
หรือเป็นเพราะรอยยิ้มของเธอที่มุมปากหยักนั้น -- ผมเดินเข้าไปใกล้ -- รอยยิ้มที่ดูลึกลับ และสวยงามได้ในเวลาเดียวกัน จนทำให้คู่สนทนาแทบลืมหายใจไปชั่วขณะ
“ลอว์เรนซ์ เพรสลีย์” เสียงของแซมดังขึ้น ขณะแนะนำผมกับเธอ “เขาคือเจ้าของบทประพันธ์ละครเวทีเรื่องสลักรัก เขาจะเป็นนักเขียนบทคนใหม่ของเรา -- พวกคุณไม่เคยได้ทำความรู้จักกันจริงๆจังๆเลยนี่”
ผมไม่เคยเห็นรอยยิ้มแบบนี้มาก่อน -- ผมบอกตัวเอง ในตอนที่ถูกปล่อยให้ยืนอยู่กับเธอตามลำพัง -- รอยยิ้มที่ดูสวยงามและจริงใจ ราวกับจะมอบให้แก่เราเพียงผู้เดียว
นี่ไม่ใช่รอยยิ้มที่ต้องการเพียงความประทับใจอันผิวเผินจากคู่สนทนา หากแต่เป็นรอยยิ้มที่ต้องการอะไรที่ลึกซึ้งมากกว่านั้น
และความมั่นใจนั้นก็ทำให้ผมเพิ่งรู้ตัว ว่าเธอเองก็ลอบมองผมมาตั้งแต่วินาทีแรกที่เดินเข้ามาในงานเลี้ยงแห่งนี้แล้ว
“ลอว์เรนซ์ เพรสลีย์” เธอมองผมนิ่ง “ฉันรู้จักคุณอยู่ก่อนแล้ว ฉันชอบผลงานของคุณ”
ผมประหลาดใจ
ผมไม่นึกมาก่อนว่านักแสดงชื่อดังระดับเธอจะรู้จักผลงานของนักเขียนบทเช่นผม
ผมไม่ได้โด่งดังแบบนั้น
“ฉันดีใจที่เห็นบทละครเวทีของคุณถูกนำมาสร้างเป็นภาพยนตร์” วีโอล่าว่าต่อไป “ฉันทึ่งที่คุณเขียนเรื่องราวออกมาได้สวยงามขนาดนั้น”
ผมนึกถึงงานที่ผมต้องจัดการ สำหรับการเขียนบทละครให้เป็นบทภาพยนตร์
“ผมรักที่จะเขียน” ผมตอบ
นี่เป็นความจริง ผมรักที่จะเขียน --
บางทีมันอาจจะเป็นเหตุผลเดียวที่ทำให้ผมยังไม่หยุดเขียน ต่อให้ผมจะยังไม่สำเร็จอย่างที่ใครอื่นเป็นกัน
“เหตุผลเดียวที่คุณยังไม่ได้มีชื่อเสียงอย่างที่ควรจะเป็น ไม่ได้เป็นเพราะความสามารถคุณน้อยเกินไป” วีโอล่าบอกอย่างตรงไปตรงมา “แต่มันเป็นเพราะนักแสดงละครเวทีเล่นได้ต่ำกว่ามาตรฐานบทที่คุณเขียนเอาไว้”
ผมประหลาดใจอีกครั้ง
“คุณไม่เชื่อฉันหรือ” เธอถาม
ผมส่ายหน้า “มันแค่ --” ผมกระแอม “ผมดีใจที่ได้ยินว่าคุณชอบผลงานของผม -- แต่นักแสดงของผม เป็นนักแสดงที่มีความสามารถ --”
“นักแสดงของคุณหรือ” เธอทวน คิ้วบางเลิกขึ้นเล็กน้อย
“นักแสดงของผม” ผมพยักหน้ารับ “พวกเขาเป็นกลุ่มคนที่มีความสามารถ -- ผมไม่อยากจะพูดถึงพวกเขา ว่าพวกเขาเล่นได้ต่ำกว่ามาตรฐานผม --”
ผมพยายามปกป้องคนของผม
วีโอล่าเดินเข้ามาใกล้ จนอยู่ห่างจากผมเพียงเล็กน้อย -- เธอก้มหน้า จากนั้นจึงเงยหน้าขึ้น สบตามองผมนิ่ง
“เจเรมี่ จี มีชีวิตที่น่าเศร้า” เธอกระซิบ ใบหน้าดูเศร้าขึ้นมาในพริบตา “มีชายมากมายบนโลกใบนี้ ที่มีโอกาสพบรักแท้ที่สวยงาม แต่เจเรมี่ จี กลับเลือกที่จะพบและรักในสิ่งที่ต้องห้าม”
ผมนิ่งเงียบไป เมื่อได้ยินประโยคนั้นดังมาจากริมฝีปากอิ่มตรงหน้า
พลันเธอก็ขยับตัวเข้ามาใกล้ผมมากขึ้น -- มือบางนั้นเอื้อมมาที่ใบหน้าของผมอย่างช้าๆ ดวงตาคู่โตไล่มองไปตามหน้าผาก และริมฝีปากของผม ราวกับกำลังพินิจมองทุกส่วนบนใบหน้าของผมอย่างละเมียดละไม -- และอย่างระมัดระวัง -- ราวกับต้องการเก็บรายละเอียดทุกอย่างเกี่ยวกับผมเอาไว้ในใจของเธอ
ราวกับผมคือรูปปั้นที่เธอกำลังสลักอยู่ก็ไม่ปาน --
พลันนัยน์ตาของเธอก็ดูนิ่งสงบมากขึ้น และเปล่งประกายมากขึ้น -- เป็นสายตาเดียวกันกับสายตาของคนที่ได้พบคำตอบที่กำลังตามหามานานแสนนาน
“รู้ไหมคะ ว่าเขาแกะสลักจมูกของเธอได้เหมือนจริงเพียงใด” เสียงวีโอล่ากระซิบ ไล่ปลายนิ้วมายังสันจมูกของผมเบาๆ “เขาแกะสลักจมูกได้เหมือนของคุณมากเชียวค่ะ -- คุณเจอราร์ด --”
ผมปล่อยให้เธอไล่นิ้วมือมาถึงปลายจมูกของผม -- เธอนิ่งอยู่อย่างนั้นไปชั่วขณะ ก่อนจะละมือออกไปจากใบหน้าผม
หากแต่ผมคว้ามือเธอเอาไว้ -- รั้งไม่ให้เธอถอยห่างไปจากผม
จนในที่สุดผมก็ได้ยินเสียงตัวเองพูดออกมาว่า “คุณจำบทของผมได้”
วีโอล่ากะพริบตา ความเศร้าหายไปจากใบหน้าของเธออย่างรวดเร็ว ราวกับเธอเพิ่งถอดหน้ากากที่มองไม่เห็นออกไปก็ไม่ปาน
วีโอล่า -- เธอคือนักแสดงที่มีความสามารถตัวจริง
“คุณ -- พูดถูก” ผมกระซิบ “พวกเขาเล่นได้ต่ำกว่ามาตรฐานของบทผม”
วีโอล่าไม่ได้ดึงมือหนีไปจากผม
“ฉันนึกว่าคุณจะปกป้องนักแสดงของคุณเสียอีก” เธอยักไหล่ “คุณเพิ่งกล่าวหาว่านักแสดงของคุณไม่ใช่นักแสดงที่ดีพออย่างงั้นหรอกหรือ”
“ไม่ ผมไม่ว่าร้ายนักแสดงของผม” ผมตอบ “เพราะฉะนั้นผมจะไม่ว่าร้ายคุณแม้สักคำ วีโอล่า -- คุณคือนักแสดงของผม”
วีโอล่ายิ้มกว้างกว่าเดิม
“ฉันดีใจที่ได้ยินแบบนั้น” เธอบอก “เพราะฉันเป็นนักแสดงของคุณแล้วจริงๆ”
ผมมึนงงไปชั่วขณะ
“แซมไม่ได้บอกคุณหรือ ฉันได้เป็นนักแสดงหลักของคุณในภาพยนตร์เรื่องนี้” เธอยิ้ม “และฉันเพิ่งพูดบทของฉันออกมา”
ผมไม่แม้แต่หันไปหาแซมในงานเลี้ยงแห่งนี้
วีโอล่าเป็นคนเดียวที่ตรึงสายตาของผมเอาไว้
“คุณแน่ใจหรือ” ผมถามช้าๆ “คุณรับเล่นเรื่องนี้ แทนที่จะเล่นเรื่องอื่นน่ะหรือ”
“ฉันแน่ใจ” วีโอล่าตอบ “ฉันชอบคุณมาตั้งแต่แรกแล้ว -- ไม่อย่างนั้นฉันคงไม่ไปดูผลงานคุณตั้งแต่ตอนที่มันเป็นละครเวที”
ฉันชอบคุณ --
ประโยคสั้นๆนั้นทำให้ผมนิ่งชะงักไป
“ฉันชอบคุณ” วีโอล่าพูดเสียงเบา หากแต่ชัดเจนในทุกคำพูด
ผมชอบเธอ --
ประโยคสั้นๆแวบขึ้นมาในใจของผม
ผมตกใจกับความรู้สึกที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วในตัวเอง โดยเฉพาะตอนที่สัมผัสได้ถึงหัวใจที่เต้นผิดจังหวะในอกซ้าย
ทว่าผมกลับพูดออกไปว่า “คุณแน่ใจหรือ”
“แน่ใจสิ” วีโอล่าจุดบุหรี่ “ฉันชอบผลงานนักเขียนไม่กี่คน และคุณเป็นหนึ่งในนั้น ลอว์เรนซ์ เพรสลีย์”
“ผมหมายถึงที่คุณบอกว่า คุณชอบผม”
วีโอล่าหันไปพ่นควันทางอื่นอย่างช้าๆ ทว่าดวงตาคู่นั้นยังคงมองมาทางผมนิ่ง
“แน่ใจสิ” เธอตอบ
“มีผู้ชายคนอื่นอีกมากมาย --” ผมมองไปทางบรรดาผู้คนภายในงานเลี้ยง ที่เต็มไปด้วยกลุ่มคนที่มีชื่อเสียงและบทบาทหน้าที่สำคัญในวงการภาพยนตร์ “ผู้ชายที่คู่ควรกับคุณจริงๆ --”
วีโอล่าไม่ได้พูดอะไรกลับมา
“คุณไม่ควรรักผม”
“ฉันรู้ว่าการชอบพอ หรือรักผู้ชายมันเป็นยังไง” เสียงของวีโอล่าแข็งขึ้นเล็กน้อย
“ผมรู้ว่าคุณรู้” ผมตอบในทันที “แต่คุณควรอยู่กับคนที่คุณรู้จักเขาดีพอ คนที่คุณรู้ความลับของเขามากพอ -- ไม่ใช่คนแปลกหน้า ที่คุณแทบไม่รู้จักอะไรเลยนอกจากงานเขียนเช่นผม”
“ฉันให้ความสำคัญกับความรักที่ตัวบุคคล มากกว่ารูปลักษณ์ภายนอก หรือรายละเอียดส่วนตัวที่พวกเขาเก็บเป็นความลับ” วีโอล่ายื่นบุหรี่มาให้ผม “สำหรับฉันแล้ว ความรักเป็นอิสระมากขนาดนั้น -- คุณเพรสลีย์”
“ผมไม่สูบบุหรี่” ผมตอบเบาๆ
“โอ” เธอว่า ดูประทับใจอยู่ในที ก่อนที่จะจุดบุหรี่สูบอีกครั้ง
ทว่าท่าทีอันเชื่องช้าของเธอกลับทำให้หัวใจของผมเต้นแรงขึ้นกว่าเดิม
แรงมากพอที่จะทำให้ผมพูดออกมาว่า “ผมชอบคุณ” ผมมองเธอนิ่ง
“มีชายมากมายบนโลกใบนี้ ที่มีโอกาสพบรักแท้ที่สวยงาม แต่เจเรมี่ จี กลับเลือกที่จะพบและรักในสิ่งที่ต้องห้าม” วีโอล่ากระซิบ “คุณกับฉัน -- กลับเลือกที่จะพบและรักในสิ่งที่ต้องห้าม คุณเพรสลีย์”
ราวกับบทละครของผมที่ถูกเธอพูดออกมานั้น จะทรงพลังมากกว่าสิ่งอื่นใดที่ผมเคยพบเจอมาตลอดทั้งชีวิต
“เรียกผมว่าลอว์เรนซ์เถอะ” ผมพูดออกมาโดยไม่รู้ตัว
“ลอว์เรนซ์” วีโอล่ายิ้ม “เรียกฉันว่าวีโอล่าเถอะ”
วินาทีนั้นเสียงของเธอมีพลังมากกว่าเสียงของสายลม และไออุ่นจากลมหายใจของเธอก็ทรงพลังมากกว่าแสงอาทิตย์แรกในยามเช้า
วีโอล่า --
เธอทำให้ผมตกหลุมรักเธอได้อย่างรวดเร็ว และรุนแรงโดยไม่ทันตั้งตัว
ผมรักเธอ ผมรักเธอมากกว่าที่ผมคิดว่าผมจะรู้สึกได้
และนั่นก็เป็นจุดเริ่มต้นของเรื่องราวระหว่างเธอกับผม