เมื่อเราเสียใจจากซึมเศร้าจนถึงขีดสุดระดับนึงแล้ว ใจเราจะสงบ มันจะไม่อะไรเลย แต่มันอันตราย

วันนี้เราเสียใจกับชีวิตตัวเองและต่ำใจตัวเองมาก ที่เราไม่สามารถหาเลี้ยงชีพให้เข้ากระเป๋าตัวเองและครอบครัวได้ เรื่องที่เราเคยดราม่าและซึมเศร้าเมื่อหลายปีก่อนเราตระหนักคิดได้แล้วว่า "มันไม่ใช่ปัญหาใหญ่อะไรเลย" เพราะได้รู้ความจริงแล้วว่า "ชีวิตของเราโคจรด้วยเงิน" ทุกสิ่งทุกอย่างคือต้องใช้เงิน มีเงิน มีครอบครัว มีพระเจ้า เพียงเท่านั้น เพียงพอ เพื่อนไม่มีไม่เป็นไร เราได้รู้อะไรเกี่ยวกับเพื่อนแล้วว่า ตอนเราโดนรถชนขาหัก ไม่ใช่ช่วงโควิดเลย เพื่อนเราไม่มาเยี่ยมเราสักคนในโรงพยาบาลเลย แถมเช็กอินว่ามาหาหมอที่ตึกโรงพยาบาลเดียวกันด้วยในบางคน แต่เขาไม่ขึ้นมาเยี่ยมเรา ซึ่งโรงพยาบาลเอกชนไม่ได้จำกัดเวลาให้เยี่ยม เลยช่างเขาเถอะ สุดท้ายคนที่อยู่กับเราไปตลอดคือครอบครัวของเราจริง ๆ พี่น้องของเรา แม่ของเรา หลาน ๆ ของเรา 

แต่เพราะซึมเศร้าแต่สมัยเรียนทำให้เราไม่สามารถได้สร่างโอกาสที่ดีให้กับตัวเองได้ทั้งที่มันวิ่งเข้าหาเรามาตลอด เราคว้าได้แต่ก็ทำไม่ได้ เราทำไม่ดีพอ หลายอย่างเราก็หนีมันด้วยซ้ำ ตอนนี้อายุเยอะเกินไปที่จะทำอะไรได้แล้ว ก็ได้แต่รับกรรมทำงานเงินเดือน 9,000 กับสิทธิ์ ปกส ที่ไว้รักษาซึมเศร้ารายสัปดาห์ไปแบบนี้ แต่เราต้องการช่วยเหลือครอบครัวของเรา เราอยากมีเงิน อยากหาช่องทาง แต่แค่ลำพังเงินเดือนเท่านี้ เราก็ใช้คนเดียวหมดไปเดือนต่อเดือนแล้ว ทั้งค่ากิน ค่าน้ำมัน ค่าไฟ ค่าเน็ต ค่ายิมถูก ๆ (ไว้ระบายซึมเศร้าออก) 

วันนี้เราเสียใจเหลือเกิน ในวันที่ฝนพรำวันนี้ หลังจากผ่านร้องไห้ให้เต็มที่ สุดท้าย จิตใจเราก็เริ่มสงบลง ไม่ไหลไปตามอารมณ์ดิ่ง เราสั่งน้ำมูกออก และนั่งคิดเปิดเพลงช้าหน้าคอมอยู่นาน ความนิ่งเงียบนี่ล่ะ เราไม่กลัว เราไม่ห่วงอะไรแล้ว คนข้างหลังช่วยสงสารเราบ้างเถอะ เราพร้อมจะเผชิญความตายแล้ว เราอยากไปที่ไกล ๆ หนีไปให้พ้น ๆ จากที่ ๆ มนุษย์อยู่ อยากไปตายโดดเดี่ยวไม่ต้องมีใครพบเจอศพ อยากไปตายให้ไกลจากสังคมมนุษย์ อยากไปตายแถบทุ่งน้ำแข็งขั้วโลกใต้ ที่ ๆ ใคร ๆ ก้หาเราไม่เจอ อยากหายไปเงียบ ๆ ไปเลย ไม่อยู่ในความทรงจำของใคร ๆ ทั้งสิ้น เราพร้อม เราทำได้ แค่ขึ้นลานจอดรถห้างนั้น แล้วดิ่งลงมาซะ เจ็บแป๊บเดียว ภาพก็ดำและตัดไปแล้ว แต่ปัญหาคือร่างเนื้อที่ไม่ใช่ร่างกายของเราที่เรายืมเขามาสิงสู่นี่ล่ะ มันเดือดร้อนคนที่อยู่ข้างหลังที่ต้องจัดการร่าง ทำไมคนเราตายปุ๊บไม่ตัวระเบิดไปเป็นฝุ่นไปเลยล่ะ 

เราไม่คาดหวังให้ใครเข้ามาอ่านหรือให้ใครคอมเมนต์ อยากให้กระทู้นี้จากไปเงียบ ๆ และถูกกลืนหาย เพราะไม่มี Google+  ให้เขียนระบายความรู้สึกของจิตใจอีกแล้ว เราเลยเขียนในพันทิปนี่ล่ะ 

ทำไมเราต้องมีลมหายใจจนทุกวันนี้ด้วย การเป็นคนนี่มันเหนื่อยมากกว่าที่คิดมาก มันพูดอะไรให้ใครฟังไม่ได้จริง ๆ แม้แต่จิตแพทย์ หรือนักจิตบำบัด เพราะเราไม่สามารถอธิบายสิ่งที่อยู่ในจิตใจลึก ๆ ของเราได้ แม้แต่ตัวเราเองยังไม่เข้าใจจิตใจตนเองเลยว่าเราไขว่คว้าอะไรกันแน่ เราอยากค้นพบมันด้วยตนเอง อยากหาที่ ๆ ตัวเองยืนได้ เราก็อยากมีความสุข แต่เราสร้างมันไม่ได้ มันไม่ยากเลย เรารู้ว่าควรทำยังไง แต่เราทำมันไม่ได้ เราก้าวข้ามตัวเองไม่พ้น เรากลัว เรากลัววันนั้นจะมาถึง เราถึงอยากเป็นฝ่ายไปก่อนทุกคน ความตายคือส่วนหนึ่งของชีวิต ไม่ต้องกลัวอะไรเลย ตายก็แค่ภาพตัด ดับมืดมิดสนิท ไม่รับรู้ใด ๆ เลยเหมือนจักรวาลที่เคว้งคว้างดำมืดที่ช่องว่างกว้างใหญ่ไพศาล

จงมีชีวิตอยู่เถอะ แม้จะไม่มีความสุขเลยแม้แต่วันเดียว แต่ก็จงมีชีวิตต่อไปเถอะนะเรา คนเราทุกวันที่ผ่านมา เราเริ่มเข้าใกล้วันตายเข้าไปทุกที ๆ อยู่แล้ว ไม่มีก็ไม่เป็นไร เรามีลมหายใจ เราไม่เหลือใคร เราหาเลี้ยงตัวเองไม่ได้ เราก็เป็นคนเร่ร่อนไร้บ้านได้ สภาพไหนก็ช่าง จงมีชีวิตต่อไปเถิดนะ ไม่มีใครโอบกอดเราเราก็โอบกอดตัวเองก็ได้ เรานั่งคุยกับเงาตรงหน้าเราเอง เสียใจน่ะเสียใจได้นะ แต่จะพร้อมตายจริง ๆ หรอ แน่ใจหรอ ไม่อยากมีโอกาสมีชีวิตต่อเพื่อผจญชีวิตที่มีความทุกข์นี้ต่อไปหรือ อย่าขี้ขลาดหนีไปสิ ทุกข์แค่ไหนก็ได้มากสุดคนเร่ร่อนไร้บ้าน สุดท้ายก็ไม่ตาย ผจญมันต่อไป สู้ต่อนะเรา สู้กับความรู้สึกแย่ ๆ ที่ไม่อยากมีชีวิตแบบนี้ต่อไปในทุก ๆ วันนั่นล่ะ อย่าให้คนในครอบครัวรู้ มันปัญหาของเราเอง เราผ่านอายุมาขนาดนี้แล้วเราผ่านมันได้ด้วยตัวเองได้แล้วนะ เราไม่ใช่วัยรุ่นที่โวยวายเรียกร้องความสนใจแบบสมัยก่อนแล้วนะ เรามีหลานที่โตเข้ามหาลัยแล้วนะ ของขมกินไม่นานก็ชินเองล่ะ ขมเข้าไปนะชีวิต ป่ะ ไปกินยาแล้วก็นอนซะ พรุ่งนี้ค่อยมาเสียใจใหม่ วันนี้เสียใจจนร่างกายมันนิ่งเฉยไม่รู้สึกอะไรแล้ว แต่ใจมีแต่คำว่า อยากตาย ๆ ๆ ๆ เต็มในหัวไปหมด หรือเราจะลองขับรถลุยฝนเล่น ๆ เรื่อย ๆ ไร้ทิศทางดีนะ ไม่ดีกว่านะ ไปดูน้องหมาฮีลจิตใจกันเถอะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่