สวัสดีค่ะ พอดีมีเรื่องอยากปรึกษาหน่อยค่ะ
ปัญหาของเราคือ เรารู้สึกว่าเราทะเลาะกับแม่เรื่องเงินบ่อยมาก เราเป็นพี่คนโต อายุ 27 เรียนจบมาทำงานเป๋นมนุษย์เงินเดือปกติ มีน้องชายที่กำลังจะเรียนจบปีนี้
มี พ่อ แม่ ที่ไม่ได้ทำงานมาตั้งแต่ก่อนโควิดระบาดรอบเเรก ค่าใช้จ่ายทุกอย่างในบ้าน เราเลยรับผิดชอบ (ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่ากับข้าวค่าหนี้แบงค์ที่พ่อไปกู้มา ค่าน้ำมันรถ)ยกเว้นค่าใช้จ่ายของน้องชาย ที่เขาจัดการเอง คือตอนนี้น้องชายก็มีหารายได้เสริม ระหว่างเรียน
ซึ่งก่อนหน้านี้ตั้งเเต่เรียนมหาลัยสถานการณ์ทางการเงินบ้านเราก็ไม่ดีมาตลอด ค้าขายไม่ค่อยได้กำไร เราต้องทำเรื่องผ่อนผันค่าเทอมตลอด คุณพ่อเป็นหนี้บัตรเครดิต เราหาเงินพิเศษโดยกาสอนพิเศษตลอดระหว่างเรียน แต่ตอนนี้หนี้บัตรเราใช้เงืนเราเคลียจ่ายหมดเเล้วนะคะ เหลือแค่หนี้ที่พ่อไปกู้มาเพิ่มช่วงโควิดที่เขาบอกดอกเบี้ยต่ำ พอกู้เสร็จถึงมาบอกเราว่าผ่อนไม่ไหวช่วยผ่อนหน่อย เราเพิ่งมารู้ทีหลังว่าพ่อไปกู้เพิ่ม เราเลยต้องจ่ายตั้งเเต่เกือบ 2 ปีที่เเล้วจนถึงปัจจุบัน
ส่วนการเดินืางตอนนี้เราย้ายกลับจากหอมาอยู่บ้านเนื่องจาก WFH ได้แต่ก่อนหน้าเราอยู่หอค่าหอ4000 รวมน้ำไฟปีะมาณ4700 บาท พอดีเราไม่ค่อยเปิดแอร์ค่ะกลัวเลือง ส่วนที่พักราคานี้จะค่อนข้างปลอดภัยค่ะ เมื่อเทียบกับราคาที่ถูกกว่า เนื่องจากเราอยู่หอคนเดียว
ตอนนี้คุณพ่อ คุณแม่ ก็ไม่ได้ทำงานนะคะมาจะ 5 ปีเเล้ว อยู่เเต่ในบ้านเราเคยถามแม่ว่าลองเปิดดูหมอไหม พอดีเห็นท่านดูเป็น ดูแค่วันละ 2-3 คิวก็ได้เว้นวันพระ จะได้มีเงินใช้จ่าย ท่านก็บอกไม่เอา เดี๋ยวโดนเจ้ากรรมนายเวรคนอื่นมาตาม เหมือนเราไปเปิดกรรมเขา
ส่วนคุณพ่อ ตอนเเรกก็อยากให้ท่านขับแท็กซี่ จะได้มีเงินมาซื้อข้าวเพิ่ม ทุกคนก็บอกพ่อแก่เเล้ว กลัวหลับใน ความคิดนี้เลนต้องล้มเลิก
คราวนี้พอท่านอยู่บ้าน คุณแม่ก็เล่นเกมส์ คุณพ่อก็นอนตลอด หลังกินข้าว ทำกับข้าว กับ งานบ้าน
คุณแม่ก็จะชอบบอกว่าลูกคนอื่นมีงานทำ มีเงินให้ ซื้อของดีๆให้กิน พาไปเที่ยว ท่านไม่ได้พูดกับเราตรงๆหรอกคะ ท่านพูดเสียงดังให้เราได้ยิน
เราไม่เข้าใจว่าการที่เราจ่ายทุกอย่างในบ้าน ส่วนการกินก็ตามปกติ อาจไม่ได้เเพงมากมาย แต่ก็มีให้กินทุกมื้อ ไปเที่ยวก็พาไปต่างตังหวัดปีละครั้ง มันไม่เพียงพอเหรอคะ ทำไมชอบมองว่าเราเป็นลูกที่ไม่ดี อกตัญญู ทำให้พ่อแม่ผิดหวัง เราแค่เลี้ยงท่านเท่าที่เราไหว ท่านชอบบอกว่าเราชอบเก็บเงินเเต่ไม่ยอมเอามาช่ว คือเราเก็บเงินประมาณ25-30% ของเงินเดือนเพราะอยากจะซื้อรถจะได้ไปทำงานสะดวก แล้วก็เผื่อชีวิตตัวเองในอนาคตด้วย ยิ่งเศรษฐกิจเเบบนี้ แต่บางเดือนก็เก็บไม่ถึงหรอดค่ะเพราะมีรายจ่ายที่คาดไม่ถึงเช่น รถเสีย ต้องซ่อม ครั้งละ 2500-5000 บาทเราก็ต้องจ่ายอีก คือรถคันนี้เรายืมญาติมานะคะ อายุรถก็เกิน 10 ปีเเล้ว ซึ่งเวลามีค่าใช้จ่ายพวกนี้มามันทำให้เราหงุดหงิด เพราะเราจะวางแผนตลอดว่าแต่ละเดือนจะใช้เท่าไร พอเจอเหตุการณ์แบบนี้มันก็จะเบียดเบียนเงินเก็บเรา มันทำให้เราไม่ค่อยโอเค พอเราบอกว่าเราให้ได้เท่านี้ท่านก็ไม่พอใจอีกเช่นขอ 2500 เราให้ได้ 1500 ก็บอกว่าเราขี้งก รักแต่ตัวเอง ท่านก็บอกว่าถ้าเป็นน้องชายเรามีงานทำ น้องชายเราต้องให้ท่านได้เเน่ เลี้ยงดูได้ดีกว่าที่เราทำอยู่ แล้วก็ชอบพูดไปร้องไห้ไป เเล้วก็ชอบพูดว่าทำไมท่านเกิดมาต้องมีลูกแบบนี้ ไม่เคยได้ดั่งใจ เลี้ยงดูท่านไม่ดีพอ ไม่ซื้อเสื้อผ้า ไม่ให้เงินเดือน เเล้วก็เล่าย้อนไปตอนท่านเด็กๆ ว่าเวลาตา ยาย ขอออะไรเเม่ไม่เคยขัด แม่ให้ตลอด แม่ยอมอดได้เเต่ตา ยาย ต้องมีกิน มีใช้ คือการที่เราเลี้ยงดูพ่อ แม่ตามกำลังทรัพย์ตัวเองมันผิดมากเหรอคะ เราดูเป็นคนเลว อกตัญญูเหรอคะ ทำไมชอบคิดว่าลูกต้องอดเพื่อให้ พ่อแม่มี ท่านจะชอบบอกว่าที่ท่านมีชีวิตรอดมาได้ทุกวันนี้เพราะท่านกตัญญูต่อพ่อแม่ ใช่ค่ะท่านมีชีวิต แต่ท่านไม่เงินมาเลี้ยงดูตัวเอง บางทีก็อยากบอกคำนี้ แต่ได้เเต่คิดในใจ
เราไม่เข้าใจเหมือนกันว่าท่านเคยรักบ้างหรือป่าว บางทีเราก็รู้สึกว่าแค่มีเรา ตอนท่านแก่จะได้มีคนมาเลี้ยง ท่านไม่ได้รักเราหรอก หรืออาจรักเเต่เเค่รักน้องชายมากกว่า เพราะส่วนใหญ่แม่จะพูดจาดี กอดหอม น้องชายเราค่ะ แต่ไม่ทำกับเราหรอก เจอหน้าทีไรพูดเเต่เงิน ไม่เคยถามเราหรอกว่างานเครียดไหม งานเป็นไง หรือว่านิยามความเป็นลูกของแม่กับเรามันต่างกันก็ไม่รู้นะคะ
ในความคิดเราถ้าเราเป็นแม่คน แค่ลูกเราช่วยเหลือเรื่องค่าใช้จ่ายในบ้าน ค่ากินอยู่ ค่าหนี้ไที่ปกู้มาเราก็รู้สึกดีใจแล้วก็ขอบคุณเขามากๆเเล้ว ตอนนี้เรารู้สึกทำอะไรก็ไม่ดีพอสำหรับแม่เรา อยากย้ายกลับไปหอไวๆ จะไม่ได้ต้องฟังท่านบ่นแต่มันก็เเลกมากับค่าใช้จ่ายที่จะเพิ่มขึ้น
แต่ที่เรื่องที่เศร้าที่สุดคือโทรศัพท์ที่เล่นเกมส์เครื่องนึงของแม่พัง เลยเหลือเเค่เครื่องเดียวท่านมาขอเงินซื้อโทรศัท พอเราบอกรอสิ้รเดือนก่อน ท่านก็ร้องไห้เเล้วก็ว่าเราเเบบเดิมอีก รอบนี้มีปาข้าวของด้วย (ปกติท่านก็มีปาข้างของบ้างเวลา เราไม่ได้ดั่งใจ) มันทำให้เราท้อมากก แล้วก็ยิ่งอยากออกไปจากที่นี่
ขอบคุณนะคะที่ยอมรับฟังเเล้วก็ถ้ามีคำเเนะนำอะไรก็บอกได้นะคะ
ทำอะไรก็ไม่เคยดีพอวำหรับแม่
ปัญหาของเราคือ เรารู้สึกว่าเราทะเลาะกับแม่เรื่องเงินบ่อยมาก เราเป็นพี่คนโต อายุ 27 เรียนจบมาทำงานเป๋นมนุษย์เงินเดือปกติ มีน้องชายที่กำลังจะเรียนจบปีนี้
มี พ่อ แม่ ที่ไม่ได้ทำงานมาตั้งแต่ก่อนโควิดระบาดรอบเเรก ค่าใช้จ่ายทุกอย่างในบ้าน เราเลยรับผิดชอบ (ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่ากับข้าวค่าหนี้แบงค์ที่พ่อไปกู้มา ค่าน้ำมันรถ)ยกเว้นค่าใช้จ่ายของน้องชาย ที่เขาจัดการเอง คือตอนนี้น้องชายก็มีหารายได้เสริม ระหว่างเรียน
ซึ่งก่อนหน้านี้ตั้งเเต่เรียนมหาลัยสถานการณ์ทางการเงินบ้านเราก็ไม่ดีมาตลอด ค้าขายไม่ค่อยได้กำไร เราต้องทำเรื่องผ่อนผันค่าเทอมตลอด คุณพ่อเป็นหนี้บัตรเครดิต เราหาเงินพิเศษโดยกาสอนพิเศษตลอดระหว่างเรียน แต่ตอนนี้หนี้บัตรเราใช้เงืนเราเคลียจ่ายหมดเเล้วนะคะ เหลือแค่หนี้ที่พ่อไปกู้มาเพิ่มช่วงโควิดที่เขาบอกดอกเบี้ยต่ำ พอกู้เสร็จถึงมาบอกเราว่าผ่อนไม่ไหวช่วยผ่อนหน่อย เราเพิ่งมารู้ทีหลังว่าพ่อไปกู้เพิ่ม เราเลยต้องจ่ายตั้งเเต่เกือบ 2 ปีที่เเล้วจนถึงปัจจุบัน
ส่วนการเดินืางตอนนี้เราย้ายกลับจากหอมาอยู่บ้านเนื่องจาก WFH ได้แต่ก่อนหน้าเราอยู่หอค่าหอ4000 รวมน้ำไฟปีะมาณ4700 บาท พอดีเราไม่ค่อยเปิดแอร์ค่ะกลัวเลือง ส่วนที่พักราคานี้จะค่อนข้างปลอดภัยค่ะ เมื่อเทียบกับราคาที่ถูกกว่า เนื่องจากเราอยู่หอคนเดียว
ตอนนี้คุณพ่อ คุณแม่ ก็ไม่ได้ทำงานนะคะมาจะ 5 ปีเเล้ว อยู่เเต่ในบ้านเราเคยถามแม่ว่าลองเปิดดูหมอไหม พอดีเห็นท่านดูเป็น ดูแค่วันละ 2-3 คิวก็ได้เว้นวันพระ จะได้มีเงินใช้จ่าย ท่านก็บอกไม่เอา เดี๋ยวโดนเจ้ากรรมนายเวรคนอื่นมาตาม เหมือนเราไปเปิดกรรมเขา
ส่วนคุณพ่อ ตอนเเรกก็อยากให้ท่านขับแท็กซี่ จะได้มีเงินมาซื้อข้าวเพิ่ม ทุกคนก็บอกพ่อแก่เเล้ว กลัวหลับใน ความคิดนี้เลนต้องล้มเลิก
คราวนี้พอท่านอยู่บ้าน คุณแม่ก็เล่นเกมส์ คุณพ่อก็นอนตลอด หลังกินข้าว ทำกับข้าว กับ งานบ้าน
คุณแม่ก็จะชอบบอกว่าลูกคนอื่นมีงานทำ มีเงินให้ ซื้อของดีๆให้กิน พาไปเที่ยว ท่านไม่ได้พูดกับเราตรงๆหรอกคะ ท่านพูดเสียงดังให้เราได้ยิน
เราไม่เข้าใจว่าการที่เราจ่ายทุกอย่างในบ้าน ส่วนการกินก็ตามปกติ อาจไม่ได้เเพงมากมาย แต่ก็มีให้กินทุกมื้อ ไปเที่ยวก็พาไปต่างตังหวัดปีละครั้ง มันไม่เพียงพอเหรอคะ ทำไมชอบมองว่าเราเป็นลูกที่ไม่ดี อกตัญญู ทำให้พ่อแม่ผิดหวัง เราแค่เลี้ยงท่านเท่าที่เราไหว ท่านชอบบอกว่าเราชอบเก็บเงินเเต่ไม่ยอมเอามาช่ว คือเราเก็บเงินประมาณ25-30% ของเงินเดือนเพราะอยากจะซื้อรถจะได้ไปทำงานสะดวก แล้วก็เผื่อชีวิตตัวเองในอนาคตด้วย ยิ่งเศรษฐกิจเเบบนี้ แต่บางเดือนก็เก็บไม่ถึงหรอดค่ะเพราะมีรายจ่ายที่คาดไม่ถึงเช่น รถเสีย ต้องซ่อม ครั้งละ 2500-5000 บาทเราก็ต้องจ่ายอีก คือรถคันนี้เรายืมญาติมานะคะ อายุรถก็เกิน 10 ปีเเล้ว ซึ่งเวลามีค่าใช้จ่ายพวกนี้มามันทำให้เราหงุดหงิด เพราะเราจะวางแผนตลอดว่าแต่ละเดือนจะใช้เท่าไร พอเจอเหตุการณ์แบบนี้มันก็จะเบียดเบียนเงินเก็บเรา มันทำให้เราไม่ค่อยโอเค พอเราบอกว่าเราให้ได้เท่านี้ท่านก็ไม่พอใจอีกเช่นขอ 2500 เราให้ได้ 1500 ก็บอกว่าเราขี้งก รักแต่ตัวเอง ท่านก็บอกว่าถ้าเป็นน้องชายเรามีงานทำ น้องชายเราต้องให้ท่านได้เเน่ เลี้ยงดูได้ดีกว่าที่เราทำอยู่ แล้วก็ชอบพูดไปร้องไห้ไป เเล้วก็ชอบพูดว่าทำไมท่านเกิดมาต้องมีลูกแบบนี้ ไม่เคยได้ดั่งใจ เลี้ยงดูท่านไม่ดีพอ ไม่ซื้อเสื้อผ้า ไม่ให้เงินเดือน เเล้วก็เล่าย้อนไปตอนท่านเด็กๆ ว่าเวลาตา ยาย ขอออะไรเเม่ไม่เคยขัด แม่ให้ตลอด แม่ยอมอดได้เเต่ตา ยาย ต้องมีกิน มีใช้ คือการที่เราเลี้ยงดูพ่อ แม่ตามกำลังทรัพย์ตัวเองมันผิดมากเหรอคะ เราดูเป็นคนเลว อกตัญญูเหรอคะ ทำไมชอบคิดว่าลูกต้องอดเพื่อให้ พ่อแม่มี ท่านจะชอบบอกว่าที่ท่านมีชีวิตรอดมาได้ทุกวันนี้เพราะท่านกตัญญูต่อพ่อแม่ ใช่ค่ะท่านมีชีวิต แต่ท่านไม่เงินมาเลี้ยงดูตัวเอง บางทีก็อยากบอกคำนี้ แต่ได้เเต่คิดในใจ
เราไม่เข้าใจเหมือนกันว่าท่านเคยรักบ้างหรือป่าว บางทีเราก็รู้สึกว่าแค่มีเรา ตอนท่านแก่จะได้มีคนมาเลี้ยง ท่านไม่ได้รักเราหรอก หรืออาจรักเเต่เเค่รักน้องชายมากกว่า เพราะส่วนใหญ่แม่จะพูดจาดี กอดหอม น้องชายเราค่ะ แต่ไม่ทำกับเราหรอก เจอหน้าทีไรพูดเเต่เงิน ไม่เคยถามเราหรอกว่างานเครียดไหม งานเป็นไง หรือว่านิยามความเป็นลูกของแม่กับเรามันต่างกันก็ไม่รู้นะคะ
ในความคิดเราถ้าเราเป็นแม่คน แค่ลูกเราช่วยเหลือเรื่องค่าใช้จ่ายในบ้าน ค่ากินอยู่ ค่าหนี้ไที่ปกู้มาเราก็รู้สึกดีใจแล้วก็ขอบคุณเขามากๆเเล้ว ตอนนี้เรารู้สึกทำอะไรก็ไม่ดีพอสำหรับแม่เรา อยากย้ายกลับไปหอไวๆ จะไม่ได้ต้องฟังท่านบ่นแต่มันก็เเลกมากับค่าใช้จ่ายที่จะเพิ่มขึ้น
แต่ที่เรื่องที่เศร้าที่สุดคือโทรศัพท์ที่เล่นเกมส์เครื่องนึงของแม่พัง เลยเหลือเเค่เครื่องเดียวท่านมาขอเงินซื้อโทรศัท พอเราบอกรอสิ้รเดือนก่อน ท่านก็ร้องไห้เเล้วก็ว่าเราเเบบเดิมอีก รอบนี้มีปาข้าวของด้วย (ปกติท่านก็มีปาข้างของบ้างเวลา เราไม่ได้ดั่งใจ) มันทำให้เราท้อมากก แล้วก็ยิ่งอยากออกไปจากที่นี่
ขอบคุณนะคะที่ยอมรับฟังเเล้วก็ถ้ามีคำเเนะนำอะไรก็บอกได้นะคะ