ยอดพรานตะลุยดินแดนมหัศจรรย์ ตอน วัวธนูปะทะกระทิงผีสิง






พรานหวินพาเจษฏากับพรานเอก กลับมาแล้วค่ะ แต่คราวนี้ไม่มีพรานป๋อง


ยอดพรานตะลุยดินแดนมหัศจรรย์ ตอน วัวธนูปะทะกระทิงผีสิง

ล. วิลิศมาหรา


ลำห้วยสามสบแห่งนี้ แม้แต่ในหน้าแล้งที่อากาศร้อนแล้งขนาดหนัก แต่น้ำในลำห้วยยังคงไหลริน ๆ ไม่เคยเหือดหายไป จนเหลือแต่พื้นทรายชุ่มน้ำ เหมือนลำห้วยหน้าแล้งแห่งอื่น ลมแล้งพัดมาตามยอดไม้ ใบไม้แห้งปลิดปลิวร่วงลงทับถมกันบนพื้นดิน ช่วยบดบังความร้อนให้ผิวดิน ป้องกันน้ำระเหยจนรากของต้นไม้ขาดน้ำมาเลี้ยงลำต้น

เว้นแต่ต้นไทรใหญ่ที่ยังมีใบดกเขียวอยู่ ลำต้นสูงใหญ่ของมันยืนทะมึน ลูกดกสีเหลืองอมส้มกลายเป็นแหล่งอาหารชั้นดีของนกป่าหลายสิบชนิด 

นักผจญภัยทั้งสามไต่ขึ้นเนินสูงชันมาจนถึงยอดดอยจนได้ เจษฎาร้องขอให้พรานหวินและเอก หยุดพักบนนี้ก่อน เพราะสองขาของเขาอ่อนล้าเต็มที พรานหวินจึงปลดสัมภาระลง ทรุดตัวลงนั่งข้างเจษฏา ทอดสายตามองไปยังทิวไม้หนาทึบเบื้องล่าง สายลมเย็นพัดโชยมาไม่ขาดระยะ เอกยืนมองอยู่ทางด้านข้างของเจษฏาด้านหนึ่ง เขาเองแม้อยากไปให้ถึงเมืองกะลางไว ๆ แต่ก็จนใจทั้งระยะทางที่ขึ้นเขาตลอดเวลา และแข้งขาที่อ่อนกำลังลง พรานหวินชี้นิ้วไปที่ยอดเขาข้างหน้า พลางบอกว่า

“ยอดเขาลูกโน้นคือเขากะลาง เดินอีกวันเดียวก็จะถึงแล้ว พอลงเขาไปจะถึงเมืองกะลางเลย กะลางก็คือกะล่าง เป็นสำเนียงของชาวไทยวน ที่ใช้เรียกพื้นราบเบื้องล่าง ชาวกะลางส่วนหนึ่งอาจลงมาจากมณฑลยูนนาน แล้วตกค้างอยู่ที่นี่ ก่อนลงไปถึงโยนกหรือเชียงแสน ตอนที่ผมเข้าไปในเมืองกะลาง ชาวเมืองที่นั่นพูดภาษาไทยวน เหมือนกับภาษาพูดของชาวเมืองแถวเชียงใหม่ เชียงราย ลำพูน”

“ผมนึกว่าชาวกะลางเป็นชาวพม่าเสียอีก”

พรานหวินส่ายหน้า “มีปนกันครับ กะเหรี่ยงก็มี บางส่วนเป็นพม่าที่ถูกเนรเทศมาจากเมืองหลวง มะขิ่นเองก็เป็นลูกสาวของคนพม่า แต่ชาวบ้านส่วนใหญ่พูดสำเนียงพื้นเมืองของคนล้านนา ที่เรียกว่าคำเมือง”

พวกเขาทั้งสามใกล้เขตแดนเมืองกะลาง เมืองแห่งปริศนาเข้ามาทุกทีแล้ว ผ่านด่านมาแต่ละด่านสาหัส แต่ด่านนี้ก็หนักหนาสาหัสเช่นกัน เพราะมันเป็นด่าน กระทิงผีสิง ติดตามพวกเขาได้ที่ลิ้งค์นี้ค่ะ https://youtu.be/5Nhb2d0YwMs
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่