ยอดพรานตะลุยดงผีดิบ+เสียงหลอนคืนลอยกระทง





ยอดพรานตะลุยดงผีดิบ+เสียงหลอนคืนลอยกระทง

ล. วิลิศมาหรา

พอรุ่งเช้า พรานหวิน เจษฎาและเอกซึ่งรอดพ้นมาจากปีศาจกระทิง ที่ผู้มีอาคมปลุกเสกขึ้นมา เพื่อใช้มันเฝ้าทวารเมืองกะลาง 

พรานหวินเอง แม้มีฝีไม้ลายมือทางด้านการใช้คาถาอาคม เข้าขั้นสุดยอดนายพรานจอมขมังเวทคนหนึ่ง แต่ก็ยังอดครั่นคร้ามต่อกระทิงผีสิงตัวนี้ไม่ได้ เนื่องด้วยมันถูกปลุกเสกมาจากดินเจ็ดป่าช้า ร่ายคาถากำกับ ผู้ที่ปลุกเสกมันขึ้นมาคือแม่เฒ่ายีใบ หมอผีประจำหมู่บ้าน ที่ครั้งหนึ่งเกือบเอาชีวิตเขาไปบูชายัญ ให้แก่ผีเจ้าที่ตัวเองบูชา ดีที่ว่าแม่นายจ่าบ้านเฮือนแก้ว ซึ่งเป็นหัวหน้าหมู่บ้าน ได้ทัดทานเอาไว้เสียก่อน กระทิงผีสิงตัวนี้จะเป็นเสมือนด่านทดสอบความแข็งแกร่งของผู้บุกรุก ว่าจะแกร่งพอจนผ่านมันมาถึงใจกลางป่ามหากาฬ อันเป็นที่ตั้งของเมืองกะลางได้หรือเปล่า เหมือนที่เขากับพ่อเคยผ่านมันเข้ามา โดยไม่โดนมันเล่นงานจนตายกลางทางเสียก่อน 

เมื่อผ่านมันเข้ามาได้อีกครั้ง พรานหวินจึงรู้สึกดีใจมาก ในที่สุดเขาก็กำลังจะได้ล่วงเข้าสู่ดินแดนลับแลอันคุ้นตา อุตส่าห์ฝ่าอันตรายเข้ามาถึงเขตเมืองโบราณจนได้

นักผจญภัยทั้งสามไต่ขึ้นเนินสูงชันอีกเนินหนึ่ง จากนั้นก็ลงมาถึงชายป่า หยุดพักกันบริเวณนี้ก่อน เพราะต่างคนต่างแข้งขาเหนื่อยอ่อนกันเต็มที พรานหวินปลดสัมภาระลง ทรุดตัวลงนั่งข้างเจษฏา ทอดสายตามองไปยังทิวไม้เบื้องหน้า พ้นจากป่านี้ไปก็จะเข้าสู่หมู่บ้านกะลาง แม้อยากจะไปให้ถึงโดยไว แต่ก็ต้องใช้ความระมัดระวังเป็นอย่างมาก เพราะคนในหมู่บ้านไม่ได้ต้องการต้อนรับขับสู้คนถิ่นอื่นมากนัก แถมแม่เฒ่ายีใบที่ดูจะมีอำนาจเหนือกว่าจ่าบ้านเสียอีก ก็หวงแหนถ้ำศักดิ์สิทธิ์ของแก โดยเฉพาะแกไม่ชอบขี้หน้าเขาเอาเสียเลย เพราะว่าในอดีต เขาเคยจะพามะขิ่น ซึ่งเป็นหญิงสาวผู้ทำหน้าที่บวงสรวงผีเจ้าในถ้ำ หนีออกไปจากหมู่บ้าน

“ข้ามทุ่งหญ้าข้างหน้าไป เดินอีกแค่ครึ่งวันก็จะถึงหมู่บ้านแล้ว ในหมู่บ้านผู้หญิงจะเป็นใหญ่กว่าผู้ชาย ผู้นำหมู่บ้านเขาจะเรียกกันว่าจ่าบ้าน สมัยก่อนคือแม่นายเฮือนแก้ว ไม่รู้ตอนนี้มีใครเป็นจ่าบ้านแทนแกหรือเปล่า” พรานหวินชี้ให้สองหนุ่มดูทิวไม้เบื้องหน้า ทั้งสองเริ่มเห็นหลังคาบ้านบางหลังโผล่แซมยอดไม้มา

“แล้วถ้ำล่ะพี่หวิน มันอยู่ในหมู่บ้านหรืออยู่ข้างนอก” เอกถามออกมา ใจเขาจดจ่ออยู่แต่ถ้ำมหาสมบัติภายในหมู่บ้าน พรานหวินมองหน้าพรานรุ่นน้องแล้วบอกเสียงขรึม

“อย่าหวังเรื่องเล่าทำนองนั้นให้มากกับเลยเจ้าเอก ถ้ำนั้นอยู่ท้ายหมู่บ้าน ติดกับเขาลูกข้างหน้านั่น มีสมบัติจริงหรือเปล่าก็ไม่รู้ เพราะไม่เคยมีคนนอกหมู่บ้านออกมาบอก ที่ชาวบ้านไม่อยากให้ใครเข้าไปในถ้ำ เป็นเพราะว่าพวกเขามันใช้ทำพิธีกรรมบางอย่างของหมู่บ้านต่างหาก มันเป็นพิธีกรรมที่ไม่อยากให้คนนอกรู้ พี่เองก็ไม่รู้ อย่างที่พี่เคยเล่า พ่อพี่แอบเข้าไปแล้วก็ไม่กลับออกมาอีกเลย พี่จะเข้าไปตามก็เจอคนในหมู่บ้านขัดขวาง บางทีในถ้ำอาจมีอะไรที่สำคัญมากกว่าสมบัติซ่อนอยู่ก็ได้” 

พรานหวินชี้มือไปที่ขุนเขาข้างหน้า พลางอธิบาย เอกจึงเงียบเสียงไป พรานใหญ่หันมองไปรอบตัว เห็นว่าแดดบ่ายอ่อนแสงลงไปมาก หนทางเข้าสู่หมู่บ้านอยู่เบื้องหน้า เขาชวนคนทั้งสองให้ลุกขึ้น แล้วสาวเท้าเดินไปช้า ๆ อย่างระมัดระวัง พอเข้าสู่เขตพื้นที่ของหมู่บ้าน พื้นผิวของดินก็เหมือนมีกระไอเย็นพุ่งขึ้นมากระทบผิวกาย ความเย็นกรูเข้ามาจนหนาวสะท้าน สายหมอกสีขาวลอยเลื่อนเข้ามาปกคลุมไปทั่วบริเวณ

“คิดว่าชาตินี้จะไม่ได้กลับมาเหยียบที่นี่อีกแล้ว และก็ไม่เคยคิดว่าจะมีคนดั้นด้นเข้ามาจนถึงหมู่บ้าน แฟนของน้องสาวคุณเจษรู้จักที่นี่ได้ยังไง มันแปลกมาก”

พรานหวินพาเจษฏาและเอกมาถึงเมืองกะลางจนได้ แต่เขาพบว่าหลายสิ่งหลายอย่างดูเปลี่ยนแปลงไป 
เสียงร้องไห้คร่ำครวญด้วยความทุกข์ระทมในคืนที่ควรจะมีแต่ความหรรษา
ติดตามทั้งสองเรื่องได้ที่ลิ้งค์นี้ค่ะ https://youtu.be/4YqAGlmvmT8
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่