สวัสดีค่ะ เราเป็นเด็กอายุ 15 กำลังจะขึ้น ม.ปลายในปีนี้ แต่ระหว่างปิดเทอมก็มีปัญญากับครอบครัวเกิดขึ้นเรื่อยๆ และเรารู้สึกเหมือนมันจะยิ่งแย่ลงด้วยค่ะ
ต้องบอกก่อนว่าเราเป็นเด็กที่โตมาครอบครัวที่มีกินมีใช้ในยุครัฐบาลทักษิณ เราเกิดในยุค 2550 ชีวิตเราตอนเด็กเหมือนกับความฝันเท่าที่เด็กคนหนึ่งจะพึงพอใจได้เลยค่ะ เรามีแม่ที่ดีแม้จะไม่ค่อยมีเวลามากด้วยหน้าที่การงานของเขา ส่วนพ่อเราเป็นข้าราชการเงินเดือนก็ดีในส่วนหนึ่ง ตอนเด็กเรามีของเล่นพร้อม แม้จะไม่หรูหราแต่ก็มีความสุขดี
จนกระทั่งในช่วงที่น้องเราเกิดมาแรกๆห่างจากเรา 6 ปี ซึ่งตอนนั้นเราอายุ 6 ขวบ เราพบว่าพ่อมีผู้หญิงคนอื่นซ่อนไว้หลายคน แน่นอนว่าเรื่องนี้แม่เราก็รู้ แม่เริ่มทะเลาะกับพ่อเรื่องผู้หญิงพวกนั้น ซึ่งเราก็เห็นเป็นประจำหลังกลับมาจากโรงเรียน เราเข้าใจทุกอย่างแต่แค่ไม่พูดเพราะเรากลัวว่าแม่จะร้องไห้เสียใจ ไม่วายช่วงนั้นเราก็พึ่งรู้อีกว่าย่าเรามีอาการทางจิต และไม่ชอบแม่เราที่เป็นสะใภ้มากๆ ด้วยความที่เวลาปกติเราจะอยู่กับย่าในวันหยุด ในตอนแรกๆก่อนน้องเกิด ย่าก็ดูแลเราเรื่อยมา เพราะเราเป็นหลานคนแรก แต่แล้ววันหนึ่งในขณะที่เรานั่งดูทีวีอยู่หน้าบ้าน อยู่ดีๆย่าเราก็ยกพัดลมใกล้พังมา แล้วจับทุมใส่เราพัดลมแตกเป็นส่วนๆ ส่วนเรานั่งสับสนว่าเราทำผิดอะไร ทำไมเขาต้องทำอย่างนั้น เราจำฝังใจตั้งแต่ตอนนั้น เขาไม่ได้เป็นแบบนี้บ่อย เราเลยไม่โดนมาก วันหนึ่งแม่ทนกับพ่อไม่ไหว หอบเรากับน้องหนีไปบ้านเกิดที่มุกดาหาร เราจำได้ว่าเราเรียนที่นั่นประมาณหนึ่งปี แม่เราก็เลี้ยงไม่ไหว สุดท้ายเลยกลับมาหาพ่อ ทุกคนก็ตอนรับเราดี ตอนนั้นเราอายุ 10 และย้ายเราโรงเรียนใหม่ ปรากฏว่าโรงเรียนนั้นสังคม Toxic สุดๆ ฉบับที่เราไม่เคยเห็นมาก่อน เด็ก 10-11 ขวบ ตบกันในห้องน้ำแยกเด็กนักเรียนชาย ส่วนครูก็ไม่รู้อะไรเลย แล้วก็ทำหน้าที่แค่สอนเด็กต่อไป โรงเรียนนั้นเราได้เพื่อนที่นิสัยเสียแบบแอบๆ(ซึ่งด้วยความโง่ตอนแรกก็คิดว่าเขาเป็นเพื่อนที่ดี) เราบอกแม่เรื่องนี่แล้ว แต่แม่ก็แทบไม่ได้สนใจเพราะมัวแต่มุ่งหาเงิน กับทะเลาะกับพ่อ เราบอกแทนทุกวันว่าทนกับสังคมโรงเรียนไม่ไหว แต่แม่ก็ทำแค่ บอกให้เราทนต่อไป แน่นอนว่าเราทำตาม และทนอยู่แบบนั้นตั้งแต่เข้า ป.3-ป.6 ทนทั้งสังคมที่เราถูกกระทำเหมือนเป็นเบ๊เพราะเป็เด็กเงียบๆดูเอ๋อๆ ทนทั้งอดีตเพื่อนสนิทที่เหลี่ยมใส่เรา ไม่รู้กี่ครั้ง
จนขึ้น ม.1 เราได้เจอเพื่อน 3 คนที่ดีมากๆ นับเวลาตอนนี้คบกันได้ 3 ปีแล้วค่ะ แม้บางเรื่องเราจะความเห็นไม่ตรงกันบ้าง ทะเลาะกันบ้าง แต่เขาก็เพื่อนที่สนับสนุนและค่อยดูแลเราไม่ให้กลายเป็นเบ๊ ไม่ทำตัว Toxic ใส่ แล้วก็รับฟังเรา
ตอนเขาม.2 เราย้ายมาอยู่ในที่ดินของย่าที่เป็นพื้นนาแถบชนบท เพราะบ้านในเมืองหลังเก่าถูกยึดไปเพราะหนี้สินของพ่อ ซึ่งเราก็เข้าใจเพราะตอนนั้นเรา 13-14 กว่าๆแล้ว เราพยายามปรับตัวเพราะรู้ถึงสถานการณ์การเงินที่จัดได้ว่าย้ำแย่ในขณะนั้น เงินเก็บเราเราก็ยินดีให้พ่อไปซื้อของที่พ่อบอกว่ามันเป็นประโยชน์ ถึงแม้เราจะเก็บได้แค่ 2000 บ.ก็ตาม ในช่วงนั้นคือเวลาที่เราเริ่มต้นทะเลาะกับแม่ แบบรุนแรง เพราะเกรดเราไม่ค่อยดี จัดได้ว่าคณิตศาสตร์นี้แย่เลยค่ะ ครูที่สอนโพสต์แจ้งคะแนนเราในกลุ่มไลน์ผปค. แม่เราเห็นหลังจากกลับมาจากที่ทำงานก็ด่าเราแบบชุดใหญ่ บอกว่า “เกรดแค่นี้โตไปก็ไม่ต้องทำอะไรแล้ว ไม่รู้จะส่งเรียนมาเพื่ออะไร เลิกเรียนไปเลยดีกว่ามั้ย” พูดย่ำๆอยู่อย่างนี้ทั้งคืนจนเรานอนหลับไป ซึ่งเรารู้สึกแย่มาก เราไม่ได้โกรธเพราะเกรดเรามันก็ห่วยจริงๆ แต่เราเสียใจที่ทำแม่ผิดหวัง ถึง ม.3 เกรดเราจะดีขึ้นแต่ก่อนมากหน่อย แต่ตั้งแต่เราย้ายมาแม่เราก็เปลี่ยนไป จากไม่เคยพูดคำหยาบก็ด่าหมาที่บ้าน เรียกมันว่า “” ซึ่งเราไม่โอเคเท่าไหร่ อารมณ์ขึ้นลงเรื่อยๆ ทุกๆปี เวลามีเรื่องเครียดเป้าหมายที่เขาจะลงจะเป็นเราคนแรก ถึงด่าน้องก็พาดพิงถึงเราด้วย บอกตรงๆว่าเราไม่โอเคค่ะ บ้างครั้งแม่แค่อารมณ์เสียที่เราทำงานไม่เร็วเหมือนที่เขาอยากได้ ยอมรับว่าเราเนี่ยเป็นเด็กเอื้อยเชื่อยและขี้เกียดพอสมควร แต่เราก็ช่วยทำงานบ้าน เราซักผ้าเองด้วยมือตั้งแต่อายุ 10 ขวบ เราอาบน้ำเองตั้งแต่แม่แยกทางกับพ่อ เราล้างจานเวลาที่แม่สั่ง ถ้าแม่ไปทำงานเราก็จะแอบช่วยจัดห้อง แต่พอแม่บอกว่าอย่ามาย้ายของของเขา เราก็ทำแค่กวาดห้องเฉยๆ และบ้างครั้งมันก็ไม่สะอาด ทำให้แม่โมโหซึ่งในบ้างครั้ง เขาก็จะด่าเราแล้วขุดเรื่องได้อดีตมาด่าเรา จนหมดวันไปเลยก็มี ช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา เราร้องไห้ค่อนข้างบ่อยค่ะ แต่เขาไม่รู้ ไม่มีใครรู้ เพราะแอบร้องในห้องน้ำ ถ้าร้องให้เขาเห็น พ่อจะบอกว่าเราสำออย ส่วนแม่ก็บอกว่าเราขี้เกียดทำงาน แล้วก็ด่าเราต่อ จนกระทั่งช่วงนี้ บ้านเราถูกนายหน้าขายที่โกงจนต้องวิ่งเต้นแจ้งความ แม่ก็อารมณ์เดือดกว่าปกติ ถึงหลังจากเศรษฐกิจตกต่ำแม่ไม่มีงานทำก็จะอารมณ์ขึ้นลงอยู่แล้ว เขาเคยพูดกับเราว่า “ไม่ต้องเรียนได้ไหม” เราเข้าใจว่าเศรษฐกิจแย่ แล้วเกรดเราก็ไม่ดีเดอะไรพอจะไปแข่งกับพวกท๊อปได้ การเรียนก็กลางๆ จะไปมีค่าอะไรให้เขาหวัง จนถึงวันนี้ หลังกลับมาจากบ้านญาติ เราเผลอทำประตูหนีบมือน้องในขณะน้องกำลังลงจากรถ แม่โกรธมาก แล้วบอกว่าเรากลับมาก็สร้างเรื่อง ด่าเรามักง่ายตลอด ทั้งๆที่ตอนนั้นเรารับปิดเร็วเพราะพ่อบอกว่าจะย้ายรถ ให้เรากับน้องรีบลงไป แล้วผิดเองที่ดูไม่ดีทำน้องเจ็บ แม่ด่าเราไม่หยุดเลยแอบไปร้องไห้ หลังจากกลั้นน้ำตาตอนแม่ใช้เราไปเก็บขยะ แต่แม่ก็มาเจอ แล้วก็บอกว่าเราไม่ได้งานอะไรเลย เราเดินหนีไปร้องำห้ที่อื่น แต่แม่ก็โมโหแล้วตามมาจะตีเรา เราวิ่งทั้งๆที่ร้องไห้ รู้ตัวอีกทีก็เดินห่างออกจากบ้านมาเยอะมากๆเลย แต่ก็ไม่กล้ากลับไป จนแม่ขี่รถมาตาม แล้วบอกให้เรานั่งคิดในห้อง เราคิดไม่ออกเลย ตอนนั้นคิดได้แค่ว่า ถ้าเราหายไปพ่อแม่ก็จะสบายขึ้น ไม่ต้องลูกโง่ๆ ที่ใช้งานไม่ได้ ไม่ต้องส่งค่าเรียนเรา พอมองย้อนดูดีๆเรากลับรู้สึกว่า บ้างครั้งแม่ก็เป็นคนอื่น ส่วนพ่อ เรามองเห็นความเคารพของเราที่มีต่อเขาน้อยลงมากตั้งแต่เรื่องคล่าวตอนอายุ 6 ขวบ เราปรึกษาพ่อแม่ไม่ได้ เพราะงานและอื่นๆ เรารู้สึกว่าแม่ไม่เข้าใจเรา เรื่องเราบางเรื่องเข้ายังไม่เคยสังเกตเลย เขาไม่เคยปล่อยให้เราอธิบาย และสุดท้ายเราก็ยอมเป็นฝ่ายผิดตลอด เราไม่ได้โกรธเรื่องที่เขาชอบใช้เราทำงาน แต่แค่รู้สึกว่าครอบครัวไม่ใช่ครอบครัวแล้ว เป็นเหมือนก้อนบางอย่างที่พยายามเป็นครอบครัวมากกว่า ยิ่งปัญหาในตระกูลมากขึ้น ข้อขัดแย้งในครอบครัวยิ่งเพิ่มขึ้น ตอนนี้จากที่เคยอยู่กับญาติโดยไม่มีข้อกังขา เรากลับมานั่งคิดว่าเขารักเราจริงๆ หรือแค่ทำตามมารยาท สักวันถ้าหมดประโยชน์ต่อครอบครัวเขา เขาจะถีบหัวส่งไหม ทุกวันนี้เรารู้สึกเหมือนพ่อแม่ไม่เข้าใจ ไม่พยายามเข้าใจ เราขึ้นทุกที
สุดท้ายนี้เราแค่อยากระบายค่ะ แต่เราก็อยากได้ความคิดเห็น ว่าเราควรคุยกับแม่รึเปล่า หรือเราควรทำตัวยังไงดี
ขอบคุณล่วงหน้าสำหรับคำตอบนะคะ
รู้สึกเหมือนครอบครัวไม่ใช่ครอบครัว
ต้องบอกก่อนว่าเราเป็นเด็กที่โตมาครอบครัวที่มีกินมีใช้ในยุครัฐบาลทักษิณ เราเกิดในยุค 2550 ชีวิตเราตอนเด็กเหมือนกับความฝันเท่าที่เด็กคนหนึ่งจะพึงพอใจได้เลยค่ะ เรามีแม่ที่ดีแม้จะไม่ค่อยมีเวลามากด้วยหน้าที่การงานของเขา ส่วนพ่อเราเป็นข้าราชการเงินเดือนก็ดีในส่วนหนึ่ง ตอนเด็กเรามีของเล่นพร้อม แม้จะไม่หรูหราแต่ก็มีความสุขดี
จนกระทั่งในช่วงที่น้องเราเกิดมาแรกๆห่างจากเรา 6 ปี ซึ่งตอนนั้นเราอายุ 6 ขวบ เราพบว่าพ่อมีผู้หญิงคนอื่นซ่อนไว้หลายคน แน่นอนว่าเรื่องนี้แม่เราก็รู้ แม่เริ่มทะเลาะกับพ่อเรื่องผู้หญิงพวกนั้น ซึ่งเราก็เห็นเป็นประจำหลังกลับมาจากโรงเรียน เราเข้าใจทุกอย่างแต่แค่ไม่พูดเพราะเรากลัวว่าแม่จะร้องไห้เสียใจ ไม่วายช่วงนั้นเราก็พึ่งรู้อีกว่าย่าเรามีอาการทางจิต และไม่ชอบแม่เราที่เป็นสะใภ้มากๆ ด้วยความที่เวลาปกติเราจะอยู่กับย่าในวันหยุด ในตอนแรกๆก่อนน้องเกิด ย่าก็ดูแลเราเรื่อยมา เพราะเราเป็นหลานคนแรก แต่แล้ววันหนึ่งในขณะที่เรานั่งดูทีวีอยู่หน้าบ้าน อยู่ดีๆย่าเราก็ยกพัดลมใกล้พังมา แล้วจับทุมใส่เราพัดลมแตกเป็นส่วนๆ ส่วนเรานั่งสับสนว่าเราทำผิดอะไร ทำไมเขาต้องทำอย่างนั้น เราจำฝังใจตั้งแต่ตอนนั้น เขาไม่ได้เป็นแบบนี้บ่อย เราเลยไม่โดนมาก วันหนึ่งแม่ทนกับพ่อไม่ไหว หอบเรากับน้องหนีไปบ้านเกิดที่มุกดาหาร เราจำได้ว่าเราเรียนที่นั่นประมาณหนึ่งปี แม่เราก็เลี้ยงไม่ไหว สุดท้ายเลยกลับมาหาพ่อ ทุกคนก็ตอนรับเราดี ตอนนั้นเราอายุ 10 และย้ายเราโรงเรียนใหม่ ปรากฏว่าโรงเรียนนั้นสังคม Toxic สุดๆ ฉบับที่เราไม่เคยเห็นมาก่อน เด็ก 10-11 ขวบ ตบกันในห้องน้ำแยกเด็กนักเรียนชาย ส่วนครูก็ไม่รู้อะไรเลย แล้วก็ทำหน้าที่แค่สอนเด็กต่อไป โรงเรียนนั้นเราได้เพื่อนที่นิสัยเสียแบบแอบๆ(ซึ่งด้วยความโง่ตอนแรกก็คิดว่าเขาเป็นเพื่อนที่ดี) เราบอกแม่เรื่องนี่แล้ว แต่แม่ก็แทบไม่ได้สนใจเพราะมัวแต่มุ่งหาเงิน กับทะเลาะกับพ่อ เราบอกแทนทุกวันว่าทนกับสังคมโรงเรียนไม่ไหว แต่แม่ก็ทำแค่ บอกให้เราทนต่อไป แน่นอนว่าเราทำตาม และทนอยู่แบบนั้นตั้งแต่เข้า ป.3-ป.6 ทนทั้งสังคมที่เราถูกกระทำเหมือนเป็นเบ๊เพราะเป็เด็กเงียบๆดูเอ๋อๆ ทนทั้งอดีตเพื่อนสนิทที่เหลี่ยมใส่เรา ไม่รู้กี่ครั้ง
จนขึ้น ม.1 เราได้เจอเพื่อน 3 คนที่ดีมากๆ นับเวลาตอนนี้คบกันได้ 3 ปีแล้วค่ะ แม้บางเรื่องเราจะความเห็นไม่ตรงกันบ้าง ทะเลาะกันบ้าง แต่เขาก็เพื่อนที่สนับสนุนและค่อยดูแลเราไม่ให้กลายเป็นเบ๊ ไม่ทำตัว Toxic ใส่ แล้วก็รับฟังเรา
ตอนเขาม.2 เราย้ายมาอยู่ในที่ดินของย่าที่เป็นพื้นนาแถบชนบท เพราะบ้านในเมืองหลังเก่าถูกยึดไปเพราะหนี้สินของพ่อ ซึ่งเราก็เข้าใจเพราะตอนนั้นเรา 13-14 กว่าๆแล้ว เราพยายามปรับตัวเพราะรู้ถึงสถานการณ์การเงินที่จัดได้ว่าย้ำแย่ในขณะนั้น เงินเก็บเราเราก็ยินดีให้พ่อไปซื้อของที่พ่อบอกว่ามันเป็นประโยชน์ ถึงแม้เราจะเก็บได้แค่ 2000 บ.ก็ตาม ในช่วงนั้นคือเวลาที่เราเริ่มต้นทะเลาะกับแม่ แบบรุนแรง เพราะเกรดเราไม่ค่อยดี จัดได้ว่าคณิตศาสตร์นี้แย่เลยค่ะ ครูที่สอนโพสต์แจ้งคะแนนเราในกลุ่มไลน์ผปค. แม่เราเห็นหลังจากกลับมาจากที่ทำงานก็ด่าเราแบบชุดใหญ่ บอกว่า “เกรดแค่นี้โตไปก็ไม่ต้องทำอะไรแล้ว ไม่รู้จะส่งเรียนมาเพื่ออะไร เลิกเรียนไปเลยดีกว่ามั้ย” พูดย่ำๆอยู่อย่างนี้ทั้งคืนจนเรานอนหลับไป ซึ่งเรารู้สึกแย่มาก เราไม่ได้โกรธเพราะเกรดเรามันก็ห่วยจริงๆ แต่เราเสียใจที่ทำแม่ผิดหวัง ถึง ม.3 เกรดเราจะดีขึ้นแต่ก่อนมากหน่อย แต่ตั้งแต่เราย้ายมาแม่เราก็เปลี่ยนไป จากไม่เคยพูดคำหยาบก็ด่าหมาที่บ้าน เรียกมันว่า “” ซึ่งเราไม่โอเคเท่าไหร่ อารมณ์ขึ้นลงเรื่อยๆ ทุกๆปี เวลามีเรื่องเครียดเป้าหมายที่เขาจะลงจะเป็นเราคนแรก ถึงด่าน้องก็พาดพิงถึงเราด้วย บอกตรงๆว่าเราไม่โอเคค่ะ บ้างครั้งแม่แค่อารมณ์เสียที่เราทำงานไม่เร็วเหมือนที่เขาอยากได้ ยอมรับว่าเราเนี่ยเป็นเด็กเอื้อยเชื่อยและขี้เกียดพอสมควร แต่เราก็ช่วยทำงานบ้าน เราซักผ้าเองด้วยมือตั้งแต่อายุ 10 ขวบ เราอาบน้ำเองตั้งแต่แม่แยกทางกับพ่อ เราล้างจานเวลาที่แม่สั่ง ถ้าแม่ไปทำงานเราก็จะแอบช่วยจัดห้อง แต่พอแม่บอกว่าอย่ามาย้ายของของเขา เราก็ทำแค่กวาดห้องเฉยๆ และบ้างครั้งมันก็ไม่สะอาด ทำให้แม่โมโหซึ่งในบ้างครั้ง เขาก็จะด่าเราแล้วขุดเรื่องได้อดีตมาด่าเรา จนหมดวันไปเลยก็มี ช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา เราร้องไห้ค่อนข้างบ่อยค่ะ แต่เขาไม่รู้ ไม่มีใครรู้ เพราะแอบร้องในห้องน้ำ ถ้าร้องให้เขาเห็น พ่อจะบอกว่าเราสำออย ส่วนแม่ก็บอกว่าเราขี้เกียดทำงาน แล้วก็ด่าเราต่อ จนกระทั่งช่วงนี้ บ้านเราถูกนายหน้าขายที่โกงจนต้องวิ่งเต้นแจ้งความ แม่ก็อารมณ์เดือดกว่าปกติ ถึงหลังจากเศรษฐกิจตกต่ำแม่ไม่มีงานทำก็จะอารมณ์ขึ้นลงอยู่แล้ว เขาเคยพูดกับเราว่า “ไม่ต้องเรียนได้ไหม” เราเข้าใจว่าเศรษฐกิจแย่ แล้วเกรดเราก็ไม่ดีเดอะไรพอจะไปแข่งกับพวกท๊อปได้ การเรียนก็กลางๆ จะไปมีค่าอะไรให้เขาหวัง จนถึงวันนี้ หลังกลับมาจากบ้านญาติ เราเผลอทำประตูหนีบมือน้องในขณะน้องกำลังลงจากรถ แม่โกรธมาก แล้วบอกว่าเรากลับมาก็สร้างเรื่อง ด่าเรามักง่ายตลอด ทั้งๆที่ตอนนั้นเรารับปิดเร็วเพราะพ่อบอกว่าจะย้ายรถ ให้เรากับน้องรีบลงไป แล้วผิดเองที่ดูไม่ดีทำน้องเจ็บ แม่ด่าเราไม่หยุดเลยแอบไปร้องไห้ หลังจากกลั้นน้ำตาตอนแม่ใช้เราไปเก็บขยะ แต่แม่ก็มาเจอ แล้วก็บอกว่าเราไม่ได้งานอะไรเลย เราเดินหนีไปร้องำห้ที่อื่น แต่แม่ก็โมโหแล้วตามมาจะตีเรา เราวิ่งทั้งๆที่ร้องไห้ รู้ตัวอีกทีก็เดินห่างออกจากบ้านมาเยอะมากๆเลย แต่ก็ไม่กล้ากลับไป จนแม่ขี่รถมาตาม แล้วบอกให้เรานั่งคิดในห้อง เราคิดไม่ออกเลย ตอนนั้นคิดได้แค่ว่า ถ้าเราหายไปพ่อแม่ก็จะสบายขึ้น ไม่ต้องลูกโง่ๆ ที่ใช้งานไม่ได้ ไม่ต้องส่งค่าเรียนเรา พอมองย้อนดูดีๆเรากลับรู้สึกว่า บ้างครั้งแม่ก็เป็นคนอื่น ส่วนพ่อ เรามองเห็นความเคารพของเราที่มีต่อเขาน้อยลงมากตั้งแต่เรื่องคล่าวตอนอายุ 6 ขวบ เราปรึกษาพ่อแม่ไม่ได้ เพราะงานและอื่นๆ เรารู้สึกว่าแม่ไม่เข้าใจเรา เรื่องเราบางเรื่องเข้ายังไม่เคยสังเกตเลย เขาไม่เคยปล่อยให้เราอธิบาย และสุดท้ายเราก็ยอมเป็นฝ่ายผิดตลอด เราไม่ได้โกรธเรื่องที่เขาชอบใช้เราทำงาน แต่แค่รู้สึกว่าครอบครัวไม่ใช่ครอบครัวแล้ว เป็นเหมือนก้อนบางอย่างที่พยายามเป็นครอบครัวมากกว่า ยิ่งปัญหาในตระกูลมากขึ้น ข้อขัดแย้งในครอบครัวยิ่งเพิ่มขึ้น ตอนนี้จากที่เคยอยู่กับญาติโดยไม่มีข้อกังขา เรากลับมานั่งคิดว่าเขารักเราจริงๆ หรือแค่ทำตามมารยาท สักวันถ้าหมดประโยชน์ต่อครอบครัวเขา เขาจะถีบหัวส่งไหม ทุกวันนี้เรารู้สึกเหมือนพ่อแม่ไม่เข้าใจ ไม่พยายามเข้าใจ เราขึ้นทุกที
สุดท้ายนี้เราแค่อยากระบายค่ะ แต่เราก็อยากได้ความคิดเห็น ว่าเราควรคุยกับแม่รึเปล่า หรือเราควรทำตัวยังไงดี
ขอบคุณล่วงหน้าสำหรับคำตอบนะคะ