สินค้าเข้าคิวขึ้นราคาเป็นหางว่าว”กาแฟ-ครีมเทียม-ปลากระป๋อง” จ่อปรับ ”เหล็ก” สวนกระแสลด 7-10%
https://www.matichon.co.th/economy/news_3314846
สินค้าเข้าคิวขึ้นราคาเป็นหางว่าว ”กาแฟ-ครีมเทียม-ปลากระป๋อง” จ่อปรับ ”เหล็ก” สวนกระแสลด 7-10%
นาย
อภิชาติ ไพรรุ่งเรือง ประธานสหพันธ์การขนส่งทางบกแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ตั้งแต่ 1 พฤษภาคม สมาชิกสมาคมฯจะปรับค่าขนส่งเพิ่มขึ้นอย่างน้อย20% ทั่วประเทศ หลังจากรัฐบาลปรับราคาน้ำมันดีเซล เป็น 32 บาทต่อลิตร ทั้งนี้ ได้มีการหารือกับลูกค้า ซึ่งบางส่วนยอมรับได้ แต่ก็มีบางส่วนไม่ยอมรับ ก็ต้องเจรจาต่อรองกันต่อไปอีกระยะหนึ่ง
“ ดีเซลขึ้น ผลกระทบจะตามมา เมื่อต้นทุนขนส่งเพิ่ม ราคาสินค้าจะปรับราคาขึ้นตาม ในส่วนของผู้ประกอบการรถบรรทุก ตอนนี้มีความเดือดร้อนจากค่าใช้จ่าย ค่าครองชีพที่เพิ่มขึ้น เช่น ค่าผ่อนงวดรถ จากทั้งระบบ 4 แสนคัน มีประมาณ 40% ที่ผ่อนค่างวดกับไฟแนนซ์ และถูกยึดรถไปแล้ว 100 คัน หากปรับค่าขนส่งขึ้นแล้ว ลูกค้ารับไม่ได้ รายได้ไม่มี อาจจะมีหายไปจากระบบเพิ่ม และอาจมีการฝ่าฝืนบรรจุเกินน้ำหนักที่กฎหมายกำหนดไว้ ” นาย
อภิชาติ กล่าว
กาแฟ-ครีมเทียมขึ้นมิ.ย.
แหล่งข่าวจากร้านค้าปลีกค้าส่งรายใหญ่ ย่านบางบัวทอง เปิดเผยว่า ช่วงเดือนเมษายนถึงมิถุนายนนี้ มีผู้ผลิตสินค้าอุปโภคและบริโภค แจ้งปรับราคาสินค้าเกือบทุกรายการ ทั้งต้นทุนขนส่งและราคาขายปลีก ตามต้นทุนการผลิตและค่าขนส่งที่สูงขึ้น ล่าสุดวันที่ 21 เมษายนที่ผ่านมา ผู้ผลิตและจำหน่ายกาแฟยี่ห้อยอดนิยม แจ้งขึ้นราคากาแฟปรุงสำเร็จชนิดผงทรีอินวันอีก 80 บาทต่อลัง (ลังละ 12 ห่อ) หรือขึ้น 8 บาทต่อห่อ (ห่อละ 60 ซอง) ส่วนในเดือนมิถุนายน จะเป็นการขึ้นราคาหมวดกาแฟกระป๋องอีก 2 บาทต่อกระป๋อง จาก 15 บาท เป็น 17 บาท และนครีมเทียม
‘มาม่า’แก้เกมออกไซซ์ใหม่
แหล่งข่าวระบุอีกว่า ในเดือนมิ
ายน จะมีสินค้าอีกจำนวนมากขอปรับขึ้นราคา อาทิ ปลากระป๋อง นมถั่วเหลืองแบบขวดขอปรับ 5%ต่อขวด ซอสปรุงอาหารปรับขึ้น 15%ทุกขนาด ส่วนบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปยี่ห้อมาม่า ที่แจ้งขอขึ้นตามต้นทุนขนส่งเดือนพฤษภาคม แต่คงราคาขายปลีกเท่าเดิมสำหรับซองเล็กอยู่ที่ 6 บาท แต่ได้เพิ่มน้ำหนักจากเดิม 90 กรัม ราคา 8 บาท เป็น 95 กรัม ราคา 10 บาท สำหรับมาม่าบิ๊กแพค หรือประมาณ 20% ส่วนยี่ห้อไวไวราคาขายส่งตามต้นทุนขนส่ง โดยคงราคาขายปลีกหน้าซองที่ 6 บาทเหมือนเดิม
สินค้าล็อตใหม่แห่ปรับราคา
แหล่งข่าว กล่าวว่า สำหรับสินค้าที่ขึ้นราคามาแล้ว ช่วงเดือนมีนาคม-เมษายน และมีแนวโน้มจะปรับขึ้นอีกตามต้นทุนใหม่ ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม ซึ่งที่ได้ปรับราคาขึ้นแล้ว อาทิ ผงซักฟอกชนิดน้ำขนาด 700 กรัม จาก 44-45 บาทต่อถุง เป็น 53 บาทต่อถุง แชมพูสระผม ราคาแพ็กคู่ จาก 1448 บาท เป็น 154-155 บาท นมข้นหวานและนมสดกระป๋องปรับขึ้น 2 บาท เครื่องดื่มชูกำลังปรับขึ้นตามต้นทุนขนส่ง 10 บาทต่อลัง (ลังละ 50 ขวด) เป็นต้น
“ในส่วนของน้ำมันพืชบรรจุขวด 1 ลิตร ที่ผ่านมาปรับขึ้นเป็นรายอาทิตย์ ตอนนี้ผู้ผลิตน้ำมันปาล์มขายปลีก(ลิตร)อยู่ที่ 65-66 บาท น้ำมันถั่วเหลือง(ลิตร)อยู่ที่ 67 บาท ล่าสุด ได้มีการจำกัดจำนวนสั่งซื้อน้ำมันถั่วเหลืองกับผู้ค้าส่งแล้ว หลังราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่องและกำลังผลิตเริ่มน้อยลง เพราะผู้บริโภคหันซื้อน้ำมันถั่วเหลืองแทนน้ำมันปาล์มที่มีราคาแพงมาก ” แหล่งข่าว กล่าว
‘สปอนเซอร์’เอาด้วยขึ้น2บาท
แหล่งข่าวจากร้านค้าปลีกค้าส่ง ย่านพระราม 3 กล่าวว่า ตั้งแต่พฤษภาคมนี้ มีสินค้าจะปรับราคาขึ้นอีกจำนวนมาก อ้างเรื่องราคาค่าขนส่งสูงขึ้น หลังรัฐบาลปรับขึ้นดีเซลจาก 30 บาทต่อลิตร เป็น 32 บาทต่อลิตร โดยทางร้านได้รับแจ้งจากผู้ผลิตเครื่องดื่มเกลือแร่ยี่ห้อ สปอนเซอร์ ขอปรับราคาอีก 2 บาทต่อขวด จาก 10 บาทต่อขวด เป็น 12 บาทต่อขวด มีผลวันที่ 1 พฤษภาคม 2565
“ตอนนี้หลังมีข่าวว่าสินค้าจะขึ้นราคา มีร้านค้าปลีกค้าส่งและร้านค้าย่อย เริ่มซื้อตุนสินค้าไว้ล่วงหน้า ทำให้สต๊อกในร้านค้าขนาดใหญ่เริ่มขาด อีกทั้งผู้ผผลิตสินค้าผลิตสินค้าป้อนตลาดไม่ทัน เช่น เครื่องดื่มโซดา ที่ปรับราคารอบ 2 เมื่อเดือนเมษายน อีก 10 บาทต่อถาด(ถาดละ 24 ขวด) หรือปรับขึ้น 0.80 บาทต่อขวด เริ่มไม่มีสต๊อกขายแล้ว อาจมีการปรับราคารอบ 3 ได้ ” แหล่งข่าว กล่าว
แหล่งข่าวกล่าวต่อว่า สำหรับเครื่องดื่มแอลกอฮอลล์ หลังผู้ผลิตเบียร์ทุกยี่ห้อ ปรับราคาขึ้นเแล้วก่อนเข้าเทศกาลสงกรานต์ต้นเดือนเมษายนที่ผ่านมา ขณะที่ยังไม่ได้รับแจ้งราคาใหม่ เนื่องจากหมดช่วงเทศกาลสงหรานต์แล้ว คาดว่าต้องรอประเมินต้นทุนขนส่งในเดือนพฤษภาคมนี้ก่อน
จำกัดซื้อน้ำมันพืช-น้ำปลา
ผู้สื่อข่าวได้รับการร้องเรียนจากประชาชนว่าในค้าปลีกเริ่มไม่มีสินค้าบางชนิด และได้สำรวจสถานการณ์ราคาสินค้าในห้างค้าปลีก ในย่านลาดพร้าว พบว่า น้ำมันพืชบรรจุขวด (1ลิตร) ในส่วนของน้ำมันถั่วเหลือง และน้ำมันปาล์ม สินค้าวางบนชั้นวางสินค้าบางตาและบางช่วงขาด จนบางสาขาได้จำกัดจำนวนซื้อต่อครอบครัวไม่เกิน 6 ขวด ขณะที่ราคาขายน้ำมันปาล์มเฉลี่ยอยู่ที่ 62-64 บาทต่อขวด บางแห่งเกิน 66 บาท ส่วนน้ำมันถั่วเหลืองเฉลี่ยอยู่ที่ 62-63 บาท ต่อขวด นอกจากนี้ยังมีจำกัดการซื้อน้ำปลาอีกยี่ห้อ ขนาด 700 ซีซี ครอบครัวละไม่เกิน 6 ขวด เพิ่มเติมจากเดิม ที่ก่อนหน้านี้จำกัดการซื้อไปแล้ว 1 ยี่ห้อ
เหล็กสวนกระแสลด7-10%
นางจ
รรยา สว่างจิตร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พี.โอเวอร์ซีส์ สตีล จำกัด (มหาชน) ผู้ค้าเหล็ก กล่าวว่า ขณะนี้ราคาเหล็กในประเทศในส่วนของราคาเหล็กเส้นที่ใช้ในการก่อสร้าง ราคาเริ่มปรับตัวลดลง จากก่อนสงกรานต์ราคาขายเกิน 30 บาทต่อกิโลกรัม ล่าสุดราคาอยู่ที่ 28 บาทต่อกิโลกรัมหรือปรับลดประมาณ 7-10% เนื่องจากความต้องการใช้ในประเทศเริ่มชะลอตัวตามภาวะการก่อสร้างที่เริ่มน้อยและแรงงานยังไม่กลับเข้าสู่ระบบจากสถานการณ์โควิดระบาด ประกอบกับวัตถุดิบนำเข้าจากต่างประเทศและราคาพลังงานเริ่มทรงตัวในช่วงนี้ ทำให้โรงงานผู้ผลิตไม่กล้าขึ้นราคามาก จึงตั้งราคาขายในราคาที่พอจะรับได้ทั้งผู้และผู้ขาย เพื่อรักษากระแสเงินสดไว้ เพราะยังมีสต็อกเก่าเหลืออยู่
“ราคาที่ปรับลง คงแค่ช่วงระยะสั้นๆ ต้องรอดูพฤษาภาคมนี้ หลังขึ้นราคาน้ำมันดีเซล จะส่งผลกระทบต่อต้นทุนการขนส่งวัสดุก่อสร้างสต๊อกใหม่มากน้อยแค่ไหน” นาง
จรรยา กล่าว
ของแพง-ค่าครองชีพสูง ผลสำรวจ ม.หอการค้า ชี้แรงงานไทย 99% เป็นหนี้ หรือมีเพียง 1% ที่ไม่มีหนี้
https://www.matichon.co.th/economy/news_3313853
ของแพง-หนี้ครัวเรือนพุ่ง กระทบจีดีพี ปี’65 ม.หอการค้า คาดมีโอกาสโตเพียง 3%
เมื่อวันที่ 28 เมษายน นาย
ธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทยและประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยว่า จากการสำรวจสถานภาพแรงงานไทยในปัจจุบันทั่วประเทศ กรณีศึกษาผู้มีรายได้ต่ำกว่า 15,000 บาท จำนวน 1,260 ตัวอย่าง ระหว่างวันที่ 18-24 เมษายน 2565 พบว่า ส่วนใหญ่ถึง 99% มีหนี้สิน ซึ่งถือเป็นสัดส่วนที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง มาจากการใช้จ่ายประจำวัน มีหนี้บัตรเครดิตและจากที่อยู่อาศัย
โดยภาพรวมจำนวนหนี้สินเฉลี่ย กว่า 2 แสน 1 หมื่นบาทต่อครัวเรือน เพิ่มขึ้น 5.90% เทียบกับปีที่แล้ว ถือเป็นมูลค่าที่สูงขึ้นในรอบ 14 ปี และมี 31.5% เคยผิดนัดชำระหนี้ เพราะจำนวนหนี้และค่าครองชีพสูงขึ้น ทำให้ได้รายได้ไม่เพียงพอ
“ปัญหาหนี้ครัวเรือน ที่เกิดจากค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้น ทั้งค่าสินค้าอุปโภค บริโภค และค่าน้ำมัน ส่งผลให้พฤติกรรมการใช้จ่ายลดลง เป็นผลให้เศรษฐกิจภาพรวมขาดกำลังและไม่โดดเด่น ทำให้หนี้ครัวเรือนในปี 2565 มีโอกาสสูงสุด 95% ของตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมของประเทศ (จีดีพี) เป็นผลให้ จีดีพี ปี 2565 มีโอกาสโตอยู่ในกรอบ 3-3.5% แต่หากภาครัฐ ไม่มีมาตรการออกมากระตุ้นเศรษฐกิจ มีโอกาสที่เศรษฐกิจไทย ปีนี้ให้ขยายตัวเหลือเพียง 3%” นาย
ธนวรรธน์กล่าว
นาย
ธนวรรธน์กล่าวว่า สำหรับกรณีการทยอยปรับราคาน้ำมันดีเซล เป็น 32 บาทต่อลิตร ในวันที่ 1 พฤษภาคมนี้ เพดานไม่เกิน 35 บาท นั้น ส่งผลให้มีโอกาสที่น้ำมันดีเซลจะขยับถึงเพดาน 35 บาทต่อลิตรภายในเดือนมิถุนายนนี้ ดังนั้น การที่ดีเซลแพงขึ้นทุก 1 บาทต่อลิตร ยาวไป 1 ปี เศรษฐกิจจะชะลอ 0.2% ซึ่งหากปรับขึ้น 5 บาทต่อลิตร จะกระทบเศรษฐกิจครึ่งปีหลัง จะย่อลง 0.5%
นาย
ธนวรรธน์กล่าวอีกว่า จากปัจจัยลบที่กล่าวมา มองว่าแนวทางสนับสนุนโครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 5 วงเงิน 1,000-1,500 บาทต่อราย มาชดเชยรายจ่ายจากราคาน้ำมันดีเซลที่เพิ่มขึ้น รวมทั้งการผ่อนคลายมาตรการโควิด จะทำให้ภาคการท่องเที่ยวกลับเข้ามาช่วยพยุงเศรษฐกิจต่อเนื่องในช่วงปลายปี 2565 และยังพอมีโอกาสประครองเศรษฐกิจให้ขยายตัว 3.5% ได้อีกด้วย
น้ำมัน-แก๊ส ราคาพุ่ง แม่ค้ากล้วยแขกโอด แบกไม่ไหว เตรียมหยุดขาย
https://www.matichon.co.th/region/news_3314079
แม่ค้ากล้วยแขกโอดค้าขายสุดเงียบเหงา เพราะคนไม่มีกำลังใช้จ่าย ปรับลดวัตถุดิบแล้ว แต่ยังขายยาก ทั้งแก๊สทั้งน้ำมันปาล์มพาเหรดขึ้นราคา หากวัตถุดิบปรับขึ้นอีกเตรียมหยุดขาย เพราะไปต่อไม่ไหวแล้ว
เมื่อวันที่ 28 เมษายน นางสาว
ธนพร ยินดี แม่ค้าขายกล้วยแขกอยู่ที่บริเวณถนนมหาสารคาม-กมลาไสย ต.ตลาด อ.เมือง จ.มหาสารคาม กล่าวว่า ราคาวัตถุดิบที่ใช้ในการประกอบอาชีพขึ้นราคาอย่างต่อเนื่อง
โดยเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา ตอนนั้นราคาน้ำมันเมล็ดในปาล์มที่ใช้ทอดกล้วยแขก ราคาอยู่ที่ลังละ 880 บาท ล่าสุดที่ไปซื้อที่ห้างค้าส่ง ราคาอยู่ที่ 915 บาท แต่ตอนนี้ราคาพุ่งขึ้นไปอยู่ที่ลังละ 984 บาท แต่ของขาดตลาดไม่มีขาย ทำให้ต้องซื้อน้ำมันปาล์มอีกยี่ห้อนึงมาใช้ทอดกล้วยแขกแทน ซึ่งราคาอยู่ที่ลังละ 780 บาท 1 ลังมี 12 ลิตร ตกลิตรละ 65 บาท
ซึ่งหากใช้น้ำมันเมล็ดในปาล์ม ของทอดจะกรอบนานกว่าใช้น้ำมันปาล์มธรรมดา ส่วนราคาแก๊สตอนนี้ก็เพิ่มขึ้นอีกถังละ 10 บาท จากที่เคยซื้อ 360 บาท ก็ปรับขึ้นเป็น 370 บาท ได้ยินว่าราคาแก๊สจะขึ้นราคาอีกในวันที่ 1 พฤษภาคม ก็ต้องทำใจ เพราะเราทำอาชีพค้าขาย
ตอนนี้บอกเลยว่าการค้าการขายเงียบมาก ถนนเส้นนี้เคยมีรถผ่านไปผ่านมาเยอะก็ยังเงียบ เศรษฐกิจไม่ดี คนไม่มีกำลังใช้จ่าย ในหนึ่งวันจากที่เคยทำของ 100% ก็ลดวัตถุดิบลง 50% เช่นกล้วยจากเดิม 10 หวี ก็เหลือ 5 หวี เผือก 5 โล ก็เหลือ 2 โลครึ่ง ฟักทอง-มันเทศจาก 4 โล ก็เหลือ 2 โล ก็ยังขายยาก จากเดิมบ่ายโมงก็เริ่มเก็บร้าน แต่ตอนนี้อยู่ถึง บ่าย 3 เกือบบ่าย 4 โมงก็ยังขายไม่หมด ส่วนราคาขายก็ยังคงขายราคาเดิมทุกอย่าง 8 ชิ้น 20 บาท ทั้ง กล้วย เผือก มัน ฟักทอง สับปะรด และขนมไข่หงส์
ทั้งนี้ แม่ค้ากล้วยแขก ระบุอีกว่า อยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาช่วยดูแลเรื่องราคาวัตถุดิบที่ใช้ในการประกอบอาชีพ ทั้งแก๊ส น้ำมันปาล์ม ตลอดจนสินค้าอื่นๆ เพราะตอนนี้ราคาแพงมาก เราจะไปกันไม่ไหวอยู่แล้ว ตอนนี้ทุกคนยอมรับสภาพ แต่หากราคาสินค้าแพงมากขึ้นไปกว่านี้อีก คิดว่าดีไม่ดี อาจจะต้องหยุดขายก็ได้ เพราะสู้ราคาวัตถุดิบไม่ได้
JJNY : 6in1 เข้าคิวขึ้นราคา│แรงงาน99%เป็นหนี้│แม่ค้ากล้วยแขกโอด│ลูกชิ้นยืนกินขึ้นราคา│พท.สวนชัยวุฒิ│โรมขยี้ปมค้ามนุษย์
https://www.matichon.co.th/economy/news_3314846
สินค้าเข้าคิวขึ้นราคาเป็นหางว่าว ”กาแฟ-ครีมเทียม-ปลากระป๋อง” จ่อปรับ ”เหล็ก” สวนกระแสลด 7-10%
นายอภิชาติ ไพรรุ่งเรือง ประธานสหพันธ์การขนส่งทางบกแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ตั้งแต่ 1 พฤษภาคม สมาชิกสมาคมฯจะปรับค่าขนส่งเพิ่มขึ้นอย่างน้อย20% ทั่วประเทศ หลังจากรัฐบาลปรับราคาน้ำมันดีเซล เป็น 32 บาทต่อลิตร ทั้งนี้ ได้มีการหารือกับลูกค้า ซึ่งบางส่วนยอมรับได้ แต่ก็มีบางส่วนไม่ยอมรับ ก็ต้องเจรจาต่อรองกันต่อไปอีกระยะหนึ่ง
“ ดีเซลขึ้น ผลกระทบจะตามมา เมื่อต้นทุนขนส่งเพิ่ม ราคาสินค้าจะปรับราคาขึ้นตาม ในส่วนของผู้ประกอบการรถบรรทุก ตอนนี้มีความเดือดร้อนจากค่าใช้จ่าย ค่าครองชีพที่เพิ่มขึ้น เช่น ค่าผ่อนงวดรถ จากทั้งระบบ 4 แสนคัน มีประมาณ 40% ที่ผ่อนค่างวดกับไฟแนนซ์ และถูกยึดรถไปแล้ว 100 คัน หากปรับค่าขนส่งขึ้นแล้ว ลูกค้ารับไม่ได้ รายได้ไม่มี อาจจะมีหายไปจากระบบเพิ่ม และอาจมีการฝ่าฝืนบรรจุเกินน้ำหนักที่กฎหมายกำหนดไว้ ” นายอภิชาติ กล่าว
กาแฟ-ครีมเทียมขึ้นมิ.ย.
แหล่งข่าวจากร้านค้าปลีกค้าส่งรายใหญ่ ย่านบางบัวทอง เปิดเผยว่า ช่วงเดือนเมษายนถึงมิถุนายนนี้ มีผู้ผลิตสินค้าอุปโภคและบริโภค แจ้งปรับราคาสินค้าเกือบทุกรายการ ทั้งต้นทุนขนส่งและราคาขายปลีก ตามต้นทุนการผลิตและค่าขนส่งที่สูงขึ้น ล่าสุดวันที่ 21 เมษายนที่ผ่านมา ผู้ผลิตและจำหน่ายกาแฟยี่ห้อยอดนิยม แจ้งขึ้นราคากาแฟปรุงสำเร็จชนิดผงทรีอินวันอีก 80 บาทต่อลัง (ลังละ 12 ห่อ) หรือขึ้น 8 บาทต่อห่อ (ห่อละ 60 ซอง) ส่วนในเดือนมิถุนายน จะเป็นการขึ้นราคาหมวดกาแฟกระป๋องอีก 2 บาทต่อกระป๋อง จาก 15 บาท เป็น 17 บาท และนครีมเทียม
‘มาม่า’แก้เกมออกไซซ์ใหม่
แหล่งข่าวระบุอีกว่า ในเดือนมิายน จะมีสินค้าอีกจำนวนมากขอปรับขึ้นราคา อาทิ ปลากระป๋อง นมถั่วเหลืองแบบขวดขอปรับ 5%ต่อขวด ซอสปรุงอาหารปรับขึ้น 15%ทุกขนาด ส่วนบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปยี่ห้อมาม่า ที่แจ้งขอขึ้นตามต้นทุนขนส่งเดือนพฤษภาคม แต่คงราคาขายปลีกเท่าเดิมสำหรับซองเล็กอยู่ที่ 6 บาท แต่ได้เพิ่มน้ำหนักจากเดิม 90 กรัม ราคา 8 บาท เป็น 95 กรัม ราคา 10 บาท สำหรับมาม่าบิ๊กแพค หรือประมาณ 20% ส่วนยี่ห้อไวไวราคาขายส่งตามต้นทุนขนส่ง โดยคงราคาขายปลีกหน้าซองที่ 6 บาทเหมือนเดิม
สินค้าล็อตใหม่แห่ปรับราคา
แหล่งข่าว กล่าวว่า สำหรับสินค้าที่ขึ้นราคามาแล้ว ช่วงเดือนมีนาคม-เมษายน และมีแนวโน้มจะปรับขึ้นอีกตามต้นทุนใหม่ ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม ซึ่งที่ได้ปรับราคาขึ้นแล้ว อาทิ ผงซักฟอกชนิดน้ำขนาด 700 กรัม จาก 44-45 บาทต่อถุง เป็น 53 บาทต่อถุง แชมพูสระผม ราคาแพ็กคู่ จาก 1448 บาท เป็น 154-155 บาท นมข้นหวานและนมสดกระป๋องปรับขึ้น 2 บาท เครื่องดื่มชูกำลังปรับขึ้นตามต้นทุนขนส่ง 10 บาทต่อลัง (ลังละ 50 ขวด) เป็นต้น
“ในส่วนของน้ำมันพืชบรรจุขวด 1 ลิตร ที่ผ่านมาปรับขึ้นเป็นรายอาทิตย์ ตอนนี้ผู้ผลิตน้ำมันปาล์มขายปลีก(ลิตร)อยู่ที่ 65-66 บาท น้ำมันถั่วเหลือง(ลิตร)อยู่ที่ 67 บาท ล่าสุด ได้มีการจำกัดจำนวนสั่งซื้อน้ำมันถั่วเหลืองกับผู้ค้าส่งแล้ว หลังราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่องและกำลังผลิตเริ่มน้อยลง เพราะผู้บริโภคหันซื้อน้ำมันถั่วเหลืองแทนน้ำมันปาล์มที่มีราคาแพงมาก ” แหล่งข่าว กล่าว
‘สปอนเซอร์’เอาด้วยขึ้น2บาท
แหล่งข่าวจากร้านค้าปลีกค้าส่ง ย่านพระราม 3 กล่าวว่า ตั้งแต่พฤษภาคมนี้ มีสินค้าจะปรับราคาขึ้นอีกจำนวนมาก อ้างเรื่องราคาค่าขนส่งสูงขึ้น หลังรัฐบาลปรับขึ้นดีเซลจาก 30 บาทต่อลิตร เป็น 32 บาทต่อลิตร โดยทางร้านได้รับแจ้งจากผู้ผลิตเครื่องดื่มเกลือแร่ยี่ห้อ สปอนเซอร์ ขอปรับราคาอีก 2 บาทต่อขวด จาก 10 บาทต่อขวด เป็น 12 บาทต่อขวด มีผลวันที่ 1 พฤษภาคม 2565
“ตอนนี้หลังมีข่าวว่าสินค้าจะขึ้นราคา มีร้านค้าปลีกค้าส่งและร้านค้าย่อย เริ่มซื้อตุนสินค้าไว้ล่วงหน้า ทำให้สต๊อกในร้านค้าขนาดใหญ่เริ่มขาด อีกทั้งผู้ผผลิตสินค้าผลิตสินค้าป้อนตลาดไม่ทัน เช่น เครื่องดื่มโซดา ที่ปรับราคารอบ 2 เมื่อเดือนเมษายน อีก 10 บาทต่อถาด(ถาดละ 24 ขวด) หรือปรับขึ้น 0.80 บาทต่อขวด เริ่มไม่มีสต๊อกขายแล้ว อาจมีการปรับราคารอบ 3 ได้ ” แหล่งข่าว กล่าว
แหล่งข่าวกล่าวต่อว่า สำหรับเครื่องดื่มแอลกอฮอลล์ หลังผู้ผลิตเบียร์ทุกยี่ห้อ ปรับราคาขึ้นเแล้วก่อนเข้าเทศกาลสงกรานต์ต้นเดือนเมษายนที่ผ่านมา ขณะที่ยังไม่ได้รับแจ้งราคาใหม่ เนื่องจากหมดช่วงเทศกาลสงหรานต์แล้ว คาดว่าต้องรอประเมินต้นทุนขนส่งในเดือนพฤษภาคมนี้ก่อน
จำกัดซื้อน้ำมันพืช-น้ำปลา
ผู้สื่อข่าวได้รับการร้องเรียนจากประชาชนว่าในค้าปลีกเริ่มไม่มีสินค้าบางชนิด และได้สำรวจสถานการณ์ราคาสินค้าในห้างค้าปลีก ในย่านลาดพร้าว พบว่า น้ำมันพืชบรรจุขวด (1ลิตร) ในส่วนของน้ำมันถั่วเหลือง และน้ำมันปาล์ม สินค้าวางบนชั้นวางสินค้าบางตาและบางช่วงขาด จนบางสาขาได้จำกัดจำนวนซื้อต่อครอบครัวไม่เกิน 6 ขวด ขณะที่ราคาขายน้ำมันปาล์มเฉลี่ยอยู่ที่ 62-64 บาทต่อขวด บางแห่งเกิน 66 บาท ส่วนน้ำมันถั่วเหลืองเฉลี่ยอยู่ที่ 62-63 บาท ต่อขวด นอกจากนี้ยังมีจำกัดการซื้อน้ำปลาอีกยี่ห้อ ขนาด 700 ซีซี ครอบครัวละไม่เกิน 6 ขวด เพิ่มเติมจากเดิม ที่ก่อนหน้านี้จำกัดการซื้อไปแล้ว 1 ยี่ห้อ
เหล็กสวนกระแสลด7-10%
นางจรรยา สว่างจิตร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พี.โอเวอร์ซีส์ สตีล จำกัด (มหาชน) ผู้ค้าเหล็ก กล่าวว่า ขณะนี้ราคาเหล็กในประเทศในส่วนของราคาเหล็กเส้นที่ใช้ในการก่อสร้าง ราคาเริ่มปรับตัวลดลง จากก่อนสงกรานต์ราคาขายเกิน 30 บาทต่อกิโลกรัม ล่าสุดราคาอยู่ที่ 28 บาทต่อกิโลกรัมหรือปรับลดประมาณ 7-10% เนื่องจากความต้องการใช้ในประเทศเริ่มชะลอตัวตามภาวะการก่อสร้างที่เริ่มน้อยและแรงงานยังไม่กลับเข้าสู่ระบบจากสถานการณ์โควิดระบาด ประกอบกับวัตถุดิบนำเข้าจากต่างประเทศและราคาพลังงานเริ่มทรงตัวในช่วงนี้ ทำให้โรงงานผู้ผลิตไม่กล้าขึ้นราคามาก จึงตั้งราคาขายในราคาที่พอจะรับได้ทั้งผู้และผู้ขาย เพื่อรักษากระแสเงินสดไว้ เพราะยังมีสต็อกเก่าเหลืออยู่
“ราคาที่ปรับลง คงแค่ช่วงระยะสั้นๆ ต้องรอดูพฤษาภาคมนี้ หลังขึ้นราคาน้ำมันดีเซล จะส่งผลกระทบต่อต้นทุนการขนส่งวัสดุก่อสร้างสต๊อกใหม่มากน้อยแค่ไหน” นางจรรยา กล่าว
ของแพง-ค่าครองชีพสูง ผลสำรวจ ม.หอการค้า ชี้แรงงานไทย 99% เป็นหนี้ หรือมีเพียง 1% ที่ไม่มีหนี้
https://www.matichon.co.th/economy/news_3313853
ของแพง-หนี้ครัวเรือนพุ่ง กระทบจีดีพี ปี’65 ม.หอการค้า คาดมีโอกาสโตเพียง 3%
เมื่อวันที่ 28 เมษายน นายธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทยและประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยว่า จากการสำรวจสถานภาพแรงงานไทยในปัจจุบันทั่วประเทศ กรณีศึกษาผู้มีรายได้ต่ำกว่า 15,000 บาท จำนวน 1,260 ตัวอย่าง ระหว่างวันที่ 18-24 เมษายน 2565 พบว่า ส่วนใหญ่ถึง 99% มีหนี้สิน ซึ่งถือเป็นสัดส่วนที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง มาจากการใช้จ่ายประจำวัน มีหนี้บัตรเครดิตและจากที่อยู่อาศัย
โดยภาพรวมจำนวนหนี้สินเฉลี่ย กว่า 2 แสน 1 หมื่นบาทต่อครัวเรือน เพิ่มขึ้น 5.90% เทียบกับปีที่แล้ว ถือเป็นมูลค่าที่สูงขึ้นในรอบ 14 ปี และมี 31.5% เคยผิดนัดชำระหนี้ เพราะจำนวนหนี้และค่าครองชีพสูงขึ้น ทำให้ได้รายได้ไม่เพียงพอ
“ปัญหาหนี้ครัวเรือน ที่เกิดจากค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้น ทั้งค่าสินค้าอุปโภค บริโภค และค่าน้ำมัน ส่งผลให้พฤติกรรมการใช้จ่ายลดลง เป็นผลให้เศรษฐกิจภาพรวมขาดกำลังและไม่โดดเด่น ทำให้หนี้ครัวเรือนในปี 2565 มีโอกาสสูงสุด 95% ของตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมของประเทศ (จีดีพี) เป็นผลให้ จีดีพี ปี 2565 มีโอกาสโตอยู่ในกรอบ 3-3.5% แต่หากภาครัฐ ไม่มีมาตรการออกมากระตุ้นเศรษฐกิจ มีโอกาสที่เศรษฐกิจไทย ปีนี้ให้ขยายตัวเหลือเพียง 3%” นายธนวรรธน์กล่าว
นายธนวรรธน์กล่าวว่า สำหรับกรณีการทยอยปรับราคาน้ำมันดีเซล เป็น 32 บาทต่อลิตร ในวันที่ 1 พฤษภาคมนี้ เพดานไม่เกิน 35 บาท นั้น ส่งผลให้มีโอกาสที่น้ำมันดีเซลจะขยับถึงเพดาน 35 บาทต่อลิตรภายในเดือนมิถุนายนนี้ ดังนั้น การที่ดีเซลแพงขึ้นทุก 1 บาทต่อลิตร ยาวไป 1 ปี เศรษฐกิจจะชะลอ 0.2% ซึ่งหากปรับขึ้น 5 บาทต่อลิตร จะกระทบเศรษฐกิจครึ่งปีหลัง จะย่อลง 0.5%
นายธนวรรธน์กล่าวอีกว่า จากปัจจัยลบที่กล่าวมา มองว่าแนวทางสนับสนุนโครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 5 วงเงิน 1,000-1,500 บาทต่อราย มาชดเชยรายจ่ายจากราคาน้ำมันดีเซลที่เพิ่มขึ้น รวมทั้งการผ่อนคลายมาตรการโควิด จะทำให้ภาคการท่องเที่ยวกลับเข้ามาช่วยพยุงเศรษฐกิจต่อเนื่องในช่วงปลายปี 2565 และยังพอมีโอกาสประครองเศรษฐกิจให้ขยายตัว 3.5% ได้อีกด้วย
น้ำมัน-แก๊ส ราคาพุ่ง แม่ค้ากล้วยแขกโอด แบกไม่ไหว เตรียมหยุดขาย
https://www.matichon.co.th/region/news_3314079
แม่ค้ากล้วยแขกโอดค้าขายสุดเงียบเหงา เพราะคนไม่มีกำลังใช้จ่าย ปรับลดวัตถุดิบแล้ว แต่ยังขายยาก ทั้งแก๊สทั้งน้ำมันปาล์มพาเหรดขึ้นราคา หากวัตถุดิบปรับขึ้นอีกเตรียมหยุดขาย เพราะไปต่อไม่ไหวแล้ว
เมื่อวันที่ 28 เมษายน นางสาวธนพร ยินดี แม่ค้าขายกล้วยแขกอยู่ที่บริเวณถนนมหาสารคาม-กมลาไสย ต.ตลาด อ.เมือง จ.มหาสารคาม กล่าวว่า ราคาวัตถุดิบที่ใช้ในการประกอบอาชีพขึ้นราคาอย่างต่อเนื่อง
โดยเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา ตอนนั้นราคาน้ำมันเมล็ดในปาล์มที่ใช้ทอดกล้วยแขก ราคาอยู่ที่ลังละ 880 บาท ล่าสุดที่ไปซื้อที่ห้างค้าส่ง ราคาอยู่ที่ 915 บาท แต่ตอนนี้ราคาพุ่งขึ้นไปอยู่ที่ลังละ 984 บาท แต่ของขาดตลาดไม่มีขาย ทำให้ต้องซื้อน้ำมันปาล์มอีกยี่ห้อนึงมาใช้ทอดกล้วยแขกแทน ซึ่งราคาอยู่ที่ลังละ 780 บาท 1 ลังมี 12 ลิตร ตกลิตรละ 65 บาท
ซึ่งหากใช้น้ำมันเมล็ดในปาล์ม ของทอดจะกรอบนานกว่าใช้น้ำมันปาล์มธรรมดา ส่วนราคาแก๊สตอนนี้ก็เพิ่มขึ้นอีกถังละ 10 บาท จากที่เคยซื้อ 360 บาท ก็ปรับขึ้นเป็น 370 บาท ได้ยินว่าราคาแก๊สจะขึ้นราคาอีกในวันที่ 1 พฤษภาคม ก็ต้องทำใจ เพราะเราทำอาชีพค้าขาย
ตอนนี้บอกเลยว่าการค้าการขายเงียบมาก ถนนเส้นนี้เคยมีรถผ่านไปผ่านมาเยอะก็ยังเงียบ เศรษฐกิจไม่ดี คนไม่มีกำลังใช้จ่าย ในหนึ่งวันจากที่เคยทำของ 100% ก็ลดวัตถุดิบลง 50% เช่นกล้วยจากเดิม 10 หวี ก็เหลือ 5 หวี เผือก 5 โล ก็เหลือ 2 โลครึ่ง ฟักทอง-มันเทศจาก 4 โล ก็เหลือ 2 โล ก็ยังขายยาก จากเดิมบ่ายโมงก็เริ่มเก็บร้าน แต่ตอนนี้อยู่ถึง บ่าย 3 เกือบบ่าย 4 โมงก็ยังขายไม่หมด ส่วนราคาขายก็ยังคงขายราคาเดิมทุกอย่าง 8 ชิ้น 20 บาท ทั้ง กล้วย เผือก มัน ฟักทอง สับปะรด และขนมไข่หงส์
ทั้งนี้ แม่ค้ากล้วยแขก ระบุอีกว่า อยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาช่วยดูแลเรื่องราคาวัตถุดิบที่ใช้ในการประกอบอาชีพ ทั้งแก๊ส น้ำมันปาล์ม ตลอดจนสินค้าอื่นๆ เพราะตอนนี้ราคาแพงมาก เราจะไปกันไม่ไหวอยู่แล้ว ตอนนี้ทุกคนยอมรับสภาพ แต่หากราคาสินค้าแพงมากขึ้นไปกว่านี้อีก คิดว่าดีไม่ดี อาจจะต้องหยุดขายก็ได้ เพราะสู้ราคาวัตถุดิบไม่ได้