ตลาดหุ้นไทยเดือดอีกแน่ คลังกลับลำเก็บภาษีขายหุ้น
เชื่อได้ว่าในสัปดาห์นี้ บรรดา “แมลงเม่า” ในตลาดหุ้นไทย คงส่งเสียงร้องระงมกันอีกรอบ หลังกระทรวงการคลังออกมายืนยันเสียงแข็งกันอีกรอบว่าจะเดินหน้าจัดเก็บภาษีจากการขายหุ้น ในอัตรา 0.1% 18 เมษายน 2565 8:00 น.
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ที่สำคัญ!! การจัดเก็บภาษีครั้งนี้จะดำเนินการภายในปีงบประมาณ 2565 หรือพูดง่าย ๆ ก็ภายในเดือน ก.ย. 65 นี้ และที่น่าตกอกตกใจกันอีกยก คงหนีไม่พ้น… การจัดเก็บแบบไม่แยกแยะ
หากจำกันได้…ก่อนหน้านี้ กระทรวงการคลังระบุว่านโยบายการจัดเก็บภาษีจากการขายหุ้น เน้นไปที่นักลงทุนเฉพาะกลุ่ม ที่มีมูลค่าการซื้อขายเกิน 1 ล้านบาทต่อเดือนขึ้นไป หรือล้านละ 1,000 บาท
ดังนั้น!! บรรดา “แมลงเม่า” ตัวเล็ก ๆ หรือรายเล็กรายย่อย ไม่มีผลกระทบแน่นอน
แต่มาครั้งนี้ “ขุนคลัง” อย่าง “อาคม เติมพิทยาไพสิฐ” บอกว่า การจัดเก็บแบบแยกแยะกลุ่มนั้น เป็นการดำเนินการที่ยุ่งยากในขั้นตอนปฎิบัติ ดังนั้นจึงต้องจัดเก็บภาษีแบบเท่ากันหมด
นั่น!! หมายความว่า ไม่ว่าจะเป็นนักลงทุนรายเล็ก รายย่อย หรือรายใหญ่ ก็ต้องถูกเรียกเก็บภาษีจากการขายหุ้นในอัตรา 0.1% เท่ากันทั้งหมด
เหตุผลสำคัญ ของการจัดเก็บภาษีนี้ ก็เพราะ กระทรวงการคลัง เห็นแล้วว่า เป็นสถานการณ์ที่เหมาะสม เพราะต่อให้ประเทศไทยต้องพบเจอกับ “วิกฤติซ้อนวิกฤติ” ทั้งผลกระทบจากการระบาดของไวรัสโควิด-19 และผลกระทบจากการทำสงครามของรัสเซียและยูเครน ก็ตาม
หากหันมาดูในตลาดหุ้นไทย กลับพบว่า แทบไม่ได้รับผลกระทบหรือไม่ก็น้อยมาก เพราะตลาดหุ้นไทยเติบโตขึ้นมาก เห็นได้จากทั้งจำนวนนักลงทุน บัญชีการซื้อขายหุ้น หรือแม้แต่มูลค่าการซื้อขายหลักทรัพย์ในแต่ละวัน
จากข้อมูลของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) พบว่า เมื่อสิ้นปี 2564 มีนักลงทุนเพิ่มขึ้น 946,557 ราย คิดเป็นสัดส่วน 31% จากสิ้นปี 2563 ไต่สู่ระดับ 3.1 ล้านราย หรือเพิ่มขึ้นกว่า 2.8 เท่าของการเพิ่มขึ้นในปี 2563 หรือมากกว่าจำนวนนักลงทุนทั้งหมดที่เพิ่มขึ้นในช่วง 5 ปีก่อนหน้า หรือปี 2559-2563
ส่วนจำนวนบัญชีที่เปิดซื้อขายหุ้นทั้งหมดอยู่ที่ 5.2 ล้านบัญชี เพิ่มขึ้น 49% หรือมีบัญชีหุ้นเปิดใหม่กว่า 1.7 ล้านบัญชีจากปี 2563
หากจะพูดให้ชัด ก็คือ ในปี 2564 มีจำนวนบัญชีเพิ่มขึ้นมากกว่า 2 เท่าจากจำนวนบัญชีที่เพิ่มขึ้นในปี 2563 ที่ตลอดทั้งปีที่เพิ่มขึ้น 747,063 บัญชี
ทั้งนี้…ทั้งนั้น…เป็นเพราะ มีการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตกันมากขึ้น กรอปกับการเชื่อมโยงระบบการซื้อขายกับระบบออนไลน์ของธนาคารพาณิชย์ ก็สะดวกรวดเร็วทำได้ง่าย แถมยังมีการทำงานที่บ้าน ที่มีเวลาในการซื้อ-ขายหุ้นได้มากขึ้น
เหนือสิ่งอื่นใด!! บรรดาหุ้นไอพีโอที่เข้าซื้อขายในตลาดหุ้นไทย ณ วันที่ 9 ธ.ค. 2564 มีมากถึง 35 บริษัท มีมูลค่าการระดมทุนกว่า 93,400 ล้านบาท โดยมีราคาไอพีโอสูงกว่า 4.38 แสนล้านบาท ซึ่งถือว่าสูงสุดในรอบ 4 ปี นับจากปี 2560
จากการที่ตลาดหุ้นไทยเติบโตขึ้นมาก แถมยังแข็งแกร่งสามารถทานทนต่อสิ่งเร้าทั้งในประเทศและต่างประเทศได้เป็นอย่างดี ขณะที่รัฐบาลเองจำเป็นต้องเก็บรายได้ให้เข้าเป้า
จึงกลายเป็นเหตุผลสำคัญ ที่กระทรวงการคลังต้องหันกลับมาเรียกเก็บภาษีจากการขายหุ้นอีกครั้ง หลังยกเว้นให้ตั้งแต่ปี 2534 หรือยกเว้นให้กว่า 30 ปีที่ผ่านมา
อย่าลืมว่า!! ที่ผ่านมารัฐบาลต้องใช้เงินจำนวนมากในการดูแลเศรษฐกิจ ในการดูแลประเทศ ด้วยเพราะสารพัดมรสุมที่พัดเข้ามาลูกแล้ว…ลูกเล่า…ทำให้ฐานะการคลังของประเทศไม่แข็งแกร่ง เหมือนที่เคยเป็น
ดังนั้น จึงเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงได้ยาก ที่รัฐจำเป็นต้องมีการขยายฐานภาษีให้มากขึ้น เพราะอย่างน้อยการจัดเก็บภาษีจากการขายหุ้นครั้งนี้ก็ทำให้มีรายได้เข้ามาอย่างน้อย 16,000-21,000 ล้านบาท
ต่อให้ในเวลานี้กระทรวงการคลัง มั่นใจว่าการเก็บรายได้จะทำได้ตามเป้าหมายที่ 2.4 ล้านล้านบาทก็ตาม
อย่าลืมว่า…อนาคต!! ไม่มีใครคาดเดาสถานการณ์ได้ว่าจะมีพายุลูกไหนถาโถมเข้ามาอีก ซึ่งการทำให้ฐานะการคลังแข็งแกร่งมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ นั่นคือ หนทางที่ดีที่สุดในเวลานี้
ส่วน…เสียงเรียกร้องของบรรดานักลงทุนจะดังเพียงพอให้กระทรวงการคลัง “ล้มเลิก” หรือไม่ คงต้องจับตาดูกันต่อไป!!.
……………………………………….
คอลัมน์ : เศรษฐกิจจานร้อน
โดย “ช่อชมพู”... สามารถติดตามต่อได้ที่ : https://www.dailynews.co.th/articles/963758/
... สามารถติดตามต่อได้ที่ :
https://www.dailynews.co.th/articles/963758/
ข่าว คลังกลับลำเก็บภาษีขายหุ้น...
เชื่อได้ว่าในสัปดาห์นี้ บรรดา “แมลงเม่า” ในตลาดหุ้นไทย คงส่งเสียงร้องระงมกันอีกรอบ หลังกระทรวงการคลังออกมายืนยันเสียงแข็งกันอีกรอบว่าจะเดินหน้าจัดเก็บภาษีจากการขายหุ้น ในอัตรา 0.1% 18 เมษายน 2565 8:00 น.
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
... สามารถติดตามต่อได้ที่ : https://www.dailynews.co.th/articles/963758/