EBITDA มันคือกำไรก่อนหักดอกเบี้ยภาษี+ค่าเสื่อม+ค่าตัดจำหน่าย (มีตกหล่นเปล่าหว่า คิดว่าไม่น่ามีนะครับ คือที่พูดเพราะผมค่อนข้างขี้เกลียดไปหาข้อมูล)
ผมว่าเราควรแยกกันนะครับไม่น่าจะเขียนติดกันระหว่างดอกเบี้ย กับ ภาษี  ที่บอกแบบนี้เพราะตัวภาษีมันไม่ได้เยอะมากแถมเป็นดอกเบี้ยจากภาษีอีกมันคงน้อนมาก คนน่าจะเข้าใจไขว้เขว้ได้ ตรงนี้ คือดอกเบี้ยมันคือต้นทุนทางการเงินไงครับถึงจะเป็นค่าใช้จ่ายเหมือนกัน
ที่นี้พูดถึงเรื่องจะใช้ประโยชน์กับมันยังไง
เราก็สามารถดูได้ครับว่า บ. ที่ EBITDA มันเพิ่มขึ้นตลอด ที่บอกแบบนี้เพราะ EBITDA ถ้าไม่รวมรายการที่กล่าวมา มันจะลงมาเป็นกำไรสุทธิเลยนะครับ ebitda ส่วนมากมันจะเยอะกว่ากำไรสุทธินะครับ
ผมเน้นไปที่ดอกเบี้ยครับ ถ้าต้นทุนการเงินลดลง มันจะทำให้กำไร เพิ่มขึ้นโดยอัตโนมัต หมายถึงรายได้เท่าเดิมนะครับ
เราก็แค่ดูว่า บ. นี้ต้นทุนการเงินจะลดลงได้ไหม 
มันจะลดได้จาก จ่ายเงินที่ยืมมา ดอกเบี้ยก็จะลดลงกำไรก็จะเพิ่มขึ้น หรือ ได้แหล่งเงินใหม่มาแล้วดอกเบี้ยน้อยกว่าเดิม  ก็จะทำให้กำไรสุทธิเพิ่มขึ้น
แล้วเราจะดูยังไงว่า บ. ไหนต้นทุนทางการเงินมีโอกาศลดลงได้
ก็ บ. ที่เค้ามีเงินสดเยอะๆและไม่มีโครงการอะไรที่ต้องใช้เงินไปลงทุน(แต่การเอาเงินไปลงทุนไม่ใช่เรื่องเสียหายหรือเลวร้ายอะไรนะครับมันดีด้วยซ้ำ ถ้าการลงทุนนั้นประสบผลสำเร็จคือกำไรดี ก็จะกลับมาเป็นผลตอบแทนของคนถือหุ้น) หรือเค้าออกผลิตภันฑ์ที่จะทำให้จ่ายดอกเบี้ยน้อยกว่าเดิม พวกนี้จะทำให้ต้นทุนทางการเงินลดลงทั้งนั้นละครับ พอต้นทุนทางการเงินลดลงกำไรก็จะเพิ่มขึ้น ที่พูดนี่คือรายได้เท่าเดิมนะครับ