รบกวน สอบถาม เพื่อนสมาชิก ชาวรัชดา เรื่อง อาการ แอร์ในรถยนต์ หน่อย ครับ

ก่อนอื่น ผมต้องขออภัยด้วย ที่กระทู้นี้อาจจะยาวนิดนึงนะครับ  เพราะ อยากให้รู้ถึง Time line ของ อาการเสียของแอร์ที่เป็นในแต่ละครั้งโดยละเอียด    

          คือ ผมมี รถ eco suzuki swift 2012 อยู่ คันหนึ่ง คันนี้จะไว้ใช้ไปซื้อของที่ ตลาด เนื่องจากคันเล็กหาที่จอดง่าย แต่จะใช้งาน 3-4 วัน ครั้ง

พอ เมื่อวาน จะไปตลาด สตาร์ททีเดียว ติดเลย แต่พอเปิดสวิตท์แอร์ ปรากฎว่า เงียบกริ๊บ (ปกติ เปิดแอร์ครั้งแรก จะมีเสียง หน้าคลัชถูกแม่เหล็กดูด ดัง

แต๊ก ทุกครั้งที่เปิดใช้ครั้งแรกของวัน ใครใช้ swift จะรู้เลยเพราะเป็น caractor ของรถเลย)  ซึ่งรถ คันนี้เคยมีอาการอย่างนี้มาแล้ว 2 รอบ (รอบนึงเป็น

หลายครั้ง)    

          รอบแรก ครั้งนั้นมีอาการ คลัชจับไม่ค่อยสนิท โดยดูจากการที่ พอเปิดแอร์ จะมีเสียงคลัชลื่น อี๊ดๆๆ แล้ว คอมค่อยทำงาน เป็นอยู่หลายรอบ

บางครั้งก็ไม่จับเลย แต่ขับรถไปซักพัก ก็ทำงาน ก็เลยไปเปลี่ยนคลัชคอมแอร์ยกชุด อาการก็หายไป

          รอบสอง อาการเป็นหลังจากเปลี่ยนคลัช ประมาณ 5 เดือน ก็มีอาการอีก แต่อาการคราวนี้แปลกไปคือ เงียบเลยหน้าคลัชไปทำงานเลย คราวนี้

เลยพาไปเข้าศูนย์ suzuki เลย พอดีถึงรอบเปลี่ยนของเหลว (ขับไปศูนย์ 30 กิโล แอร์ก็ไม่ทำงานเลย)  ช่าง เช็คแอร์ ให้ บอกว่าเช็ค คลัชคอมแอร์

แล้วไฟเข้าปกติ แแสดงว่า คลัชคอมแอร์เสีย? แต่มันเพิ่งเปลี่ยนมา 5 เดือนเอง ผมก็เลยขอโทรไปเคลมกับร้านแอร์ที่ผมทำก่อน ก็เปลี่ยนแค่ของเหลว

แต่ระหว่างขับกับบ้าน ขับอยู่ดีๆ  เสียงแห่งสวรรค์ก็มา แต๊ก. หน้าคลัชจับแล้ว ความเย็นฉ่ำกลับมาแล้ว แอร์ทำงานตลอดการเดินทางกลับ แต่ใช้ได้อยู่

ไม่กี่วันก็มีอาการอีก ผมก็เลยพยายามวิเคราะห์ หาสาเหตุ จนคิดว่า น่าจะเกิดจาก แบตเตอรี่ไฟไม่พอ เพราะวันที่ใช้ได้คือวันที่วิ่งไปกลับศูนย์ 60 กิโล

ก็เลยไปเช็คไฟ ปรากฎว่า ไฟแบต ที่วัดได้ 12.8 V แต่เหลือบไปเห็นบนฝาแบต เห็นวันที่ซื้อแบต 5 ปีที่แล้ว 555 เลยคิดว่าน่าจะใช่สาเหตุที่คลัชไม่จับ

ก็เลยซื้อแบตมาเปลี่ยน หลังจากเปลี่ยนแบต อาการที่ว่าก็หายเป็นปลิดทิ้ง  แต่ แต่ แต่ 

          รอบสามก็มาถึง ปีกว่าๆ ผ่านไป เมื่อวานนี้ มันมาอีกแล้ว อาการคือ เงียบเหมือน รอบที่สอง เลย พยายาม ขับ เหยียบ เร่ง ขับบนถนนที่ขุรขระ

ก็แล้วมันก็ไม่นำพา กลับมาติดอีกเลย

         ข้อมูลอื่นๆ ในการดูแลระบบแอร์

         1. เปลี่ยนตู้แอร์แล้ว ประมาณ 2 ปี อะไหล่แท้ เพราะเปลี่ยนที่ศูนย์เลย หมดไป 8 พันกว่าบาท แต่ผมไม่ต้องจ่ายเลยซักบาท ประกันเป็นคนจ่าย

ให้ทั้งหมด ดีจังตังอยู่ครบ ที่เป็นงั้นเพราะ ตัวการที่ทำให้ตู้แอร์ รั่ว คือ เจ้าหนูน้อย มุดเข้าไปในช่องเปิดอากาศหมุนเวียนเข้ารถ (ผมไม่เคยเปิดอากาศเข้า

รถเลย) มันมุดเข้าทางนั้น แล้วพยายามออก(เข้า)ไปในรถทางหน้ากากแอร์ มันแทะจนหน้ากากแอร์แหว่งไป 3 ชิ้น เท่านั้นยังไปพอ มันกัดตู้แอร์ทะลุ

น้ำมันคอมพ่นออกมานอกตู้แอร์เลย

          2. เปลี่ยนคลัชคอมแอร์ยกชุดแล้ว ประมาณ ปีกว่าๆ 

          3. เปลี่ยนแบตเตอรี่ แล้ว ประมาณ 1 ปีกว่าๆ(หลังเปลี่ยนคลัช ประมาณ 20 วัน) ลองเช็คไฟแล้วเต็ม ค่า CCA ก็อยู่ในเกณฑ์ที่ดี

จนวันนี้ผมแวะไปร้านแอร์ใน ตลาด ให้เขาลองเช็คดู  ผลปรากฏว่า

         1. น้ำยาแอร์ เต็มไม่พร่อง

         2. เช็คไฟ ไฟเข้าหน้าคลัชปกติ

ช่างสรุปว่า คลัชคอมแอร์เสีย(คุ้นๆ ไหมครับ เหมือนคำตอบรอบที่สองเลย ที่เพิ่งไปเปลี่ยนคลัชคอมมา) จะเปลี่ยนไหม ผมก็งง ว่าทำไมมันเสียง่ายจัง ปี

กว่าๆ เอง แล้วก็ไม่มีอาการ บ่งบอกอะไรก่อนเลย เหมือนคลัชคอมตัวแรก อยู่ดีๆ ก็ไปเลย ไม่น่ามั้งผมก็เลย ยังไม่เปลี่ยน 

พอขับกลับมา ก็เลยพยายาม หาวิธีว่า ทำยังไงถึงจะรู้ว่า คลัชคอมแอร์เสีย จริงหรือไม่ ดู Youtube ไปหลายคลิปเลย จนกระทั่งได้ไอเดีย ว่าต้องเช็คดูว่า

คลัชคอมแอร์(แม่เหล็กดูดหน้าคลัช) เสียหรือไม่ โดยการต่อไฟจากแบตโดยตรง ถ้าได้ยินเสียง แต็ก แสดงว่าคลัชคอมไม่เสีย  รอช้าอยู่ไย จัดไป

ผลก็คือ  ได้ยินเสียงแต็ก ทุกครั้งที่เอาสายไฟจี้ไปที่ขั้วแบต แสดงว่า คลัชคอมแอร์ยังทำงานได้ ผม ก็เลยลอง สตาร์ทรถ ปรากฏว่า คลัชกับมาทำงาน

แล้ว ลองเปิดปิดแอร์ ดับเครื่อง เปิดแอร์ใหม่ ก็ใช้งานได้เหมือนเดิม เย็นฉ่ำเป็นปกติ 

ผมก็เลยสงสัยว่า แอร์ของผมเป็นอะไรกันแน่ ทำไม่อยู่ดีๆ  คลัชคอมแอร์ไม่ทำงาน ต้องต่อไฟตรงจากแบตเตอรี่ หลังจากนั้นก็ทำงานได้อีกครั้ง(แต่พรุ่งนี้

ไม่รู้จะกลับมาเงียบอีกหรือเปล่า)  สมาชิกท่านใดที่พอมีความรู้เรื่องแอร์รถยนต์ หรือเคยเจอประสบการณ์แบบนี้ ช่วยกรุณามาตอบ เพื่อเป็นวิทยาทาน

และเป็นความรู้ให้แก่ผม และ สมาชิกท่านอื่นๆ หน่อยครับ และ ผมควรทำอย่างไรต่อไปจากนี้ด้วยครับ

ขอบพระคุณมากๆ ครับ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่