เมื่อวานนี้ผมเพิ่งเห็นข่าวที่มีเด็กชาวเวียดนาม ถูกพ่อแม่กดดันเรื่องการเรียน จนตัดสินใจที่จะกระโดดตึกฆ่าตัวตายต่อหน้าต่อตา ลิงค์ข่าวตามนี้เลยครับ

https://www.catdumb.com/world-news/75427

เป็นข่าวหนึ่งที่จขกท.รู้สึกสะเทือนใจมากๆครับ และไม่อยากให้ครอบครัวไหนในโลกต้องมีความคิดแบบนี้ จากข่าวเด็กคนนั้นเรียนอยู่ในโรงเรียนที่ส่งเสริมความสามารถพิเศษด้านวิทยาศาสตร์-คณิตศาสตร์ (คิดว่าเทียบเท่าเตรียมอุดมฯของบ้านเราได้เลยครับ) ซึ่งแน่นอนว่าสอบเข้ามาได้ก็ต้องเป็นเด็กที่เรียนเก่งมากอยู่แล้ว ถึงไม่ได้เก่งเหนือใคร ก็คือเก่งแล้วครับ ถ้าเค้าได้ทำในสิ่งที่เค้าชอบจริงๆ คือต้องไปได้ดีมากแน่ๆ ดังนั้นอย่าจำกัดตัวเลือกให้เค้าว่าเก่งต้องเป็นหมอ เป็นวิศวะเท่านั้นนะ เพราะโลกเราขับเคลื่อนด้วยความรู้ความสามารถหลากหลายแขนงครับ ยังมีอีกหลากหลายอาชีพ ที่ไม่ได้อยู่ในค่านิยม แต่ถ้าทำได้ดีก็สามารถให้ผลลัพธ์ที่ดีหรือดีกว่ากลุ่มอาชีพในค่านิยมของคนไทยอีกมากครับ

    ส่วนตัวจขกท.ไม่เคยถูกกดดันเรื่องการเรียนมากขนาดนั้น ถึงแม้ในสมัยมัธยมปลาย จขกท.จะได้เกรดเฉลี่ยเป็นลำดับท้ายๆของห้อง แต่ครอบครัวก็พอใจเสมอ (เพราะเค้าคิดแค่ว่าไม่ติด0 ร มส ก็ดีมากแล้ว) และจขกท.ก็สอบติดคณะสายสุขภาพมหาวิทยาลัยรัฐบาลสีเหลืองแดงแห่งหนึ่ง ครอบครัวก็ภูมิใจมากๆครับ แต่ครอบครัวของจขกท.ก็ยังมองว่ายังมีอะไรที่สำคัญมากกว่าผลการเรียน มีอะไรให้ได้ลองคิด ลองทำมากกว่า จขกท.จึง enjoy ชีวิตได้เต็มที่ แต่ส่วนตัวจขกท.เองก็ยังให้ความสำคัญในการเรียนเสมอ และสิ่งที่ให้ความสำคัญมากกว่าเรียนอีกคือ “ความสุขในการเรียน” เพราะส่วนตัวเชื่อว่าการจะทำอะไรให้ได้ดีและประสบความสำเร็จเร็วที่สุด คือมีความสุขในการทำครับ

    ก็เลยอยากจะฝากถึงพ่อแม่ทุกคนที่กดดันลูกเรื่องเรียน ขอร้องเลยว่าอย่าทำแบบนี้เลยครับ ไม่อยากต้องเห็นครอบครัวไหนต้องประสบกับเหตุการณ์แบบนี้อีกแล้ว ผมเข้าใจเด็กมากๆว่ามันเครียดขนาดไหน มีร่างกายสมบูรณ์ทุกส่วน แต่ถูกจำกัดให้ทำได้แค่เรียน และผมก็เข้าใจพ่อแม่ว่าคาดหวังอยากให้ลูกได้ดีและอยากให้ตัวเองได้ดีด้วย จึงทุ่มเทขนาดนี้ แต่กรณีนี้ก็มันก็เกินพอดีนะครับ อย่าต้องให้เค้าได้แบกความคาดหวังของครอบครัวไว้ที่เค้าคนเดียว แต่ต้องร่วมเดินทางไปกับเค้า ช่วยหาทางออกให้เค้าในวันที่เค้ามีปัญหา สำคัญที่สุดถ้าอยากให้เค้าเรียนดี ก็ต้องหาวิธีที่ทำให้เค้ามีความสุขกับการเรียนให้ได้ (อย่าพูดแค่ว่าการเรียนมันไม่มีความสุขหรอก แต่มันจำเป็นต้องทำ ถ้าไม่มีความสุข ฝืนทำไปก็เสียสุขภาพจิตครับ) ถ้าจะให้ลูกทำ พ่อแม่ก็ต้องแนะนำได้หรือทำได้ก่อนครับ ส่วนตัวจขกท.คิดว่าการเรียนมันก็มีมุมที่สนุก แต่มันก็ต้องใช้กำลังสมองเยอะ สมองก็ล้าได้ ถ้ายิ่งฝืนก็จะยิ่งปวดหัว ดังนั้นก็ต้องมีพักบ้างแล้วค่อยลุยใหม่ หรือถ้าพ่อแม่ท่านใดที่ยังไม่เห็นด้วยกับจขกท.ในการกดดันลูกเรื่องเรียน ถ้าท่านเรียนหนังสือเก่งๆ สามารถอ่านหนังสือได้ไม่ต้องพัก มาแชร์เทคนิคได้นะครับ จขกท.ก็อยากได้เทคนิคจากคุณเหมือนกันครับ