❤มาลาริน/คุณภาพชีวิตยุคลุงต้องสะอาด สุขภาพดี และมีความปลอดภัย...นายกฯหนุนปรับภูมิทัศน์ทั่วกทม.ยกระดับคุณภาพชีวิตประชาชน

เพี้ยนชอบนายกฯหนุนปรับภูมิทัศน์ทั่วกทม.ยกระดับคุณภาพชีวิตประชาชน



โฆษกรัฐบาล เผย "นายกฯ" สนับสนุนการปรับภูมิทัศน์ทั่วกรุงเทพ ฯ ชู "โครงการปรับปรุงภูมิทัศน์คลองโอ่งอ่าง" ยกระดับคุณภาพชีวิต สร้างรายได้ให้คนในพื้นที่ 

เมื่อวันที่ 3 เม.ย. 65 นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รัฐบาลภายใต้การนำของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้ให้ความสำคัญการแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมมาเพื่อชุมชนเมืองมาโดยตลอด ได้อนุมัติงบประมาณเพื่อการพัฒนาปรับภูมิทัศน์ พลิกฟื้นชีวิตของประชาชนริมคลอง จนประสบความสำเร็จตามลำดับ อาทิ โครงการปรับปรุงภูมิทัศน์คลองโอ่งอ่าง เป็นส่วนหนึ่งของแผนขยายการดำเนินการปรับภูมิทัศน์คลองรอบเกาะรัตนโกสินทร์ และคลองอื่น ๆ ทั่วกรุงเทพมหานคร ที่รัฐบาลสนับสนุนงบประมาณให้กรุงเทพมหานครปรับปรุงให้สวยงาม ยกระดับคุณภาพชีวิต พัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยว ต่อยอดมูลค่าทางเศรษฐกิจ สร้างรายได้ให้คนในพื้นที่  
 
รวมทั้งโครงการปรับปรุงภูมิทัศน์คลองลาดพร้าว การบำบัดน้ำเสียในคลองเปรมประชากรตั้งแต่กรุงเทพฯ-พระนครศรีอยุธยา รวมถึงการพัฒนาคู คลองชั้นในของกรุงเทพมหานคร 
 
โดยนายกรัฐมนตรียังริเริ่มให้พัฒนาระบบการเดินเรือในคลองผดุงกรุงเกษมเพื่อเชื่อมต่อกับระบบขนส่งสาธารณะหลัก เช่น รถโดยสารประจำทาง รถไฟฟ้าและเรือด่วนเจ้าพระยา ทำให้กรุงเทพฯ เป็นเมืองแรกในภูมิภาคอาเซียนที่เพิ่มทางเลือกการเดินทางด้วยบริการเรือขนส่งสาธารณะ ตามนโยบาย “ล้อ ราง เรือ” ช่วยลดมลพิษทางเสียงและปัญหาฝุ่นละอองPM 2.5  จนได้รับรางวัล 2020 Asian Townscape Awards จากโครงการตั้งถิ่นฐานมนุษย์แห่งสหประชาชาติ (United Nations Human Settlements Programme: UN-HABITAT) ยืนยันความสำเร็จของโครงการพัฒนาคูคลองของรัฐบาลที่ได้รับการยอมรับในระดับโลก

"นายกรัฐมนตรีได้เน้นย้ำนโยบายของรัฐบาล เดินหน้าฟื้นฟูคูคลองในกรุงเทพฯ ให้กลับมาสวยงาม และยังต้องสร้างประโยชน์เป็นแหล่งท่องเที่ยว เป็นเส้นทางคมนาคมใหม่ เพิ่มประสิทธิภาพการระบายน้ำ ช่วยป้องกันน้ำท่วมอีกด้วย  ทั้งนี้  ยังคาดว่าช่วงเทศกาลสงกรานต์นี้   คลองโอ่งอ่างจะเป็นอีกหนึ่งสถานที่ประชาชนให้ความสนใจ จึงขอให้ กทม. กำชับเจ้าหน้าที่จัดเตรียมความพร้อมของสถานที่ตามมาตรการสาธารณสุข COVID Free Setting อย่างเคร่งครัดเพื่อรองรับนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศที่จะร่วมกิจกรรมหรือชื่นชมบรรยากาศให้มีความสุขและปลอดภัย"นายธนกร กล่าว

https://www.posttoday.com/politic/news/679735

เพี้ยนเฮงเฮง ความสุขอย่างนี้...เอาใครมาแลกก็ไม่ยอม

กทม.ได้รางวัลระดับโลกมากมาย ชื่อกระฉ่อนดังไปทั่วโลก

เชิดหน้าชูตาคนไทยด่านแรกเลยค่ะ

นายกฯท่านชอบคนทำงานให้ประชาชนมีความสุข

คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 7

นายกฯ ปลื้ม ปรับภูมิทัศน์ทั่ว กทม. ชู "โครงการปรับปรุงภูมิทัศน์คลองโอ่งอ่าง" ยกระดับคุณภาพชีวิต สร้างรายได้ให้คนในพื้นที่

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้ความสำคัญการแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมเพื่อชุมชนเมืองมาโดยตลอด จนประสบความสำเร็จ อาทิ โครงการปรับปรุงภูมิทัศน์คลองโอ่งอ่าง ที่รัฐบาลสนับสนุนงบประมาณให้กรุงเทพมหานครปรับปรุงให้สวยงาม ยกระดับคุณภาพชีวิต พัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยว ต่อยอดมูลค่าทางเศรษฐกิจ สร้างรายได้ให้คนในพื้นที่

รวมทั้งโครงการปรับปรุงภูมิทัศน์คลองลาดพร้าว การบำบัดน้ำเสียในคลองเปรมประชากร การเดินเรือในคลองผดุงกรุงเกษมเพื่อเชื่อมต่อกับระบบขนส่งสาธารณะหลัก ทำให้กรุงเทพฯ เป็นเมืองแรกในภูมิภาคอาเซียนที่เพิ่มทางเลือกการเดินทางด้วยบริการเรือขนส่งสาธารณะ ตามนโยบาย “ล้อ ราง เรือ” ช่วยลดมลพิษทางเสียงและปัญหาฝุ่นละอองPM 2.5 จนได้รับรางวัล 2020 Asian Townscape Awards จากโครงการตั้งถิ่นฐานมนุษย์แห่งสหประชาชาติ (United Nations Human Settlements Programme: UN-HABITAT) ยืนยันความสำเร็จของโครงการพัฒนาคูคลองของรัฐบาลที่ได้รับการยอมรับในระดับโลก

คาดว่าช่วงเทศกาลสงกรานต์นี้ คลองโอ่งอ่างจะเป็นอีกหนึ่งสถานที่ประชาชนให้ความสนใจ ขอให้ กทม. จัดเตรียมความพร้อมของสถานที่ตามมาตรการสาธารณสุข COVID Free Setting อย่างเคร่งครัด เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศที่จะร่วมกิจกรรมหรือชื่นชมบรรยากาศให้มีความสุขและปลอดภัย
https://www.facebook.com/Sumnakkaow.PRD/posts/341332664695744


Phuket Sandbox สร้างรายได้กว่า 5 หมื่นล้านบาท เดินหน้าต่อยอดโครงการ "ท่องเที่ยวเชิงการแพทย์" ยกระดับไทยสู่ศูนย์กลางสุขภาพนานาชาติ (Medical Hub) ในอนาคต

พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้ติดตามความคืบหน้าและผลการดำเนินโครงการ Phuket Sandbox ที่เริ่มดำเนินการมาตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค. 64 จนถึงปัจจุบัน พบว่า มีจำนวนนักท่องเที่ยวกว่า 400,000 คน และสร้างรายได้ทางตรงกว่า 21,000 ล้านบาท ด้านห้องพักเปิดให้บริการมากกว่า 70,000 ห้อง มีอัตราเข้าพักเฉลี่ยอยู่ที่ 9 คืน/คน (8 เดือนที่ผ่านมา) จากความสำเร็จดังกล่าว รัฐบาลจะต่อยอดโครงการต่าง ๆ โดยเฉพาะการท่องเที่ยวเชิงการแพทย์ (Medical Tourism) มุ่งส่งเสริมให้ไทยเป็นศูนย์กลางสุขภาพนานาชาติ (Medical Hub) นอกจากนี้ ยังให้ความสำคัญกับการ "เจาะกลุ่มตลาด" ทั้งนักท่องเที่ยวชาวไทยและชาวต่างชาติ โดยเมื่อวันที่ 17 - 20 มี.ค. ที่ผ่านมา ได้มีการจัดงาน Thailand International Health Expo 2022 พบว่า เกิดการเจรจาการค้าการลงทุน จับคู่ธุรกิจและสามารถจำหน่ายสินค้าในธุรกิจการแพทย์และสุขภาพได้กว่า 10,658 ล้านบาท ระยะต่อไป ในปี 71 ไทยเตรียมจัดงานเอ็กซ์โปวาระพิเศษ Specialised Expo ภายใต้ชื่องาน “Expo 2028-Phuket, Thailand” มุ่งพัฒนาพื้นที่ จ.ภูเก็ต ให้เป็นเมืองท่องเที่ยงเชิงสุขภาพระดับโลก

ที่มา : ไทยคู่ฟ้า
https://web.facebook.com/informationcovid19/posts/534592308159098


นายกฯ ยินดี เปิดด่านสะเดาเป็นไปด้วยความคึกคัก พร้อมต้อนรับนักท่องเที่ยว ควบคู่มาตรการป้องโควิด

พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชานายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ขอบคุณผลตอบรับจากการดำเนินการเปิดรับนักท่องเที่ยวบริเวณด่านพรมแดนสะเดา อำเภอสะเดา จังหวัดสงขลา ได้เปิดเป็นวันแรก เมื่อวันที่ 1 เมษายน 2565  เป็นไปด้วยความเรียบร้อยและได้รับการตอบรับที่ดีจากนักท่องเที่ยวมาเลเซีย บรรยากาศบริเวณด่านพรมแดนสะเดาเป็นไปด้วยความคึกคัก หลังจากที่ด่านพรมแดนสะเดาต้องปิดไม่ให้นักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาไทยนานกว่า 2 ปี เนื่องจากสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคโควิด-19

บริเวณอำเภอสะเดา จังหวัดสงขลา นับว่าเป็นเมืองท่องเที่ยวชายแดนที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวมาเลเซีย รัฐบาลจึงเตรียมความพร้อม และมาตรการในการรองรับนักท่องเที่ยว เตรียมโรงแรมที่ผ่านมาตรฐาน SHA Extra plus รองรับนักท่องเที่ยวที่จะเดินทางมาในระบบTest & Go ให้เพียงพอ

การเปิดด่านพรมแดนสะเดา ตั้งแต่เวลา 05.00 น. ของวันที่ 1 เมษายน 2565 พบว่ามีนักท่องเที่ยวจากมาเลเซีย ซึ่งลงทะเบียนผ่าน Thailand pass เดินทางผ่านด่านพรมแดนสะเดาอย่างต่อเนื่อง  นายกฯ ได้กำชับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้สร้างความเข้าใจ อำนวยความสะดวก และแก้ไขปัญหาที่ติดขัดของนักท่องเที่ยว ทั้งเรื่องการเตรียมเอกสารการเดินทาง และการลงทะเบียนผ่านระบบ Thailand pass หลังจากพบว่ามีนักท่องเที่ยวที่อาจเข้าใจคลาดเคลื่อนและเตรียมเอกสารไม่ครบถ้วน

อย่างไรก็ดี มาตรการฟื้นฟูการท่องเที่ยวจะควบคู่ไปกับการรักษามาตรการด้านสาธารณสุข ซึ่งเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองและสาธารณสุขได้มีการคัดกรอง และตรวจสอบเอกสารการเดินทางของผู้ที่เดินทางผ่านด่านอย่างละเอียด นายกฯ ฝากขอบคุณเจ้าหน้าที่ทั้งสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ด่านศุลกากร ฝ่ายปกครอง ทหาร ตำรวจ และเจ้าหน้าที่สาธารณสุข ที่คอยดูแลความปลอดภัยและอำนวยความสะดวกให้การเปิดด่านเป็นไปด้วยความเรียบร้อย
https://web.facebook.com/Sumnakkaow.PRD/posts/341452291350448


นายกฯ พอใจการจัดการน้ำของประเทศ ใช้งบคุ้มค่า เพิ่มแหล่งน้ำกว่า 2.6 หมื่นแห่งทั่วประเทศ ประชาชนได้ประโยชน์ถึง 7.5 ล้านไร่

พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชานายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ติดตามการบริหารจัดการน้ำทั้งระบบของประเทศอย่างต่อเนื่องใกล้ชิด พอใจผลการดำเนินงานพัฒนาและบริหารจัดน้ำอย่างเป็นระบบภายใต้งบประมาณรายจ่ายงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ในการแก้ไขปัญหาเชิงการป้องกันภัยพิบัติทางธรรมชาติที่เกิดขึ้น

รัฐบาล บูรณาการทุกหน่วยงานด้านน้ำโดยสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) เป็นหน่วยงานกลางในการบูรณาการพิจารณาแผนงาน/โครงการของหน่วยงานต่าง ๆ สามารถแก้ไขปัญหาได้อย่างมีประสิทธิภาพในการพัฒนาแหล่งน้ำขนาดเล็ก ระบบกระจายน้ำเพื่อสนับสนุนน้ำอุปโภค-บริโภค ตลอดจนการเกษตรครอบคลุมทั้งประเทศ รวม 26,830 แห่ง

โครงการพัฒนาแหล่งน้ำต่าง ๆ ภายใต้งบกลาง ปี 2563 มีทั้งสิ้น 20,795 แห่ง ส่งผลให้ปริมาณน้ำเก็บกักเพิ่มขึ้น เกิดประโยชน์กับประชาชนและเกิดการจ้างแรงงานกว่า 184,000 ราย ส่วนงบกลาง ปี 2564 มีโครงการพัฒนาแหล่งน้ำรวม 6,035 แห่ง ล่าสุดดำเนินการแล้วเสร็จ 3,642 แห่ง และอยู่ระหว่างดำเนินการ 2,441 แห่ง หากโครงการทั้งหมดแล้วเสร็จ จะสามารถทำให้เก็บกักน้ำในช่วงฤดูฝนเพื่อใช้ประโยชน์ในช่วงหน้าแล้งได้รวม 742 ล้าน ลบ.ม. อีกทั้งยังสามารถนำน้ำบาดาลมาใช้ได้ถึง 91 ล้าน ลบ.ม. และมีน้ำดิบผลิตประปาได้อีก 62 ล้าน ลบ.ม. ส่งผลให้เกิดประโยชน์โดยตรงกับประชาชนถึง 3.65 ล้านครัวเรือน ครอบคลุมพื้นที่ประมาณ 7.5 ล้านไร่

และเมื่อวันที่ 29 มีนาคม 2565 ยังได้มีมติอนุมัติงบกลางฯ เพื่อพัฒนาโครงการรองรับสถานการณ์ภัยแล้งและฝนทิ้งช่วง ปี 2565 รวม 2,525 แห่ง คาดว่าหากดำเนินการแล้วเสร็จ จะสามารถช่วยป้องกันและลดผลกระทบจากปัญหาภัยแล้งได้ รวมทั้งเพิ่มการลงทุนภาครัฐและจ้างแรงงานคนในท้องถิ่นด้วย
https://web.facebook.com/Sumnakkaow.PRD/posts/341403108022033


รัฐบาลย้ำ ประชาชนผู้ถือบัตรทอง เข้ารับบริการหน่วยปฐมภูมิสถานพยาบาลสังกัดกระทรวงสาธารณสุขทุกแห่งโดยไม่ต้องมีใบส่งตัว ยกเว้นกลุ่ม รพ.ที่เป็นโรงเรียนแพทย์ หรือ รพ.เฉพาะทาง

น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รัฐบาลโดยกระทรวงสาธารณสุขมีนโยบายยกระดับบัตรทองสู่หลักประกันสุขภาพยุคใหม่ โดยให้ประชาชนที่มีสิทธิหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ หรือสิทธิบัตรทอง สามารถเข้าใช้บริการหน่วยบริการปฐมภูมิในสถานพยาบาลสังกัดกระทรวงสาธารณสุขได้ทุกแห่งทั่วประเทศ ไม่ว่าจะเป็นโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพประจำตำบล (รพ.สต.) โรงพยาบาลประจำอำเภอ โรงพยาบาลประจำจังหวัด ทุกจังหวัดทั่วประเทศ ขณะที่ในพื้นที่กรุงเทพฯ สามารถไปใช้บริการได้ที่ศูนย์บริการสาธารณสุข และคลินิกชุมชนอบอุ่นทั่วกรุงเทพมหานคร โดยไม่ต้องมีใบส่งตัวจากหน่วยบริการที่ลงทะเบียนไว้ ซึ่งเริ่มต้นมาตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 2565 เป็นต้นมา หลักการของนโยบายนี้คือ ประชาชนยังคงเข้ารับบริการที่หน่วยบริการประจำที่ลงทะเบียนและหน่วยบริการปฐมภูมิในเครือข่ายแต่กรณีมีความจำเป็นหรือเหตุสมควรสามารถเข้ารับบริการปฐมภูมิที่หน่วยบริการปฐมภูมินอกเครือข่ายได้ โดยหน่วยบริการทุกแห่งที่ให้บริการประชาชนในลักษณะนี้ จะไม่ต้องให้ประชาชนกลับไปรับใบส่งตัวหรือมีการเรียกเก็บเงินจากประชาชน แต่ให้มาเรียกเก็บเงินจาก สปสช. อย่างไรก็ตาม จะมีโรงพยาบาลในกลุ่มที่ไม่ได้จัดหน่วยบริการปฐมภูมิ เช่น กรณีโรงพยาบาลที่เป็นโรงเรียนแพทย์ โรงพยาบาลเฉพาะทาง ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในเขตกรุงเทพฯ ปริมณฑล จัดเป็นหน่วยบริการขั้นตติยภูมิ เมื่อประชาชนเข้าใช้บริการจะยังมีการขอใบส่งตัว แต่เนื่องจากขณะนี้มีประชาชนบางส่วนที่อาจไม่ทราบข้อมูลและเข้ารับบริการสถานพยาบาลที่ไม่ได้จัดบริการหน่วยปฐมภูมิและทางโรงพยาบาลมีการขอใบส่งตัวเมื่อไม่มีใบส่งตัวจึงถูกคิดค่าบริการ ในกรณีนี้สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ มีข้อแนะนำว่า หากไม่แน่ใจว่าสถานพยาบาลที่จะเข้ารับการรักษานั้นมีหน่วยปฐมภูมิและอยู่ในกลุ่มที่ยกเลิกการขอใบส่งตัวแล้วหรือไม่ ก่อนเข้ารับบริการสามารถโทรสอบถามที่ สายด่วน สปสช. 1330 กด 0 เพื่อสอบถามเจ้าหน้าที่ หรือ สอบถามที่ไลน์ OA สปสช. @nhso

ที่มา : รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี
https://web.facebook.com/informationcovid19/posts/534614731490189


ครม. อนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2565 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จำนวน 5,615 ล้านบาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำเพื่อรองรับสถานการณ์ภัยแล้งและฝนทิ้งช่วง ปี 2565 จำนวน 2,525 รายการ ตามที่สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติเสนอ

โดยมีรายละเอียดดังนี้คือ
• กรมทรัพยากรน้ำบาดาลจำนวน 112 รายการ งบประมาณ 1,413 ล้านบาท
• กรมชลประทานจำนวน 621 โครงการ งบประมาณ 1,162 ล้านบาท
• กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นจำนวน 670 โครงการ งบประมาณ 1,064 ล้านบาท
• กรมทรัพยากรน้ำจำนวน 111 โครงการ งบประมาณ 972 ล้านบาท
• องค์การบริหารส่วนจังหวัดจำนวน 497 โครงการ งบประมาณ 567 ล้านบาท
• จังหวัดจำนวน 492 โครงการ งบประมาณ 355 ล้านบาท
• กรมเจ้าท่าจำนวน 11 โครงการ งบประมาณ 49 ล้านบาท
• เทศบาลเมืองจำนวน 9 โครงการ งบประมาณ 27 ล้านบาท
• สำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม จำนวน 2 โครงการ งบประมาณ 2.7 ล้านบาท

ทั้งนี้ ทางกองอำนวยการน้ำแห่งชาติ พบว่ามีพื้นที่เฝ้าระวังที่อาจเสี่ยงต่อการขาดแคลนน้ำด้านอุปโภคบริโภคในเขตพื้นที่ให้บริการการประปาส่วนภูมิภาค จำนวน 24 จังหวัด นอกเขตพื้นที่ให้บริการการประปาส่วนภูมิภาค (ประปาท้องถิ่น) จำนวน 50 จังหวัด และพื้นที่เกษตรกรรมนอกเขตชลประทานที่เพาะปลูกนารอบที่ 2 (นาปรัง) จำนวน 11 จังหวัด พื้นที่ปลูกพืชต่อเนื่อง (ไม้ผลที่มีมูลค่าทางเศรษฐกิจ) จำนวน 4 จังหวัด
รวมทั้งพื้นที่ด้านคุณภาพน้ำที่ต้องเฝ้าระวังการรุกล้ำของน้ำเค็มที่อาจส่งผลกระทบต่อน้ำเพื่อการอุปโภคบริโภคจำนวน 5 จังหวัด จึงได้มีมติเห็นชอบมาตรการรองรับสถานการณ์ขาดแคลนน้ำฤดูแล้งปี 2564/2565 และมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดเตรียมแผนงานโครงการเร่งด่วนที่สามารถแก้ไขปัญหาภัยแล้งนี้
https://www.facebook.com/PMOCNEWS/posts/292348499746022
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่