ขอเล่าข้ามๆ เรื่องแสตนดาร์ดของปัญหาแม่ยาย vs ลูกเขยไปเลยนะคะ เพราะค่อนข้างเป็นเรื่องทั่วไป
เนื่องจาก จขกท. เพิ่งมีลูก สามีจึงย้ายเข้ามาอยู่บ้าน พ่อ-แม่ เรา (บ้านพ่อแม่สามีอยู่ต่างจังหวัด ส่วนตัวเราทำงานที่กรุงเทพ เลยตกลงกันว่าจะอยู่ที่บ้านเราแต่แรก) ทุกอย่างเป็นไปตามสูตรค่ะ เราออกไปทำงานนอกบ้าน สามีเลี้ยงลูกอยู่บ้าน แม่ยายก็สไตล์ของเขา เห็นอะไรขัดหูขัดตาไม่ได้ หาเรื่องตำหนิ จู้จี้ตามประสาคนเป็นแม่ การไม่ทำงานบ้าน นอนกลางวัน ไม่เอาขยะไปทิ้ง แช่จานทิ้งไว้ไม่ล้างทันที พอหนักข้อขึ้น แม่ยายคนนี้ ก็เริ่มเข้ามามีบทบาทในการเลี้ยงหลานมากขึ้น ส่วนตัวเราเข้าใจว่า แม่แกก็อยากช่วยแบ่งเบา ให้สามีเราได้พักผ่อน หรือเอาเวลาไปจัดการงานบ้านให้เรียบร้อยบ้าง แต่ในด้านของสามีเรานั้น กลับมองว่า เป็นการเจ้ากี้เจ้าการ และไม่พอใจแม่เราในอีกหลายประเด็น ในส่วนนี้ขออนุญาตเล่าข้ามไปนะคะ เพราะหลายๆ บ้านก็คงพอประสบมาบ้าง
ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา เราพยายามอดทน รับฟัง เข้าใจทุกฝ่ายแล้ว อ่านจากหลายๆ กระทู้ในที่นี้ เพื่อให้เข้าใจหลายๆ มุมมอง จนหลายคร้ังมันก็ทำให้เสียสมาธิในการทำงาน หรือการดำเนินชีวิต จนเรื่องทั้งหมด มันมาจบที่จุดแตกหักคือการเชิญสามีเราออกจากบ้านไป เท่ากับ เราต้องกลายเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยว ที่ต้องทำงานหาเงิน เลี้ยงลูก และจัดการงานบ้านแบบ all in one ค่ะ
หลายท่านอ่านมาถึงตรงนี้ ก็คงมีคำตอบในใจมาบ้างแล้ว ว่า ทำไมไม่แยกบ้านอยู่ล่ะ ?
จขกท ตัดสินใจแล้วเช่นกัน ว่าอยากจะแยกบ้านออกมาอยู่กันเองครอบครัวเราค่ะ จะได้ตัดปัญหาตรงนี้ออกไป ถึงจะลำบากหน่อย แต่ก็คงสบายใจกว่ากันเยอะ
มาถึงคำถามที่ จขกท. ตั้งใจมาขอคำแนะนำจากทุกท่านในที่นี้ ค่ะ
ตอนนี้สามี จขกท ว่างงาน (ซึ่งจริงๆ แล้ว เขาว่างงานมาโดยตลอด) เท่ากับ เขาไม่มีรายได้เลย ที่ผ่านมา ค่ากิน อยู่ จขกท ช่วยซัพพอร์ต เพราะเรามองว่า เราทำงานนอกบ้าน ให้เขาช่วยเลี้ยงลูก และทำงานในบ้านแทน แต่ครั้งนี้ การจะแยกบ้านออกมาอยู่กันเอง มีปัจจัยอีกหลายอย่าง จขกท ได้ขอความช่วยเหลือให้เขาเริ่มหาอาชีพ หารายได้เสริมทำ เพราะการผ่อนบ้าน ต้องมีค่าใช้จ่ายอีกหลายอย่าง และยังมีค่าใช้จ่ายของลูก ซึ่ง จขกท ประเมินแล้วว่า คนเดียวเราเอาไม่อยู่ แต่คำตอบที่ได้กลับมาจากเขา มันก็ล่องลอย ไม่มีความน่าเชื่อถือ สรุปง่ายๆ ก็คือ จขกท ก็อยากรั้งไว้ ให้ครอบครัวเราได้อยู่พร้อมหน้า ด้วยการหาที่อยู่ใหม่ แต่ก็ยังไม่มั่นใจ ว่าสามีจะช่วยเหลือจุนเจือได้อย่างไร สำหรับเรื่องค่าใช้จ่ายในบ้านที่จะตามมา
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้เพิ่มเติมรายละเอียดให้เพื่อเป็นข้อมูลประกอบนะคะ
ก่อนหน้านี้สามีทำงานโรงแรม แต่โดนพิษโควิดจึงว่างงานตั้งแต่นั้นมา แต่จนมาถึงตอนนี้ จขกท ก็เห็นว่ามีหลาย รร เปิดรับสมัครงานแล้ว เขาก็ยังไม่ขวนขวายไปหางาน อาจจะเพราะห่วงลูกด้วย และได้มาทราบจากครอบครัวเขาอีกหลายเรื่อง ว่าพื้นฐานตัวเขาเองเป็นคนไม่ค่อยสู้งานอยู่แล้ว ไม่เคยทำงานที่ไหนได้นาน ซึ่งเราพยายามเข้าใจมาตลอด เพราะคิดว่า สายงานโรงแรมคงแนวนี้ ทำซ้ำๆ เดิมๆ ก็เบื่อ ต้องเปลี่ยนไปเรื่อยๆ เป็นธรรมดา
ส่วนตัว จขกท. เองมีงานที่ค่อนข้างมั่นคง โควิดหลายครั้งที่ผ่านมา ไม่เคยมีผลกระทบต่อรายได้ ปรับขึ้นเงินเดือนทุกปี โบนัสเพิ่มทุกปี รายได้ต่อเดือน 35-40k ตอนนี้มีหนี้ผ่อนรถที่ใกล้หมดแล้ว พอหาเลี้ยงตัวเอง ลูก และสามีได้แบบพอประมาณ แต่หากจะต้องผ่อนบ้านเพิ่ม วางแผนว่าจะปิดรถให้หมดก่อน แต่เท่าที่แพลน ก็คิดว่าคงจะตึงมากพอสมควรค่ะ จึงอยากให้สามีช่วยหาเลี้ยงตัวเอง และช่วยออกค่าใช้จ่ายของลูกบางส่วน แต่คำตอบที่ได้ เค้าบอกแค่ว่า โอเค งั้นเดี๋ยวหาอะไรมาขายออนไลน์ที่บ้านก็ได้ (ส่วนตัว จขกท มองว่า มันยังเป็นแผนลมๆ แล้งๆ เงินทุนเค้าก็ไม่มี แล้วจะขายอะไรก็ยังไม่ทราบ) จึงเป็นกังวลตรงจุดนี้ค่ะ
จขกท ควรมุ่งหน้าไปทางไหนต่อดีคะ
ปัญหาแม่ยาย - ลูกเขย คนกลางจัดการยังไงดีคะ
เนื่องจาก จขกท. เพิ่งมีลูก สามีจึงย้ายเข้ามาอยู่บ้าน พ่อ-แม่ เรา (บ้านพ่อแม่สามีอยู่ต่างจังหวัด ส่วนตัวเราทำงานที่กรุงเทพ เลยตกลงกันว่าจะอยู่ที่บ้านเราแต่แรก) ทุกอย่างเป็นไปตามสูตรค่ะ เราออกไปทำงานนอกบ้าน สามีเลี้ยงลูกอยู่บ้าน แม่ยายก็สไตล์ของเขา เห็นอะไรขัดหูขัดตาไม่ได้ หาเรื่องตำหนิ จู้จี้ตามประสาคนเป็นแม่ การไม่ทำงานบ้าน นอนกลางวัน ไม่เอาขยะไปทิ้ง แช่จานทิ้งไว้ไม่ล้างทันที พอหนักข้อขึ้น แม่ยายคนนี้ ก็เริ่มเข้ามามีบทบาทในการเลี้ยงหลานมากขึ้น ส่วนตัวเราเข้าใจว่า แม่แกก็อยากช่วยแบ่งเบา ให้สามีเราได้พักผ่อน หรือเอาเวลาไปจัดการงานบ้านให้เรียบร้อยบ้าง แต่ในด้านของสามีเรานั้น กลับมองว่า เป็นการเจ้ากี้เจ้าการ และไม่พอใจแม่เราในอีกหลายประเด็น ในส่วนนี้ขออนุญาตเล่าข้ามไปนะคะ เพราะหลายๆ บ้านก็คงพอประสบมาบ้าง
ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา เราพยายามอดทน รับฟัง เข้าใจทุกฝ่ายแล้ว อ่านจากหลายๆ กระทู้ในที่นี้ เพื่อให้เข้าใจหลายๆ มุมมอง จนหลายคร้ังมันก็ทำให้เสียสมาธิในการทำงาน หรือการดำเนินชีวิต จนเรื่องทั้งหมด มันมาจบที่จุดแตกหักคือการเชิญสามีเราออกจากบ้านไป เท่ากับ เราต้องกลายเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยว ที่ต้องทำงานหาเงิน เลี้ยงลูก และจัดการงานบ้านแบบ all in one ค่ะ
หลายท่านอ่านมาถึงตรงนี้ ก็คงมีคำตอบในใจมาบ้างแล้ว ว่า ทำไมไม่แยกบ้านอยู่ล่ะ ?
จขกท ตัดสินใจแล้วเช่นกัน ว่าอยากจะแยกบ้านออกมาอยู่กันเองครอบครัวเราค่ะ จะได้ตัดปัญหาตรงนี้ออกไป ถึงจะลำบากหน่อย แต่ก็คงสบายใจกว่ากันเยอะ
มาถึงคำถามที่ จขกท. ตั้งใจมาขอคำแนะนำจากทุกท่านในที่นี้ ค่ะ
ตอนนี้สามี จขกท ว่างงาน (ซึ่งจริงๆ แล้ว เขาว่างงานมาโดยตลอด) เท่ากับ เขาไม่มีรายได้เลย ที่ผ่านมา ค่ากิน อยู่ จขกท ช่วยซัพพอร์ต เพราะเรามองว่า เราทำงานนอกบ้าน ให้เขาช่วยเลี้ยงลูก และทำงานในบ้านแทน แต่ครั้งนี้ การจะแยกบ้านออกมาอยู่กันเอง มีปัจจัยอีกหลายอย่าง จขกท ได้ขอความช่วยเหลือให้เขาเริ่มหาอาชีพ หารายได้เสริมทำ เพราะการผ่อนบ้าน ต้องมีค่าใช้จ่ายอีกหลายอย่าง และยังมีค่าใช้จ่ายของลูก ซึ่ง จขกท ประเมินแล้วว่า คนเดียวเราเอาไม่อยู่ แต่คำตอบที่ได้กลับมาจากเขา มันก็ล่องลอย ไม่มีความน่าเชื่อถือ สรุปง่ายๆ ก็คือ จขกท ก็อยากรั้งไว้ ให้ครอบครัวเราได้อยู่พร้อมหน้า ด้วยการหาที่อยู่ใหม่ แต่ก็ยังไม่มั่นใจ ว่าสามีจะช่วยเหลือจุนเจือได้อย่างไร สำหรับเรื่องค่าใช้จ่ายในบ้านที่จะตามมา
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
จขกท ควรมุ่งหน้าไปทางไหนต่อดีคะ