ทำไมถึงโสดนานขนาดนี้? เราเป็นอะไรกันแน่? ขอเล่าเรื่องตัวเองหน่อยได้ไหม? เล่าประสบการณ์ทั้งชีวิตอยากฟังไหม?

เล่าย้อนไปปี 2552 จนถึง 2565
ผมชื่อเก่งผมตอนนี้อายุ 22-23 ปี ทำงานใน รพ.แห่งหนึ่ง จ.มุกดาหาร
โสดมาตลอดช่วงชีวิต เคยมีแฟนตอน ป.6 เป็นผู้หญิง แต่ไม่เคยมีเซ็กซ์ กับใครเลย
ก่อนอื่นขอเล่าประวัติคร่าวๆ ตั้งแต่ ป.1- 6 โดนเพื่อนล้อว่าเป็นกระเทยมาตลอด ผมก็คิดว่าตัวเองไม่ใช่หรอกเพราะผมไม่เคยอยากเป็นผู้หญิงและผมก็ชอบผู้หญิงด้วย อาจจะเป็นท่าทางที่ตุ้งติ้งของผมหรือเปล่า ? ผมมีเพื่อนอยู่ 2 คน ชื่อเบิ้ลกับน็อต พวกผมเป็นเพื่อนกันโดยมี การ์ดยูกิ กับบาคุกันเป็นสื่อกลาง เป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่เด็กๆละจน ป.5 เพื่อนผู้ชายในห้องเรียนเริ่มแกล้งและล้อเรียนผมหนักมาก ว่าเป็นกระเทยและชอบแย่งของเล่นผมคือการ์ดยูกิกับบาคุกันของหวงของผม  เมื่อเป็นแบบนี้เพื่อน 2 คนที่ผมมี ก็พยามตีตัวออกห่างจากผม เพราะพวกเขามักจะโดนล้อว่าเป็นเหมือนผัวของผม ผมรู้สึกโกรธคนที่ล้อเลียนผม เล่นกับผู้ชายก็มักโดนคนอื่นล้อว่าเป็นผัวเมียกันตลอด แต่พอผมเล่นกับผู้หญิงก็โดนล้อว่าเป็นแฟนกัน แล้วเพื่อนๆก็ตีตัวออกห่างจากผม สุดท้ายผมก็ต้องอยู่คนเดียว ตอน ป.6 มีงานแข็งกีฬาประจำโรงเรียนขึ้นผมก็รู้สึกตื่นเต้นเพราะผมคิดว่าจะได้เจอเพื่อนใหม่ แต่ผมก็เจอผู้หญิงคนหนึ่งที่เล่นวอลเลย์บอลได้เก่งผมรู้สึกชอบหุ่นของเธอและรู้สึกว่าเธอโตเป็นสาวกว่าคนอื่นๆ พอถึงช่วงพักนักกีฬาผมก็ถือโอกาสเข้าไปนั่งใกล้ๆ เธอก็ทักผมว่าทำไมนั่งคนเดียว ผมก็เลยเล่าเรื่องตัวเองให้เธอฟัง และก่อนจบการแข่งกีฬาผมได้ขอเบอร์เอาไว้ บอกชอบและขอเป็นแฟนเธอ ผมมีเบอร์สาวในมือถือแต่การเติมเงินเข้ามันยากเพราะผมได้เงินไป รร. วันละ 5บ. ผมต้องเก็บเงินเป็นอาทิตย์กว่าจะได้โทรไปหาสาวผมคิดว่ามันสิ้นเปลืองเลยไม่ได้โทรไปหาเธอเลย มีแค่เธอที่โทรมาหาผมและบอกว่าโทรหาเธอบ้างได้ไหม ผมเลยบอกเหตุผลไป แล้วพวกผมก็ห่างเหินกันไป เพราะไม่ค่อยติดต่อกันเลย ตอนนี้ ผมขึ้น ม.1 แล้ว เป็นอะไรที่น่าตื่นเต้นมากเพราะผมเล่นคนเดียวมาตลอดเลย ก็คิดว่าจะเจอเพื่อนใหม่ที่นี่หละ เปิดเทอมวันแรกผมก็ได้พบกับแฟนซึ่งตอนนี้พวกเราดูห่างเหินกันมาก แต่ผมก็พยามลื้อความสัมพันธ์กับเธอนะ ผมรู้สึกเลยว่าฐานะทางบ้านของผมกับเธอมันต่างกันมากเลยมือถือที่ผมใช้กับของแฟนมันต่างกันมาก ของผมเล่นเน็ตได้ก็บุญละ นักเรียนที่สอบเข้า ม.1 ใหม่มีจำนวนมากเลยแบ่งเป็น 2 ห้อง จากคะแนนสอบ ผมได้อยู่ห้อง 1 แต่แฟนได้อยู่ห้อง 2 ถึงจะเรียกว่าแฟนแต่ผมไม่คุยกันเลย วันแรกของการเข้าเรียนก็ได้มีการคัดเลือกหัวหน้าห้องแล้วผมก็เป็น 1 ใน 3 คน มีแดนอีกคนผมจำชื่อไม่ได้ผมก็คิดว่าหมอนี่มันเป็นคนที่ตัวสูงมากเลยผมอยากสูงแบบนั้นบ้างคงฮอต แล้วมันก็ได้เป็นหัวหน้าห้องส่วนผมได้เป็นรองหัวหน้า ไอ้แดนมันย้ายมาจาก รร. ในเมือง มันเป็นลูกครูที่ รร. เรียนผมได้ยินคนอื่นเขาเล่ามาแบบนี้ ผมสนิทกับมันเร็วมากและก็ไปทานข้าวเที่ยงด้วยกัน มันถามผมว่าไม่มีเพื่อนคนอื่นหรอทำไมเห็นไปไหนคนเดียว ผมเลยเล่าเรื่องของตัวเองให้มันฟัง มันบอกว่าผมไม่เห็นเป็นเหมือนที่คนอื่นเขาล้อเรียนผมเลย ผมบอกว่าถ้ามันมาเป็นเพื่อนผมมันคงโดนล้อเรียนแน่นอน มันบอกใครจะล้อช่างมันดิ ผมรู้ตัวเองก็พอ ดูมันพูดดิ โคตรกินใจเลยวะ ไอ้แดนมันชอบชวนผมไปทานข้าวกับมันตลอดเลย วันไหนที่ผมไม่ได้ถือเงินมาแล้วบอกว่าวันนี้จะไม่กินข้าวมันก็บอกจะซื้อข้าวให้เลยแบบไม่เอาเงินคืนด้วยนะ ผมก็คิดในใจว่าไอ้นี่มันป๋าวะ ผมไม่เคยมีเพื่อนที่ดีขนาดนี้ ตลอดเวลาที่ผ่านผมมีแต่โดนแกล้งตลอดเลยส่วนเพื่อนเก่าอีก 2 คนมันทรยศผมแล้วตีตัวออกห่างไปหมดแล้ว พวกผมเริ่มไปไหนมาไหนด้วยกันตลอด จนทุกคนมาถามผมว่าพวกแกเป็นไรกันหรือเปล่า ผมบอกว่าเป็นเพื่อนกันไง ผมเองได้มีเพื่อนใหม่ก็ดีใจและรู้สึกมีความสุขทุกวันเลยที่มา รร. ไม่เบื่อเหมือนเมื่อก่อน แม่ของไอ้แดนที่เป็นครูที่ รร. ก็เริ่มมาถามเรื่องของลูกชายตัวเองกับผมบ่อยๆ นี่ผมก็เผลอๆคิดในใจว่ากุเป็นคนพิเศษสำหรับลูกชายของเขาหรือเปล่า ก็คงเพราะพวกผมไปไหนด้วยกันตลอด วันหนึ่งผมก็ไม่เห็นไอ้แดนมันมา รร. แล้ววันนั้นแม่ของมันก็มาพูดในห้องเรียนว่ามันสอบเข้า รร. ในเมืองได้แล้ว จะไม่ได้มาเรียนที่นี่อีกแล้ว ผมรู้สึกตกใจมากเพราะตลอดเวลาที่อยู่กับมันไม่เคยบอกว่าจะย้าย รร. ไปไหน เวลาที่ไม่มีเพื่อนมันรู้สึกเหงา และก็โดนเพื่อนคนอื่นแกล้งอีก คิดถึงไอ้แดน ผมจะหาทางติดต่อมันได้ไง ตอนนี้มันมีเฟสนี่ ก็สมัครแล้วทักคุยดิ (ผมมีเบอร์มันนะแต่ไม่กล้าโทรไปหามัน มันรู้สึกทะยิ้มไงไม่รู้) ช่วงเวลานี้ผมสามารถเล่นเฟสได้แต่ที่คอม รร. เท่านั้น มือถือผมยังกากอยู่เลย วันหนึ่งไอ้แดนมันโพสต์ลงเฟส มันบอกว่าอกหักมากมันไม่อยากสนใจเรื่องการเรียนแล้วผมก็ไม่รู้จะปลอบมันไง ก็เผลอเขียนบอกไป “เพื่อน กูรักนะเพื่อนกูไม่อยากให้อกหักจนเสียการเรียน กูรักเพื่อนนะ” พิมพ์ไม่รู้สึกไรนะแต่พอมาลองอ่านอีกทีมันรู้สึกเขินตัวเองวะ ทำไมกุเขียนไปอย่างน้าน เอาจริงๆตอนที่ไอ้แดนมันอกหักผมรู้สึกน้อยใจ เสียใจกับมันด้วย เป็นความรู้สึกที่ผมไม่เข้าใจตัวเองเลย หลังจากที่ผมพิมพ์ไปแบบนั้นผมก็ไม่ได้คุยกับมันอีก ผมไม่มีเพื่อนและไม่ได้เล่นกับใครเลยอยู่ตัวคนเดียวมาตลอด โดนล้อโดนแกล้งตลอดมา ผมพยายามคิดถึงไอ้แดนและคิดว่าความรู้สึกที่มีให้มัน มีมากกว่าแฟนคนแรกของผมเสียอีก ผมเริ่มสงสัยในตัวเองแล้วว่าตัวเองนั้นชอบผู้ชายหรือเปล่า เวลาผ่านไป 2 ปี ตอนนี้ผมอยู่ ม.3 ผมก็ได้ยินข่าวจากแม่ของไอ้แดนว่ามันจะย้ายมาที่ รร. เดิม ผมก็รู้สึกตื่นเต้นดีใจที่จะได้เจอเพื่อนเก่า ผมได้แต่รอวันที่จะได้เจอมันอีกครั้งหนึ่ง และคิดว่ามันน่าจะมาเรียนต่อ ม.4 กับผมที่นี่
ผ่านไป 1 ปี ผมรอมันทำไมวะตอนนี้ผม อยู่ ม.5  แล้วมันจะมาทำซากอะไรที่นี่ ผมก็คิดว่าเป็นไปได้หรอที่มันจะมาตอน ม.5 แล้วผมก็เจอมันจริงด้วย ช่วงเวลาแห่งความสุขมันกลับมาอีกครั้งการได้อยู่กับเพื่อนเหมือนเปลี่ยนโลกสีเทาให้มีสีสันมันทำให้ผมยิ้มทุกครั้งที่ได้อยู่ใกล้มันไอ้แดนเพื่อนรัก(ตลอดเวลาที่ผ่านมาผมทบทวนและเข้าใจแล้วว่าผมคิดมากกว่าเพื่อนแน่นอน) การที่ผมสนิทกันแบบนี้ไปไหนมาไหนด้วยกันตลอดทำให้คนรอบข้างมองว่าพวกผมคบกันมากว่าเพื่อน และผมเริ่มมีความรู้สึกลึกๆเหมือนกันว่า ถ้าเป็นงั้นก็คงดี การที่คนอื่นล้อว่าเป็นผัวเมียกันผมเริ่มไม่เดือดร้อนอะไรเลย ทั้งที่เมื่อก่อนจะตอบโต้ตลอด พักหลังผมเริ่มไม่กล้ามองหน้าเพื่อนตรงๆ เพราะรู้สึกผิดปนเขิน ที่ตอนนี้ผมคิดกับไอ้แดนมากกว่าเพื่อนไปแล้ว การอยู่ร่วมกันของผมกับมันจึงรู้สึกอึดอัดกว่าเมื่อก่อน ตอนนี้ไอ้แดนมันเริ่มสนใสผู้หญิงคนหนึ่ง ผู้หญิงคนนี้เมื่อก่อนก็เคยส่งสายตาแบบว่าเธอสนใจในตัวผมมาก่อน แต่ผมไม่เล่นด้วย เธอจึงหันไปส่งสายตาให้ไอ้แดน ผมพยายามจะบอกไอ้แดนว่าผู้หญิงคนนี้ไม่ดีเพราะเธอเคยส่งสายตาให้ผมมาก่อน (ผมรู้สึกว่าผู้หญิงคนนี้จะชอบคนรวย) เธอคิดว่าบ้านผมรวย แต่ไอ้แดนมันก็คงรวยจริงแหละ แต่การเตือนสติแบบนี้มันไม่ได้ส่งผลดี มันคงทำให้ไอ้แดนคิดว่าผมจะแย่งสาวจากมัน เรียกได้ว่าผู้หญิงเป็นต้นเหตุให้เสียความเป็นเพื่อนกันเลย
การโดนล้อก็มีทุกวัน แต่วันนี้ไอ้แดนมันก็เริ่มตีตัวออกห่างจากผมและเริ่มล้อเลียนผมเหมือนคนอื่น พูดจาทำร้ายผม เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ เมื่อก่อนเคยทำดีมากจนผมรู้สึกว่ามันคือรัก แต่มันคงเป็นแค่การคิดไปเองของผม ผมเสียใจมากทั้งเพื่อนรักและคนรอบตัวเอาแต่กลั่นแกล้งผมเรื่อย
เวลานี้กลายเป็นว่าผมต้องมานั่งรู้สึกเสียใจคนเดียวสายตาของคนที่ผมชอบมันเปลี่ยนไปกลายเป็นเหมือนหนามทิ่มแทง ผมเสียใจมาก ผมไม่น่าไปชอบไอ้หมอนั่นเลยวะ มันเจ็บกว่าการเลิกกันกับแฟนคนแรกอีก ผมเข้าใจตัวเองว่าตัวเองนั้นโคตรโง่เลยวะ เฮิร์ทเป็นเวลานาน ฟังเพลงยุดีๆ ก็ร้องไห้ ผมเข้าใจแล้วว่าตัวเองมันอ่อนแอแค่ไหน ผมไม่คิดอยากมีใคร มีเพื่อน มีแฟน อีกเลย รู้สึกอยากอยู่คนเดียวไม่อยากสนใจใครอีก ผ่านไป 1 ปี ตอนนี้ ผม ยุ ม.6 ผมก็อยู่คนเดียวเหมือนเคย ผมอยากเล่าถึงเพื่อนคนหนึ่งในห้องเรียนมันมีกลิ่นตัวทุกวันเวลาที่มันมา รร. แต่พอมันมาใกล้ผมมากๆ จนผมทนไม่ไหวแล้วบอกมันว่าไอ้เสือได้อาบน้ำมา รร. ไหม มีกลิ่นตัวมา รร. ทุกวันเลยควรฉีดน้ำหอมกลบบ้างนะ อย่าหาว่ายิ้มเรื่องของเลยนะ ผมก็คิดในใจที่ผ่านมาผมก็ได้เหม็นกลิ่นตัวมันเป็นเวลานานทำไมวันนี้ผมต้องโวยวายด้วย วันต่อมาผมก็คอยดมกลิ่นมัน วันนี้มันไม่มีกลิ่นตัว ผมก็แปลกใจเฮ้ยไอ้นี่มันทำตามที่กูพูดด้วยหรอ แล้วผมก็คิดว่าทำไมผมต้องไปสนใจเรื่องของมันด้วยวะ ช่วงเวลานี้ไม่รู้ทำไมชอบมองหาแต่ไอ้เสือ ถึงพักเที่ยงก็เดินไปทั่ว รร. เพื่อหามันว่ามันทำไรอยู่ปกติแล้วมันจะอยู่สนามตระกร้อ มันจะเล่นตะกร้อกับเพื่อมันอยู่ ผมก็ไปนั่งดูอยู่ห่างๆ ผมเริ่มเข้าหามันเพราะผมเริ่มรู้สึกว่าผมชอบมันอะ ผมพยามไปทุกที่ ที่มันไปมองหามันทั้งวัน เรียกมันว่าพริ๊เสือ แล้วเข้าไปบีบแขนมันเล่นซึ่งมันก็พูดนะว่ามันไม่ใช่เกย์ อย่ามาบีบแขนมันแต่มันก็ปัดมือผมแบบงั้นๆแหละ ผมรู้สึกว่าไอ้เสือมันเข้าใจความรู้สึกของผมนะ มันอะชอบทักมาหาผมในเฟสและคุยกันบ่อยๆ และผมก็ถ่ายรูปคู่กับมันด้วยนะ ผมคิดว่ามันคงมีใจให้ผมอยู่บ้างแหละความสัมพันธ์ของผมกับมันก็ยังเป็นเพื่อนกันอยู่ดี ผมก็คิดว่ามันไม่โง่พอที่จะไม่รู้ว่าใครชอบหรอก เพราะผมได้แสดงออกไปขนาดนั้น มีครั้งหนึ่งมันเคยถามผมเรื่องอนาคตว่าจบ ม.6 แล้วจะทำไรแต่งงานมีลูกไหม เพราะเพื่อนบางคนในห้องก็มีลูกแล้ว ผมเลยตอบไปว่าผมไม่อยากมีลูก ขี้เกียจเลี้ยงและไม่อยากแต่งงาน มันพูดเหมือนกับแคร์เรื่องอนาคตของผมแล้วรู้ว่าเรื่องลูกคือปัญหาอย่างหนึ่งของชาว LGBT มันบอกว่าไม่ลูกแล้วใครจะดูแลตอนแก่ ผมบอกว่าผมไม่อยากมีลูกเพราะว่าโตมาจะต้องมาดูแลผมนี่แหละการเป็นพ่อแม่คนสำหรับผมมันเป็นเรื่องยาก ผมเริ่มคิดแล้วว่ามันก็ชอบผม เพราะไม่งั้นมันจะมาห่วงอนาคตผมทำไม แต่ผมก็ควรเริ่มทำใจเหมือนกันเพราะ ผมรู้สึกว่ามันยังไม่มีความกล้าพอที่จะบอก ที่จะแสดงออกว่าชอบใคร เวลาผ่านไปพวกผมก็แยกย้ายกันไปเรียนต่อ ไอ้เสือมันเรียนต่อ มหาลัย ไอ้แดนก็เหมือนกัน ส่วนผมก็เรียนต่อ ปวส. ตอนนี้ผมอายุ 19 ปี เรียน ปวส.1 ช่วงปิดเทอมไอ้เสือมันทักมาหาผม บอกว่าว่างไหมมันจะชวนผมไปเที่ยว ทั้งที่มันมีเพื่อนคนอื่นตั้งเยอะทำไมมันต้องชวนผมด้วยวะผมสงสัย มันชวนผมไปห้างจะไปดูหนัง ผมบอกว่าผมไม่ได้ถือเงินมา มันบอกว่ามันจะจ่ายให้ ผมบอกว่าไม่ดีกว่าไม่ชอบที่ที่คนเยอะๆ มันพาผมไปซื้อชาเย็นดื่มเฉยเลย หลังจากนั้นมันพาผมไปไหว้รูปปั้นพยานาคที่ริมน้ำโขง แล้วมันถ่ายรูปผม เอาไปโพสต์ในเฟสมันแล้วตั้งสเตตัส ว่า “มีความสุขมากสินะยิ้มแป้นเลย” มันเป็นรูปที่ผมยิ้มหันข้างแบบมีความสุขคับ หลังจากที่มันโพสต์รูปลงไอ้แดนมันก็ดันมาคอมเมนต์ว่า “เสือเป็นเกย์หรอ”  ผมเห็นเมนต์ ผมก็รู้สึกโกรธมันขึ้นมาเลย มันจะมาเผือกอะไรเรื่องของผม ผมพยายามลืมมันตั้งนานนะเว้ย โคตรจะเกลียดมัน ผมอยากลืมมันแล้วมันยังจะมาเอาอะไรอีก แล้วไอ้เสือมันก็ตอบไปว่า “กูไม่ใช่เกย์นะ” ผมก็ยิ่งรู้สึกแย่กว่าเดิมอีก ผมก็เลยพิมพ์บอกไอ้เสือไปว่าถ้ากลัวโดนล้อ ก็ไม่ต้องมาชวนกูไปไหนกับอีกนะ ก็มีเพื่อนตั้งเยอะมาชวนกูทำไม รู้สึกเจ็บวะ ผมก็เผลอแอบคิดนะ ว่านี่มันเป็นการเดทหรือเปล่า แต่มันคงเป็นการเดทครั้งแรกที่ทำให้ผมรู้สึกแย่ที่สุดเลย ผมเริ่มคิดว่าผมโง่มากเลยวะเคยเจ็บกับครั้งแรกแล้วยังไม่จำอีก พอแล้วกับการรู้สึกชอบใคร มันเจ็บไม่คุ้มเลย
เอาจริงๆ ทั้งชีวิตนี้ผมก็ไม่เคยบอกชอบและขอเป็นแฟนกับใครเลย นอกจากแฟนคนแรก ผมเองก็มีผู้หญิงเข้ามาชอบอยู่ แต่ผมคิดว่าผมชอบผู้ชาย ตอนนี้ผมก็อายุ 23 ปี แล้ว หาแฟนอยู่เรื่อยนะ แต่มันก็ไม่เจอสักที การคบใครสักคนผ่านแอพหาคู่นั้นผมคิดว่ามันยาก การที่ไม่เคยเห็นหน้า ไม่เคยอยู่ด้วยกัน มันจะรู้สึกชอบกันได้ยังไง มันต้องเจอตัวจริง คบกันและอยู่ด้วยกันสิ ตอนนี้ผมยังสงสัยอยู่ครับว่าเรื่องราวที่ผ่านมานั้น มันแค่ความเป็นเพื่อนที่มีให้กัน หรือความสัมพันธ์ที่คิดไปเอง
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่