“ทนายเชาว์” เตือน โรม หยุดพฤติกรรมล่าแม่มด ล่าตัวผู้พิพากษา คุกคามศาล ชี้ ศาลอนุมัติหมายจับตามกรอบกฎหมาย เหตุไม่ไปตามหมายเรียก แนะร้องศาลขอเพิกถอนหมายจับได้ หากคิดว่าไม่เป็นธรรม
.
(25 มี.ค.) นายเชาว์ มีขวด อดีตรองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ทนายความอาสา กล่าวถึงกรณีที่ นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ และรองเลขาธิการพรรคก้าวไกล โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก พร้อมแนบหมายจับของศาลอาญาตลิ่งชันที่ตนถูกออกหมายจับ คดีหมิ่นประมาท หลังอภิปรายนอกสภา ประเด็นเครือข่ายมูลนิธิป่ารอยต่อฯ โดยขอแรงประชาชนให้ช่วยกันตาม “ผู้พิพากษา” เจ้าของลายเซ็นที่ลงนามออกหมายจับตน ว่า นี่คือเกมล่าแม่มดบนโลกออนไลน์ใช้โอกาสที่ตนเองถูกออกหมายจับมาโจมตี ไม่เพียงทำลายความน่าเชื่อถือของศาลยุติธรรม ยังเป็นการคุกคามผู้ทำหน้าที่ตุลาการ หนึ่งในอำนาจสามเสาหลักของประชาธิปไตยด้วย เป็นพฤติกรรมที่แก้ไม่หายของนายรังสิมันตุ์
.
“ผมไม่เชื่อว่า คนจบกฎหมายอย่านายรังสิมันต์จะไม่ทราบว่า การออกหมายจับตามความผิดคดีหมิ่นประมาท ซึ่งมีอัตราโทษจำคุกอย่างสูงไม่เกิน 3 ปี แม้จะมีที่อยู่เป็นหลักแหล่งก็ตาม แต่หากพนักงานสอบสวนออกหมายเรียกกำหนดวันเวลาให้มาพบ เมื่อไม่มาตามหมายเรียกโดยไม่มีเหตุแก้ตัวหรือแจ้งข้อขัดข้องให้ทราบ หรือแม้แจ้งเหตุขัดข้องแล้วถ้าพนักงานสอบสวนมองว่าเป็นการประวิงคดี ก็เป็นเหตุที่จะออกหมายจับได้ เพราะเข้าข้อให้สันนิษฐานว่าบุคคลนั้นจะหลบหนี ตาม ป.วิ.อาญามาตรา 66 (2) ซึ่งเท่าที่ทราบศาลออกหมายจับ ก็เพราะพนักงานสอบสวนแสดงเหตุผลต่อศาลว่า ได้ออกหมายเรียกให้มาพบเพื่อนำตัวไปส่งพนักงานอัยการหลายครั้งแล้ว แต่บ่ายเบี่ยงไม่มาพบและข้อแก้ตัวก็ฟังไม่ขึ้น “
.
นายเชาว์ กล่าวว่า ที่สำคัญ การออกหมายจับ เป็นเรื่องระหว่างพนักงานสอบสวนกับศาล เมื่อพนักงานสอบสวนรายงานข้อเท็จจริงหรือความจำเป็นในการออกหมายจับต่อศาลอย่างไร หากศาลเห็นว่าเหตุผลของพนักงานสอบสวนรับฟังได้ ศาลก็ต้องออกหมายจับ ถ้าไม่ออกหมายจับแล้วจะนำตัวนายรังสิมันต์ไปพบพนักงานอัยการหรือไปฟ้องต่อศาลได้อย่างไร เนื่องจากพนักงานสอบสวนก็ต้องมีกรอบเวลาในการทำงานเกี่ยวกับอายุความบังคับอยู่ด้วย
.
“ผมขอแนะนำว่า หาก นายรังสิมันตุ์ เห็นว่า การออกหมายจับตนเองเป็นการไม่ชอบก็สามารถยื่นคำร้องต่อศาลขอเพิกถอนหมายจับได้ หรือถ้าเห็นว่าพนักงานสอบสวนปฏิบัติหน้าที่ไม่ชอบกลั่นแกล้งตนเองอย่างไร ก็สามารถแจ้งความดำเนินคดีหรือยื่นฟ้องพนักงานสอบสวนในข้อหาปฏิบัติหรือละเว้นปฏิบัติหน้าที่โดยไม่ชอบได้อยู่แล้ว ไม่จำเป็นจะต้องมาปลุกระดมประชาชนให้ช่วยกัน ตามหาล่าตัวผู้พิพากษาที่ออกหมายจับตนเอง ซึ่งถือว่าเป็นพฤติกรรมไม่อันควรและสุ่มเสี่ยงที่จะละเมิดอำนาจศาล ถ้าเป็นนักประชาธิปไตยจริง ต้องเข้าใจว่า ความเป็นประชาธิปไตยจะสมบูรณ์ได้ก็ต่อเมื่อมีการถ่วงดุลอำนาจซึ่งกันและกัน ระหว่างนิติบัญญัติ บริหาร และตุลาการ อย่าอ้างความเป็นตัวแทนของประชาชน มาข่มอำนาจตุลาการ ขอเพียงเคารพซึ่งกันและกัน ก็จะได้ประชาธิปไตยที่แท้จริง” นายเชาว์ กล่าว
-------------------------------
แหล่งข่าว
-
https://mgronline.com/politics/detail/9650000029149
-------------------------------
ติดตามข้อมูลข่าวสาร รู้ไทย รู้โลก กับ Thailand Vision ได้ที่
Website :
http://www.thailandvision.co
Facebook :
https://www.facebook.com/thvi5ion
Twitter :
https://twitter.com/Thailand_vision
Youtube :
https://www.youtube.com/c/Thailandvision
@@@ โรม มามุขเดียวกันหมด คือ ใช้มวลชนออกมาปกป้องตัวเอง @@@
.
(25 มี.ค.) นายเชาว์ มีขวด อดีตรองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ทนายความอาสา กล่าวถึงกรณีที่ นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ และรองเลขาธิการพรรคก้าวไกล โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก พร้อมแนบหมายจับของศาลอาญาตลิ่งชันที่ตนถูกออกหมายจับ คดีหมิ่นประมาท หลังอภิปรายนอกสภา ประเด็นเครือข่ายมูลนิธิป่ารอยต่อฯ โดยขอแรงประชาชนให้ช่วยกันตาม “ผู้พิพากษา” เจ้าของลายเซ็นที่ลงนามออกหมายจับตน ว่า นี่คือเกมล่าแม่มดบนโลกออนไลน์ใช้โอกาสที่ตนเองถูกออกหมายจับมาโจมตี ไม่เพียงทำลายความน่าเชื่อถือของศาลยุติธรรม ยังเป็นการคุกคามผู้ทำหน้าที่ตุลาการ หนึ่งในอำนาจสามเสาหลักของประชาธิปไตยด้วย เป็นพฤติกรรมที่แก้ไม่หายของนายรังสิมันตุ์
.
“ผมไม่เชื่อว่า คนจบกฎหมายอย่านายรังสิมันต์จะไม่ทราบว่า การออกหมายจับตามความผิดคดีหมิ่นประมาท ซึ่งมีอัตราโทษจำคุกอย่างสูงไม่เกิน 3 ปี แม้จะมีที่อยู่เป็นหลักแหล่งก็ตาม แต่หากพนักงานสอบสวนออกหมายเรียกกำหนดวันเวลาให้มาพบ เมื่อไม่มาตามหมายเรียกโดยไม่มีเหตุแก้ตัวหรือแจ้งข้อขัดข้องให้ทราบ หรือแม้แจ้งเหตุขัดข้องแล้วถ้าพนักงานสอบสวนมองว่าเป็นการประวิงคดี ก็เป็นเหตุที่จะออกหมายจับได้ เพราะเข้าข้อให้สันนิษฐานว่าบุคคลนั้นจะหลบหนี ตาม ป.วิ.อาญามาตรา 66 (2) ซึ่งเท่าที่ทราบศาลออกหมายจับ ก็เพราะพนักงานสอบสวนแสดงเหตุผลต่อศาลว่า ได้ออกหมายเรียกให้มาพบเพื่อนำตัวไปส่งพนักงานอัยการหลายครั้งแล้ว แต่บ่ายเบี่ยงไม่มาพบและข้อแก้ตัวก็ฟังไม่ขึ้น “
.
นายเชาว์ กล่าวว่า ที่สำคัญ การออกหมายจับ เป็นเรื่องระหว่างพนักงานสอบสวนกับศาล เมื่อพนักงานสอบสวนรายงานข้อเท็จจริงหรือความจำเป็นในการออกหมายจับต่อศาลอย่างไร หากศาลเห็นว่าเหตุผลของพนักงานสอบสวนรับฟังได้ ศาลก็ต้องออกหมายจับ ถ้าไม่ออกหมายจับแล้วจะนำตัวนายรังสิมันต์ไปพบพนักงานอัยการหรือไปฟ้องต่อศาลได้อย่างไร เนื่องจากพนักงานสอบสวนก็ต้องมีกรอบเวลาในการทำงานเกี่ยวกับอายุความบังคับอยู่ด้วย
.
“ผมขอแนะนำว่า หาก นายรังสิมันตุ์ เห็นว่า การออกหมายจับตนเองเป็นการไม่ชอบก็สามารถยื่นคำร้องต่อศาลขอเพิกถอนหมายจับได้ หรือถ้าเห็นว่าพนักงานสอบสวนปฏิบัติหน้าที่ไม่ชอบกลั่นแกล้งตนเองอย่างไร ก็สามารถแจ้งความดำเนินคดีหรือยื่นฟ้องพนักงานสอบสวนในข้อหาปฏิบัติหรือละเว้นปฏิบัติหน้าที่โดยไม่ชอบได้อยู่แล้ว ไม่จำเป็นจะต้องมาปลุกระดมประชาชนให้ช่วยกัน ตามหาล่าตัวผู้พิพากษาที่ออกหมายจับตนเอง ซึ่งถือว่าเป็นพฤติกรรมไม่อันควรและสุ่มเสี่ยงที่จะละเมิดอำนาจศาล ถ้าเป็นนักประชาธิปไตยจริง ต้องเข้าใจว่า ความเป็นประชาธิปไตยจะสมบูรณ์ได้ก็ต่อเมื่อมีการถ่วงดุลอำนาจซึ่งกันและกัน ระหว่างนิติบัญญัติ บริหาร และตุลาการ อย่าอ้างความเป็นตัวแทนของประชาชน มาข่มอำนาจตุลาการ ขอเพียงเคารพซึ่งกันและกัน ก็จะได้ประชาธิปไตยที่แท้จริง” นายเชาว์ กล่าว
-------------------------------
แหล่งข่าว
- https://mgronline.com/politics/detail/9650000029149
-------------------------------
ติดตามข้อมูลข่าวสาร รู้ไทย รู้โลก กับ Thailand Vision ได้ที่
Website : http://www.thailandvision.co
Facebook : https://www.facebook.com/thvi5ion
Twitter : https://twitter.com/Thailand_vision
Youtube : https://www.youtube.com/c/Thailandvision