@@@ สาวโพส fake news ขอขมา ผบ.ทบ. @@@

วันนี้ ที่กองบัญชาการกองทัพบก มีรายงานว่า พล.อ.ปานศิริ มีผล  ทหารนอกราชการ เตรียมทหารรุ่น 13 นำ น.ส.สิรพัชญ์ ปฏิพัทธวินิจ  พร้อมด้วยนายพัฒนฉัตร เลิศอำไพนนท์ สามี  พร้อมนำพวงมาลัยเข้าขอขมา พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผบ.ทบ.
.
จากกรณีน.ส.สิรพัชญ์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กชื่อ Amilie siraphat patipattawinij กล่าวหากำลังพลกองร้อยส่งทางอากาศที่เดินทางไปร่วมการฝึกกระโดดร่มทางยุทธศาสตร์ (Strategic Airborne Operation) กับกองทัพบกสหรัฐ ณ Fort Bragge รัฐนอร์ทแคโรไลนา ระหว่างวันที่ 10-26 ก.ค.64 ว่าบินไปฉีดวัคซีนไฟเซอร์  โดยมี พล.ต.บุรินทร์ ทองประไพ ผู้อำนวยการสำนักงานพระธรรมนูญทหารบก พร้อมด้วย พล.ต.อานุภาพ ศิริมณฑล เลขานุการกองทัพบก  เป็นผู้รับมอบ
.
น.ส.สิรพัชญ์ กล่าวว่า ตนไปส่องทวิตเตอร์ และรับทราบในสิ่งที่ผิดๆ ว่า ทหารไทยไปฉีดวัคซีนที่สหรัฐฯ ด้วยความที่เราอินกับข่าว ก็เลยนำมาโพสต์ ต่อจากนั้นได้รับทราบความจริงก็ลบโพสต์ทันทีว่า ทหารไทยไม่ได้ไปฉีดวัคซีน แต่ไปร่วมฝึกกับทหารสหรัฐอเมริกา หลังจากที่ได้ลบโพสต์ไปแล้วก็มีปัญหาเข้ามาโดยถูกฟ้องร้องดำเนินคดี ต้องเข้าใจว่า ในช่วงนั้นวัคซีนก็ขาดแคลนในประเทศไทย และตนก็ไม่ได้รับการฉีดวัคซีน ทำให้เมื่อได้รับการแชร์ข่าวดังกล่าวมาก็รู้สึกว่า ทำไมทหารถึงบินไปฉีดวัคซีนได้ โดยที่ไม่ได้ตรวจสอบข้อเท็จจริง
.
ทั้งนี้ ตนจึงติดต่อขอโอกาสมาขอขมา ผบ.ทบ. ว่า เรารู้ข้อเท็จจริงแล้วก็ยินดีปรับปรุงตัว และช่วยประชาสัมพันธ์ชี้แจงข่าวที่เป็นจริงของกองทัพบกว่า เฟกนิวส์มีอยู่จริง ทั้งนี้ ฝากเตือนน้องๆ เด็กยุคใหม่ว่า การที่จะส่งต่อโพสต์ หรือแชร์ต้องหาข้อมูลให้ดีก่อนไม่ใช่โพสต์เพื่อสนุกปาก หรือเรียกยอดไลค์ยอดแชร์
.
“ยอมรับว่า หลังถูกดำเนินคดีมีผลกระทบต่อความรู้สึก และชีวิตประจำวันมาก ซึ่งตัวเองไม่ได้มีเจตนาจะบิดเบือน เรารับทราบข่าวมาอย่างไรแล้วก็โพสต์ไปอย่างนั้น แพร่กระจายไปตามที่เราข่าวที่เรารับทราบมา”
.
ด้านพล.อ.ปานศิริ กล่าวว่า ตนรู้จักกับแม่ของสามีคุณสิรพัชญ์ จึงเข้ามาเป็นตัวกลางประสานให้เพราะรู้ว่า ทั้งหมดเป็นความทุกข์อย่างแสนสาหัส จากกรณีแค่นี้หลังที่ได้รับเฟกนิวส์มาสั้นๆ แต่ผลที่ตามมารุนแรงต่อชีวิตประจำวันของเขาสิ่งที่คิดคือ เราเป็นคนไทยด้วยกัน ก็น่าจะพูดคุยกันได้จากปัญหาของเขาตนจึงได้ประสานมาที่กองทัพบก      
.
ส่วนพล.ต.อานุภาพ กล่าวว่า การที่กองทัพบกฟ้องดำเนินคดี เป็นการปกป้องศักดิ์ศรีของกองทัพ ไม่อยากให้สังคมส่วนใหญ่เข้าใจผิด การฟ้องร้องไม่ใช่การกลั่นแกล้ง เมื่อน้องรับทราบความจริงแล้วมาขอโทษ ก็ขอให้เป็นอุทาหรณ์ และเป็นบทเรียน ทั้งนี้ ถ้าเป็นการโพสต์พาดพิงตัวบุคคล หรือตัว ผบ.ทบ. ท่านไม่ได้ดำเนินการอะไร ยกเว้นที่กระทบภาพลักษณ์ต่อกองทัพ ในขณะนั้น ก็ยอมรับว่า ประเทศอยู่ในภาวะขาดแคลนวัคซีนทำให้มีผู้ไม่หวังดี นำเรื่องดังกล่าวมาปลุกปั่น ให้เกิดความเข้าใจผิดต่อกองทัพ ขยายผลเพื่อให้เกิดความแตกแยกในสังคม กองทัพบกไม่ต้องการทำร้ายประชาชน หรือตั้งเป้าจะไปฟ้อง ทำให้เกิดคดีความ และสร้างความเดือดร้อน แต่ถ้าไม่ดำเนินการ ก็จะกลายเป็นว่า กองทัพบกถูกถูกกระทำอยู่ฝ่ายเดียว
.
“ส่วนคนที่นำเฟคนิวส์มาโพสต์ต่อก็เหมือนเป็นผู้ถูกกระทำเพราะ เป็นการโพสต์ด้วยความบริสุทธิ์ใจที่คิดว่า ข้อมูลนั้นคือ ถูกต้อง ส่วนพวกเฟกนิวส์ หรือพวกอวตาร ก็บรรลุความสำเร็จแล้ว และไม่ได้มาเดือดร้อนเหมือนกับผู้โพสต์ที่ถูกดำเนินคดี”
.
สำหรับการเข้าขอขมาในครั้งนี้ กองทัพบก ได้มีเงื่อนไขให้ น.ส.สิรพัชญ์ ลงภาพพร้อมข่าวการเข้าขอขมา ผบ.ทบ. ในเฟซบุ๊กชื่อAmilie siraphat patipattawinij เป็นเวลา 7 วัน ทั้งนี้ ทางกองพระธรรมนูญ ทบ. จะนำข้อมูลดังกล่าวเรียน ผบ.ทบ. อนุมัติถอนฟ้องต่อไป

-------------------------------
แหล่งข่าว

https://www.thaipost.net/general-news/113123/?fbclid=IwAR3oh93nBlPPfGmPQT3p5pSIXug_8EU4AmNnGVNOwtWf81ZffvFXs1bgs6s
-------------------------------
ติดตามข้อมูลข่าวสาร รู้ไทย รู้โลก กับ Thailand Vision ได้ที่
Website : http://www.thailandvision.co
Facebook : https://www.facebook.com/thvi5ion
Twitter : https://twitter.com/Thailand_vision
Youtube : https://www.youtube.com/c/Thailandvision
แก้ไขข้อความเมื่อ
คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 11
พวกอวตารก็บรรลุวัตถุประสงค์

ส่วนคนที่รับกรรมก็คือพวกที่โพสต์ต่อ

พวกที่โพสต์ต่อก็คือตกเป็นเครื่องมือ ของพวกสร้างเฟคนิวส์นั่นเอง
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่