ละครชีวิตจริง

กระทู้คำถาม
สวัสดีคะ ฉันชื่อ รอยยิ้ม อายุ32ปี
อยากเล่าละครชีวิต  ฉันรู้สึกอึดอัด และเกิดภาวะเครียด
ครอบครัวฉัน  
มีพี่น้อง3คน พี่ชายคนโต (คนละพ่อ)ส่วนฉันคนกลาง ส่วนน้องสาว (คนละแม่เป็นลูกครึ่ง)
ตั้งแต่ฉันจำความได้  ตอนอายุ3 ขวบ
พ่อของฉันได้ไปทำงานต่างประเทศ(กลับมาประเทศไทยปีละครั้งอยู่30วันต่อปี) ส่วนแม่ฉันเป็นสาวโรงงาน  พ่อกับแม่ฉันได้จ้างฉันกับครอบครัวหนึ่ง (ดูและฉันตั้งแต่เด็กจนฉันปวส2)
ได้กินนอนอยู่บ้านคนเลี้ยง ซึ่งตากับยาย ที่เขาเลี้ยงฉัน มีความผูกผันมากๆ ฉันรัก ครอบครัวนี้มากๆ  
ช่วงเวลาหนึ่ง ตากับยาย ไม่อยู่  ฉันจึงได้อยู่กับลูกๆสาวๆเขา แล้วลูกสาวเขา ก็มีครอบครัวแต่งงาน  มีอยู่คืนหนึ่งฉันได้นอนกับลูกเขยและลูกสาวเขา มันเหมือนมีความรู้สึกว่าเหมือนมีมืออะไรบ้างอย่างจับที่อวัยวะเพศของฉัน ประมาณ2-3ครั้ง  ฉันตอนนั้นเป็นเด็ก ยังไม่รู้อะไร ได้แต่ร้องไห้ และคิดว่าฉันฝันไหม หลังจากนั้นฉันก็กลัว สามีของเขาจนถึงฉันเริ่มโต ฉันระวังตัวมากขึ้น  
ฉันรู้สึกผูกพันกับครอบครัวคนเลี้ยงมาก  เขาเอ็นดูฉัน เขารักฉัน  เขื่อไหม เวลาฉันมีปัญหาหา มีตากับยายและลูกสาวยายคนเล็ก เขาดูแลฉัน เขายื่นมือมาช่วยฉัน
พอโตมาประมาณป.1ฉัน พ่อแม่ฉันได้มาซื้อบ้านใหม่ ฉันก็ได้มาอยู่กับแม่ฉัน (แม่ฉันลาออกจากงาน)ได้เปิดร้านขายของอยู่บ้าน ฉันก็อยุ่กับแม่ป1-3 ชีวิตในช่ววนั้นฐานะฉันดีมาก ร่ำรวย (เพราะพ่อได้ทำงานส่งเงินมาให้แม่) ระหว่างที่อยุ่กับแม่ ฉันก็ยังไปๆๆมาๆกับบ้านคนเลี้ยงฉันอยู่นะ  เพราะฉันรู้สึกคิดถึงยายกับตามาก ฉันรักเขามากจริงๆ แต่เหตุการณ์ไม่ขาดฝัน ช่วงป.4 พ่อได้มีครอบครัวใหม่ในต่างประเทศ มีลูกสาวคน1 แม่จับได้เสียใจมาก แต่พ่อฉันก็ดีไม่เคยทิ้งแม่และฉันและพี่ชาย ได้ส่งเงินมาทุกๆๆเดือน  จนกระทั่งแม่ฉันได้หลงผิดในเส้นทางการพนันและโดนหลอกให้ลงทุนกับเพื่อนๆเขา จนหมดตัว มีทองขายทองมีบ้านขายบ้าน จนเจ้าหนี้มายืนด่าหน้าบ้าน ฉันต้องค่อยปิดบ้านหนีเจ้าหนี้กับแม่
(ช่วงนั้นพี่ชายฉันได้บวชเณรจนกลายเป็นพระบวชนานมาก) ฉันจึงได้อยุ่กับแม่2คน เชื่อไหม จากคนมีเงินมากๆๆตอนนั้นกับไม่เหลืออะไรเลย ค่อยหลบๆๆซ่อนๆ
จนกระทั่งพ่อฉันรู้เรื่อง พ่อฉันโมโหมาก กลับมาไทยเขาก็ทะเลาะกัน แต่พ่อกับแม่ฉันทะเลากันจนได้แยกทางกันไม่เคยตีกันทำร้ายร่างกาย ได้แค่ด่ากันแค่นั้น
ร้านขายของที่เคยขาย ฉันก็กลับจาก รร. ก็กลับมาขาย  ทำทุกอย่างหมุนทุกอย่าง ไม่ส่าจะขี่จักรยานไปซื้อน้ำอัดลมเป็นลังๆใส่ท้ายรถปั่นมา ยกน้ำถัง เอาง่ายๆ ฉันทำทุกอย่าง หลังจากนั้นได้ไม่ได้ แม่ก็ปิดร้านค้า ขายตู้เย็นแช่ของภายในร้านออก และแม่ได้ไปมีครอบครัวใหม่ ส่วนฉันก็กลับไปอยู่บ้านคนเลี้ยงฉัน เขาได้เลี้ยงดูเวลาฉันไม่มีเงิน เขาก็ให้ฉัน เขาสอนให้ฉันทำงาน ถ้าไม่ทำงานฉันจะไม่มีเงิน  
ระหว่างนั้นฉันก็ได้ติดต่อพ่อกับแม่แค่ทางโทรศัพท์เท่านั้น ส่วนพี่ชายฉัน ก็สึกแล้วมาอยู่บ้าน พี่ชายฉันก็น่าสงสารนะ  เขาอยุ่คนเดียวช่วงอายุวัยรุ่นในบ้านนั้น
หากินเอง มีไม่มีไม่รู้  เพราะฉันไม่เคยติดต่อพี่ฉันเลย

…..ต่อ…..นะคะ
แม่ได้กลับมาอยู่บ้าน  สามีใหม่แม่ก็มานอนที่บ้านด้วย ซึ่งตอนนั้น ฉันก็นอนกะแม่ เพราะคืดถึงแม่มากๆ  ส่วนพี่นอนบนห้อง   ฉันก็เริ่มโตแล้วป.3-4ได้ ถ้าจำไม่ผิด
ฉันก็โดนในลักษณะเดิมเลย  ฉันโดนจับอัวยวะ จากสามีใหม่แม่ เขาจับฉัน ฉันก็เหมือนเดิมเลย กลัว ได้แต่ร้องไห้ และหนีขึ้นไปนอนข้างบน ไม่กล้าสบตาเขาเลย
สามีใหม่แม่ อยู่กะแม่ได้ไม่นาน เขาก็เริ่มทำค้ายค่างกายแม่ แต่ฉันไม่เห็น เห็นแต่แม่มีรอยเขียวช้ำ  อยุ่ไม่เกิน6เดือน แม่ก็เลิกกับคนนั้น  และแม่ก็ได้ไปอยุ่กับสามรใหม่แม่อีกคน  ส่วนฉันก็กับไปอยู่กับคนเลี้ยง  
ข่วงนั้นป5-ม.3 ได้  ติดต่อพ่อกะแม่ทางโทรศัพท์เหมือนเดิม พี่ก็เหมือนเดิม หากินและได้ทำงานบริษัท พอมีเงินเดือน  ส่วนฉัน พ่อฉันก็ส่งเสียฉันเรียน ให้ค่าเทอม ให้ค่ากิน ให้ค่าเลี้ยงดูกับยาย แค่ให้ไม่เยอะเพราะฐานะทางบ้านฉันเริ่มไม่ดี  บ้านคนเลี้ยงฉัน ก็ดีให้ที่พักที่พิงให้เงินฉัน ฉันไม่มีอะไรตอบแทนมีเพียงแค่ทำงานบ้านไม่ว่าจะให้ทำไรฉันก็ช่วยเขา  เขาก็ใจดี  พอฉันเรียนจบ ปวช จำได้เลย ยายซื้อทองให้ฉัน1สลึง ครั้งแรกกับการใส่ทอง  ฉันดีใจมาก  
**เริ่มวัยรุ่น**
พอช่วงปวช.ฉันเริ่มติดเพื่อน อยากมีโลกส่วนตัว เลยขอยายกับมาอยุ่บ้านของตัวเอง ขอเขามาใช้ชีวิตตัวเอง  ยายก็ให้   พอฉันได้มาอยู่บ้านได้สักพักนึงการติดเพื่อนฉันก็มากขึ้นและโรคขี้เกียจในการเรียนก็เพิ่มมากขึ้นฉันไม่ค่อยไปโรงเรียนช่วงตอนปวสฉันติดศูนย์เยอะมากฉันก็ไม่รู้จะทำยังไงก็ได้ขอยายช่วยในเรื่องของการเงินยายก็ให้เงินมาไปแก้ศูนย์ลงทะเบียนเรียนใหม่ช่วงนั้นยายช่วยฉันตลอดไม่เคยทิ้งฉันถึงแม้เขาจะด่าฉันยังไงก็ตาม เข็นฉันจนจบปวส พ่อฉันจึงถามว่าอยากเรียนปริญญาตรีไหมพ่อจะส่งให้  
เพราะฉันดีมากจริงๆระยะเวลาที่เลิกกับพ่อกับแม่ฉันไปพ่อฉันไม่เคยทิ้งฉันยังคง ส่งเงินให้ฉันตามปกติแต่ในจำนวนไม่เยอะเพราะภาระพ่อเริ่มเยอะขึ้นเนื่องจากมีครอบครัวใหม่ที่ต่างประเทศ ตอนฉันอยู่ป.ตรีฉันก็เริ่มติดเพื่อนมาก ตอนนั้นก็เริ่มมีแฟนแล้ว แต่ส่วนใหญ่ฉันไม่ค่อยได้คบใครเพราะเหมือนเป็นคนโลกส่วนตัวสูง
พอเพื่อนใกล้จบป.ตรีแล้วส่วนฉันยังต้องมานั่งแก้วิชาติดเอฟประมาณสองตัวฉันจึงขอตังค์ยายซึ่งเป็นผลเลี้ยงฉันมาแก้ให้แก้จบป.ตรี ฉันได้จบป.ตรีช้ากว่าเพื่อนไปหนึ่งปีซึ่งตอนนั้นเมื่อปีประมาณ56
พอจบป.ตรีฉันก็ได้ซึ้งในน้ำใจพ่อและยายที่ส่งเสียให้ฉันเรียนฉันก็ได้ใส่ชุดขลุ่ยในวันรับปริญญาซึ่งในตอนนั้นมีแม่พี่ชายมาร่วมยินดีให้เท่านั้นเอง  
ส่วนยายเค้าไม่ได้ไปฉันได้เอาชุดขลุ่ยมาใส่ถ่ายรูปที่บ้านยายเท่านั้นเองค่ะ ยายลูกยายดีใจมากที่ฉันเรียนจบหลังจากนั้นฉันว่างานประมาณหนึ่งปีลูกสาวยายคนเล็กที่ฉันสนิทเค้าได้ฝากฉันเข้าทำงานที่หนึ่งของบริษัทเอกชนเกี่ยวกับการขายคอนโดฉันได้เป็นเจ้าหน้าที่นิติบุคคลของบริษัทคอนโดหนึ่งที่ดีและได้โบนัสเยอะ
ในช่วงที่ฉันทำงานฉันยังอาศัยอยู่บ้านคนเลี้ยงเหมือนเดิม ฉันได้ทำงานอยู่ในเครือของราชการโดยบริษัทคอนโดฉันได้เข้าเป็นเอาคอนแทคเกี่ยวกับการดูแลบริหารอาคาร ฉันได้ทำงานตรงนั้นได้ประมาณหนึ่งปี พอเริ่มปีที่สองฉันได้ย้ายอยู่ในคอนโดอีกที่หนึ่งโซนบางนา  ฉันได้ทำอยู่ตรงนี้ฉันคิดว่าถ้าทำบริษัทเอกชนเรื่อยเรื่อยความมั่นคงหรือเศรษฐกิจในช่วงยุคนั้นฉันคิดว่าฉันต้องรับงานที่เป็นราชการฉันจึงเข้าสมัครสอบทหารอากาศก่อนในเบื้องต้นตอนนั้นฉันดีใจมากที่ได้สอบทหารอากาศติดแต่ด้วยความที่คิดอะไรก็ไม่รู้ดันสละสิทธิ์ออกแล้วมาสมัครเป็นเจ้าหน้าที่บริหารงานเป็นโรงบาลของภาครัฐซึ่งสวัสดิการเหมือนราชการเลยค่ะในปี58ฉันได้ลองลงสอบอีกครั้งนึงแล้วก็ได้ติดของโรงพยาบาลที่ฉันได้กล่าวในเบื้องต้น
คิดใช่ไหมคะว่าตอนนั้นฉันกำลังไปได้ดีมีงานที่ดีมีเงินดีไม่ติดขัดอะไร ชีวิตฉันกำลังไปได้สวย
ปี59  ฉันได้กู้เงินกับธนาคารทหารไทยหนึ่งก้อนเพื่อซื้อที่ให้แม่ฉันได้อยู่อาศัยอย่างที่ฉันได้กล่าวไว้เบื้องต้นแม่ฉันได้ไปอยู่ต่างถิ่นกับครอบครัวใหม่แต่ด้วยความที่แม่ฉันยากจนที่ประสบปัญหาในตอนนั้นสมัยฉันยังเด็กแม่ฉันไม่มีที่อยู่อาศัยจนฉันได้มาทำงานนั่นแหละฉันจึงซื้อที่ให้โดยการกู้เงินธนาคารก้อนแรกจำนวน 200,000 บาท 200,000 นี้ฉันได้ซื้อที่ให้แม่100ตารางวา ในจังหวัดหนึ่งทางภาคอีสานพร้อมปลูกบ้านให้แม่ด้วยงบจำนวน 200,000 ที่ฉันเพิ่งมาแม่ฉันได้สร้างบ้านเหมือนงบวันไป 100,000 นึงพี่ในการสร้างบ้านไม่พอจึงได้มีการไปกู้ยืมมาจำนวน 50,000 บาทตอนนั้นฉันก็ให้แม่แล้วฉันก็เป็นคนผ่อนหลังจากนั้นฉันก็ได้มีการผ่อนมาเรื่อยเรื่อยคิดว่าชีวิตฉันไปได้สวยแล้วไม่มีปัญหาในเรื่องของการเงิน
ปี60 ฉันได้ลงทุนกับเพื่อนในการเล่นแชร์ไว้ใจเพื่อนมากเกินไปโดยเป็นหนี้ก้อนแรกอยู่ที่จำนวน 500,000 บาทสุดท้ายเพื่อนทิ้งฉันฉันไม่รู้จะทำยังไงจึงเอาบ้านที่พ่อกับแม่ซื้อให้ในตอนนั้นได้นำไปบริษัทขายฝากแห่งหนึ่งในระหว่างปี60นั้นฉันก็ส่งดอกบ้านเพื่อไม่ให้โดนยึดรักษามันเอาไว้ประมาณปี61ฉันดิ้นไม่หลุด  เข้ากลางปีได้โพสต์ใน กระทู้พันทิป มีบริษัทเอกชนนายทุนเข้ามายื่นมือช่วยโดยเปลี่ยนจากบริษัทเดิมที่จะขายฝากหลังโฉนดมาเป็นจำนองเพื่อไม่ให้บ้านโดนยึดในปี62ฉันก็เปลี่ยนมาเป็นสัญญาจำนองได้ผ่อนมาได้ประมาณเกือบปี
ปี63 ฉันดิ้นไม่หลุดหนี้สินฉันเยอะมาก ฉันได้มีการประกาศขายบ้าน  ฉันประกาศขายบ้านในราคา 2,700,000  เชื่อไหมว่าขายไม่ได้เพราะว่าราคาค่อนข้างสูงบ้านฉันติดถนนติดบีทีเอสจริงแต่เป็นทาวน์เฮาส์ 16ตารางวา จนฉันมีหนี้สินเยอะมากจำได้ไหมที่เราไปเบื้องต้นว่าลูกสาวคนเลี้ยงบ้านคนเลี้ยงฉัน ฉันได้สารภาพกับเขาว่าฉันได้เอาบ้านเข้ากับบริษัทแห่งหนึ่งโดยการจำนอง ทุกคนก็ตกใจแม่ฉันคนเลี้ยงฉันยายฉันก็ฉันตกใจหมดว่าทำไมฉันมีหนี้สินเยอะขนาดนี้
ฉันก็พูดไม่ได้ฉันอึดอัดมากระหว่างตั้งแต่ฉันเป็นหนี้
ฉันพยามหาเงินทุกทางมาส่งดอก
เป็นฉันดินไม่หลุดเพราะกลัวคนเลี้ยงฉันโดยลูกสาวคนเล็กเค้า3ปีที่เป็นหนี้
สุดท้าย  ลูกสาวยายที่เลี้ยงฉันเค้าก็ได้ยื่นก็มาช่วยโดยเค้าให้เงินก้อนหนึ่งประมาณ 700,000บาท เอาให้ฉันใช้หนี้ที่นอกเหนือจากการเอาที่จำนองคือเป็นหนี้อื่นรวมแล้วประมาณ 700,000 เพราะหลังจากนั้นอยู่ได้ประมาณซักสี่หรือห้าเดือนฉันร้อนเงินฉันเลยประกาศบ้านสรุปแล้วบ้านฉันขายได้ในราคา 1,700,000 บาท
พอฉันน่าจะพังการขายบ้านในราคา 1,700,000 บาทคนที่มาซื้อฉันเค้าหัวหมอไม่สี่หรือว่าเค้าคิดว่าเป็นเพื่อนเก่าแม่ซึ่งตอนนั้นแม่ก็ได้ติดนี่เค้าประมาณ 20,000 บาทผ่านไปเวลาประมาณเกือบ 10 ปีฉันขายบ้านให้เขาเขากลับมาทวงเงินแม่จำนวนเงิน 50,000 บาทบอกแม่ยืมตังค์เขาแต่แม่บอกว่าแม่ยืมแค่ 20,000 บาทฉันทำอะไรไม่ได้ฉันร้อนเงินเค้าบอก 50,000 ฉันก็ 50,000 เขาก็หักจากร้านเจ็ดออกจาก 50,000 และค่าโอนเค้าก็ให้ฉันออกรวมแล้วฉันขายบ้านให้เขาในราคา 1,600,000 ที่ได้เงินมา
ได้เงินมา 1,600,000 บาทฉันก็นำเงินไปให้ลูกสาวคนเล็กที่ทำให้ฉันมาเพื่อจัดการหนี้สินทั้งหมดที่ฉันเป็นหนี้โดยหักไป 700,000 จ่ายกับค่าบริษัทที่ยื่นจำนองไว้ส่วนที่เหลือก็คือให้ลูกสาวเค้าใช้หนี้ที่เค้าออกเงินให้ฉัน
ขอปี65ช่วงต้นปีที่ผ่านมาฉันได้มีการซื้อบ้านกับบริษัทนายหน้าผ่อนตรงที่ไม่สามารถยื่นกู้กับธนาคารได้
โดยซื้อบ้านมีเงินดาวแล้วก็ผ่อนกับบริษัทจนครบสามปีเค้าถึงจะดันเข้าแบงค์  ฉันก็ได้มีการตกลงซื้อขายบ้าน กลับธนาคาร ลูกสาวยายเขาก็ให้เงินฉันมา 100,000 บาทในการวางดาวน์ซื้อบ้านหลังนี้  ฉันก็วางดาวน์ในห้องไว้ 100,000 บาทพร้อมเข้าอยู่ทันทีเพราะว่าฉันได้ขายบ้านหลังนั้นไปแล้ว
เรื่องความที่ฉันดื้อเป็นคนละรไม่ค่อยเชื่อฟังใครมันทำให้เหตุการณ์ไม่คาดคิดเกิดขึ้น
เข้าเดือนมีนาเดือนนี้แหละที่ต้องส่งดาวน์บ้านไหนยอดจำนวน 80,000 บาทฉันหาเงินดาวน์ไม่ได้เค้าจะยกเลิกสัญญาบ้านฉันโดยการจะมาล็อคบ้านแล้วก็ให้ขนของออกภายในเจ็ดวันหลังจากยกเลิกสัญญาบ้าน
ตอนนี้ฉันเครียดมากไม่รู้จะทำยังไงดีไม่รู้จะหาเงินจากไหน  
ฉันได้แต่ภาวนาว่าสักวันฉันต้องกลับมามีเหมือนเดิมและตอนนี้ได้ทำเรื่องลาออกจากกองทุนสำรองเลี้ยงชีพเพื่อจะได้เอาเงินก้อนนั้นมาจ่ายค่าบ้านส่วนที่เหลือจำนวน 200,000 บาท
บางอย่างเหตุการณ์ในชีวิตฉันฉันไม่รู้ว่าฉันเกิดอะไรขึ้นบางทีฉันก็ไม่อาจโทษใครได้นอกจากโทษตัวเองที่หลงละเลิงหลงคิดว่าตัวเองต้องทำได้แต่สุดท้ายไม่เป็นอย่างที่คิด
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่