คุณ “ติดหวาน” แล้วหรือยัง? เช็กได้ที่นี่!
ใครเคยมีอาการแบบนี้บ้าง? เวลาที่ขาดความหวานไม่ว่าจะเป็นอาหารหรือขนม จะชอบหงุดหงิด หรือเวลาปรุงอาหารมักใส่น้ำตาลมากๆ อาการเหล่านี้อาจเข้าข่ายการเสพติดความหวาน..
แล้วอยากรู้ไหม? ว่าคุณกำลังติดหวานอยู่หรือเปล่า? งั้นมาลองทำแบบทดสอบง่ายๆ นี้กันดูครับ จะได้รู้กันไปเลยว่าคุณติดหวานไหม? ...
1. ต้องกินน้ำหวานหรือน้ำปั่นทุกวัน แถมบางวันเพิ่มวิปครีม เพิ่มน้ำเชื่อมอีก
2. กินก๋วยเตี๋ยวเป็นต้องใส่น้ำตาลหลายๆ ช้อน จนน้ำแทบจะเป็นน้ำเชื่อม
3. รู้สึกอยากกินของหวานๆ ตลอดเวลา จนต้องมีขนมหรือลูกอมติดโต๊ะเสมอ
4. เห็นร้านเค้ก ร้านไอศกรีม ร้านขนมหวานเป็นต้องแวะเดินโฉบเข้าไปทุกครั้ง
5. วันไหนไม่ได้กินของหวานจะหงุดหงิด กระสับกระส่ายเป็นพิเศษ
6. รู้สึกฟินมากทุกครั้งเมื่อได้กินรสหวาน
7. เมื่อรู้สึกแย่จะมองหาของหวานกินแก้เครียด
8. ชอบกินของหวานเป็นอาหารจานหลัก ส่วนของคาวกินแค่พออิ่ม
9. ถึงจะกินข้าวอิ่มแล้ว แต่ก็พร้อมเสมอสำหรับของหวานจานใหญ่
10. กินขนมหวานชิ้นเดียวไม่เคยพอ ต้องจัดเต็มตลอดๆ
ตอบใช่ < 4 ข้อ ยินดีด้วยคุณไม่เข้าข่ายเสพติดความหวาน
ตอบใช่ > 4 ข้อ คุณก็เสพติดความหวานเหมือนกัน แต่อยู่ในระดับปานกลาง แต่ไม่ควรชะล่าใจ
ตอบใช่ > 6 ข้อ คุณเสพติดความหวานมากเหมือนกัน ควรรีบลดการกินหวานให้น้อยลงก่อนที่จะติดหนักกว่านี้
ตอบใช่ 8 > ข้อ คุณกำลังเสพติดความหวานอย่างหนักแล้ว ควรลดการกินหวานโดยด่วน! เพื่อสุขภาพที่ดีของตัวคุณ
จะทำยังไงดี? ถ้าติดหวาน..
หากไม่อยากเจ็บป่วยด้วยโรคภัยต่างๆ ที่เกิดจากความหวานไม่ว่าจะเป็นโรคเบาหวาน โรคอ้วน โรคหัวใจ แนะนำให้ค่อยๆ ลดความหวานลงทีละนิดทีละหน่อย เพื่อสุขภาพที่ดี ลดความเสี่ยงการเกิดโรค และที่สำคัญไม่ควรแก้ปัญหาด้วยการหักดิบอดหวาน เพราะร่างกายอาจทนไม่ไหวและกลับไปกินน้ำตาลในปริมาณที่มากกว่าเดิม ถ้าเป็นแบบนี้คงไม่ดีแน่ๆ...
คุณ “ติดหวาน” แล้วหรือยัง? เช็กได้ที่นี่!
คุณ “ติดหวาน” แล้วหรือยัง? เช็กได้ที่นี่!
ใครเคยมีอาการแบบนี้บ้าง? เวลาที่ขาดความหวานไม่ว่าจะเป็นอาหารหรือขนม จะชอบหงุดหงิด หรือเวลาปรุงอาหารมักใส่น้ำตาลมากๆ อาการเหล่านี้อาจเข้าข่ายการเสพติดความหวาน..
แล้วอยากรู้ไหม? ว่าคุณกำลังติดหวานอยู่หรือเปล่า? งั้นมาลองทำแบบทดสอบง่ายๆ นี้กันดูครับ จะได้รู้กันไปเลยว่าคุณติดหวานไหม? ...
1. ต้องกินน้ำหวานหรือน้ำปั่นทุกวัน แถมบางวันเพิ่มวิปครีม เพิ่มน้ำเชื่อมอีก
2. กินก๋วยเตี๋ยวเป็นต้องใส่น้ำตาลหลายๆ ช้อน จนน้ำแทบจะเป็นน้ำเชื่อม
3. รู้สึกอยากกินของหวานๆ ตลอดเวลา จนต้องมีขนมหรือลูกอมติดโต๊ะเสมอ
4. เห็นร้านเค้ก ร้านไอศกรีม ร้านขนมหวานเป็นต้องแวะเดินโฉบเข้าไปทุกครั้ง
5. วันไหนไม่ได้กินของหวานจะหงุดหงิด กระสับกระส่ายเป็นพิเศษ
6. รู้สึกฟินมากทุกครั้งเมื่อได้กินรสหวาน
7. เมื่อรู้สึกแย่จะมองหาของหวานกินแก้เครียด
8. ชอบกินของหวานเป็นอาหารจานหลัก ส่วนของคาวกินแค่พออิ่ม
9. ถึงจะกินข้าวอิ่มแล้ว แต่ก็พร้อมเสมอสำหรับของหวานจานใหญ่
10. กินขนมหวานชิ้นเดียวไม่เคยพอ ต้องจัดเต็มตลอดๆ
ตอบใช่ < 4 ข้อ ยินดีด้วยคุณไม่เข้าข่ายเสพติดความหวาน
ตอบใช่ > 4 ข้อ คุณก็เสพติดความหวานเหมือนกัน แต่อยู่ในระดับปานกลาง แต่ไม่ควรชะล่าใจ
ตอบใช่ > 6 ข้อ คุณเสพติดความหวานมากเหมือนกัน ควรรีบลดการกินหวานให้น้อยลงก่อนที่จะติดหนักกว่านี้
ตอบใช่ 8 > ข้อ คุณกำลังเสพติดความหวานอย่างหนักแล้ว ควรลดการกินหวานโดยด่วน! เพื่อสุขภาพที่ดีของตัวคุณ
จะทำยังไงดี? ถ้าติดหวาน..
หากไม่อยากเจ็บป่วยด้วยโรคภัยต่างๆ ที่เกิดจากความหวานไม่ว่าจะเป็นโรคเบาหวาน โรคอ้วน โรคหัวใจ แนะนำให้ค่อยๆ ลดความหวานลงทีละนิดทีละหน่อย เพื่อสุขภาพที่ดี ลดความเสี่ยงการเกิดโรค และที่สำคัญไม่ควรแก้ปัญหาด้วยการหักดิบอดหวาน เพราะร่างกายอาจทนไม่ไหวและกลับไปกินน้ำตาลในปริมาณที่มากกว่าเดิม ถ้าเป็นแบบนี้คงไม่ดีแน่ๆ...