สวัสดีค่ะ วันนี้พี่อยากจะมาแบ่งปันประสบการณ์ชีวิตที่เปลี่ยนไป จากสาวออฟฟิศที่ตัวตึงมาก ตึงแทบทุกส่วนยกเว้นหู ติดหมอนวดเข้าเส้น วันนึง พี่ตัดสินใจเดินไปฝึกโยคะใกล้ๆ บ้าน แค่เพราะนั่งดูทีวี นั่งยืดขาแล้วมือจับไม่ถึงเท้า ลำไยในความตึงเปรี๊ยะของตัวเอง ฝึกไปฝึกมา พาตัวเองไปเรียนครูที่โรงเรียนบางกอกโยคะ ด้วยความตั้งใจแรกแค่จะเอาไว้ดูแลตัวเองและคนใกล้ชิด ตกกระไดพลอยโจน เรียนจบเซ้งสตูดิโอจากรุ่นพี่ จนทุกวันนี้ กลายเป็นครูสอนโยคะ ทั้งไพรเวท ออนไลน์ แถมยังเป็นเจ้าของสตูดิโอโยคะซะงั้น
รูปถ่ายตอนช่วงเริ่มฝึกโยคะ ตึงแค่ไหนให้ภาพเล่าเรื่องค่ะ >-<
แต่เส้นทางนี้ ก็นำพาสุขภาพพี่ให้ดีขึ้นอย่างชัดเจน รวมถึงเปลี่ยนคนที่ไม่คิดว่าจะสอนใครได้ ทุกวันนี้ ได้สอนโยคะแทบทุกวัน ได้แบ่งปันสุขภาพดี ชีวิตมาไกลมากจริงๆ เลยอยากมาแบ่งปันกับคนที่สนใจอยากเรียนครูโยคะกันค่ะ เส้นทางนี้ ต้องผ่านอะไรบ้าง ต้องมีคุณสมบัติยังไง ใครเรียนได้บ้าง จบยากมั้ย วันนี้เรามาคลายข้อสงสัยกันค่ะ
รูปนี้ถ่ายที่สตูดิโอของตัวเอง ไม่กี่วันก่อนค่ะ
ย้อนไปประมาณสองปีกว่า พี่ตัดสินใจสมัครเรียนครูโยคะ ที่โรงเรียนบางกอกโยคะ ด้วยการแนะนำจากครูโยคะที่สนิทกัน บอกเลยว่าไม่มีความมั่นใจใดๆ เลย ณ ตอนนั้นว่าจะเป็นครูได้ หวังใจเพียงอย่างเดียวว่า อยากเอาความรู้มาพัฒนาตัวเอง ดูแลตัวเองล้วนๆ ตอนนั้นพี่เลือกลงเรียนแบบวันธรรมดา พุธและพฤหัส 9:00-16:00 น. เป็นหลักสูตร 200 ชั่วโมง ที่ได้ใบประกาศนียบัตร ได้รับการรองจากกระทรวงศึกษาธิการและจาก Yoga Alliance (RYT) ใช้เวลาเรียนประมาณ 4 เดือนกว่าๆ บวกกับสอบพรีเทส In-tern+Out-tern และ Final ถ้าไม่นับติดช่วงโควิด ไม่เกิน 6 เดือนก็จะเรียนจบ แต่ถ้าเลือกเรียนแบบทุกวันเสาร์ หรือวันอาทิตย์ ก็จะจบช้าหน่อย เหมาะสำหรับคนทำงานประจำที่ต้องการมีอาชีพเสริม ส่วนพี่ตอนนั้นออกจากงานมาเรียบร้อย เลยเลือกเรียนวันธรรมดา (ที่นี่มีหลักสูตรแบบสองภาษาด้วยนะ)
ยังจำความรู้สึกวันแรกที่เข้าไปเรียนได้เลย โรงเรียนตั้งอยู่ชั้น 17 ตึก ITF สีลม สามารถเอารถมาจอดแล้วซื้อคูปองชั่วโมงละ 5 บาทก็ได้ หรือจะนั่งรถไฟฟ้า BTS ลงสถานีช่องนนทรี หรือศาลาแดงก็ได้ค่ะ ระยะเดินใกล้ๆ กัน พี่เลือกขับรถไปเพราะขี้เกียจเดิน แหะๆ แต่ต้องคอยวนรถทุก 4 ชั่วโมงนะคะ ถือว่าดีได้ลงมายืดเส้นยืดสายละกัน
ห้องเรียนรุ่นพี่มีกัน 16 คน ตอนที่ครูให้แต่ละคนแนะนำตัว ตื่นเต้นมากๆ จำได้ว่าพี่พูดว่า พี่เป็นคนตัวตึงมาก ถึงจะฝึกโยคะมาได้สักพัก ก็ยังตึงอยู่ดี แถมบางทีมีอาการบาดเจ็บ จนอยากมาเรียนรู้เพื่อพัฒนาตัวเอง ไม่คิดจะสอนใครหรอก สอนไม่เป็น ซึ่งแต่ละคนก็ต่างมีที่มา ต่างเป้าหมายที่จะไป มีทั้งคนทำงานประจำ ทำธุรกิจส่วนตัว ว่างงาน เทรนเนอร์ฟิตเนส นักศึกษาก็มี บอกเลยว่าพี่โชคดีมากๆ ที่ได้เจอเพื่อนร่วมคลาสที่น่ารัก รวมถึงครูที่นี่คือพลังงานดี มากด้วยประสบการณ์การสอน ทำให้ตลอดเวลาที่ได้เรียนที่นี่ เป็นช่วงเวลาที่มีความสุขมากๆ ช่วงนึงในชีวิตของพี่เลยล่ะ
ขอเล่าในส่วนของหลักสูตรการสอนคร่าวๆ ที่นี่จะมีทั้งทฤษฎี ควบคู่กับปฎิบัติ ได้เรียนทั้ง ประวัติ ปรัชญาโยคะ ชอบฟังเวลาครูเล่าถึงประสบการณ์การไปฝึกโยคะที่อินเดีย ถ้าไม่ติดวิกฤติโควิด อยากจะเดินทางตามรอยครูไปฝึกที่อินเดียบ้างเลยค่ะ ฟังแล้วเคลิ้มสุดๆ
ในภาคปฎิบัติ ได้ทั้งฝึกตัวเองให้มีความแข็งแรงและยืดหยุ่น การหายใจแบบโยคะแบบต่างๆ ได้เรียนรู้การจัดปรับอาสนะให้ถูกต้องและเข้ากับร่างกายของแต่ละคน รวมถึงฝึกการ adjust ผู้อื่นให้ถูกต้อง ปลอดภัย ไม่บาดเจ็บ มีทั้ง หยินโยคะ หฐโยคะ แอสตังก้า วินยาสะโยคะ ศิวะนันทะ ได้ฝึกกริยา การล้างพิษแบบโยคะ ได้เรียนโยคะคนท้อง ผู้สูงวัย ออฟฟิศซินโดรม รวมถึงการร้อยเรียงท่าพร้อม option สำหรับผู้ฝึกที่แตกต่างกัน ที่ชอบสุดๆ เลยคือได้เรียน Anatomy ด้วยล่ะ ไม่เคยนึกเคยฝันว่าวันนึงจะได้มาเรียนรู้ทำความเข้าใจร่างกายตัวเองแบบง่ายๆ แค่นี้เอง
ขอบคุณครูสุขุม ที่ช่วยพาคนตัวตึงไปตะลุยดาวอังคารค่ะ
ครูชอบให้จับคู่กับเพื่อน ช่วยกันจับ สลับกันทำ สนุกดีค่ะ
ได้เวลาเอาคืนเพื่อนบ้าง
ท่านี้พี่ชอบมากๆ ชื่อท่าปัจจิโมนตานาสนะ เป็นท่ายืดหลังค่ะ ส่วนพี่แฮมสตริงตึงมาก ถ้าไม่มีเพื่อนนอนทับ ก็ยังนั่งตัวงออยู่เลยค่ะ
ได้อยู่ข้างบนบ้าง ก็จะฟินไปอีกแบบค่ะ
ท่าแมงมุม ขยุ้มหัวใจ (นึกถึงเพลงของแสงระวีเข้าไว้ >_<)
คลาสโยคะคนท้อง ได้เข้าใจฟีลลิ่งคนท้องมากขึ้นเลยค่ะ
ท้องโย้กันยกห้อง
ห้องเราชอบถ่ายรูปค่ะ ในภาพถ่ายกับครูหญิง หนึ่งในเจ้าของโรงเรียนบางกอกโยคะ
บางทีก็ถ่ายเล่นกันเอง เก็บภาพสวยๆ กับเพื่อนๆ
หลังๆ เวลาไปทะเล พี่ชอบโพสท่านี้ถ่ายกับเพื่อน กลายเป็นท่าหากินไปเลยค่ะ
อีกส่วนที่พี่มองว่าเป็นจุดแข็งของโรงเรียนนี้ คือ การสอบสอนที่เข้มข้นมากๆ เริ่มตั้งแต่การสอบพรีเทส ซึ่งให้เราฝึกสอนกับเพื่อนๆ ร่วมคลาส ถ้าผ่าน ค่อยมาสอบ อินเทิร์น+เอ้าท์เทิร์น ให้ได้ครบอีก 10 ครั้ง ก่อนจะจบด้วยการสอบไฟนอล นั่นหมายถึง การให้โอกาสเราได้ฝึกสอน ซ้ำไปซ้ำมา โดยมีครูคุมสอบ คอยให้คอมเม้น อย่างตรงไปตรงมา หลายคน สอบซ่อมแล้ว ซ่อมอีก กว่าครูจะยอมให้ผ่านเพื่อไปต่อ ฉะนั้น จงภูมิใจว่า การสอบผ่านที่นี่ได้ ถือเป็นการเตรียมพร้อมสู่สนามจริง ที่ทำให้เราไม่ประหม่า เก็บรายละเอียดที่สำคัญได้ครบ จนคนนอกอาจจะมองด้วยซ้ำว่า ที่นี่ เข้าง่าย จบยาก ถามว่าจริงไหม ขึ้นอยู่กับบุคคลค่ะ ถ้าเรามีความตั้งใจ ก็ไม่ยากเกินความพยายาม
ช่วงสอบอินเทิร์น ปากก็ต้องพูด ท่าก็ต้องทำ
เมื่อมีโอกาสก็ต้องเข้าไปจัดปรับร่างกายให้กับผู้ฝึก โดยมีคุณครูคุมสอบอย่างใกล้ชิด
ปากพูด มือจับ กระชับเวลา เพื่อให้คลาสรันครบ 1 ชั่วโมงเป๊ะ สติล้วนๆ ค่ะ
สอบสอน ต้องผ่านทั้ง 10 ครั้ง ถึงจะได้ไปสอบไฟนอลต่อในครั้งสุดท้าย ถึงสอนไม่เป็น ก็ต้องถูกเคี่ยวเข็น จนสอนเป็นคราวนี้ล่ะค่ะ
ขอบคุณครูเอก ที่ให้โอกาสไปฝึกสอนคลาสฟรีการกุศล มีทุกวันอังคารและพฤหัส 14:00-15:00 น. ใครสนใจเรียนลองสอบถามเข้าไปได้นะคะ
สำหรับตัวพี่แล้ว พื้นฐานเดิม ไม่ได้ชอบสอนใคร ช่วงสอบระดับความเครียดพุ่งปรี๊ด แต่พี่ชดเชยด้วยวินัยและการฝึกซ้อม พี่โพสสอนฟรี ให้พี่น้องผองเพื่อนช่วยมาเป็นนักเรียน พี่ถูกคอมเม้นเรื่องอาสนะ ที่ความตึงทำให้พี่ยังคงทำบางอาสนะได้ไม่สวยงาม ไปแบบตึงๆ แต่พี่ก็ไม่ย่อท้อ ขยันฝึก ขยันเรียน และสิ่งนี้แหล่ะ ที่ทำให้พี่สอบผ่านฉลุย พี่เชื่อเรื่องนึงว่า อยากเก่งสิ่งไหน ลองให้เวลากับสิ่งนั้นดู ไม่สูงต้องเขย่ง ไม่เก่งต้องขยันค่ะ
วันที่สอบไฟนอลผ่าน ดีใจสุดๆ ไปเลยค่ะ ขอถ่ายรูปไว้เป็นที่ระลึก
แต่ละวันที่ได้ไปเรียน ความรู้สึกเหมือนได้เปิดโลกใบใหม่ ได้ออกจากกะลา ค่อยๆ ทำความเข้าใจร่างกาย และจิตใจตัวเองขึ้น วันละนิด วันละหน่อย ได้เข้าใจว่า โยคะ ไม่ใช่การออกกำลังกาย แต่เป็นการเชื่อมโยงรวมกายและใจ ผ่านการเคลื่อนไหวที่มีลมหายใจกำกับ ยิ่งได้เรียน ยิ่งรู้ว่า โยคะ นั้น ใกล้เคียงกับหลักธรรมะมากๆ เพราะจุดหมายปลายทางของโยคะนั้น เป็นไปเพื่อดับการปรุงแต่งของจิต ไม่ใช่มีไว้แค่ให้โพสท่าสวยๆ อวดโลกโซเชียลแต่อย่างใด
รูปถ่ายช่วงสอนโยคะออนไลน์ อยู่บ้านก็ฝึกโยคะให้สุขภาพดีได้นะคะ
หลายคนอาจจะนึกภาพตามไม่ออก ลองคิดถึงในช่วงแรกๆ ของการฝึกโยคะ ที่เรามักจะอยากทำท่าสวยๆ ได้ตามเพื่อนๆ จนอาจจะฝืนกำลังร่างกาย เผลอกลั้นหายใจ จบที่การบาดเจ็บ บางคนก็จะหยุดที่จุดนี้แล้วฝังใจไปว่า โยคะนั้นเป็นเรื่องยาก ในขณะที่หลายคนบอกว่า โยคะนั้นเป็นเรื่องง่าย เพราะฝึกแบบค่อยเป็นค่อยไป ฟังเสียงร่างกาย ฟังเสียงลมหายใจของตัวเองเป้นหลัก มีคำพูดนึงที่ครูพูดเสมอว่า โยคะนั้น ไม่มีการแข่งขัน หรือเปรียบเทียบกับใคร ให้เรามีสติ อยู่กับตัวเองและลมหายใจของเราให้มากที่สุด
นั่นเป็นเพราะ ร่างกายคนเรานั้นล้วนมีความแตกต่างกัน ถ้าได้เรียนสรีระวิทยา จะรู้เลยว่า แต่ละคนนั้นแตกต่างกันตั้งแต่ระดับโครงกระดูก สั้น ยาว เล็ก ใหญ่ ไม่เท่ากัน ฉะนั้นแล้ว เราจะเปรียบเทียบไม่ได้เลยว่า ทำไมเพื่อนทำได้สวยกว่า ทำไมเราทำไม่ได้ นั่นไม่ใช่เพราะเราไม่เก่ง แต่ ร่างกายของเราไม่เหมือนกันต่างหาก เห็นไหมล่ะว่า โยคะ นั้น ฝึกจิตเราให้นิ่ง ให้อยู่กับตัวเอง ชนะใด ไม่เท่า ชนะใจตนเอง การฝึกโยคะจึงจะนำพาความสุขมาให้เราค่ะ
ชีวิตที่เปลี่ยนไป : เมื่อคนตัวตึงกลายมาเป็นครูสอนโยคะ
รูปถ่ายตอนช่วงเริ่มฝึกโยคะ ตึงแค่ไหนให้ภาพเล่าเรื่องค่ะ >-<
แต่เส้นทางนี้ ก็นำพาสุขภาพพี่ให้ดีขึ้นอย่างชัดเจน รวมถึงเปลี่ยนคนที่ไม่คิดว่าจะสอนใครได้ ทุกวันนี้ ได้สอนโยคะแทบทุกวัน ได้แบ่งปันสุขภาพดี ชีวิตมาไกลมากจริงๆ เลยอยากมาแบ่งปันกับคนที่สนใจอยากเรียนครูโยคะกันค่ะ เส้นทางนี้ ต้องผ่านอะไรบ้าง ต้องมีคุณสมบัติยังไง ใครเรียนได้บ้าง จบยากมั้ย วันนี้เรามาคลายข้อสงสัยกันค่ะ
รูปนี้ถ่ายที่สตูดิโอของตัวเอง ไม่กี่วันก่อนค่ะ
ย้อนไปประมาณสองปีกว่า พี่ตัดสินใจสมัครเรียนครูโยคะ ที่โรงเรียนบางกอกโยคะ ด้วยการแนะนำจากครูโยคะที่สนิทกัน บอกเลยว่าไม่มีความมั่นใจใดๆ เลย ณ ตอนนั้นว่าจะเป็นครูได้ หวังใจเพียงอย่างเดียวว่า อยากเอาความรู้มาพัฒนาตัวเอง ดูแลตัวเองล้วนๆ ตอนนั้นพี่เลือกลงเรียนแบบวันธรรมดา พุธและพฤหัส 9:00-16:00 น. เป็นหลักสูตร 200 ชั่วโมง ที่ได้ใบประกาศนียบัตร ได้รับการรองจากกระทรวงศึกษาธิการและจาก Yoga Alliance (RYT) ใช้เวลาเรียนประมาณ 4 เดือนกว่าๆ บวกกับสอบพรีเทส In-tern+Out-tern และ Final ถ้าไม่นับติดช่วงโควิด ไม่เกิน 6 เดือนก็จะเรียนจบ แต่ถ้าเลือกเรียนแบบทุกวันเสาร์ หรือวันอาทิตย์ ก็จะจบช้าหน่อย เหมาะสำหรับคนทำงานประจำที่ต้องการมีอาชีพเสริม ส่วนพี่ตอนนั้นออกจากงานมาเรียบร้อย เลยเลือกเรียนวันธรรมดา (ที่นี่มีหลักสูตรแบบสองภาษาด้วยนะ)
ยังจำความรู้สึกวันแรกที่เข้าไปเรียนได้เลย โรงเรียนตั้งอยู่ชั้น 17 ตึก ITF สีลม สามารถเอารถมาจอดแล้วซื้อคูปองชั่วโมงละ 5 บาทก็ได้ หรือจะนั่งรถไฟฟ้า BTS ลงสถานีช่องนนทรี หรือศาลาแดงก็ได้ค่ะ ระยะเดินใกล้ๆ กัน พี่เลือกขับรถไปเพราะขี้เกียจเดิน แหะๆ แต่ต้องคอยวนรถทุก 4 ชั่วโมงนะคะ ถือว่าดีได้ลงมายืดเส้นยืดสายละกัน
ห้องเรียนรุ่นพี่มีกัน 16 คน ตอนที่ครูให้แต่ละคนแนะนำตัว ตื่นเต้นมากๆ จำได้ว่าพี่พูดว่า พี่เป็นคนตัวตึงมาก ถึงจะฝึกโยคะมาได้สักพัก ก็ยังตึงอยู่ดี แถมบางทีมีอาการบาดเจ็บ จนอยากมาเรียนรู้เพื่อพัฒนาตัวเอง ไม่คิดจะสอนใครหรอก สอนไม่เป็น ซึ่งแต่ละคนก็ต่างมีที่มา ต่างเป้าหมายที่จะไป มีทั้งคนทำงานประจำ ทำธุรกิจส่วนตัว ว่างงาน เทรนเนอร์ฟิตเนส นักศึกษาก็มี บอกเลยว่าพี่โชคดีมากๆ ที่ได้เจอเพื่อนร่วมคลาสที่น่ารัก รวมถึงครูที่นี่คือพลังงานดี มากด้วยประสบการณ์การสอน ทำให้ตลอดเวลาที่ได้เรียนที่นี่ เป็นช่วงเวลาที่มีความสุขมากๆ ช่วงนึงในชีวิตของพี่เลยล่ะ
ขอเล่าในส่วนของหลักสูตรการสอนคร่าวๆ ที่นี่จะมีทั้งทฤษฎี ควบคู่กับปฎิบัติ ได้เรียนทั้ง ประวัติ ปรัชญาโยคะ ชอบฟังเวลาครูเล่าถึงประสบการณ์การไปฝึกโยคะที่อินเดีย ถ้าไม่ติดวิกฤติโควิด อยากจะเดินทางตามรอยครูไปฝึกที่อินเดียบ้างเลยค่ะ ฟังแล้วเคลิ้มสุดๆ
ในภาคปฎิบัติ ได้ทั้งฝึกตัวเองให้มีความแข็งแรงและยืดหยุ่น การหายใจแบบโยคะแบบต่างๆ ได้เรียนรู้การจัดปรับอาสนะให้ถูกต้องและเข้ากับร่างกายของแต่ละคน รวมถึงฝึกการ adjust ผู้อื่นให้ถูกต้อง ปลอดภัย ไม่บาดเจ็บ มีทั้ง หยินโยคะ หฐโยคะ แอสตังก้า วินยาสะโยคะ ศิวะนันทะ ได้ฝึกกริยา การล้างพิษแบบโยคะ ได้เรียนโยคะคนท้อง ผู้สูงวัย ออฟฟิศซินโดรม รวมถึงการร้อยเรียงท่าพร้อม option สำหรับผู้ฝึกที่แตกต่างกัน ที่ชอบสุดๆ เลยคือได้เรียน Anatomy ด้วยล่ะ ไม่เคยนึกเคยฝันว่าวันนึงจะได้มาเรียนรู้ทำความเข้าใจร่างกายตัวเองแบบง่ายๆ แค่นี้เอง
ขอบคุณครูสุขุม ที่ช่วยพาคนตัวตึงไปตะลุยดาวอังคารค่ะ
ครูชอบให้จับคู่กับเพื่อน ช่วยกันจับ สลับกันทำ สนุกดีค่ะ
ได้เวลาเอาคืนเพื่อนบ้าง
ท่านี้พี่ชอบมากๆ ชื่อท่าปัจจิโมนตานาสนะ เป็นท่ายืดหลังค่ะ ส่วนพี่แฮมสตริงตึงมาก ถ้าไม่มีเพื่อนนอนทับ ก็ยังนั่งตัวงออยู่เลยค่ะ
ได้อยู่ข้างบนบ้าง ก็จะฟินไปอีกแบบค่ะ
ท่าแมงมุม ขยุ้มหัวใจ (นึกถึงเพลงของแสงระวีเข้าไว้ >_<)
คลาสโยคะคนท้อง ได้เข้าใจฟีลลิ่งคนท้องมากขึ้นเลยค่ะ
ท้องโย้กันยกห้อง
ห้องเราชอบถ่ายรูปค่ะ ในภาพถ่ายกับครูหญิง หนึ่งในเจ้าของโรงเรียนบางกอกโยคะ
บางทีก็ถ่ายเล่นกันเอง เก็บภาพสวยๆ กับเพื่อนๆ
หลังๆ เวลาไปทะเล พี่ชอบโพสท่านี้ถ่ายกับเพื่อน กลายเป็นท่าหากินไปเลยค่ะ
อีกส่วนที่พี่มองว่าเป็นจุดแข็งของโรงเรียนนี้ คือ การสอบสอนที่เข้มข้นมากๆ เริ่มตั้งแต่การสอบพรีเทส ซึ่งให้เราฝึกสอนกับเพื่อนๆ ร่วมคลาส ถ้าผ่าน ค่อยมาสอบ อินเทิร์น+เอ้าท์เทิร์น ให้ได้ครบอีก 10 ครั้ง ก่อนจะจบด้วยการสอบไฟนอล นั่นหมายถึง การให้โอกาสเราได้ฝึกสอน ซ้ำไปซ้ำมา โดยมีครูคุมสอบ คอยให้คอมเม้น อย่างตรงไปตรงมา หลายคน สอบซ่อมแล้ว ซ่อมอีก กว่าครูจะยอมให้ผ่านเพื่อไปต่อ ฉะนั้น จงภูมิใจว่า การสอบผ่านที่นี่ได้ ถือเป็นการเตรียมพร้อมสู่สนามจริง ที่ทำให้เราไม่ประหม่า เก็บรายละเอียดที่สำคัญได้ครบ จนคนนอกอาจจะมองด้วยซ้ำว่า ที่นี่ เข้าง่าย จบยาก ถามว่าจริงไหม ขึ้นอยู่กับบุคคลค่ะ ถ้าเรามีความตั้งใจ ก็ไม่ยากเกินความพยายาม
ช่วงสอบอินเทิร์น ปากก็ต้องพูด ท่าก็ต้องทำ
เมื่อมีโอกาสก็ต้องเข้าไปจัดปรับร่างกายให้กับผู้ฝึก โดยมีคุณครูคุมสอบอย่างใกล้ชิด
ปากพูด มือจับ กระชับเวลา เพื่อให้คลาสรันครบ 1 ชั่วโมงเป๊ะ สติล้วนๆ ค่ะ
สอบสอน ต้องผ่านทั้ง 10 ครั้ง ถึงจะได้ไปสอบไฟนอลต่อในครั้งสุดท้าย ถึงสอนไม่เป็น ก็ต้องถูกเคี่ยวเข็น จนสอนเป็นคราวนี้ล่ะค่ะ
ขอบคุณครูเอก ที่ให้โอกาสไปฝึกสอนคลาสฟรีการกุศล มีทุกวันอังคารและพฤหัส 14:00-15:00 น. ใครสนใจเรียนลองสอบถามเข้าไปได้นะคะ
สำหรับตัวพี่แล้ว พื้นฐานเดิม ไม่ได้ชอบสอนใคร ช่วงสอบระดับความเครียดพุ่งปรี๊ด แต่พี่ชดเชยด้วยวินัยและการฝึกซ้อม พี่โพสสอนฟรี ให้พี่น้องผองเพื่อนช่วยมาเป็นนักเรียน พี่ถูกคอมเม้นเรื่องอาสนะ ที่ความตึงทำให้พี่ยังคงทำบางอาสนะได้ไม่สวยงาม ไปแบบตึงๆ แต่พี่ก็ไม่ย่อท้อ ขยันฝึก ขยันเรียน และสิ่งนี้แหล่ะ ที่ทำให้พี่สอบผ่านฉลุย พี่เชื่อเรื่องนึงว่า อยากเก่งสิ่งไหน ลองให้เวลากับสิ่งนั้นดู ไม่สูงต้องเขย่ง ไม่เก่งต้องขยันค่ะ
วันที่สอบไฟนอลผ่าน ดีใจสุดๆ ไปเลยค่ะ ขอถ่ายรูปไว้เป็นที่ระลึก
แต่ละวันที่ได้ไปเรียน ความรู้สึกเหมือนได้เปิดโลกใบใหม่ ได้ออกจากกะลา ค่อยๆ ทำความเข้าใจร่างกาย และจิตใจตัวเองขึ้น วันละนิด วันละหน่อย ได้เข้าใจว่า โยคะ ไม่ใช่การออกกำลังกาย แต่เป็นการเชื่อมโยงรวมกายและใจ ผ่านการเคลื่อนไหวที่มีลมหายใจกำกับ ยิ่งได้เรียน ยิ่งรู้ว่า โยคะ นั้น ใกล้เคียงกับหลักธรรมะมากๆ เพราะจุดหมายปลายทางของโยคะนั้น เป็นไปเพื่อดับการปรุงแต่งของจิต ไม่ใช่มีไว้แค่ให้โพสท่าสวยๆ อวดโลกโซเชียลแต่อย่างใด
รูปถ่ายช่วงสอนโยคะออนไลน์ อยู่บ้านก็ฝึกโยคะให้สุขภาพดีได้นะคะ
หลายคนอาจจะนึกภาพตามไม่ออก ลองคิดถึงในช่วงแรกๆ ของการฝึกโยคะ ที่เรามักจะอยากทำท่าสวยๆ ได้ตามเพื่อนๆ จนอาจจะฝืนกำลังร่างกาย เผลอกลั้นหายใจ จบที่การบาดเจ็บ บางคนก็จะหยุดที่จุดนี้แล้วฝังใจไปว่า โยคะนั้นเป็นเรื่องยาก ในขณะที่หลายคนบอกว่า โยคะนั้นเป็นเรื่องง่าย เพราะฝึกแบบค่อยเป็นค่อยไป ฟังเสียงร่างกาย ฟังเสียงลมหายใจของตัวเองเป้นหลัก มีคำพูดนึงที่ครูพูดเสมอว่า โยคะนั้น ไม่มีการแข่งขัน หรือเปรียบเทียบกับใคร ให้เรามีสติ อยู่กับตัวเองและลมหายใจของเราให้มากที่สุด
นั่นเป็นเพราะ ร่างกายคนเรานั้นล้วนมีความแตกต่างกัน ถ้าได้เรียนสรีระวิทยา จะรู้เลยว่า แต่ละคนนั้นแตกต่างกันตั้งแต่ระดับโครงกระดูก สั้น ยาว เล็ก ใหญ่ ไม่เท่ากัน ฉะนั้นแล้ว เราจะเปรียบเทียบไม่ได้เลยว่า ทำไมเพื่อนทำได้สวยกว่า ทำไมเราทำไม่ได้ นั่นไม่ใช่เพราะเราไม่เก่ง แต่ ร่างกายของเราไม่เหมือนกันต่างหาก เห็นไหมล่ะว่า โยคะ นั้น ฝึกจิตเราให้นิ่ง ให้อยู่กับตัวเอง ชนะใด ไม่เท่า ชนะใจตนเอง การฝึกโยคะจึงจะนำพาความสุขมาให้เราค่ะ