วิธีการทำบุญเป็นประจำทุกวันง่ายๆ ไม่ต้องไปวัด ไม่ต้องเสียเงิน แต่ได้บุญมหาศาล
1.หาที่ ที่สงบไม่มีเสียงรบกวน ปิดมือถือ อากาศดีๆไม่ร้อน ไม่หนาวเกินไป นั่งในท่าสบายๆ ตามแต่ถนัด
2.1 กำหนดสติอยู่ที่ปลายจมูกดูลมหายใจเข้าออกกระทบปลายจมูกสักแต่ว่ารู้
2.2 หรือเอาสติดูลมหายใจเข้าออกที่ปลายจมูกแล้วภาวนาในใจ ลมเข้า พุทธ ลมออก โธ
2.3 หรือ ภาวนาในใจ พุทธ โธ ไปเรื่อยๆไม่ต้องสนใจลมหายใจ
เลือกเอาวิธีที่ทำแล้วสบายใจที่สุด ไม่อืดอัด
3. สำคัญอยู่ที่สติ เพียงแค่รู้ว่าลมเข้าหรือออก รู้แล้วก็ทิ้งไม่ต้องไปคิดตาม ถ้าเผลอไปคิดเรื่องอื่นเมื่อระลึกได้ให้เอาสติมาตั้งมั่นที่ลมหายใจใหม่
4.เมื่อจิตเริ่มเป็นสมาธิ จะมีอาการปีติ คือ ขนลุก ขนพอง น้ำตาไหล ตัวขยายใหญ่ ซาบซ่านไปทั้งตัว และสุข สุขแบบไม่มีสุขใดบนโลกเทียบเท่า เป็นอาการที่เกิดขึ้นว่าจิตเริ่มเป็นสมาธิไม่ต้องสนใจกลับมาที่ลมหายใจ
5. เมื่อสติตั้งมั่น 100% ลมหายใจจะค่อยๆละเอียดเบาลงเรื่อยๆๆ จนดับไป เกิดเป็น "สมาธิ" ไม่รู้สึกถึงลมหายใจและกายอีกต่อไป เกิดเป็นสติตั้งมั่นรวมแน่นอยู่ดวงเดียว บางทีเห็นเป็นดวงแก้วสว่างไสว บางทีเป็นดวงขาว บางทีมีแต่ความว่างเป็นอุเบกขา ไม่ทุทข์ ไม่สุข ไม่มีความคิด มีแต่ตัวรู้ สักแต่ว่ารู้ เอาสติประคองไว้กับอารมณ์อุเบกขา
6. เมื่อจิตอิ่มแล้วจะค่อยๆคลายตัวออกมาเองไม่ต้องบังคับ จะค่อยๆ รู้สึกถึงลมหายใจและกาย ความสุขค่อยๆ แผ่ซ่านไปทั่วร่างกาย ทุกอนู รูขุมขน สุขแบบว่าเอาความสุขจากชีวิตทางโลกทั้งชีวิตมารวมกัน ไม่ได้เสี้ยวหนึ่งของความสุขนี้ สุขแบบนอนไม่หลับ ไม่หิวข้าว สุขข้ามวันข้ามคืน จิตใจเข้มแข็ง มีพลัง ความทุกข์ ความเศร้าโศก เสียใจ มลายหายไปสิ้น สติปัญญาแจ่มชัดมากๆ เหมาะแก่การวิปัสนาเพื่อฆ่ากิเลสเป็นอย่างยิ่ง
ทำอย่างนี้ทุกวัน วันละ 1 ชม.ก็เพียงพอแล้ว
พระพุทธเจ้าตรัสว่า
"บุญจากการทำทาน 100 ปี บุญไม่เท่าถือศิล 1 วัน บุญจากการถือศิล 100 ปี บุญไม่เท่านั่งสมาธิแล้วจิตรวมเป็นสมาธิเพียงช้างกระดิกหู งูแลบลิ้น"
นี่แหละสิ่งที่ พระพุทธเจ้าท่านอยากให้ทำ “เป็นการปฏิบัติบูชา” เป็นการบูชาพระพุทธเจ้าที่พระองค์สรรเสริญมากที่สุด
ไม่ใช่ถือสังฆทานไปเข้าวัดถวายพระแล้วคิดว่าได้บุญแล้ว
ปล. ที่เขียนมาเป็นประสบการณ์ของผม ถูกหรือผิดขออภัยด้วยครับ สาธุๆๆๆ
วิธีการทำบุญเป็นประจำทุกวันง่ายๆ ไม่ต้องไปวัด ไม่ต้องเสียเงิน แต่ได้บุญมหาศาล
1.หาที่ ที่สงบไม่มีเสียงรบกวน ปิดมือถือ อากาศดีๆไม่ร้อน ไม่หนาวเกินไป นั่งในท่าสบายๆ ตามแต่ถนัด
2.1 กำหนดสติอยู่ที่ปลายจมูกดูลมหายใจเข้าออกกระทบปลายจมูกสักแต่ว่ารู้
2.2 หรือเอาสติดูลมหายใจเข้าออกที่ปลายจมูกแล้วภาวนาในใจ ลมเข้า พุทธ ลมออก โธ
2.3 หรือ ภาวนาในใจ พุทธ โธ ไปเรื่อยๆไม่ต้องสนใจลมหายใจ
เลือกเอาวิธีที่ทำแล้วสบายใจที่สุด ไม่อืดอัด
3. สำคัญอยู่ที่สติ เพียงแค่รู้ว่าลมเข้าหรือออก รู้แล้วก็ทิ้งไม่ต้องไปคิดตาม ถ้าเผลอไปคิดเรื่องอื่นเมื่อระลึกได้ให้เอาสติมาตั้งมั่นที่ลมหายใจใหม่
4.เมื่อจิตเริ่มเป็นสมาธิ จะมีอาการปีติ คือ ขนลุก ขนพอง น้ำตาไหล ตัวขยายใหญ่ ซาบซ่านไปทั้งตัว และสุข สุขแบบไม่มีสุขใดบนโลกเทียบเท่า เป็นอาการที่เกิดขึ้นว่าจิตเริ่มเป็นสมาธิไม่ต้องสนใจกลับมาที่ลมหายใจ
5. เมื่อสติตั้งมั่น 100% ลมหายใจจะค่อยๆละเอียดเบาลงเรื่อยๆๆ จนดับไป เกิดเป็น "สมาธิ" ไม่รู้สึกถึงลมหายใจและกายอีกต่อไป เกิดเป็นสติตั้งมั่นรวมแน่นอยู่ดวงเดียว บางทีเห็นเป็นดวงแก้วสว่างไสว บางทีเป็นดวงขาว บางทีมีแต่ความว่างเป็นอุเบกขา ไม่ทุทข์ ไม่สุข ไม่มีความคิด มีแต่ตัวรู้ สักแต่ว่ารู้ เอาสติประคองไว้กับอารมณ์อุเบกขา
6. เมื่อจิตอิ่มแล้วจะค่อยๆคลายตัวออกมาเองไม่ต้องบังคับ จะค่อยๆ รู้สึกถึงลมหายใจและกาย ความสุขค่อยๆ แผ่ซ่านไปทั่วร่างกาย ทุกอนู รูขุมขน สุขแบบว่าเอาความสุขจากชีวิตทางโลกทั้งชีวิตมารวมกัน ไม่ได้เสี้ยวหนึ่งของความสุขนี้ สุขแบบนอนไม่หลับ ไม่หิวข้าว สุขข้ามวันข้ามคืน จิตใจเข้มแข็ง มีพลัง ความทุกข์ ความเศร้าโศก เสียใจ มลายหายไปสิ้น สติปัญญาแจ่มชัดมากๆ เหมาะแก่การวิปัสนาเพื่อฆ่ากิเลสเป็นอย่างยิ่ง
ทำอย่างนี้ทุกวัน วันละ 1 ชม.ก็เพียงพอแล้ว
พระพุทธเจ้าตรัสว่า
"บุญจากการทำทาน 100 ปี บุญไม่เท่าถือศิล 1 วัน บุญจากการถือศิล 100 ปี บุญไม่เท่านั่งสมาธิแล้วจิตรวมเป็นสมาธิเพียงช้างกระดิกหู งูแลบลิ้น"
นี่แหละสิ่งที่ พระพุทธเจ้าท่านอยากให้ทำ “เป็นการปฏิบัติบูชา” เป็นการบูชาพระพุทธเจ้าที่พระองค์สรรเสริญมากที่สุด
ไม่ใช่ถือสังฆทานไปเข้าวัดถวายพระแล้วคิดว่าได้บุญแล้ว
ปล. ที่เขียนมาเป็นประสบการณ์ของผม ถูกหรือผิดขออภัยด้วยครับ สาธุๆๆๆ