[CR] รีวิว "Hoi Chinese Izakaya" ร้านลับในสุขุมวิท 51 เสิร์ฟบุฟเฟ่ต์อาหารจีนฮ่องกง 40 เมนูแค่คนละ 498 ฿++

ร้านนั่งดื่มสไตล์อิซากายะส่วนใหญ่มักจะมีแต่สัญชาติญี่ปุ่นแต่วันนี้เราถูกพามาเปิดประสบการณ์ในรูปแบบใหม่กับอาหารจีน-ฮ่องกงกันที่ "Hoi Chinese Izakaya" อยู่ภายในซอยสุขุมวิท 51 ก่อนอื่นต้องบอกเลยว่านี่เป็นร้านลับเพราะต้องตั้งใจมากินโดยเฉพาะเท่านั้นถึงจะหาเจอ วันธรรมดาลูกค้าส่วนใหญ่จะมานั่งชิลสั่งอาหารพร้อมพูดคุยกับเพื่อนฝูงเคล้าเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เป็นเรื่องปกติ พิเศษเฉพาะช่วงสุดสัปดาห์ในวันศุกร์-เสาร์และอาทิตย์จัดเป็นแบบบุฟเฟ่ต์กินได้ทุกเมนูรวมกว่า 40 รายการสั่งได้เต็มที่ 2 ชั่วโมง จ่ายเพียงแค่คนละ 498 บาท++ เท่านั้น สำหรับสายเน้นคุ้มอย่างเราได้ยินแล้วต้องรีบโทรมาจองให้ไวเพราะร้านค่อนข้างเล็กและมีให้บริการเพียงไม่กี่โต๊ะ วิธีการเดินทางถ้ามาด้วยรถยนต์ส่วนตัวสามารถจอดตรงไหนก็ได้ภายในซอยสุขุมวิท 51 แต่ไม่ควรกีดขวางหน้าบ้านคนอื่นและสังเกตป้ายฝั่งวันคู่-วันคี่ให้ดีก่อนจอด ถ้าเลี้ยวเข้ามาภายในซอยเล็กที่ตั้งร้านในแผนที่แล้วเจอลานจอดรถของบริษัท "ต.ไทยเจริญมาร์เก็ตจำกัด" ให้กลับรถออกไปเพราะเป็นพื้นที่ส่วนบุคคลจึงไม่อนุญาตให้ลูกค้าจากร้านอาหารเข้ามา ถ้าเดินทางมาด้วยบริการขนส่งสาธารณะให้ลง BTS สถานีทองหล่อแล้วเดินมาตามจุดปักหมุดบนแผนที่มือถือเพียงแค่ 300 เมตร สังเกตทางด้านขวามือจะมีป้ายไฟชื่อร้านขนาดเล็กจิ๋วติดกับเสาไฟฟ้าพร้อมลูกศรก็ให้เดินไปตามทางเรื่อยๆจนพบทางเข้าอยู่ในซอยแคบด้านซ้ายมือเป็นประตูกระจกพร้อมติดสติกเกอร์ชื่อและสัญลักษณ์เด็กผู้ชายอ้วนผมทรงเกาลัดยิ้มเหนียงออกนัยน์ตาเป็นรูปหัวใจแบบนี้แสดงว่ามาถูกต้องแล้วขึ้นไปร้านที่อยู่บนชั้น 2 ได้เลยครับผม

บรรยากาศภายในร้านเน้นสไตล์ Loft ด้วยพื้นและกำแพงแบบปูนเปลือยขัดมัน สำหรับเฟอร์นิเจอร์เลือกใช้เป็นไม้สีเข้มเนื้อแข็งแรงดูมั่นคงทั้งโต๊ะกับเก้าอี้ดูเข้าชุดกันดี แต่ไม่ชอบตรงที่มีสันไม้เตี้ยๆยกขึ้นมาด้านซ้ายและขวาทำให้คนมีก้นใหญ่อย่างเรานั่งนานแล้วรู้สึกไม่ค่อยสบายมากนัก ตกแต่งรอบๆร้านด้วยรูปวาดมือสไตล์ Street Art สมัยใหม่ที่บ่งบอกถึงความเป็นร้านอาหารจีนและเพิ่มความอบอุ่นด้วยโคมไฟโทนสีเหลือง-ส้มทรงกลมดูสวยงาม อย่างที่บอกไปเบื้องต้นแล้วว่าพื้นที่ในร้านค่อนข้างเล็กจึงมีให้บริการเพียงแค่ 10 โต๊ะ แนะนำว่าให้โทรสำรองที่นั่งก่อนมาซึ่งวันนี้เราเลือกเป็นโต๊ะด้านในสุดติดกับแพงริมหน้าต่างใกล้ไฟ LED รูปน้องหัวเกาลัด มาเริ่มสั่งอาหารกันเลยครับผม

เมื่อมาถึงน้องพนักงานก็จะนำเล่มเมนูออกมาให้เป็นใบ QR Code ให้สแกนเข้าสู่ระบบ Smart Menu บนแอปพลิเคชั่น Line ในมือถือ อยากทานอะไรก็ดูรายการอาหาร-หน้าตาของแต่ละจานแล้วสั่งกับพนักงานได้เลย มาถึงก็เลือกเป็นบุฟเฟ่ต์ราคาคนละ 498 บาท ไม่รวมเครื่องดื่มพร้อม Vat. 7% กับ Service Charge 5% สามารถนั่งได้เรื่อยๆตลอด 2 ชั่วโมงเต็ม (เริ่มจับเวลาเมื่อจานแรกมาเสิร์ฟบนโต๊ะ) อาหารที่สั่งมาต้องทานให้หมดถ้ากินเหลือปรับจริงตามราคา A La Carte โดยอ้างอิงจากในเล่มเมนู สำหรับเด็กเล็กอายุต่ำกว่า 11 ปีสั่งอาหารจานหลักเพียง 1 ที่ก็นั่งทานบุฟเฟ่ต์กับผู้ปกครองเลยได้ทันที (ราคาเริ่มต้น 98-198 บาท) อายุมากกว่านั้นร้านขออนุญาตคิดเป็นราคาผู้ใหญ่ตามปกติ เครื่องดื่มราคาเริ่มต้นขวดละ 18-128 บาท ส่วนแอลกอฮอล์ต่างๆก็มีให้บริการราคาขวดละ 118-1,488 บาท (เติมน้ำแข็งให้ฟรี) วันนี้เราสั่งเป็น "ชาหวังเหล่าจี๋" กระป๋องละ 58 บาท และ น้ำฟักตราตงกวาฉาราคากระป๋องละ 88 บาท เพราะพนักงานแนะนำว่าเป็นเมนูขายดีอีกทั้งมีสรรพคุณทางยาช่วยลดความกระหายน้ำจึงช่วยทำให้ทานบุฟเฟ่ต์ได้เยอะยิ่งขึ้น ชาหวังเหล่าจี๋รสหวานหอมสมุนไพรคล้ายน้ำรสเฉาก๊วยส่วนน้ำฟักก็หวานใสๆราวกับดื่มน้ำตาลสดทำให้รู้สึกสดชื่นและไม่เปลืองเท่ากับตอนสั่งเป็นน้ำเปล่าปกติ ถือว่าช่วยได้ตามที่กล่าวอ้างจริงครับผม

มาทานร้านบุฟเฟ่ต์แบบนี้ก็ต้องเริ่มจากเมนูที่รู้สึกว่าคุ้มสุดก่อนก็คือ "กุ้งซอสสิงคโปร์" เลือกใช้แชบ๊วยไซส์ใหญ่คัดพิเศษเอามาฝ่ากลางหลัง-ลอกเส้นดำออกก่อนนำลงทอดในน้ำมันให้เปลือกกรอบฟูเนื้อเด้งกระชับ ผัดลงในซอสพริกสิงคโปร์ผสมเครื่องเทศสูตรเฉพาะรสหวานเผ็ดกลมกล่อมหอมเหล้าจีนบางๆเข้ากับกุ้งได้เป็นอย่างดี จานต่อไปเป็น "กุ้งซอสเหล้าแดง" ใช้แชบ๊วยตัวใหญ่ผ่าหลังแล้วทอดในน้ำมันเหมือนจานแรกแค่เปลี่ยนซอสเป็นเหล้าแดงสูตรเฉพาะรสหวานเค็มอมเปรี้ยวตรงปลายลิ้นเล็กน้อยคล้ายผสมวูสเตอร์ซอสลงไปเคล้ากลิ่นเหล้าจีนพุ่งขึ้นจมูกถือเป็นอีกจานที่อร่อยแต่ไม่เผ็ดจึงรู้สึกเลี่ยนได้ง่ายๆกว่าเมนูแรก ตามมาด้วย "กุ้งซอสมายองเนส" เป็นแชบ๊วยตัวยักษ์แกะเอาแต่เนื้อล้วนๆชุบแป้งทอดในน้ำมันร้อนๆให้ด้านนอกกรุบกรอบเนื้อด้านในเด้งกระชับสู้ฟัน ราดด้วยมายองเนสโฮมเมดรสเปรี้ยวหวานมันหอมเหมือนผสมน้ำเลมอนทานเปล่าๆก็อร่อย แต่ถ้าจะให้ดีที่สุดห่อกับผักกาดหอมที่เสิร์ฟมาคู่กันใจจานแบบสลัดกุ้งทอดมายองเนสช่วยเพิ่มความสดชื่นและทานได้ง่ายกว่าเดิมเยอะมาก แนะนำให้สั่งเลยครับผม

จานต่อไปก็คือ "กุ้งกระจก" เป็นแชบ๊วยแกะเอาแต่เนื้อมาน็อกน้ำแข็งกับเกลือให้กลายเป็นกุ้งกระจกก่อนเอาไปผัดกับซอสรสเค็มกลมกล่อมสัมผัสเหนียวข้นคล้ายราดหน้าใส่น้ำมันงา ผสมหอมใหญ่และหอมแดงสับละเอียดท็อปปิ้งด้วยต้นหอมญี่ปุ่นซอยและพริกชี้ฟ้าแดง เสิร์ฟมาคู่กับน้ำจิ้มซีฟู้ดแบบร้านอาหารจีนโดยหนักพริกสดกระเทียมรสเปรี้ยวนำเค็มอมหวานนิดๆพอกลมกล่อมไม่จัดจ้านเหมือนฉบับคนไทย จึงทำให้จานนี้ทานง่าย-คุ้นเคยลิ้นและไม่ค่อยเลี่ยนเร็วเท่ากับจานก่อนๆ เมนูต่อไปประทับใจหนักมากคือ "แมงกะพรุนน้ำมันงา" สูตรของที่ร้านใช้ชิ้นใหญ่คุณภาพสูงเอามาหั่นเป็นเส้นหนาเคี้ยวเต็มคำ ลวกพอสุกแล้วสะบัดน้ำส่วนเกินออกจนแห้งแล้วยำกับน้ำพริกเผาสูตรจีนแท้ๆจึงไม่หวานและไม่มีกลิ่นมะขามเปียกเหมือนกับของไทย ผสมน้ำมันงาเล็กน้อยแล้วคลุกให้เข้ากันซอส-เคลือบตัวเส้นแมงกะพรุนหนานุ่มได้อย่างทั่วถึงและไม่มีน้ำส่วนเกินไหลนองออกมาในจานแบบร้านอาหารจีนสมัครเล่น ได้ทั้งความเคี้ยวกรุบกรอบเด้งสู้ฟันผสมซอสเข้มข้นพิเศษหอมน้ำมันงาในทุกๆคำ เป็นอีกจานที่แนะนำให้สั่งเช่นเดียวกันครับผม

จานต่อมาเป็น "ไก่กรอบเปรี้ยวหวาน" ทางร้านใช้เป็นเนื้อส่วนอกล้วนไม่ติดหนังเอามาหมักนุ่มให้เด้งฉ่ำชุบแป้งทอดกรอบจนมีสีเหลืองทอง ราดด้วยซอสเปรี้ยวหวานสูตรพิเศษทำจากซอสพริกผสมกับน้ำสับปะรดสดกลิ่นหอมๆและเหล้าจีนเล็กน้อยเคี่ยวจนเหนียวข้นเคลือบชิ้นไก่ เพิ่มสัมผัสกรุบกรอบและสวยงามด้วยพริกหวานทั้ง 3 สียกมาเสิร์ฟร้อนๆได้หลากหลายสัมผัสตอนเคี้ยวในคำเดียวกัน อีกจานคือ "ปีกไก่ซอสฮ่องกง" มันคือส่วนปีกคัดมาแต่ชิ้นอ้วนๆเอามาผ่าครึ่งเป็น 2 ส่วนชุบแป้งบางทอดจนกรอบราดด้วยซอสรสเปรี้ยวอมหวานหอมวูสเตอร์ซอสผสมเหล้าจีนและน้ำจิ้มบาร์บีคิวคล้ายกับเมนูสเต๊กเนื้อฮ่องกงแต่เปลี่ยนเป็นไก่แทน ก็อร่อยจับเข้าปากทานง่ายไปอีกแบบครับ

จานต่อไปอยู่ในร้านอาหารฮ่องกงระดับเหลาแต่ที่นี่เอามาเสิร์ฟให้ทานไม่อั้นก็คือ "ไก่แช่เหล้า" เลือกเฉพาะส่วนสะโพกติดหนังต้มสุกด้วยไฟอ่อนจนชุ่มฉ่ำสีขาวตรงกลางอมชมพูนิดๆแช่ในเหล้าข้าวหมักรสหวานหอมน้ำมันงาอ่อนแอลกอฮอล์จึงไม่ขมและฉุนขึ้นจมูกกินได้ง่ายกว่าร้านอื่นๆ จิ้มทานกับน้ำพริกเผาสไตล์จีนสูตรเฉพาะของทางร้านรสเค็มนำหวานตามสัมผัสเหนียวหนืดเข้มข้นพิเศษไม่เปรี้ยวและมีกลิ่นน้ำมะขามเปียกเหมือนสูตรไทย เพียงนำตะเกียบปาดแล้วแตะลงบนเนื้อสะโพกไก่แช่เหล้าเล็กน้อยก่อนเข้าปากก็ช่วยเพิ่มความเผ็ดกลมกล่อมสั่งเพิ่มได้อีกหลายจาน เมนูต่อไปสายเนื้อห้ามพลาดกับ "เนื้อน่องลายตุ๋นแห้ง" เป็นส่วนขาของวัวที่มีเอ็นเยอะสุดนำมาตุ๋นใส่เครื่องสมุนไพรจนความเหนียวเคี้ยวยากหายไปกลายเหลือแต่กรุบกรอบเด้งสู้ฟันนิดๆ ปรุงรสน้ำซอสเค็มกลมกล่อมเข้าเนื้อโรยด้านบนด้วยกระเทียมเจียวก่อนเสิร์ฟ ทานพร้อมกับซอสเต้าหู้ยี้รสเปรี้ยวหวานหอมมันปั่นกับพริกสดให้เผ็ดเล็กน้อยช่วยลดความเลี่ยน-เพิ่มความจัดจ้านเข้ากับเนื้อตุ๋นสไตล์จีนชามนี้ได้เป็นอย่างดี รู้สึกว่าจะมีร้านก๋วยเตี๋ยวเนื้อสูตรเก่าแก่โบราณที่มาจากประเทศจีนบางแห่งในไทยก็เสิร์ฟซอสคล้ายกับแบบนี้เช่นเดียวกัน เปิดประสบการณ์ใหม่ดีมากๆครับ

เมนูชุดถัดมาคล้ายๆกับ 2 จานก่อนแค่เสิร์ฟคู่กับข้าวคือ "ข้าวมันไก่แช่เหล้า" ใช้ส่วนสะโพกมาพร้อมกับน้ำพริกเผาสูตรจีนแทนน้ำจิ้มแบบไหหลำที่เคยทานมา เพิ่มข้าวมันหุงจากเมล็ดพันธุ์หอมมะลิอย่างดีใส่ไขมันหนังไก่เจียว/น้ำซุปโครงไก่และกระเทียมสับลงไปแบบจัดเต็มจนมีความแวววาวพร้อมกลิ่นหอม เข้ากับสะโพกไก่ต้มเนื้อนุ่มหอมกลิ่นแช่เหล้ารสหวานผสมน้ำพริกรสเค็มเผ็ดและข้าวคลุกมันไก่กับกระเทียมให้ความอร่อยแสนบันเทิงอยู่ในปากอย่างล้นปรี่ จานต่อไปก็เสิร์ฟมาคู่กับข้าวสวยเหมือนกันก็คือ "ข้าวอบเนื้อน่องลาย" สูตรน้ำซอสตุ๋นจะเค็มนำหอมสมุนไพรใส่เห็ดหอมและต้นหอมลงไปเพิ่มจึงมีรสหวานกลมกล่อมเข้ากับข้าวอบที่หุงสุกใหม่และต้องใช้เวลารอนานกว่าจะมาขึ้นโต๊ะร้อนๆควันหอมฉุยทานง่ายกว่าที่คิด ถึงแม้จะไม่มีซอสเต้าหู้ยี้เหมือนชามแรกก็ตามแต่ก็สามารถขอเพิ่มได้ครับผม

******* เกิน 10,000 ตัวอักษร ขออนุญาตเขียนรีวิวต่อในช่อง Comment แทนนะครับ *******
ชื่อสินค้า:   Hoi Chinese Izakaya สุขุมวิท 51
คะแนน:     

CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้

  • - จ่ายเงินซื้อเอง หรือได้รับจากคนรู้จักที่ไม่ใช่เจ้าของสินค้า เช่น เพื่อนซื้อให้
  • - ไม่ได้รับค่าจ้างและผลประโยชน์ใดๆ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่