วันสิ้นปี แต่ชีวิตยังไม่สิ้นก็ต้องกินกระเพาะปลา

แม่ของผมส่งกระเพาะปลามาให้ เพราะกลัวว่าหลานๆจะไม่มีอะไรกิน

ไหนๆวันนี้ก็อยู่กันพร้อมหน้า วันเบาๆ ชีวิตสบายๆ ถึงจะลำบากแค่ไหน แต่ทุกข์ก็เปิดช่องให้ความสุขโผล่หน้าเข้ามาได้เสมอ ไม่ได้จัดงานเลี้ยงอะไรใหญ่โต แค่กระเพาะปลาซักหม้อ วันดีๆก็เหมือนว่าจะดีกว่าทุกวัน

กระเพาะปลาขนาดเขื่องๆ ไม่มีเนื้อปูหรือยอดมะพร้าวก็ไม่เป็นไร

ไม่ได้ตระเตรียมอะไรให้เพรียบพร้อม เอาแบบง่ายๆ สะดวกๆไม่ต้องทำอะไรมาก คลายความดิ้นรนให้บรรเทาเบาบางลงไป ก่อไฟขึ้นซักเตานึง เอากระเพาะปลาแช่น้ำแล้วตัดเป็นชิ้นๆ อย่าให้เล็กนักมันจะเสียรสสัมผัสและอย่าให้ใหญ่นัก มันจะกินได้ไม่กี่คำ ต้มกระเพาะปลาที่ตัดแล้วในน้ำใส่ต้นหอมและขิงลงไป แต่งกลิ่นดับคาว ช้อนเอาไขมันหรือฟองออก ต้มแค่พอสุกๆอย่าให้เปื่อยนัก แช่เห็ดหอมแห้งให้นิ่ม

ทำน้ำซุปขึ้นอีกหม้อ ไก่หั่นเป็นชิ้นโตๆ ลงต้มในน้ำ ใส่ใบเตยมัดเล็กๆ รากผักชี กระเทียม พริกไทยเม็ด ต้มไก่ให้สุก ยกขึ้นรอให้เย็น ฉีกเนื้อเป็นริ้วๆ

ต้มไข่ซัก 6-7 ฟอง ถ้าได้ไข่เป็ดก็ดี ไม่มีก็เอาไข่ไก่ หรือไข่นกกระทาก็ได้แหละ แกะเปลือกให้เรียบร้อย เอาเลือดไก่ก้อนโตๆล้างให้สะอาดตัดเป็นชิ้น

ใช้น้ำต้มไก่เมื่อกี๊ปรุงรสด้วยซอสฝาเขียว ซอสหอยนางรม ซอสหวานหรือซีอิ๊วดำ แอบๆหย่อนน้ำตาลกรวดลงไปหน่อย

ใส่ส่วนผสมทั้งหมดลงไป ต้มให้สุกอีกซักครู่ เติมแป้งมันละลาย เพื่อให้น้ำซุปเป็นตัว

ตักใส่ชาม โรยด้วยพริกไทยป่นและต้นหอมผักชี

หลังจากนี้ทุกท่านคงเข้าใจดีว่าจะเกิดอะไรขึ้น

กินแบบร้อนๆรสธรรมชาติอูมามิ หรือจะเติมน้ำส้มพริกดองกระเทียมลงไปซักหน่อย

ระวังความร้อนแล้วก็อ้าปากกว้างๆ ตักกระเพาะปลาชิ้นหนาๆเข้าไปเต็มคำ อ้ำ

แล้วความหิวก็ผ่านไป

แม้ความลำบากจะยังรอเราอยู่ข้างหน้า แต่ตอนนี้ความหิวก็ผ่านไป

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่