จริงๆ แล้วตำนานนักบุญวาเลนไทน์นั้นมีหลายเวอร์ชั่น เราไม่ทราบปีเกิดท่านที่ชัดเจน ทั้งยังระบุตัวตนลำบาก เพราะยุคนั้นมีคนชื่อ "วาเลนไทน์" เยอะด้วย ผมเลยขอคัดเอาตำนานที่รู้จักกันมากที่สุดมาให้อ่านแล้วกัน
ตำนานหนึ่งว่า วาเลนไทน์เป็นอดีตบิชอปแห่งเทอร์นี นาร์เนีย และอาร์มีเลีย ซึ่งอยู่ในแคว้นอุมเบรีย ภาคกลางของอิตาลีในปัจจุบัน
วันหนึ่ง ท่านถูกจับที่บ้านพักของผู้พิพากษานามว่า "อัสเทอร์ริอุส" (Asterius) หลังถกกันเรื่องศาสนา เพราะท่านนั้นยืนกรานว่าพระเยซูทรงเป็นพระเจ้าแท้จริงตามมุมมองของชาวคริสต์
อัสเทอร์ริอุสจึงทดสอบนักบุญวาเลนไทน์ทันที โดยการนำวาเลนไทน์ไปหาลูกสาวของเขาซึ่งตาบอด แล้วขอให้ท่านช่วยให้ตาของเธอกลับมามองเห็นได้อีกครั้ง พร้อมสัญญาว่าถ้ารักษาได้จริง จะทำทุกอย่างตามที่ท่านวาเลนไทน์ขอ
ปรากฏว่าเมื่อท่านวางมือไปที่ดวงตาของลูกสาวของอัสเทอร์ริอุส ตาของเธอก็กลับมามองเห็นอีกครั้งจริงๆ อัสเทอร์ริอุสจึงทำตามสัญญา และสิ่งที่วาเลนไทน์ขอคือ...
ขอให้อัสเทอร์ริอุสทำลายรูปเคารพทั้งหมดรอบบ้านเขา อดอาหารสามวัน และให้เขารับศีลล้างบาปพร้อมครอบครัวของเขากับสมาชิกในบ้านอีก 44 คน
อัสเทอร์ริอุสเป็นผู้มีสัจจะจึงทำทุกอย่างตามที่ขอ ต่อมาเขายังได้ปล่อยผู้ต้องขังคริสเตียนทั้งหมดอีกด้วย
อีกตำนานว่าครั้งหนึ่ง ท่านเข้าคุกเพราะไปทำพิธีแต่งงานให้กับคู่รักชาวคริสต์อย่างลับๆ เพื่อผู้ชายจะได้ไม่ต้องไปรบ และช่วยเหลือชาวคริสต์ที่กำลังถูกข่มเหงที่โรมในรัชสมัยจักรพรรดิคลอดิอุส (Claudius)
วาเลนไทน์ทำขัดราชโองการของจักรพรรดิอย่างนี้บ่อยมาก จนถึงจุดพีคสุดเมื่อนักบุญวาเลนไทน์พยายามชักจูงคลอดิอุสให้หันมานับถือคริสตศาสนา (กล้ามาก)
แน่นอนครับ จักรพรรดิก็พิโรธสิ และสั่งประหารชีวิตวาเลนไทน์เสียเลย แต่ก่อนประหาร คลอดิอุสได้สั่งให้เขาตัดสินใจครั้งสุดท้าย คือจะทิ้งความเชื่อเพื่แอละเว้นโทษ หรือตาย โดยถูกตีด้วยกระบองและตัดศีรษะ
และแน่นอนอีกว่า หากท่านเลือกอย่างแรก ก็คงไม่มีใครรู้จักท่านมาจนถึงทุกวันนี้ วาเลนไทน์ปฏิเสธที่จะละทิ้งความเชื่อและรับโทษประหารที่นอกประตูเฟลมิเนียน (Flaminian Gate) เมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 269 (อาจเป็นปีอื่น ยังถกเถียงกันอยู่) ทำให้วันที่ดังกล่าวได้กลายมาเป็นวันฉลองนักบุญวาเลนไทน์ตามปฏิทินศาสนจักรตะวันตก
บางตำนานกล่าวว่าตอนอยู่ในคุก ท่านสนิทกับลูกสาวตาบอดของผู้คุมและได้รักษาเธอจนหาย เมื่อถึงเวลา นักบุญวาเลนไทน์ได้ทิ้งกระดาษให้เธอ เขียนว่า "วาเลนไทน์ของเธอ" (Your Valentine) ก่อนถูกประหารชีวิต
แต่เนื่องจากว่าทางศาสนจักรโรมันคาทอลิกรู้เรื่องราวของท่านน้อยมาก จึงทำให้ในปี 1969 ทางโรมันคาทอลิกจึงนำชื่อนักบุญวาเลนไทน์ออกจากปฏิทินนักบุญทั่วไป
อย่างไรก็ตามศาสนจักรคาทอลิกยังคงยอมรับท่านเป็นนักบุญอยู่ โดยเป็นนักบุญองค์อุปถัมภ์ของคู่หมั้น คนเลี้ยงดูแลผึ้ง คนเป็นโรคลมชัก คนมีอาการเป็นลม การทักทาย การแต่งงานอย่างมีความสุข ความรัก คนรัก คนเป็นโรคระบาด นักเดินทางและคนหนุ่มสาว
และถือเป็นสัญลักษณ์แห่งความรักมาจนถึงปัจจุบัน เพราะสิ่งที่ท่านได้ทำนั่นเอง
ส่วนศาสนจักรตะวันออกอย่างออร์โธด็อกซ์ ยังคงมีวันฉลองท่านอยู่ในปฏิทิน หากแต่เป็นวันที่ 6 กรกฎาคม
/AdminMichael
ปล. ผมเคยโพสต์บทความนี้เมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2016 หรือเมื่อ 5 ปีที่แล้ว แต่ผมขอเอามาโพสต์ใหม่โดยแก้ไขภาษาให้อ่านง่ายขึ้นมานิดนึง และแก้ไขเพิ่มเติมข้อมูลนิดหน่อย
CR. :
https://www.facebook.com/HistoryofChristianitybothWestandEast/photos/a.1685317455073196/2891857384419191/
ตำนานนักบุญวาเลนไทน์
ตำนานหนึ่งว่า วาเลนไทน์เป็นอดีตบิชอปแห่งเทอร์นี นาร์เนีย และอาร์มีเลีย ซึ่งอยู่ในแคว้นอุมเบรีย ภาคกลางของอิตาลีในปัจจุบัน
วันหนึ่ง ท่านถูกจับที่บ้านพักของผู้พิพากษานามว่า "อัสเทอร์ริอุส" (Asterius) หลังถกกันเรื่องศาสนา เพราะท่านนั้นยืนกรานว่าพระเยซูทรงเป็นพระเจ้าแท้จริงตามมุมมองของชาวคริสต์
อัสเทอร์ริอุสจึงทดสอบนักบุญวาเลนไทน์ทันที โดยการนำวาเลนไทน์ไปหาลูกสาวของเขาซึ่งตาบอด แล้วขอให้ท่านช่วยให้ตาของเธอกลับมามองเห็นได้อีกครั้ง พร้อมสัญญาว่าถ้ารักษาได้จริง จะทำทุกอย่างตามที่ท่านวาเลนไทน์ขอ
ปรากฏว่าเมื่อท่านวางมือไปที่ดวงตาของลูกสาวของอัสเทอร์ริอุส ตาของเธอก็กลับมามองเห็นอีกครั้งจริงๆ อัสเทอร์ริอุสจึงทำตามสัญญา และสิ่งที่วาเลนไทน์ขอคือ...
ขอให้อัสเทอร์ริอุสทำลายรูปเคารพทั้งหมดรอบบ้านเขา อดอาหารสามวัน และให้เขารับศีลล้างบาปพร้อมครอบครัวของเขากับสมาชิกในบ้านอีก 44 คน
อัสเทอร์ริอุสเป็นผู้มีสัจจะจึงทำทุกอย่างตามที่ขอ ต่อมาเขายังได้ปล่อยผู้ต้องขังคริสเตียนทั้งหมดอีกด้วย
อีกตำนานว่าครั้งหนึ่ง ท่านเข้าคุกเพราะไปทำพิธีแต่งงานให้กับคู่รักชาวคริสต์อย่างลับๆ เพื่อผู้ชายจะได้ไม่ต้องไปรบ และช่วยเหลือชาวคริสต์ที่กำลังถูกข่มเหงที่โรมในรัชสมัยจักรพรรดิคลอดิอุส (Claudius)
วาเลนไทน์ทำขัดราชโองการของจักรพรรดิอย่างนี้บ่อยมาก จนถึงจุดพีคสุดเมื่อนักบุญวาเลนไทน์พยายามชักจูงคลอดิอุสให้หันมานับถือคริสตศาสนา (กล้ามาก)
แน่นอนครับ จักรพรรดิก็พิโรธสิ และสั่งประหารชีวิตวาเลนไทน์เสียเลย แต่ก่อนประหาร คลอดิอุสได้สั่งให้เขาตัดสินใจครั้งสุดท้าย คือจะทิ้งความเชื่อเพื่แอละเว้นโทษ หรือตาย โดยถูกตีด้วยกระบองและตัดศีรษะ
และแน่นอนอีกว่า หากท่านเลือกอย่างแรก ก็คงไม่มีใครรู้จักท่านมาจนถึงทุกวันนี้ วาเลนไทน์ปฏิเสธที่จะละทิ้งความเชื่อและรับโทษประหารที่นอกประตูเฟลมิเนียน (Flaminian Gate) เมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 269 (อาจเป็นปีอื่น ยังถกเถียงกันอยู่) ทำให้วันที่ดังกล่าวได้กลายมาเป็นวันฉลองนักบุญวาเลนไทน์ตามปฏิทินศาสนจักรตะวันตก
บางตำนานกล่าวว่าตอนอยู่ในคุก ท่านสนิทกับลูกสาวตาบอดของผู้คุมและได้รักษาเธอจนหาย เมื่อถึงเวลา นักบุญวาเลนไทน์ได้ทิ้งกระดาษให้เธอ เขียนว่า "วาเลนไทน์ของเธอ" (Your Valentine) ก่อนถูกประหารชีวิต
แต่เนื่องจากว่าทางศาสนจักรโรมันคาทอลิกรู้เรื่องราวของท่านน้อยมาก จึงทำให้ในปี 1969 ทางโรมันคาทอลิกจึงนำชื่อนักบุญวาเลนไทน์ออกจากปฏิทินนักบุญทั่วไป
อย่างไรก็ตามศาสนจักรคาทอลิกยังคงยอมรับท่านเป็นนักบุญอยู่ โดยเป็นนักบุญองค์อุปถัมภ์ของคู่หมั้น คนเลี้ยงดูแลผึ้ง คนเป็นโรคลมชัก คนมีอาการเป็นลม การทักทาย การแต่งงานอย่างมีความสุข ความรัก คนรัก คนเป็นโรคระบาด นักเดินทางและคนหนุ่มสาว
และถือเป็นสัญลักษณ์แห่งความรักมาจนถึงปัจจุบัน เพราะสิ่งที่ท่านได้ทำนั่นเอง
ส่วนศาสนจักรตะวันออกอย่างออร์โธด็อกซ์ ยังคงมีวันฉลองท่านอยู่ในปฏิทิน หากแต่เป็นวันที่ 6 กรกฎาคม
/AdminMichael
ปล. ผมเคยโพสต์บทความนี้เมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2016 หรือเมื่อ 5 ปีที่แล้ว แต่ผมขอเอามาโพสต์ใหม่โดยแก้ไขภาษาให้อ่านง่ายขึ้นมานิดนึง และแก้ไขเพิ่มเติมข้อมูลนิดหน่อย
CR. : https://www.facebook.com/HistoryofChristianitybothWestandEast/photos/a.1685317455073196/2891857384419191/