ม็อบชาวนาดัน 3 ข้อเรียกร้องแก้หนี้เกษตรกร จับตาเข้าครม. 15 ก.พ.
https://www.matichon.co.th/politics/news_3175901
วันที่ 10 กุมภาพันธ์ ที่บริเวณหน้ากระทรวงการคลัง ถนนพระรามหก บริเวณเลียบคลอง เครือข่ายหนี้สินชาวนาแห่งประเทศไทย จาก 36 จังหวัดปักหลักเพื่อเรียกร้องให้เเก้ปัญหาหนี้สินทางการเกษตร กองทุนฟื้นฟู ลูกหนี้ธนาคารรัฐ 4 แห่ง เป็นวันที่ 17 แล้ว โดยเริ่มตั้งแต่วันที่ 24 มกราคมที่ผ่านมา หลังเคยมาเรียกร้องครั้งสุดท้ายเมื่อเดือนตุลาคม ปี 2562
โดยมีข้อเรียกร้องคือ
1. ขอให้สถาบันการเงินเจ้าหนี้ชะลอการฟ้องบังคับคดียึดทรัพย์ขายทอดตลาดทรัพย์สินของสมาชิก เร่งดำเนินการโอนหนี้สินเข้าสู่กระบวนการการจัดการหนี้สินของสำนักงานกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร (กฟก.) พร้อมกับขยายเพดานวงเงินการซื้อหนี้ NPA จาก 2.5 ล้านบาทขยายเป็น 5 ล้านบาทเสนอเข้าสู่เข้ามติครม.
2. ขอให้ลดหนี้ปลดหนี้ให้กับเกษตรกรสมาชิกกฟก. กรณีที่ตาย พิการ ทุพพลภาพ ชราภาพ เจ็บป่วย เป็นโรคเหลือไม่เกิน 25 เปอร์เซ็นต์ตามพระราชบัญญัติกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกรที่ได้บัญญัติไว้ช่วยเหลือเกษตรกรสมาชิกกองทุนฟื้นฟูฯ (กฟก.)
3. ขอให้ตรวจสอบปัญหาทุจริตคอรัปชั่นพร้อมกับปฏิรูปการบริหารงานของสำนักงานกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร (กฟก.) ขึ้นราคาพืชผลการเกษตรถูกลงทุกวัน แต่ราคาปุ๋ยกลับแพงขึ้น ประชาชนที่เดือดร้อนที่ทำเกษตรกรจึงขอเรียกร้องต่อรัฐบาลให้ช่วยเหลือและเยียวยารวมถึงพักชำระหนี้
ต่อมาเวลา 14.14 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศบริเวณพื้นที่ชุมนุมมีทั้งเสื่อ ที่นอน หมอน มุ้ง จำนวนมากวางเรียงรายตามบริเวณเลียบคลอง โดยมีผู้ชุมนุมนั่ง นอน ดื่มน้ำ กินข้าวและพูดคุยกันตามบริเวณจุดต่างๆ โดยมีการสวมหน้ากากอนามัยกันตลอดแม้กระทั่งตอนนอน และส่วนใหญ่มีพัดติดตัวเพื่อช่วยคลายร้อน บริเวณต้นไม้และเสาจะมีเสื้อผ้าของผู้ร่วมชุมนุมเรียงรายอยู่เป็นจำนวนมาก และมีรถเครื่องเสียงและลำโพงตามบริเวณต่างๆ
นาง
ปิ่นแก้ว แก้วสุกแท้ ผู้ประสานงานเครือข่ายหนี้สินชาวนาแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ที่มาชุมนุมกันเป็นเรื่องเดิมที่เรามาติดตาม ไม่ใช่เรื่องใหม่ พวกเราเป็นสมาชิกกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร ซึ่งกองทุนนี้ให้การช่วยเหลือเกษตรกรในด้านการฟื้นฟูอาชีพและแก้ปัญหาหนี้สินเกษตรกร จำนวนสมาชิกที่ขึ้นทะเบียนกับกองทุนฟื้นฟูมีจำนวนทั้งหมด 500,000 ราย
เจ้าหนี้รายใหญ่ที่สุดก็คือธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์(ธกส.)และสหกรณ์การเกษตร โดยใน 500,000 รายนี้ ตรวจสอบพบว่าสมาชิกกองทุนฟื้นฟูเป็นหนี้กว่า 320,000 ราย และในจำนวนนี้ มีสมาชิกที่ควรได้รับการช่วยเหลือเร่งด่วนเนื่องจากกำลังจะถูกฟ้อง 56,000 ราย และส่วนใหญ่ก็ขึ้นทะเบียนไม่ถูกต้องกับกองทุนฟื้นฟู จึงต้องแก้ไขก่อนอันดับแรก
ทั้งนี้กระบวนการที่จะให้ความช่วยเหลือได้ผ่านการพิจารณาจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาแล้วตั้งแต่วันที่ 2 เมษายน 2564 แต่จนถึงเดือนธันวาคม 2564 ก็ยังไม่เข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) พวกเราอยู่เฉยไม่ได้ จึงเป็นที่มาให้มารวมตัวกันอยู่ที่นี่ อย่างไรก็ตามคาดว่าจะถูกผลักดันเข้าครม.ในวันที่ 15 ก.พ. ซึ่งถ้าเรื่องนี้เข้าครม.แล้ว และสมาชิกกองทุนฟื้นฟูใน 30,000 รายได้รับความช่วยเหลือเรื่องการเซ็นสัญญาใหม่ เราก็จะกลับทันที
“
เราไม่เคยเรียกร้องให้รัฐบาลยกหนี้ให้เรา แค่ผ่อนคลายให้เราได้หายใจได้ คือ 1.ไม่มีดอกเบี้ย 2. หนี้ 15-20 ปีเราก็ยังพอไหวเพราะจ่ายปีละครั้ง หากผิดนัดชำระหนี้ ก็ไม่ต้องปรับ เพราะอย่างไรเราก็ต้องชำระกองทุนอยู่แล้ว เพราะโฉนดได้โอนเป็นชื่อกองทุน เรายอมขนาดว่าถ้ากองทุนชำระหนี้แทนพวกเรา เราก็พร้อมจะโอนโฉนดให้เป็นชื่อกองทุน และมาทำสัญญาเช่าซื้อกัน เราชำระคืนหมดเมื่อไหร่กองทุนก็ะโอนกลับมาเป็นชื่อเรา ถ้าใครไม่ชำระก็เป็นของกองทุนไป เรายอมกันขนาดนี้” นาง
ปิ่นแก้วกล่าว และว่า ทั้งนี้ยังมีผู้ที่เข้ามาผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนอีก 3,000 กว่าคนเพื่อให้คนเก่าได้กลับบ้าน เพราะเข้าใจดีว่าเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องที่มาแล้วจะจบในอาทิตย์เดียว
ต่อมาเวลา 17.30 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่ามีการแจกข้าวกล่องและน้ำดื่มให้ผู้เข้าร่วมชุมนุม ซึ่งปริมาณข้าวกล่องไม่เพียงพอ จนต้องนำมาเพิ่มในภายหลัง
ภรรยาฮุมเมลส์ กองหลังดอร์ทมุนด์ ถูกทำร้ายร่างกายที่ภูเก็ต
https://www.prachachat.net/spinoff/sport/news-861997
ภรรยานักบอลดังทีมโบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ มาถ่ายรายการที่ประเทศไทย ถูกคนร้ายตีที่ศีรษะระหว่างเดินเล่นบนชายหาดที่ภูเก็ต
วันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2565 สื่อต่างประเทศรายงานว่า
“เคธี ฮุมเมลส์” อายุ 34 ปี ภรรยาของ
“มัตส์ ยูลีอาน ฮุมเมลส์” เซ็นเตอร์แบ็กทีมโบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ได้ใช้เวลา 3 สัปดาห์ในประเทศไทย เพื่อถ่ายทำรายการเรียลลิตี้ “
Battle of the Reality Stars”
ต่อมาเธอเปิดเผยกับสื่อเยอรมนีเรื่องการถูกทำร้ายร่างกายในประเทศไทยว่า
“ฉันอยากจะกล่าวอำลาสถานที่อันงดงามแห่งนี้ ด้วยการเดินเล่นบนชายหาด ฉันจะไม่มีวันลืมช่วงเวลานี้อย่างแน่นอน” เธอกล่าวและว่า
“ฉันโดนตีที่ด้านหลังศีรษะ คนร้ายตีฉันหลายครั้ง เมื่อฉันก็รู้ว่านี่เป็นเรื่องของความเป็นความตาย และฉันก็เริ่มต่อสู้กลับ”
ตามรายงานของสื่อเยอรมนี ทีมงานรายการทีวีได้แจ้งตำรวจเมื่อเธอกลับมาพบพวกเขา
เคธีได้ให้รายละเอียดเกี่ยวกับคนร้ายต่อตำรวจพร้อมแจ้งความ จากนั้นเธอจึงบินต่อไปยังดูไบในเย็นวันเดียวกัน เพื่อพักผ่อนและใช้เวลากับลูกชาย
ทีมงานรู้สึกตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่ก็โล่งใจที่เธอไม่เป็นอะไรไป และทำได้ดีแล้วตามสถานการณ์
ล่าสุด
เคธี ซึ่งตอนนี้อยู่ที่ดูไบ ได้โพสต์ข้อความลงในอินสตาแกรมว่า เมื่อไม่กี่วันก่อนมีเรื่องเลวร้ายเกิดขึ้นกับฉัน ฉันถูกปล้น ประสบการณ์ที่น่ากลัวที่สุดในชีวิตของฉัน ฉันไม่รู้ว่าฉันจะรอดไหม แต่ฉันมีเหตุผลที่ดีที่สุดในการต่อสู้ นั่นคือลูก
‘วีระ สมความคิด’ หอบเอกสารร้อง ‘กมธ.ปราบโกง’ สอบ ‘ดร.เอ้’ เอี่ยวงานวิจัยทำเงินมหาศาล
https://www.matichon.co.th/politics/news_3176435
‘วีระ สมความคิด’ หอบเอกสารร้อง ‘กมธ.ปราบโกง’ สอบ ‘ดร.เอ้’ ชี้เอี่ยวงานวิจัยทำเงินมหาศาล ด้าน ‘เสรีพิศุทธ์’ ยันให้ความเป็นธรรมทุกฝ่าย
เมื่อเวลา 08.30 น. วันที่ 10 กุมภาพันธ์ ที่รัฐสภา นาย
วีระ สมความคิด เลขาธิการเครือข่ายประชาชนต้านคอร์รัปชั่น ยื่นเอกสารเพิ่มเติมต่อ พล.ต.อ.
เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย (สร.) ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ (กมธ.ป.ป.ช.) สภาผู้แทนราษฎร และนาย
ธีรัจชัย พันธุมาศ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล (ก.ก.) ในฐานะโฆษก กมธ.ป.ป.ช. กรณีเรื่องร้องเรียน นาย
สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ หรือ ดร.เอ้ อดีตอธิการบดีสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) ซึ่งเป็นว่าที่ผู้สมัครผู้ว่าฯกทม.ของพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) มีเหตุอันควรสงสัยว่า ทุจริตต่อหน้าที่และร่ำรวยผิดปกติ
โดยนาย
วีระกล่าวว่า ได้ทราบจากสื่อมวลชนว่า กมธ.ป.ป.ช.ตรวจสอบนาย
สุชัชวีร์ จึงนำข้อมูลที่คิดว่าจะเป็นประโยชน์มามอบให้ กมธ.เพื่อใช้ในการตรวจสอบ ซึ่งเอกสารที่เชื่อว่า กมธ.ยังไม่มี เช่น หนังสือกู้ยืมเงินเพื่อไปศึกษาต่อปริญญาเอก และเอกสารการยื่นทรัพย์สินกับ ป.ป.ช.ตั้งแต่ปี 2553 ซึ่งขณะนั้นนาย
สุชัชวีร์ยังไม่ได้เป็นอธิการบดี แต่เป็นบอร์ดของการรถไฟ โดยทรัพย์สินตอนนั้นไม่น่าจะถึง 10 ล้าน ทั้งนี้ เชื่อว่าหาก กมธ.เชิญบุคคลที่เกี่ยวข้องเหล่านี้มาตรวจสอบ จะตรวจสอบได้อย่างสำเร็จ ซึ่งขอเรียนว่า กับนาย
สุชัชวีร์ไม่ได้มีปัญหากัน สนับสนุนมาตลอด แต่ที่ต้องมาตรวจสอบเพราะได้รับเรื่องร้องเรียนมาตั้งแต่ปี 2563 ส่วนสาเหตุที่มายื่นตรวจสอบนาย
สุชัชวีร์ในตอนนี้ ยืนยันว่าไม่ได้ต้องการดิสเครดิตนาย
สุชัชวีร์ แต่ต้องใช้เวลาในการตรวจสอบ จึงได้นำเอกสารมายื่นกับ กมธ.วันนี้ โดยเอกสารที่นำมายื่นแก่ กมธ. มีรายชื่อบุคคลที่เกี่ยวข้องที่ไม่สามารถระบุชื่อได้ 10 คน นอกจากนั้น ยังมีเรื่องเกี่ยวกับงานวิจัยของมหาวิทยาลัย ซึ่งทำเงินรายได้มหาศาล
ด้าน พล.ต.อ.
เสรีพิศุทธ์กล่าวว่า เรื่องนี้มีการร้องเรียนมานานพอสมควร ซึ่งบุคคลที่ร้องเรียนเป็นบุคคลในมหาวิทยาลัยเพียงแต่เขาขอร้องไม่ให้เปิดเผยชื่อ ดังนั้น จึงมีเอกสารหลักฐานพอสมควรในการตรวจสอบ ทั้งนี้ เมื่อบรรจุเข้าระเบียบวาระแล้วได้มอบหมายให้นาย
ธีรัจชัยเป็นผู้รับผิดชอบ ซึ่งในขณะนั้นพรรคก้าวไกลยังไม่ได้ส่งตัวผู้ว่าฯกทม. แต่ปรากฏว่าเมื่อประกาศตัวแล้วมีเสียงซุบซิบว่า เป็นเรื่องการเมืองหรือไม่ ยืนยันว่า ไม่ใช่เรื่องการเมือง แต่เป็นเรื่องการสอบทุจริตประพฤติมิชอบเหมือนบุคคลทั่วไป ต่อมานาย
ธีรัจชัยได้ขอถอนตัวในที่ประชุม กมธ.แล้ว และได้มอบหมายให้นาย
ประเดิมชัย บุญช่วยเหลือ ส.ส.กทม. พรรคเพื่อไทย (พท.) เป็นผู้รับผิดชอบแทน ทั้งนี้ ที่มีข่าวว่า
เสรีพิศุทธ์รับสอบเรื่องนี้ ต้องเสร็จเหมือนนาย
สิระ เจนจาคะ อดีต ส.ส.กทม. พรรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) แน่ ยืนยันว่าไม่ใช่ ให้ความเป็นธรรมกับทุกคน ขอให้ไว้วางใจในเรื่องความเป็นธรรมได้
JJNY : ม็อบชาวนาดัน 3ข้อเรียกร้อง│ภรรยากองหลังดอร์ทมุนด์ถูกทำร้ายที่ภูเก็ต│วีระร้องกมธ.ปราบโกงสอบดร.เอ้│BTS ลุยฟ้อง กทม.
https://www.matichon.co.th/politics/news_3175901
วันที่ 10 กุมภาพันธ์ ที่บริเวณหน้ากระทรวงการคลัง ถนนพระรามหก บริเวณเลียบคลอง เครือข่ายหนี้สินชาวนาแห่งประเทศไทย จาก 36 จังหวัดปักหลักเพื่อเรียกร้องให้เเก้ปัญหาหนี้สินทางการเกษตร กองทุนฟื้นฟู ลูกหนี้ธนาคารรัฐ 4 แห่ง เป็นวันที่ 17 แล้ว โดยเริ่มตั้งแต่วันที่ 24 มกราคมที่ผ่านมา หลังเคยมาเรียกร้องครั้งสุดท้ายเมื่อเดือนตุลาคม ปี 2562
โดยมีข้อเรียกร้องคือ
1. ขอให้สถาบันการเงินเจ้าหนี้ชะลอการฟ้องบังคับคดียึดทรัพย์ขายทอดตลาดทรัพย์สินของสมาชิก เร่งดำเนินการโอนหนี้สินเข้าสู่กระบวนการการจัดการหนี้สินของสำนักงานกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร (กฟก.) พร้อมกับขยายเพดานวงเงินการซื้อหนี้ NPA จาก 2.5 ล้านบาทขยายเป็น 5 ล้านบาทเสนอเข้าสู่เข้ามติครม.
2. ขอให้ลดหนี้ปลดหนี้ให้กับเกษตรกรสมาชิกกฟก. กรณีที่ตาย พิการ ทุพพลภาพ ชราภาพ เจ็บป่วย เป็นโรคเหลือไม่เกิน 25 เปอร์เซ็นต์ตามพระราชบัญญัติกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกรที่ได้บัญญัติไว้ช่วยเหลือเกษตรกรสมาชิกกองทุนฟื้นฟูฯ (กฟก.)
3. ขอให้ตรวจสอบปัญหาทุจริตคอรัปชั่นพร้อมกับปฏิรูปการบริหารงานของสำนักงานกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร (กฟก.) ขึ้นราคาพืชผลการเกษตรถูกลงทุกวัน แต่ราคาปุ๋ยกลับแพงขึ้น ประชาชนที่เดือดร้อนที่ทำเกษตรกรจึงขอเรียกร้องต่อรัฐบาลให้ช่วยเหลือและเยียวยารวมถึงพักชำระหนี้
ต่อมาเวลา 14.14 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศบริเวณพื้นที่ชุมนุมมีทั้งเสื่อ ที่นอน หมอน มุ้ง จำนวนมากวางเรียงรายตามบริเวณเลียบคลอง โดยมีผู้ชุมนุมนั่ง นอน ดื่มน้ำ กินข้าวและพูดคุยกันตามบริเวณจุดต่างๆ โดยมีการสวมหน้ากากอนามัยกันตลอดแม้กระทั่งตอนนอน และส่วนใหญ่มีพัดติดตัวเพื่อช่วยคลายร้อน บริเวณต้นไม้และเสาจะมีเสื้อผ้าของผู้ร่วมชุมนุมเรียงรายอยู่เป็นจำนวนมาก และมีรถเครื่องเสียงและลำโพงตามบริเวณต่างๆ
นางปิ่นแก้ว แก้วสุกแท้ ผู้ประสานงานเครือข่ายหนี้สินชาวนาแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ที่มาชุมนุมกันเป็นเรื่องเดิมที่เรามาติดตาม ไม่ใช่เรื่องใหม่ พวกเราเป็นสมาชิกกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร ซึ่งกองทุนนี้ให้การช่วยเหลือเกษตรกรในด้านการฟื้นฟูอาชีพและแก้ปัญหาหนี้สินเกษตรกร จำนวนสมาชิกที่ขึ้นทะเบียนกับกองทุนฟื้นฟูมีจำนวนทั้งหมด 500,000 ราย
เจ้าหนี้รายใหญ่ที่สุดก็คือธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์(ธกส.)และสหกรณ์การเกษตร โดยใน 500,000 รายนี้ ตรวจสอบพบว่าสมาชิกกองทุนฟื้นฟูเป็นหนี้กว่า 320,000 ราย และในจำนวนนี้ มีสมาชิกที่ควรได้รับการช่วยเหลือเร่งด่วนเนื่องจากกำลังจะถูกฟ้อง 56,000 ราย และส่วนใหญ่ก็ขึ้นทะเบียนไม่ถูกต้องกับกองทุนฟื้นฟู จึงต้องแก้ไขก่อนอันดับแรก
ทั้งนี้กระบวนการที่จะให้ความช่วยเหลือได้ผ่านการพิจารณาจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาแล้วตั้งแต่วันที่ 2 เมษายน 2564 แต่จนถึงเดือนธันวาคม 2564 ก็ยังไม่เข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) พวกเราอยู่เฉยไม่ได้ จึงเป็นที่มาให้มารวมตัวกันอยู่ที่นี่ อย่างไรก็ตามคาดว่าจะถูกผลักดันเข้าครม.ในวันที่ 15 ก.พ. ซึ่งถ้าเรื่องนี้เข้าครม.แล้ว และสมาชิกกองทุนฟื้นฟูใน 30,000 รายได้รับความช่วยเหลือเรื่องการเซ็นสัญญาใหม่ เราก็จะกลับทันที
“เราไม่เคยเรียกร้องให้รัฐบาลยกหนี้ให้เรา แค่ผ่อนคลายให้เราได้หายใจได้ คือ 1.ไม่มีดอกเบี้ย 2. หนี้ 15-20 ปีเราก็ยังพอไหวเพราะจ่ายปีละครั้ง หากผิดนัดชำระหนี้ ก็ไม่ต้องปรับ เพราะอย่างไรเราก็ต้องชำระกองทุนอยู่แล้ว เพราะโฉนดได้โอนเป็นชื่อกองทุน เรายอมขนาดว่าถ้ากองทุนชำระหนี้แทนพวกเรา เราก็พร้อมจะโอนโฉนดให้เป็นชื่อกองทุน และมาทำสัญญาเช่าซื้อกัน เราชำระคืนหมดเมื่อไหร่กองทุนก็ะโอนกลับมาเป็นชื่อเรา ถ้าใครไม่ชำระก็เป็นของกองทุนไป เรายอมกันขนาดนี้” นางปิ่นแก้วกล่าว และว่า ทั้งนี้ยังมีผู้ที่เข้ามาผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนอีก 3,000 กว่าคนเพื่อให้คนเก่าได้กลับบ้าน เพราะเข้าใจดีว่าเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องที่มาแล้วจะจบในอาทิตย์เดียว
ต่อมาเวลา 17.30 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่ามีการแจกข้าวกล่องและน้ำดื่มให้ผู้เข้าร่วมชุมนุม ซึ่งปริมาณข้าวกล่องไม่เพียงพอ จนต้องนำมาเพิ่มในภายหลัง
ภรรยาฮุมเมลส์ กองหลังดอร์ทมุนด์ ถูกทำร้ายร่างกายที่ภูเก็ต
https://www.prachachat.net/spinoff/sport/news-861997
ภรรยานักบอลดังทีมโบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ มาถ่ายรายการที่ประเทศไทย ถูกคนร้ายตีที่ศีรษะระหว่างเดินเล่นบนชายหาดที่ภูเก็ต
วันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2565 สื่อต่างประเทศรายงานว่า “เคธี ฮุมเมลส์” อายุ 34 ปี ภรรยาของ “มัตส์ ยูลีอาน ฮุมเมลส์” เซ็นเตอร์แบ็กทีมโบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ได้ใช้เวลา 3 สัปดาห์ในประเทศไทย เพื่อถ่ายทำรายการเรียลลิตี้ “Battle of the Reality Stars”
ต่อมาเธอเปิดเผยกับสื่อเยอรมนีเรื่องการถูกทำร้ายร่างกายในประเทศไทยว่า “ฉันอยากจะกล่าวอำลาสถานที่อันงดงามแห่งนี้ ด้วยการเดินเล่นบนชายหาด ฉันจะไม่มีวันลืมช่วงเวลานี้อย่างแน่นอน” เธอกล่าวและว่า “ฉันโดนตีที่ด้านหลังศีรษะ คนร้ายตีฉันหลายครั้ง เมื่อฉันก็รู้ว่านี่เป็นเรื่องของความเป็นความตาย และฉันก็เริ่มต่อสู้กลับ”
ตามรายงานของสื่อเยอรมนี ทีมงานรายการทีวีได้แจ้งตำรวจเมื่อเธอกลับมาพบพวกเขา เคธีได้ให้รายละเอียดเกี่ยวกับคนร้ายต่อตำรวจพร้อมแจ้งความ จากนั้นเธอจึงบินต่อไปยังดูไบในเย็นวันเดียวกัน เพื่อพักผ่อนและใช้เวลากับลูกชาย
ทีมงานรู้สึกตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่ก็โล่งใจที่เธอไม่เป็นอะไรไป และทำได้ดีแล้วตามสถานการณ์
ล่าสุด เคธี ซึ่งตอนนี้อยู่ที่ดูไบ ได้โพสต์ข้อความลงในอินสตาแกรมว่า เมื่อไม่กี่วันก่อนมีเรื่องเลวร้ายเกิดขึ้นกับฉัน ฉันถูกปล้น ประสบการณ์ที่น่ากลัวที่สุดในชีวิตของฉัน ฉันไม่รู้ว่าฉันจะรอดไหม แต่ฉันมีเหตุผลที่ดีที่สุดในการต่อสู้ นั่นคือลูก
‘วีระ สมความคิด’ หอบเอกสารร้อง ‘กมธ.ปราบโกง’ สอบ ‘ดร.เอ้’ เอี่ยวงานวิจัยทำเงินมหาศาล
https://www.matichon.co.th/politics/news_3176435
‘วีระ สมความคิด’ หอบเอกสารร้อง ‘กมธ.ปราบโกง’ สอบ ‘ดร.เอ้’ ชี้เอี่ยวงานวิจัยทำเงินมหาศาล ด้าน ‘เสรีพิศุทธ์’ ยันให้ความเป็นธรรมทุกฝ่าย
เมื่อเวลา 08.30 น. วันที่ 10 กุมภาพันธ์ ที่รัฐสภา นายวีระ สมความคิด เลขาธิการเครือข่ายประชาชนต้านคอร์รัปชั่น ยื่นเอกสารเพิ่มเติมต่อ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย (สร.) ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ (กมธ.ป.ป.ช.) สภาผู้แทนราษฎร และนายธีรัจชัย พันธุมาศ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล (ก.ก.) ในฐานะโฆษก กมธ.ป.ป.ช. กรณีเรื่องร้องเรียน นายสุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ หรือ ดร.เอ้ อดีตอธิการบดีสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) ซึ่งเป็นว่าที่ผู้สมัครผู้ว่าฯกทม.ของพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) มีเหตุอันควรสงสัยว่า ทุจริตต่อหน้าที่และร่ำรวยผิดปกติ
โดยนายวีระกล่าวว่า ได้ทราบจากสื่อมวลชนว่า กมธ.ป.ป.ช.ตรวจสอบนายสุชัชวีร์ จึงนำข้อมูลที่คิดว่าจะเป็นประโยชน์มามอบให้ กมธ.เพื่อใช้ในการตรวจสอบ ซึ่งเอกสารที่เชื่อว่า กมธ.ยังไม่มี เช่น หนังสือกู้ยืมเงินเพื่อไปศึกษาต่อปริญญาเอก และเอกสารการยื่นทรัพย์สินกับ ป.ป.ช.ตั้งแต่ปี 2553 ซึ่งขณะนั้นนายสุชัชวีร์ยังไม่ได้เป็นอธิการบดี แต่เป็นบอร์ดของการรถไฟ โดยทรัพย์สินตอนนั้นไม่น่าจะถึง 10 ล้าน ทั้งนี้ เชื่อว่าหาก กมธ.เชิญบุคคลที่เกี่ยวข้องเหล่านี้มาตรวจสอบ จะตรวจสอบได้อย่างสำเร็จ ซึ่งขอเรียนว่า กับนายสุชัชวีร์ไม่ได้มีปัญหากัน สนับสนุนมาตลอด แต่ที่ต้องมาตรวจสอบเพราะได้รับเรื่องร้องเรียนมาตั้งแต่ปี 2563 ส่วนสาเหตุที่มายื่นตรวจสอบนายสุชัชวีร์ในตอนนี้ ยืนยันว่าไม่ได้ต้องการดิสเครดิตนายสุชัชวีร์ แต่ต้องใช้เวลาในการตรวจสอบ จึงได้นำเอกสารมายื่นกับ กมธ.วันนี้ โดยเอกสารที่นำมายื่นแก่ กมธ. มีรายชื่อบุคคลที่เกี่ยวข้องที่ไม่สามารถระบุชื่อได้ 10 คน นอกจากนั้น ยังมีเรื่องเกี่ยวกับงานวิจัยของมหาวิทยาลัย ซึ่งทำเงินรายได้มหาศาล
ด้าน พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์กล่าวว่า เรื่องนี้มีการร้องเรียนมานานพอสมควร ซึ่งบุคคลที่ร้องเรียนเป็นบุคคลในมหาวิทยาลัยเพียงแต่เขาขอร้องไม่ให้เปิดเผยชื่อ ดังนั้น จึงมีเอกสารหลักฐานพอสมควรในการตรวจสอบ ทั้งนี้ เมื่อบรรจุเข้าระเบียบวาระแล้วได้มอบหมายให้นายธีรัจชัยเป็นผู้รับผิดชอบ ซึ่งในขณะนั้นพรรคก้าวไกลยังไม่ได้ส่งตัวผู้ว่าฯกทม. แต่ปรากฏว่าเมื่อประกาศตัวแล้วมีเสียงซุบซิบว่า เป็นเรื่องการเมืองหรือไม่ ยืนยันว่า ไม่ใช่เรื่องการเมือง แต่เป็นเรื่องการสอบทุจริตประพฤติมิชอบเหมือนบุคคลทั่วไป ต่อมานายธีรัจชัยได้ขอถอนตัวในที่ประชุม กมธ.แล้ว และได้มอบหมายให้นายประเดิมชัย บุญช่วยเหลือ ส.ส.กทม. พรรคเพื่อไทย (พท.) เป็นผู้รับผิดชอบแทน ทั้งนี้ ที่มีข่าวว่า เสรีพิศุทธ์รับสอบเรื่องนี้ ต้องเสร็จเหมือนนายสิระ เจนจาคะ อดีต ส.ส.กทม. พรรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) แน่ ยืนยันว่าไม่ใช่ ให้ความเป็นธรรมกับทุกคน ขอให้ไว้วางใจในเรื่องความเป็นธรรมได้