ขอท้าวความก่อนเลยนะคะ ที่เอามาโพสนี้ต้องการจะเตือนหลายๆคนที่หลงเชื่อการประกาศรับสมัครงานของคลินิกแห่งหนึ่ง ซึ่งเราเองและเพื่อนๆที่ทำงานลงความเห็นกันว่า ควรแชร์ลงในพันทิป เผื่อประโยชน์ต่อบางท่าน
มีช่วงนึงโควิดหนัก หลายบริษัทต้อง Lay out พนักงานออก และหลายคนต้องเปลี่ยนงานและหางานใหม่ เราเองไปเจอโพสของคลินิกแห่งหนึ่ง ประกาศรับสมัครงาน ผู้ช่วยแพทย์ เงินเดือน รวมรายได้รวม 30,000++ ถึง 60.000++ สวัสดิการ
- วันหยุดประจำ 6 วัน/เดือน
- ประกันสังคม
- สิทธิลาป่วย/ลากิจ
- วันหยุดนักชัตฤกษ์
- ส่วนลด สำหรับครอบครัวและพนักงาน
ซึ่งตั้งแต่เข้างานมา เราได้สวัสดิการแค่ วันหยุดประจำ อาทิตย์ละ 1 ครั้ง (เราไม่แน่ใจว่ามันเรียกว่าสวัสดิการหรือเปล่า) ได้ประกันสังคม เท่านั้น !!!!
สิทธิลาป่วย ต้องมีใบรับรองแพทย์พร้อมเขียนใบลาทุกครั้ง แม้ว่าจะเหตุสุดวิสัย ไม่สบายขอลาครึ่งวันก็ตาม วันหยุดนักขัตฤกษ์ มีแค่ปีใหม่ ถ้าใครมาทำงานวันหยุดได้ 1.5 แรง แต่ส่วนมากคนที่มาทำคือวันทำงานปกติอยู่แล้ว และไม่สามารถเก็บวันหยุดนักขัตฤกษ์ได้ ส่วนลดสำหรับครอบครัวและพนักงานไม่แน่ใจว่าสามารถลดส่วนไหนได้ เพราะหมอไม่ให้พนักงานตัวเองทำการหัตกรรมในคลินิก ยกเว้น *** ช่วงเทรนใช้เครื่องมือ ให้พนักงานทำได้แค่ดูดสิวเสี้ยว เจาะสิวเล็กๆน้อยๆ และไม่ให้ใช้ยาชา เด็ดขาด
การลากิจ ไม่มี หากขอลาจำเป็นต้องบอกรายละเอียดว่าไปไหน ทำอะไร แม่เราบอกไปทำธุระ หมอก็จะถามต่อว่า ไปทำอะไร จนเราต้องตอบ และเราลาได้ แต่หักเงินจากเงินเดือน บางคนเคยลาต่อจากปิดปีใหม่ อีก 1 วัน พอเงินเดือนออก หมอแจ้งว่าหัก 2 แรงเพราะไม่บอกก่อน ทั้งๆที่ก็แจ้งก่อน 1 วัน และพนักงานยอมโดนหัก 1 แรงตามปกติที่หมอหัก และหมอไม่มีการแจ้งก่อนว่าหลังปีใหม่จะต้องหัก 2 แรง
เรื่องหักเงิน **** หักเก่งมาก ทำผิดอะไรก็จะแจ้งว่าจะหักเงิน เช่น เข้าห้องน้ำทิ้งเคาท์เตอร์หน้าร้าน (ทั้งๆที่ตอนนั้นก็มีพนักงานออฟฟิศอยู่ และปิดเคสความงาม เพราะเนื่องจากหมอไม่เข้าและที่คลินิกรับดูแลผู้ป่วยโควิดที่รักษาตัวที่บ้าน ผู้ป่วยค่อนข้างมาก เลยปิดเคสความงามไป) , ทุกๆวันผู้ป่วยจะต้องส่งรายงานมาทางไลน์ เราเป็นคนตาม ผู้ป่วยบางคนตามยากมากจนเลิกงานก็ยังไม่รายงาน และบางทีก็ลืมใส่รายงานผู้ป่วย (ซึ่งใส่ย้อนหลังได้) ก็หักเงินอีก , เข้าประชุมกับหน่วยงาน สปสช พนักงานก็ทำงานไปด้วย หมอเค้าดูกล้องวงจรปิดบอกไม่ตั้งใจฟัง หักเงิน , พูดถึงหมอ หรือไม่รักองค์กร (ซึ่งไม่เข้าใจว่าค่านี้มาจากไหน) หักเงิน , ไม่อ่านไลน์กรุ้ป หักเงิน หักเงินมาสาย (อันนี้น่าจะปกติ) แต่หัก สาย 1 นาทีหัก 1 ชม. สาย 30 นาที หัก 1 วัน ..... และอะไรอีกมากมาย
***การหักเงินเรื่องไม่รักองค์กร การรักองค์กรก็คือ ต้องรายงานหมอว่า ใครเป็นยังไง***
พนักงานที่โดนกันส่วนมากจะเป็นพนักงานหน้าเคาท์เตอร์ ต้องคอยอยู่ในสายตาหมอตลอด แม้วันที่หมอมาสายหรือไม่ได้มา หมอจะโทรมาที่คลิกนิกและพูดตลอดว่าหมอเห็นหมอดูกล้อง (อยากรู้ว่านายจ้างส่วนมากดูกล้องว่าพนักงานทำอะไรตลอดเวลาแบบนี้ตลอดหรือเปล่า) ส่วนตัวเราและพนักงานคนอื่นๆตั้งแต่ทำงานมาก็ไม่เคยเจอแบบนี้ แต่พวกเราก็ทนเพราะคิดว่าอะไรๆจะดีขึ้น และรอค่าคอม ***ลืมบอก เมื่อเราปิดเคสความงามพนักงานจะได้ค่าคอมจากการดูแลเคสผู้ป่วย ตั้งแต่เคสที่ 21 เป็นต้นไป เคสละ 10 บ. ใช่ฟังไม่ผิด 10 บ. แต่เราต้องลงข้อมูลผู้ป่วย ส่งยา แพคยา รับผู้ป่วยทุกวัน มีให้รับตอนกลางคืนด้วย รับผู้ป่วยตอนกลางคืนจะได้เคสละ 50 บ./คน แต่ก็ไม่ค่อยมีใครอยากทำ เพราะเลิกงาน 20.00 น. กว่าจะกลับถึงบ้าน ตั้งนั่งรับเคสอีกถึงตี 1 คนที่ทำประจำก็จะเป็นคนที่ทำงานตำแหน่งออฟฟิศ เพราะเลิก 19.00 น. กัน คนทำงานออฟฟิศเข้างานเท่ากัน แต่พักได้ 2 รอบ รอบละ 2 ชม. แต่พนักงานเคาท์เตอร์พักได้ 1 ครั้ง รอบนึงไม่เกิน 1 ชม. เท่ากับว่าพนักงานเคาท์เตอร์ทำงาน 10.00 ชม. และกว่าจะได้พักทานข้าวก็ประมาณ 15.00 น.
แต่พวกเราก็ยังทนเพราะค่าคอมจากผู้ป่วยที่เราดูแล แต่แล้วพอใกล้สิ้นเดือนก่อนเงินเดือนออก หมอเรียกคุยแต่ละคน หมอบอกว่าค่าคอมไม่รวมเงินเดือนแต่ละคนจะได้ 6.xxx แต่ละคนจะได้ไม่เท่ากันแล้วแต่วันที่มาทำงาน แต่ค่าคอมจะให้ อีกประมาณ 2 เดือน หลังที่ทำเรื่องเบิกกับทางรัฐบาลได้แล้ว ซึ่งพวกเราไม่เข้าใจว่าทำไมเค้าเพิ่งมาแจ้ง และเราก็ทำงานกันเต็มที่มากๆ ตั้งใจทำงานมาก พูดได้เลยว่าไม่มีวันไหนที่ไม่นึกถึงงานที่ตัวเองได้รับมอบหมาย แต่กลับไม่ได้ค่าคอม ได้แค่เงินเดือน และค่าอื่นๆ เช่น ค่าโทรศัพท์ที่ไว้โทรรับผู้ป่วย ค่ารับผู้ป่วยตอนกลางคืน ค่าตรวจ atk (ก่อนหน้านี้ทางคลินิกให้คนมาลงทะเบียนตรวจ atk และพวกเราจะเป็นคนช่วยกันลงทะเบียน เก็บเอกสาร ทำใบยินยอมต่างๆให้ ทั้งบุคคล และบริษัท) แต่ค่าคอมที่ได้ 666 บ. และมีการหักค่าอื่นๆแล้วแต่ละคน ***นอกจากค่าคอมที่พวกเรายังไม่ได้แล้ว เงินเดือนที่เราเคยได้ จะถูกแบ่งออกเป็น 2 งวด ให้สิ้นเดือน และวันที่ 5 ของแต่ละเดือน ***สรุปเงินเดือนของพวกเรา ถูกแบ่งออกเป็น ส่วนๆ แต่หมอยังพูดอีกว่า แต่เดือนนี้มีคนได้ 50,000 นะจ้ะ ซึ่งเรางงมาก แล้วพวกเราล่ะ ???
จากสิ่งต่างที่เราอดทน กดดันจากการถูกดูจากกล้องเพื่อจับผิดตลอด คำพูดต่อหน้าและลับหลังที่หมอพูดถึงแต่ละคน หมอเคยบอกให้ทุกคนไม่ต้องรักกัน เพราะทุกคนไม่ได้ให้เงินเรา แต่กลับมาหักเงินเราที่ไม่รักองค์กร หมอและแฟนหมอเคยขู่ทุกคนว่า เมื่อก่อนถ้านินทาองค์กรจะสั่งคนไปกระทืบไปตบหน้าบ้าน ซึ่งเราไม่เข้าใจว่า เค้าต้องการอะไรจากพนักงาน และมีอะไรแปลกๆอีกหลายอย่าง มีอาการเหมือนเป็นโควิดแต่ไม่บอกพนักงานแต่ให้พนักงานดูแลตัวเองบอกว่าหมอขอพัก ถ้าใครมีอาการให้กินยาต้านไวรัสเลย ทุกอย่างที่เค้าทำมันปิดไม่อยู่ มันแสดงความเห็นแก่ตัวของเค้ามากๆ
ลูกค้า รวมถึงน้องๆหลายคนที่มาใช้บริการ โปรโมทร้านให้ ทุกอย่างที่หมอทำให้อาจโดนหลอก เค้าอาจจะฉีดอะไรที่ไม่ใช่อย่างที่เค้าบอกให้เรา นี่หรอ จรรยาบรรณหมอ ....????
และพวกเราเลยตัดสินใจออกจากคลินิกนรกนี้พร้อมกัน!!!!! แต่สิ่งที่พวกเรากลัวคือสัญญาขมขู่ที่ เค้าจะปรับพวกเรา 100,000-300,000 บาท หากเราออกก่อนภายในระยะเวลา 3 ปี แต่พวกเราก็ออกมาแล้วแหละ และอยากมาแชร์กับทุกคนๆ และอยากรู้ว่าเรา สามารถฟ้องคลินิกนี้ได้หรือไม่ ขอบคุณค่ะ
รู้สึกโดนเอาเปรียบจากนายจ้าง ต้องมีหลักฐานอะไรบ้างถึงสามารถฟ้องกรมแรงงานได้คะ
มีช่วงนึงโควิดหนัก หลายบริษัทต้อง Lay out พนักงานออก และหลายคนต้องเปลี่ยนงานและหางานใหม่ เราเองไปเจอโพสของคลินิกแห่งหนึ่ง ประกาศรับสมัครงาน ผู้ช่วยแพทย์ เงินเดือน รวมรายได้รวม 30,000++ ถึง 60.000++ สวัสดิการ
- วันหยุดประจำ 6 วัน/เดือน
- ประกันสังคม
- สิทธิลาป่วย/ลากิจ
- วันหยุดนักชัตฤกษ์
- ส่วนลด สำหรับครอบครัวและพนักงาน
ซึ่งตั้งแต่เข้างานมา เราได้สวัสดิการแค่ วันหยุดประจำ อาทิตย์ละ 1 ครั้ง (เราไม่แน่ใจว่ามันเรียกว่าสวัสดิการหรือเปล่า) ได้ประกันสังคม เท่านั้น !!!!
สิทธิลาป่วย ต้องมีใบรับรองแพทย์พร้อมเขียนใบลาทุกครั้ง แม้ว่าจะเหตุสุดวิสัย ไม่สบายขอลาครึ่งวันก็ตาม วันหยุดนักขัตฤกษ์ มีแค่ปีใหม่ ถ้าใครมาทำงานวันหยุดได้ 1.5 แรง แต่ส่วนมากคนที่มาทำคือวันทำงานปกติอยู่แล้ว และไม่สามารถเก็บวันหยุดนักขัตฤกษ์ได้ ส่วนลดสำหรับครอบครัวและพนักงานไม่แน่ใจว่าสามารถลดส่วนไหนได้ เพราะหมอไม่ให้พนักงานตัวเองทำการหัตกรรมในคลินิก ยกเว้น *** ช่วงเทรนใช้เครื่องมือ ให้พนักงานทำได้แค่ดูดสิวเสี้ยว เจาะสิวเล็กๆน้อยๆ และไม่ให้ใช้ยาชา เด็ดขาด
การลากิจ ไม่มี หากขอลาจำเป็นต้องบอกรายละเอียดว่าไปไหน ทำอะไร แม่เราบอกไปทำธุระ หมอก็จะถามต่อว่า ไปทำอะไร จนเราต้องตอบ และเราลาได้ แต่หักเงินจากเงินเดือน บางคนเคยลาต่อจากปิดปีใหม่ อีก 1 วัน พอเงินเดือนออก หมอแจ้งว่าหัก 2 แรงเพราะไม่บอกก่อน ทั้งๆที่ก็แจ้งก่อน 1 วัน และพนักงานยอมโดนหัก 1 แรงตามปกติที่หมอหัก และหมอไม่มีการแจ้งก่อนว่าหลังปีใหม่จะต้องหัก 2 แรง
เรื่องหักเงิน **** หักเก่งมาก ทำผิดอะไรก็จะแจ้งว่าจะหักเงิน เช่น เข้าห้องน้ำทิ้งเคาท์เตอร์หน้าร้าน (ทั้งๆที่ตอนนั้นก็มีพนักงานออฟฟิศอยู่ และปิดเคสความงาม เพราะเนื่องจากหมอไม่เข้าและที่คลินิกรับดูแลผู้ป่วยโควิดที่รักษาตัวที่บ้าน ผู้ป่วยค่อนข้างมาก เลยปิดเคสความงามไป) , ทุกๆวันผู้ป่วยจะต้องส่งรายงานมาทางไลน์ เราเป็นคนตาม ผู้ป่วยบางคนตามยากมากจนเลิกงานก็ยังไม่รายงาน และบางทีก็ลืมใส่รายงานผู้ป่วย (ซึ่งใส่ย้อนหลังได้) ก็หักเงินอีก , เข้าประชุมกับหน่วยงาน สปสช พนักงานก็ทำงานไปด้วย หมอเค้าดูกล้องวงจรปิดบอกไม่ตั้งใจฟัง หักเงิน , พูดถึงหมอ หรือไม่รักองค์กร (ซึ่งไม่เข้าใจว่าค่านี้มาจากไหน) หักเงิน , ไม่อ่านไลน์กรุ้ป หักเงิน หักเงินมาสาย (อันนี้น่าจะปกติ) แต่หัก สาย 1 นาทีหัก 1 ชม. สาย 30 นาที หัก 1 วัน ..... และอะไรอีกมากมาย
***การหักเงินเรื่องไม่รักองค์กร การรักองค์กรก็คือ ต้องรายงานหมอว่า ใครเป็นยังไง***
พนักงานที่โดนกันส่วนมากจะเป็นพนักงานหน้าเคาท์เตอร์ ต้องคอยอยู่ในสายตาหมอตลอด แม้วันที่หมอมาสายหรือไม่ได้มา หมอจะโทรมาที่คลิกนิกและพูดตลอดว่าหมอเห็นหมอดูกล้อง (อยากรู้ว่านายจ้างส่วนมากดูกล้องว่าพนักงานทำอะไรตลอดเวลาแบบนี้ตลอดหรือเปล่า) ส่วนตัวเราและพนักงานคนอื่นๆตั้งแต่ทำงานมาก็ไม่เคยเจอแบบนี้ แต่พวกเราก็ทนเพราะคิดว่าอะไรๆจะดีขึ้น และรอค่าคอม ***ลืมบอก เมื่อเราปิดเคสความงามพนักงานจะได้ค่าคอมจากการดูแลเคสผู้ป่วย ตั้งแต่เคสที่ 21 เป็นต้นไป เคสละ 10 บ. ใช่ฟังไม่ผิด 10 บ. แต่เราต้องลงข้อมูลผู้ป่วย ส่งยา แพคยา รับผู้ป่วยทุกวัน มีให้รับตอนกลางคืนด้วย รับผู้ป่วยตอนกลางคืนจะได้เคสละ 50 บ./คน แต่ก็ไม่ค่อยมีใครอยากทำ เพราะเลิกงาน 20.00 น. กว่าจะกลับถึงบ้าน ตั้งนั่งรับเคสอีกถึงตี 1 คนที่ทำประจำก็จะเป็นคนที่ทำงานตำแหน่งออฟฟิศ เพราะเลิก 19.00 น. กัน คนทำงานออฟฟิศเข้างานเท่ากัน แต่พักได้ 2 รอบ รอบละ 2 ชม. แต่พนักงานเคาท์เตอร์พักได้ 1 ครั้ง รอบนึงไม่เกิน 1 ชม. เท่ากับว่าพนักงานเคาท์เตอร์ทำงาน 10.00 ชม. และกว่าจะได้พักทานข้าวก็ประมาณ 15.00 น.
แต่พวกเราก็ยังทนเพราะค่าคอมจากผู้ป่วยที่เราดูแล แต่แล้วพอใกล้สิ้นเดือนก่อนเงินเดือนออก หมอเรียกคุยแต่ละคน หมอบอกว่าค่าคอมไม่รวมเงินเดือนแต่ละคนจะได้ 6.xxx แต่ละคนจะได้ไม่เท่ากันแล้วแต่วันที่มาทำงาน แต่ค่าคอมจะให้ อีกประมาณ 2 เดือน หลังที่ทำเรื่องเบิกกับทางรัฐบาลได้แล้ว ซึ่งพวกเราไม่เข้าใจว่าทำไมเค้าเพิ่งมาแจ้ง และเราก็ทำงานกันเต็มที่มากๆ ตั้งใจทำงานมาก พูดได้เลยว่าไม่มีวันไหนที่ไม่นึกถึงงานที่ตัวเองได้รับมอบหมาย แต่กลับไม่ได้ค่าคอม ได้แค่เงินเดือน และค่าอื่นๆ เช่น ค่าโทรศัพท์ที่ไว้โทรรับผู้ป่วย ค่ารับผู้ป่วยตอนกลางคืน ค่าตรวจ atk (ก่อนหน้านี้ทางคลินิกให้คนมาลงทะเบียนตรวจ atk และพวกเราจะเป็นคนช่วยกันลงทะเบียน เก็บเอกสาร ทำใบยินยอมต่างๆให้ ทั้งบุคคล และบริษัท) แต่ค่าคอมที่ได้ 666 บ. และมีการหักค่าอื่นๆแล้วแต่ละคน ***นอกจากค่าคอมที่พวกเรายังไม่ได้แล้ว เงินเดือนที่เราเคยได้ จะถูกแบ่งออกเป็น 2 งวด ให้สิ้นเดือน และวันที่ 5 ของแต่ละเดือน ***สรุปเงินเดือนของพวกเรา ถูกแบ่งออกเป็น ส่วนๆ แต่หมอยังพูดอีกว่า แต่เดือนนี้มีคนได้ 50,000 นะจ้ะ ซึ่งเรางงมาก แล้วพวกเราล่ะ ???
จากสิ่งต่างที่เราอดทน กดดันจากการถูกดูจากกล้องเพื่อจับผิดตลอด คำพูดต่อหน้าและลับหลังที่หมอพูดถึงแต่ละคน หมอเคยบอกให้ทุกคนไม่ต้องรักกัน เพราะทุกคนไม่ได้ให้เงินเรา แต่กลับมาหักเงินเราที่ไม่รักองค์กร หมอและแฟนหมอเคยขู่ทุกคนว่า เมื่อก่อนถ้านินทาองค์กรจะสั่งคนไปกระทืบไปตบหน้าบ้าน ซึ่งเราไม่เข้าใจว่า เค้าต้องการอะไรจากพนักงาน และมีอะไรแปลกๆอีกหลายอย่าง มีอาการเหมือนเป็นโควิดแต่ไม่บอกพนักงานแต่ให้พนักงานดูแลตัวเองบอกว่าหมอขอพัก ถ้าใครมีอาการให้กินยาต้านไวรัสเลย ทุกอย่างที่เค้าทำมันปิดไม่อยู่ มันแสดงความเห็นแก่ตัวของเค้ามากๆ
ลูกค้า รวมถึงน้องๆหลายคนที่มาใช้บริการ โปรโมทร้านให้ ทุกอย่างที่หมอทำให้อาจโดนหลอก เค้าอาจจะฉีดอะไรที่ไม่ใช่อย่างที่เค้าบอกให้เรา นี่หรอ จรรยาบรรณหมอ ....????
และพวกเราเลยตัดสินใจออกจากคลินิกนรกนี้พร้อมกัน!!!!! แต่สิ่งที่พวกเรากลัวคือสัญญาขมขู่ที่ เค้าจะปรับพวกเรา 100,000-300,000 บาท หากเราออกก่อนภายในระยะเวลา 3 ปี แต่พวกเราก็ออกมาแล้วแหละ และอยากมาแชร์กับทุกคนๆ และอยากรู้ว่าเรา สามารถฟ้องคลินิกนี้ได้หรือไม่ ขอบคุณค่ะ