เราทำงานอยู่ในช็อปเครื่องสำอางชื่อดังที่โลชั่นห๊อมมมมมมมสุดในสามโลก
แล้วทีนี้พวกพี่ๆเขาก็เล่าเรื่องที่มีลูกค้าคนหนึ่งที่เข้ามาขโมยของในร้าน ช่วงที่ลูกค้าชุลมุนในร้าน หรือช่วงที่พนักงานอยู่นเดียว เนียนไง...หยิบโรลออนใส่กระเป๋า แล้วก็ซื้อของกระจุ๊กกระจิ๊กไป ยังไม่ลืมสะสมแต้มด้วยนะ! (แกร่งเกินไปและ!!)
กล้องเห็น บริษัทรู้ มีชื่อและข้อมูลสมาชิก รู้ว่าเป็นใคร แต่....ไม่ทำอะไร แค่ให้ติดแบล็กลิสและไม่ดำเนินคดี
เราฟังไปฟังมาก็...เอ๊ะ!?
ในเมื่อรู้...ทำไมบริษัทไม่ดำเนินคดีตามกฎหมาย เขาจะได้ไม่ไปทำแบบนี้ที่อื่นหรือกับใครอีก? ทำไมถึงแค่ให้ติดแบล็กลิสแต่ยังซื้อสินค้าได้ต่อ? การแจ้งความดำเนินคดีกับลูกค้าที่ขโมยของทำผิดกฎหมาย มันทำให้ชื่อเสียงบริษัทและแบรนด์ดูแย่ลงขนาดนั้นเลยหรอ?
แต่ที่สงสัยและรู้สึกว่ามัน50/50 คือพนักงานถูกปรับเงินจากเรื่องนี้ เข้าใจนะ แต่ก็ยังเอ๊ะว่าทำไมวะ
เราในฐานะพนักงานขาย..ก็คิดว่ามันไม่แฟร์เลย ที่คุณเลือกหักเงินเราแถมไม่มีการตามจับคนร้ายแต่อย่างใด เรามี2ตา แยกร่างไม่ได้ บางทีเราอยู่ร้านคนเดียวแล้วลูกค้ารุม คนโน้นก็จะเอาคนนี้ก็จะเอา ราคามีแต่ไม่ดูป้ายถามอยู่นั่นแหละอะไรก็ว่ากันไป มันดูไม่ทั่วถึงเพราะงั้นถึงมีกล้องไงจะได้ช่วยกันดู ไม่ใช่มีแค่ให้ออดิทดูเพื่อจับผิดพนักงานว่าวันนี้รีดเสื้อมาหรือเปล่า
แต่อีกมุมนึงก็เข้าใจนายจ้าง...ว่ามันเป็นความบกพร่องในหน้าที่ที่ทำให้ลูกค้าขโมยของไปได้ พนักงงานก็ต้องรับผิดชอบในส่วนของของที่ถูกขโมยไป คนที่หยุดวันเกิดเหตุก็ต้องโดนไปด้วย กลายเป็นว่าคนที่ถูกสอบสวนหาใช่คนร้าย แต่เป็นพนักงาน
เราเคยทำงานขายเครื่องสำอางมาก่อน ทั้งแบบร้านที่เป็นธุรกิจส่วนตัวและแบบร้านสาขา....ร้านแบบธุรกิจส่วนตัวตามอาคารพาณิชย์ หากมีคนขโมยของ เจ้าของร้านตามจับมาเลยแถมค่าปรับเรียกกับคนร้าย2เท่า พนักงานก็จะถูกเน้นย้ำให้ระวังกันมากขึ้น แต่กับบริษัทใหญ่ๆที่มีร้านสาขา กลับเลือกที่จะปรับพนักงานแต่ปล่อยลูกค้าไป ไม่มีการตามหรือดำเนินคดีแต่อย่างใด
มองในฐานะว่าถ้าคุณเป็นพนักงานขายที่อยู่ในร้านที่เกิดเหตุ คุณจะรู้สึกอย่างไรกับการกระทำของบริษัท และในฐานะของนายจ้าง มีมุมมองอย่างไรกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ ถ้าเป็นคุณจะทำอย่างไร???
(มันเป็นมุมมองจากเราคนเดียว ใช้ตัดสินอะไรไม่ได้ แต่อยากรู้ว่าทุกคนคิดยังไงกันกับเรื่องนี้....หากเขียนงงๆก็ต้องขออภัย)
ปล.สำหรับเราลูกค้าไม่ถึงขั้นพระเจ้า "ลูกค้าคือลูกค้า" เราเอาเงินคุณมาคุณเอาของเราไป แลกเปลี่ยนกัน ดีมาดีกลับบนิการจริงใจ ไม่ดีมาก็อดทนเพราะเครื่องแบบค้ำคอ...แค่นั้น
ลูกค้าขโมยของในร้าน พนักงานถูกปรับเงิน
แล้วทีนี้พวกพี่ๆเขาก็เล่าเรื่องที่มีลูกค้าคนหนึ่งที่เข้ามาขโมยของในร้าน ช่วงที่ลูกค้าชุลมุนในร้าน หรือช่วงที่พนักงานอยู่นเดียว เนียนไง...หยิบโรลออนใส่กระเป๋า แล้วก็ซื้อของกระจุ๊กกระจิ๊กไป ยังไม่ลืมสะสมแต้มด้วยนะ! (แกร่งเกินไปและ!!)
กล้องเห็น บริษัทรู้ มีชื่อและข้อมูลสมาชิก รู้ว่าเป็นใคร แต่....ไม่ทำอะไร แค่ให้ติดแบล็กลิสและไม่ดำเนินคดี
เราฟังไปฟังมาก็...เอ๊ะ!?
ในเมื่อรู้...ทำไมบริษัทไม่ดำเนินคดีตามกฎหมาย เขาจะได้ไม่ไปทำแบบนี้ที่อื่นหรือกับใครอีก? ทำไมถึงแค่ให้ติดแบล็กลิสแต่ยังซื้อสินค้าได้ต่อ? การแจ้งความดำเนินคดีกับลูกค้าที่ขโมยของทำผิดกฎหมาย มันทำให้ชื่อเสียงบริษัทและแบรนด์ดูแย่ลงขนาดนั้นเลยหรอ?
แต่ที่สงสัยและรู้สึกว่ามัน50/50 คือพนักงานถูกปรับเงินจากเรื่องนี้ เข้าใจนะ แต่ก็ยังเอ๊ะว่าทำไมวะ
เราในฐานะพนักงานขาย..ก็คิดว่ามันไม่แฟร์เลย ที่คุณเลือกหักเงินเราแถมไม่มีการตามจับคนร้ายแต่อย่างใด เรามี2ตา แยกร่างไม่ได้ บางทีเราอยู่ร้านคนเดียวแล้วลูกค้ารุม คนโน้นก็จะเอาคนนี้ก็จะเอา ราคามีแต่ไม่ดูป้ายถามอยู่นั่นแหละอะไรก็ว่ากันไป มันดูไม่ทั่วถึงเพราะงั้นถึงมีกล้องไงจะได้ช่วยกันดู ไม่ใช่มีแค่ให้ออดิทดูเพื่อจับผิดพนักงานว่าวันนี้รีดเสื้อมาหรือเปล่า
แต่อีกมุมนึงก็เข้าใจนายจ้าง...ว่ามันเป็นความบกพร่องในหน้าที่ที่ทำให้ลูกค้าขโมยของไปได้ พนักงงานก็ต้องรับผิดชอบในส่วนของของที่ถูกขโมยไป คนที่หยุดวันเกิดเหตุก็ต้องโดนไปด้วย กลายเป็นว่าคนที่ถูกสอบสวนหาใช่คนร้าย แต่เป็นพนักงาน
เราเคยทำงานขายเครื่องสำอางมาก่อน ทั้งแบบร้านที่เป็นธุรกิจส่วนตัวและแบบร้านสาขา....ร้านแบบธุรกิจส่วนตัวตามอาคารพาณิชย์ หากมีคนขโมยของ เจ้าของร้านตามจับมาเลยแถมค่าปรับเรียกกับคนร้าย2เท่า พนักงานก็จะถูกเน้นย้ำให้ระวังกันมากขึ้น แต่กับบริษัทใหญ่ๆที่มีร้านสาขา กลับเลือกที่จะปรับพนักงานแต่ปล่อยลูกค้าไป ไม่มีการตามหรือดำเนินคดีแต่อย่างใด
มองในฐานะว่าถ้าคุณเป็นพนักงานขายที่อยู่ในร้านที่เกิดเหตุ คุณจะรู้สึกอย่างไรกับการกระทำของบริษัท และในฐานะของนายจ้าง มีมุมมองอย่างไรกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ ถ้าเป็นคุณจะทำอย่างไร???
(มันเป็นมุมมองจากเราคนเดียว ใช้ตัดสินอะไรไม่ได้ แต่อยากรู้ว่าทุกคนคิดยังไงกันกับเรื่องนี้....หากเขียนงงๆก็ต้องขออภัย)
ปล.สำหรับเราลูกค้าไม่ถึงขั้นพระเจ้า "ลูกค้าคือลูกค้า" เราเอาเงินคุณมาคุณเอาของเราไป แลกเปลี่ยนกัน ดีมาดีกลับบนิการจริงใจ ไม่ดีมาก็อดทนเพราะเครื่องแบบค้ำคอ...แค่นั้น