ส่วนตัวเคยทำงานสายวิจัยทั้งในมหาวิทยาลัย และส่วนราชการ (กรม กอง กระทรวงต่างๆ)
.
ในมหาวิทยาลัย เงิน 100 บาทจะถูกนำไปใช้ให้กับนักวิจัย เพื่อทำงานวิจัย 90% และอีก 10% จะเข้าไปเพื่อพัฒนามหาวิทยาลัยมีบิล หักได้จากระบบ มีรายการชัดเจน การทำงานมีอิสระ นักวิจัยสามารถสร้างบัณฑิต ป.โท ป.เอก ได้ มีผลงานวิจัย ตีพิมพ์ระดับที่มีงานคุณภาพ ไม่มีมีการแทรกแซงของผู้ใหญ่ หรือมีก็น้อย ทำให้ผู้ให้ทุนส่งงบวิจัยไปยังมหาวิทยาลัยมากกว่ากรม กอง กระทรวง ต่างๆ
.
ส่วนในบางหน่วยงาน เงิน 100 บาท จะถูกใช้ไปอะไรบางมาดูกัน 1. 30% บางแห่ง 40% จะถูกขอโดยหัวหน้าส่วนราชการเพื่อเอาไว้จ้างคนงานกลาง ส่วนนี้เอาเข้าจริงๆมาอธิบายเหมือนเผาบ้านตัวเอง เพราะระบบเป็นเช่นนี้มานานมาก ส่วนนี้ไม่มีบิล ไม่มีรายการชัดเจน เป็นการขอกันดื่อๆ ถ้าคุณไม่ให้คุณอยู่ลำบาก ไม่หักในระบบของเงินสดหรือเป็นการจ้างคนให้ เช่น คนดูแลสถานที่ คนงานของส่วนการที่เอาไว้ทำเอกสาร หรือแม้แต่แม่บ้าน 2. 70% จะนำไปใช้ในการทำวิจัย ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการจ้างคนงานเพื่อทำงานให้ เช่น คนดูแลแปลง คนช่วยวิจัย ซึ่งบางครั้ง ส่วนราชการต้นสังกัดอาจมาของใช้ในส่วนนี้ด้วยอีกครั้ง กรณี 30% ไม่พอใช้ งานวิจัยที่ได้คือ ได้มีการสร้างงานในกับคนรอบที่หน่วยงาน แต่เป็นแรงงานไร้ทักษะ ไร้สวัสดิการ ไร้อนาคตเมื่อปีต่อไปงบประมาณไม่พอจ้าง ผลงานวิจัยที่ออกมาแล้วแต่ความสามารถของนักวิจัยที่จะกัดฟันทำออกมาได้หรือไม่ แต่คนก็มักจะไม่ค่อยเสนองานเพราะยิ่งได้งบวิจัยมาก ยิ่งล่อเป้ามาก นับวันคนอยู่ยิ่งจะหมดไฟ และอยู่นิ่งๆรอคนโยนงานมาให้ ยังไงก็ไม่โดนไล่ออก เงินเดือนก็ได้รับปกติ และเยอะขึ้นเรื่อยๆอีกซะด้วย เพราะไม่ต้องมาทะเลาะกับหัวหน้าส่วนราชการ
.
จึงมีคำถามว่า เงินงบประมาณวิจัย ที่ให้ไปของส่วนราชการถูกใช้ไปอย่างมีประสิทธิภาพหรือไม่ นี้เอาเฉพาะที่เป็นเงินวิจัยอย่างเดียว ยังไม่คิดถึงเงินอื่นๆ หากส่วนราชการไหนไม่เป็นเช่นที่กล่าวมาก็ขออภัย และยินดีกับท่านที่ได้ทำงานที่ดีมากครับ และอยากเชิญชวนนักวิจัยมาร่วมแชร์ประสบการณ์ในการบริหารงานวิจัยกันครับว่า แต่ละพบเจออะไรเหมือน จขกท. เจอมาหรือไม่
งบประมาณวิจัย 100 บาท เมื่อลงไปส่วนราชการ กับมหาวิทยาลัยต่างกันอย่างไร?
.
ในมหาวิทยาลัย เงิน 100 บาทจะถูกนำไปใช้ให้กับนักวิจัย เพื่อทำงานวิจัย 90% และอีก 10% จะเข้าไปเพื่อพัฒนามหาวิทยาลัยมีบิล หักได้จากระบบ มีรายการชัดเจน การทำงานมีอิสระ นักวิจัยสามารถสร้างบัณฑิต ป.โท ป.เอก ได้ มีผลงานวิจัย ตีพิมพ์ระดับที่มีงานคุณภาพ ไม่มีมีการแทรกแซงของผู้ใหญ่ หรือมีก็น้อย ทำให้ผู้ให้ทุนส่งงบวิจัยไปยังมหาวิทยาลัยมากกว่ากรม กอง กระทรวง ต่างๆ
.
ส่วนในบางหน่วยงาน เงิน 100 บาท จะถูกใช้ไปอะไรบางมาดูกัน 1. 30% บางแห่ง 40% จะถูกขอโดยหัวหน้าส่วนราชการเพื่อเอาไว้จ้างคนงานกลาง ส่วนนี้เอาเข้าจริงๆมาอธิบายเหมือนเผาบ้านตัวเอง เพราะระบบเป็นเช่นนี้มานานมาก ส่วนนี้ไม่มีบิล ไม่มีรายการชัดเจน เป็นการขอกันดื่อๆ ถ้าคุณไม่ให้คุณอยู่ลำบาก ไม่หักในระบบของเงินสดหรือเป็นการจ้างคนให้ เช่น คนดูแลสถานที่ คนงานของส่วนการที่เอาไว้ทำเอกสาร หรือแม้แต่แม่บ้าน 2. 70% จะนำไปใช้ในการทำวิจัย ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการจ้างคนงานเพื่อทำงานให้ เช่น คนดูแลแปลง คนช่วยวิจัย ซึ่งบางครั้ง ส่วนราชการต้นสังกัดอาจมาของใช้ในส่วนนี้ด้วยอีกครั้ง กรณี 30% ไม่พอใช้ งานวิจัยที่ได้คือ ได้มีการสร้างงานในกับคนรอบที่หน่วยงาน แต่เป็นแรงงานไร้ทักษะ ไร้สวัสดิการ ไร้อนาคตเมื่อปีต่อไปงบประมาณไม่พอจ้าง ผลงานวิจัยที่ออกมาแล้วแต่ความสามารถของนักวิจัยที่จะกัดฟันทำออกมาได้หรือไม่ แต่คนก็มักจะไม่ค่อยเสนองานเพราะยิ่งได้งบวิจัยมาก ยิ่งล่อเป้ามาก นับวันคนอยู่ยิ่งจะหมดไฟ และอยู่นิ่งๆรอคนโยนงานมาให้ ยังไงก็ไม่โดนไล่ออก เงินเดือนก็ได้รับปกติ และเยอะขึ้นเรื่อยๆอีกซะด้วย เพราะไม่ต้องมาทะเลาะกับหัวหน้าส่วนราชการ
.
จึงมีคำถามว่า เงินงบประมาณวิจัย ที่ให้ไปของส่วนราชการถูกใช้ไปอย่างมีประสิทธิภาพหรือไม่ นี้เอาเฉพาะที่เป็นเงินวิจัยอย่างเดียว ยังไม่คิดถึงเงินอื่นๆ หากส่วนราชการไหนไม่เป็นเช่นที่กล่าวมาก็ขออภัย และยินดีกับท่านที่ได้ทำงานที่ดีมากครับ และอยากเชิญชวนนักวิจัยมาร่วมแชร์ประสบการณ์ในการบริหารงานวิจัยกันครับว่า แต่ละพบเจออะไรเหมือน จขกท. เจอมาหรือไม่