คือ ผม เพิ่งอายุ 13 จะ 14 มีนาคมนี้อะครับ แล้วคือตอนนี้อะ ที่ผมอยากมีแฟนอะ มันเป็นเพราะ ปัจจัยที่ต้องการคนเข้าใจอะครับ เพราะ พ่อแม่เนี่ย เขาดูจะช่วยอะไรผมไม่ได้เลย ถ้าผมบอกเขาเรื่องปัญหาชีวิตไปเนี่ย เขาคงจะตัดบทง่ายๆแบบ ให้รอในอนาคตก็รู้เอง และคงคิดในใจว่าไร้สาระด้วย ผมก็เลยต้องเสแสร้งทำเป็นร่าเริง ยิ้มต่อหน้าทุกคน แต่เมื่อไหร่ที่อยู่คนเดียวเท่านั้นแหละ ร้องไห้ ทำร้ายตัวเอง ด่าตัวเอง เกลียดตัวเอง ที่มันเกิดมาทำอะไรไม่เก่งสักอย่าง
สเก็ตบอร์ดก็เล่นได้แค่ไม่กี่สิบท่า ได้ถึงแค่อลลี่
บาสก็วิ่งชู้ตสามแต้มแม่นๆก็ไม่ค่อยจะลง
เรียนก็ได้เกรด 4 มาโดยฉลาดเกมส์โกงทั้งที่ที่จริงเนี่ยมันแทบเรียนไม่เจ้าหัวสักนิด
แบตก็ตีชนะแค่วัยเดียวกัน
หรือวิ่งมันก็แค่เร็วที่สุดในห้องแต่มันไม่ได้สุดในโรงเรียน
เล่นเกมอย่างอาโอวีเงี้ยฝีมือยังระดับแค่คอนต้นๆเลย ผมมันโครตกากในทุกด้านเลย
ขนาดปกป้องแมวของตัวเองให้มีชีวิตก็ทำไม่ได้ ทำเป็นไม่รู้ร้อนรู้หนาว นอนกลิ้งอยู่ที่ห้องทั้งที่แมวที่เรารักที่สุดต้องทรมาณกับการโดนงูรัด แถมพอได้ยินความจริง ลงไปเห็นกู้ภัยจับงูยังมีหน้ามาตื่นเต้นหัวเราะตกใจอีก รู้แล้วจริงๆใช่ไหมว่าแมวนอนตายอยู่ในสวนเนี่ย ต้องให้เห็นศพถึงหลั่งน้ำตา
คือคนที่อ่านอะจะดูถูกผม เหยียดผมยังไงก็ดะ คือ อยากมาถามคำถามแล้วก็ระบายอารมณ์ไปด้วยจริงๆ เพราะในทุกวันนี้ยังต้องมานอนกอดตุ๊กตา คุยกับตุ๊กตา และมองว่ามันเป็นเพื่อนแท้เพียงคนเดียวที่ฟังเราพูดอะไรก็ไม่เคยบ่นแล้วยิ้มตอบกลับมาเสมอ ผมก็คงไม่กล้าทิ้งมันอีกแล้วล่ะ
ระบายอารมณ์ไปแล้วก็ขอเข้าเรื่องต่อ คือ ตอนนี้ผมมีคนที่คุยด้วยมาตั้งแต่ตอนอยู่ประถมเนี่ยแหละ ถึงตอนนี้จะอยู่คนละโรงเรียนกัน แต่ก็พึ่งจะกลับมาคุยกัน เอาง่ายๆ เหมือนตอนประถมเราก็คุยกันถูกคออยู่แล้วล่ะ แค่ตอนนั้นผมมันโง่ยิ่งกว่าตอนนี้อีก เลยไม่เข้าใจหรอกว่าความรักมันเป็นยังไง ถึงตอนนี้ก็ยังไม่รู้เลยว่าตัวเองรู้จักความรักจริงไหม เพียงแค่ผมอะแค่ชอบเพื่อนคนนั้นเพียงเพราะ ดูซื่อสัตย์ อ่อนโยน ร่าเริง ยิ้มง่าย พร้อมรับฟังคนอื่น ขี้อาย ไม่มั่นใจในตัวเอง หัวไม่ค่อยทันเพื่อน แคร์คนอื่นมาก มีความฉลาดทางอารมณ์พอสมควร เด๋อๆหน่อยด้วย คือนิสัยที่คุณคิดว่าเป็นข้อเสียกันเนี่ย สำหรับผมผมคิดว่ามันคือข้อดีแหละ เพราะขี้อาย มันเชื่อมโยงมาจากการที่ไม่มั่นใจในตัวเอง ผมที่ไม่มั่นใจในตัวเองเหมือนกัน ก็เลยรู้ว่าคนขี้อายน่ะมันเป็นยังไง ผมเคยเป็นแล้วผ่านจุดนั้นมา แต่ผ่านมาผิดทาง จากที่ควรจะกลับมาในจุดที่มีเพียงคำว่า
" ไม่มั่นใจในตัวเอง " มาเป็นคำว่า " ขี้วิตกกังวล " แทน
ซึ่งมันผ่านมาจริงๆ ไม่ได้ย้อนกลับ เพียงแค่มาผิดทางแล้วย้อนกลับได้ยากกว่าเดิมเพียงเท่านั้นเอง ผมก็เลยอยากให้เพื่อนผมคนนั้นอ่ะ ไปเป็นคนที่มั่นใจในตัวเองจริงๆ เพราะ ไม่อยากให้เขาบ้าเหมือนผมในตอนนี้ที่มองโลกแง่ลบ ไปเป็นคนที่มองโลกในแง่บวกแล้วพาผมออกจากความ " จิตตก " ในจุดที่ยืนอยู่นี้จริงๆ เพราะผมเชื่อใจอยู่แล้วว่าเขาจะต้องดึงผมกลับมาด้วยกัน เพราะ ผมเพียงคนเดียว ยิ่งอยู่ในจุดที่ " ขี้วิตกกังวล " นานเท่าไหร่ ก็ยิ่งถลำลึกเข้าไปเท่านั้น แล้วก็นะ ข้อดีทั้งหมดเนี่ย ผมชอบในจุดที่ซื่อสัตย์ และร่าเริงอยู่แล้วแหละนะ แต่คำว่าซื่อสัตย์สำหรับผม โตไปผมก็คงไม่มั่นใจว่าจะเปลี่ยนไปไหมอยู่ดี แต่ผมเชื่อใจในตอนนี้นะครับว่า เพื่อนผมในตอนนี้เขาคงจะซื่อสัตย์และเป็นที่ปรึกษาให้กับผมได้ ที่ผมคิดงี้ เพราะ ผมอาจจะไม่เคยถูกหักหลังจากคนรักหรอกนะ
ผมยังไม่ได้พูดใช่ไหมว่าทำไมผมถึงมั่นใจว่าเขาชอบผมเหมือนกัน นั่นก็ เพราะ เขาหยอดผมบ่อยมาก ทักหาผมเป็นประจำ คุยทีไหลเป็นชั่วโมง คือ คุยแล้วสนุกอะนะ ก็แค่ประมาณนี้แหละนะ คือความรู้สึกมันบอกว่าใช่แหละ เพราะ เขาก็เกร็งๆเหมือนผมเวลาคุยกัน เขินๆเหมือนกัน ก็เลยมั่นใจได้แหละ เพราะ คุยกันจนรู้ไส้รู้พุงกันหมดละ รู้สันดานกันอะว่าง่ายๆ และผมเนี่ย ความคิดมันอาจจะเด็กก็เหอะ เพราะ ผมยังไม่เข้าใจโลกมากนักด้วยแหละ
ความรักที่ผมคิด มันก็แบบ ร่วมสุขร่วมทุกข์ เป็นที่ปรึกษาของกันและกัน มีความไว้ใจกัน เข้าใจกันและกัน ยอมเสียบางสิ่งเพื่อให้คนที่รักนั้นมีความสุข และ ยอมทำทุกอย่างที่สามารถทำให้อีกฝ่ายมีความสุขได้ ถึงจะเป็นความรักที่ดูจืดชืด ไม่โรแมนติก ไม่หวานกันมาก แต่ผมว่ามันมั่นคง แล้วสบายใจมากกว่านะ เพราะ ความสุขของผมเป็นเพียงแค่ทำทุกอย่างให้คนอื่นมีความสุข ถึงแม้ว่าเราจะทุกข์แทน แต่ถ้าทำให้คนอื่นยิ้มได้แค่นั้นก็เพียงพอ
แล้วก็ที่ผมถามว่ามันผิดมากไหมครับที่ผมอยากจะมีแฟนในช่วงนี้อ่ะครับ ถึงความคิดผมจะเด็กแต่ก็อย่าว่าผมให้มันมากนักนะครับ ยิ่งขี้กังวลกับทุกเรื่องอยู่ ขอความกรุณาด้วยครับ ถึงผมจะเขียนยืดยาวเพราะเป็นที่ใส่ใจรายละเอียดที่คนอาจจะสงสัยในบางจุดก็เลยใส่มาหมดเลยมันเลยยาวนะครับ ถ้าผมเขียนไม่ครบในจุดไหนหรือสงสัยอะไรในคำถามผมก็คอมเม้นแล้วผมจะไปตอบนะครับ
การที่ผมอยากจะมีแฟนตอนอายุ 13 มันผิดมากไหมครับ?
สเก็ตบอร์ดก็เล่นได้แค่ไม่กี่สิบท่า ได้ถึงแค่อลลี่
บาสก็วิ่งชู้ตสามแต้มแม่นๆก็ไม่ค่อยจะลง
เรียนก็ได้เกรด 4 มาโดยฉลาดเกมส์โกงทั้งที่ที่จริงเนี่ยมันแทบเรียนไม่เจ้าหัวสักนิด
แบตก็ตีชนะแค่วัยเดียวกัน
หรือวิ่งมันก็แค่เร็วที่สุดในห้องแต่มันไม่ได้สุดในโรงเรียน
เล่นเกมอย่างอาโอวีเงี้ยฝีมือยังระดับแค่คอนต้นๆเลย ผมมันโครตกากในทุกด้านเลย
ขนาดปกป้องแมวของตัวเองให้มีชีวิตก็ทำไม่ได้ ทำเป็นไม่รู้ร้อนรู้หนาว นอนกลิ้งอยู่ที่ห้องทั้งที่แมวที่เรารักที่สุดต้องทรมาณกับการโดนงูรัด แถมพอได้ยินความจริง ลงไปเห็นกู้ภัยจับงูยังมีหน้ามาตื่นเต้นหัวเราะตกใจอีก รู้แล้วจริงๆใช่ไหมว่าแมวนอนตายอยู่ในสวนเนี่ย ต้องให้เห็นศพถึงหลั่งน้ำตา
คือคนที่อ่านอะจะดูถูกผม เหยียดผมยังไงก็ดะ คือ อยากมาถามคำถามแล้วก็ระบายอารมณ์ไปด้วยจริงๆ เพราะในทุกวันนี้ยังต้องมานอนกอดตุ๊กตา คุยกับตุ๊กตา และมองว่ามันเป็นเพื่อนแท้เพียงคนเดียวที่ฟังเราพูดอะไรก็ไม่เคยบ่นแล้วยิ้มตอบกลับมาเสมอ ผมก็คงไม่กล้าทิ้งมันอีกแล้วล่ะ
ระบายอารมณ์ไปแล้วก็ขอเข้าเรื่องต่อ คือ ตอนนี้ผมมีคนที่คุยด้วยมาตั้งแต่ตอนอยู่ประถมเนี่ยแหละ ถึงตอนนี้จะอยู่คนละโรงเรียนกัน แต่ก็พึ่งจะกลับมาคุยกัน เอาง่ายๆ เหมือนตอนประถมเราก็คุยกันถูกคออยู่แล้วล่ะ แค่ตอนนั้นผมมันโง่ยิ่งกว่าตอนนี้อีก เลยไม่เข้าใจหรอกว่าความรักมันเป็นยังไง ถึงตอนนี้ก็ยังไม่รู้เลยว่าตัวเองรู้จักความรักจริงไหม เพียงแค่ผมอะแค่ชอบเพื่อนคนนั้นเพียงเพราะ ดูซื่อสัตย์ อ่อนโยน ร่าเริง ยิ้มง่าย พร้อมรับฟังคนอื่น ขี้อาย ไม่มั่นใจในตัวเอง หัวไม่ค่อยทันเพื่อน แคร์คนอื่นมาก มีความฉลาดทางอารมณ์พอสมควร เด๋อๆหน่อยด้วย คือนิสัยที่คุณคิดว่าเป็นข้อเสียกันเนี่ย สำหรับผมผมคิดว่ามันคือข้อดีแหละ เพราะขี้อาย มันเชื่อมโยงมาจากการที่ไม่มั่นใจในตัวเอง ผมที่ไม่มั่นใจในตัวเองเหมือนกัน ก็เลยรู้ว่าคนขี้อายน่ะมันเป็นยังไง ผมเคยเป็นแล้วผ่านจุดนั้นมา แต่ผ่านมาผิดทาง จากที่ควรจะกลับมาในจุดที่มีเพียงคำว่า
" ไม่มั่นใจในตัวเอง " มาเป็นคำว่า " ขี้วิตกกังวล " แทน
ซึ่งมันผ่านมาจริงๆ ไม่ได้ย้อนกลับ เพียงแค่มาผิดทางแล้วย้อนกลับได้ยากกว่าเดิมเพียงเท่านั้นเอง ผมก็เลยอยากให้เพื่อนผมคนนั้นอ่ะ ไปเป็นคนที่มั่นใจในตัวเองจริงๆ เพราะ ไม่อยากให้เขาบ้าเหมือนผมในตอนนี้ที่มองโลกแง่ลบ ไปเป็นคนที่มองโลกในแง่บวกแล้วพาผมออกจากความ " จิตตก " ในจุดที่ยืนอยู่นี้จริงๆ เพราะผมเชื่อใจอยู่แล้วว่าเขาจะต้องดึงผมกลับมาด้วยกัน เพราะ ผมเพียงคนเดียว ยิ่งอยู่ในจุดที่ " ขี้วิตกกังวล " นานเท่าไหร่ ก็ยิ่งถลำลึกเข้าไปเท่านั้น แล้วก็นะ ข้อดีทั้งหมดเนี่ย ผมชอบในจุดที่ซื่อสัตย์ และร่าเริงอยู่แล้วแหละนะ แต่คำว่าซื่อสัตย์สำหรับผม โตไปผมก็คงไม่มั่นใจว่าจะเปลี่ยนไปไหมอยู่ดี แต่ผมเชื่อใจในตอนนี้นะครับว่า เพื่อนผมในตอนนี้เขาคงจะซื่อสัตย์และเป็นที่ปรึกษาให้กับผมได้ ที่ผมคิดงี้ เพราะ ผมอาจจะไม่เคยถูกหักหลังจากคนรักหรอกนะ
ผมยังไม่ได้พูดใช่ไหมว่าทำไมผมถึงมั่นใจว่าเขาชอบผมเหมือนกัน นั่นก็ เพราะ เขาหยอดผมบ่อยมาก ทักหาผมเป็นประจำ คุยทีไหลเป็นชั่วโมง คือ คุยแล้วสนุกอะนะ ก็แค่ประมาณนี้แหละนะ คือความรู้สึกมันบอกว่าใช่แหละ เพราะ เขาก็เกร็งๆเหมือนผมเวลาคุยกัน เขินๆเหมือนกัน ก็เลยมั่นใจได้แหละ เพราะ คุยกันจนรู้ไส้รู้พุงกันหมดละ รู้สันดานกันอะว่าง่ายๆ และผมเนี่ย ความคิดมันอาจจะเด็กก็เหอะ เพราะ ผมยังไม่เข้าใจโลกมากนักด้วยแหละ
ความรักที่ผมคิด มันก็แบบ ร่วมสุขร่วมทุกข์ เป็นที่ปรึกษาของกันและกัน มีความไว้ใจกัน เข้าใจกันและกัน ยอมเสียบางสิ่งเพื่อให้คนที่รักนั้นมีความสุข และ ยอมทำทุกอย่างที่สามารถทำให้อีกฝ่ายมีความสุขได้ ถึงจะเป็นความรักที่ดูจืดชืด ไม่โรแมนติก ไม่หวานกันมาก แต่ผมว่ามันมั่นคง แล้วสบายใจมากกว่านะ เพราะ ความสุขของผมเป็นเพียงแค่ทำทุกอย่างให้คนอื่นมีความสุข ถึงแม้ว่าเราจะทุกข์แทน แต่ถ้าทำให้คนอื่นยิ้มได้แค่นั้นก็เพียงพอ
แล้วก็ที่ผมถามว่ามันผิดมากไหมครับที่ผมอยากจะมีแฟนในช่วงนี้อ่ะครับ ถึงความคิดผมจะเด็กแต่ก็อย่าว่าผมให้มันมากนักนะครับ ยิ่งขี้กังวลกับทุกเรื่องอยู่ ขอความกรุณาด้วยครับ ถึงผมจะเขียนยืดยาวเพราะเป็นที่ใส่ใจรายละเอียดที่คนอาจจะสงสัยในบางจุดก็เลยใส่มาหมดเลยมันเลยยาวนะครับ ถ้าผมเขียนไม่ครบในจุดไหนหรือสงสัยอะไรในคำถามผมก็คอมเม้นแล้วผมจะไปตอบนะครับ