อุทาหรณ์เมื่อฉันหยุดยาเอง และกลับมาเป็นโรควิตกกังวลครั้งที่ 3

....ปี 2556 เกริ่นก่อนเลยว่าครั้งแรกที่เราเป็นโรควิตกกังวล เกิดจากเราปวดท้องกินยาก็ไม่หาย ลองค้นกูเกิลดู อาการเข้าข่ายมะเร็งลำไส้ทุกข้อ เริ่มเครียด ร้องไห้ วิตกกังวล กลัวตอนเช้า อยากให้เป็นกลางคืน อยากอยู่เงียบๆ สุดท้ายไปหาหมอสรุปกระเพาะแค่ติดเชื้อแบคทีเรีย แต่เรามีอาการใจสั่นเพิ่มมา เลยถูกส่งตัวไปหาหมอจิตเวช หมอบอกเราไม่ได้เป็นซึมเศร้า แต่เป็นการปรับตัวไม่ทันแล้วทำให้วิตกกังวล กลัวตายไรงี้  หมอให้ยาฟลูล็อกซ์มา 1 เม็ด ทานแค่ตอนเช้า และยานอนหลับชนิดเบา ลอร่าซีแพม ครึ่งเม็ด สองอาทิตย์เราก็กลับมาโลกสดใสเหมือนเดิม กระเพาะก็ค่อยๆรักษาไปทีละขั้นตอน กินยาได้ 2 เดือนกว่า เราก็หยุดยาเองจ้าเพราะคิดว่าหายแล้ว ซึ่งมันไม่ควรอย่างยิ่ง!!!!

....ปี2558 หลังจากปี 56 มาเราก็ปกตินะ ใช้ชีวิตร่าเริง จนกลับมาจากอเมริกา เราไปสมัครงานเป็นครู แต่คือเรารับสังคมในนั้นไม่ได้ มันเครียดและกดดัน มีการแบ่งฝักแบ่งฝ่ายกัน ไม่มีใครคุยกับครูใหม่ ถึงมีก็แค่คนสองคน เราเครียดมาก กลับจากทำงานร้องไห้ทุกวัน จนเริ่มมีอาการใจสั่น เรารู้เลยว่า มันมาอีกแล้วอีโรคบ้า แล้วบวกกับนอนไม่หลับ คือเครียด โทรม อยากลาออก เลยตัดสินใจลาออกเมื่อทำได้แค่สองอาทิตย์ พอลาออกก็อารมณ์แบบคนตกงาน คิดไปไกลว่าชีวิตจะไม่ประสบความสำเร็จ เครียดจนมือจีบเกร็ง สุดท้ายกลับไปหาหมอจิตเวชท่านเดิม  หมอบอกว่าคราวนี้อย่าหยุดยาเองอีกนะคะ แต่ก็ยังตีว่าเราเป็นแค่วิตกกังวล เพราะพอเราได้งานใหม่อีกสองอาทิตย์ต่อมา เราก็ร่าเริงเหมือนเดิม  แต่ยังคงมีอาการใจสั่นต่ำๆอยู่ สุดท้ายกินยาไปได้ 5 เดือน ก็หยุดยาเองอีก เปลี่ยนจากกินทุกวันเป็นวันเว้นวัน ขี้เกียจไปหาหมอ จนปี 60 ก็เลิกกินยาถาวร

เอฟเฟกต์ครั้งใหญ่จากการหยุดยาเองรอบที่ 2 ทำให้เราจำจนถึงทุกวันนี้

......เดี๋ยวมาต่อนะคะ ทำงานแป๊บนึง
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่