.
ในช่วงชีวิตของการทำงานคุณ ๆ จะได้เปลี่ยนหัวหน้ากี่คนโดยที่ไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนงานใหม่ ฉันคนหนึ่งล่ะที่ต้องเจอกับเหตุการณ์แบบนี้
ตั้งแต่ฉันย่างกรายเข้ามาทำอาชีพนี้ ฉันต้องเจอกับการเปลี่ยนแปลงไม่รู้กี่รอบต่อกี่รอบ มันเป็นวัฏจักร มันเป็นเรื่องปกติที่ทุกคนต้องยอมรับและเข้าใจ เป็นข้อบังคับเลยล่ะสำหรับใครที่เข้ามาทำงานอาชีพนี้ ‘มันคือไฟต์บังคับ’
สำหรับฉันเหมือนจะชินแต่ก็ไม่เคยชิน ไม่ชอบการเปลี่ยนแปลงเอาเสียเลย มันเหมือนต้องเริ่มต้นใหม่เสมอ ทั้งที่มันก็เหมือนเดิมนั่นแหละ การทำงาน หน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบ ใครไปใครมาก็เหมือนเดิม เปลี่ยนแค่คน! ก็นั่นไง มันก็คือการเปลี่ยนแปลง ฉันไม่ชอบเลย!
ไม่ชอบที่ต้องมาเรียนรู้นิสัยใจคอกันใหม่ บางคนก็เข้มงวด ต้องเป๊ะทุกอย่าง บางคนก็ตลกไม่เอาการเอางาน บางคนก็เอ้อระเหยลอยชาย ฉันเจอมาหลายรูปแบบ ทว่าถ้าให้ฉันเลือกนะ ไม่ว่าจะเป็นเข้มงวด หรือ ไม่เอาไหน ฉันขอแค่เป็นหัวหน้าผู้ชายก็พอ ผู้หญิงไม่อยากได้ กะเทยก็ไม่ต้องการและทอมด้วย ที่ไม่ค่อยอยากได้
ฉันไม่ได้ด้อยค่าใคร ทุกคนเท่ากัน ความคิดส่วนตัวของฉัน โดยตัวฉันเป็นผู้หญิงแล้ว ฉันจึงต้องการหัวหน้าที่ไม่ใช่ผู้หญิง หรือ กะเทย! เพราะอย่างน้อย ๆ ผู้ชายเขาไม่เข้าใจในความเป็นผู้หญิง ไม่ใช่เรื่องชู้สาวด้วย อย่างมากสนิทกันมาก ๆ ฉันก็คิดแค่พี่น้อง แค่เพื่อนร่วมงานเท่านั้นแหละ ความสนิทมันก็มีหลายระดับน่ะ เข้าใจคำว่าศีลเสมอกันน้อ!
เชื่อเถอะ! ผู้ชายไม่เข้าใจธรรมชาติของผู้หญิงแน่นอน แม้แต่นักวิจัย! เชื่อเถอะมันจะมีจุดบอด จุดเล็ก ๆ หรือ จุดใหญ่ ๆ เลยล่ะ ที่ผู้ชายจะไม่มีวันเข้าใจเรา
อีกอย่างคือการใช้ชีวิต ไลฟ์สไตล์ด้วย อย่างน้อย ๆ ก็ไม่เหมือนกันแล้ว ทำให้การทำงานของฉันมันง่ายขึ้น ลองคิดดูถ้าเป็นผู้หญิงด้วยกัน ซึ่งเข้าใจธรรมชาติของกันและกันเป็นอย่างดี อะไรจะเกิดขึ้น! กะเทยด้วย! เขามีกายเป็นชายแต่ใจเขาเป็นผู้หญิง อะไรจะเกิดขึ้น! อย่างน้อย ๆ ลูกน้องจะสวยเกินหน้าเกินตาก็คงไม่ค่อยจะได้แล้วใช่มั้ย ความคิดส่วนตัวของฉันนะ
เอาล่ะฉันเกริ่นมาไกลเหลือเกิน เรื่องของเรื่องคือ ‘ฉันเปลี่ยนหัวหน้าใหม่อีกแล้ว’ ในความโชคร้ายยังมีความโชคดี คือ ‘หัวหน้าคนใหม่ของฉันเป็นผู้ชาย’ อีกแล้ว! เจอแต่หัวหน้าผู้ชายมานับไม่ถ้วน
ตั้งแต่เป็นน้องใหม่จนตอนนี้กลายเป็นปีศาจไปแล้ว เย้ย! ไม่ใช่! ฉันไม่ได้กลายเป็นปีศาจ หรือ นางมารร้าย หรือ ยัยแม่มดอะไรเลยนะ ฮา ฉันเป็นพี่เลี้ยงสุดสวย เป็นพนักงานรุ่นพี่ที่แสนดีต่างหาก
ตอนนี้ฉันก็แค่เป็นมังกรที่พ่นไฟเป็นแล้วแค่นั้น อิอิ ส่วนการทำงานนิสัยใจคอจะเป็นอย่างไรนั้น ค่อยมาดูกันอีกที สำหรับฉันชอบก็บอกว่าชอบ ไม่ชอบก็คือไม่ชอบ จะให้บอกชอบก็ฝืนความรู้สึกชอบกล แต่ก็ไม่แสดงท่าทางต่อต้านอะไรหรอกนะ แค่ให้รู้ไว้ว่าไม่ชอบ
เพราะลูกพี่คนเก่าของฉันแท้ ๆ ที่ทำให้ชีวิตของฉันต้องวุ่นวาย เมื่อฉันต้องเปลี่ยนหัวหน้าเขตคนใหม่ในวันที่ฉันอยู่คนเดียว บันเทิงล่ะสิคราวนี้ หึหึ! ฉันก็ไม่รู้ด้วยว่าหัวหน้าเขตคนนี้จะมาวันไหน ตอนไหน อ่อ! เขาโทรหาฉันแล้ว โทรมาคุยกับฉันแล้ว บอกจะแวะมาหาอีกสักสามวัน เค! สบายใจ มีเวลาได้เตรียมตัว เตรียมรับมือ
แต่แล้ว! แท่น แทน แท้น! ใครเอ่ยเดินข้ามถนนมาโน้นแล้ว หืมม์… ถึงยังไม่เคยเจอตัวจริงฉันก็รู้ว่าเป็นหัวหน้าเขต เพราะมีรูปในไลน์กลุ่มงานอย่างไรล่ะ แหม! สับขาหลอกเก่งเหลือเกิน ฉันนี่รีบเก็บโทรศัพท์ลงกระเป๋าแทบไม่ทัน
“สวัสดีค้าบอยู่คนเดียวเหงาเปล่า!” หัวหน้าเขตเปิดประตูเข้ามาพร้อมเอ่ยทักทายฉัน ตัวสูง ผิวกลาง ๆ ไม่ขาวไม่ดำ อ่า… มีพุง ฮา เดี๋ยวก่อน! ฉันไม่ได้บลูลี่นะ คือ รูปพรรณสัณฐานไง รูปร่างของหัวหน้าเขต ทำไมฉันต้องเจอแต่คนมีพุงนำหน้าเสมอเลย ฮา น่ารักแหละ! น่ารักนะคะ
ฉันยืนขึ้นต้อนรับแขกผู้มาเยือน ฉันงง ๆ นิดหน่อย ไหนบอกจะมาอีกสามวันไง แล้วนี่โผล่มาทำไมวันนี้ หึหึ “สวัสดีค่ะ เขตใช่มั้ยคะ” ฉันถามก่อน เผื่อไม่ใช่
“ครับ! เรียกพี่ป๋องนะ น้องชื่ออะไรเอ่ย ให้พี่เรียกว่าไง” พี่ป๋องถาม พร้อมนำกระเป๋าสัมภาระไปวางไว้ที่โต๊ะทำงาน ฉันอยู่ไม่เป็นสุขเลยคราวนี้ สับขาหลอกเก่งจริง ๆ นะพ่อคุณพี่เขต
“ชลันดาค่ะ เรียกจูนก็ได้” ฉันตอบปนยิ้ม เกร็งไปหมดแล้ว
“น้องจูนเหงามั้ย เราอยู่กันแบบพี่น้องนะ ไม่ต้องเรียกพี่ว่าเขต เรียกพี่ป๋อง ส่วนนี่น้องจูน” พี่ป๋องพูด ท่าทางเหมือนพี่ตี๋หัวหน้าคนก่อนนู้นแหละ เหมือนพ่อใหญ่ตี๋เหลือเกิน พูดแล้วก็คิดถึงอยู่นะ คนนี้ลาออกไปนานละ เกษียณก่อนอายุเพราะเรื่องส่วนตัว
“เขต เอ้ย! พี่ป๋องมาจากสาขาไหนคะ” ฉันถามเพราะอยากรู้จริง ๆ “แล้วพี่ป๋องจะไปไหนต่อเนี่ย”
“อ้าว! พี่พึ่งจะมาถึง ตัวเองจะไล่พี่แล้วเหรอ” พี่ป๋องมองหน้าฉัน พูดปนยิ้มให้อีก แรก ๆ ก็แบบนี้ พอหลัง ๆ มาคอยดูนะ จะเชือดนิ่ม ๆ เลยล่ะสิ
“เปล่า! หนูถามเฉย ๆ “ ฉันเองก็ตอบปนยิ้มกลับไปเช่นกัน อยู่ไม่เป็นสุขจริง ๆ มันเกร็งไปหมด นั่งก็ไม่ติด ต้องหาอะไรทำ ๆ ไปก่อน
“น้องจูนนับเงินเลยครับ แล้วก็ไปนับสินค้ากรุ๊ปนี้ให้พี่ด้วย อ่า… ยอดเงินรับมา จ่ายไปเท่าไหร่ คงเหลือเท่าไหร่ เขียนให้พี่เลยครับผม” นอกจากจะคล้าย ๆ พี่ตี๋แล้ว การทำงานยังเหมือนกันด้วย สไตล์การทำงานเดียวกัน ขั้นตอนการทำงานคล้าย ๆ กัน
ฉันกระตุกยิ้มให้พี่ป๋องเบา ๆ ก่อนจะไปนับเงิน และ นับสินค้าลงรายละเอียดให้เสร็จสรรพ แต่อายุน่าจะน้อยกว่าพี่ตี๋ ในบรรดาเขต ๆ พ่อใหญ่ตี๋อายุเยอะที่สุดละ หัวงูด้วย แฮ่! ล้อเล่นนะคะ
“เรียบร้อยคะเขต เอ้ย! พี่ป๋อง” ฉันพูดกลั้วหัวเราะ มันชินนี่นา ชอบเรียกเขตแบบนี้ ‘พี่เขต’
“ให้เรียกพี่ป๋องนะ! อย่าให้ได้ยินคำว่าเขตอีกนะ เดี๋ยวเถอะ ๆ “ พี่ป๋องเองก็พูดตลก ๆ เหมือนกัน ทำเป็นเอ็ดฉันทว่าทำไปด้วยท่าทางตลก ฉันล่ะไม่อยากไว้ใจจริง ๆ ทุกคนอ่ะ! ทุกคนก็มาแนวนี้ แล้วก็เชือดฉัน ฮือ… ฮา ฉันกำลังหัวเราะตนเองอยู่นะหนิ เมื่อนึกย้อน ๆ กลับไปทุก ๆ เขต ทุก ๆ คน
“ค่า” ฉันตอบไป มันไม่คุ้นเลย ก็พึ่งจะได้เจอกันวันนี้เอง ใครมันจะไปชิน โถ่! ฉันแอบค่อนขอดให้พี่ป๋องเงียบ ๆ จากนั้นพี่ป๋องก็จัดการตรวจเอกสาร ทำงานของพี่ป๋องไป ส่วนฉันก็นั่งเงียบ ๆ จะพูดทีก็พี่ป๋องถามนั่นแหละ
“น้องจูนเราอายุเท่าไหร่แล้วเนี่ย” พี่ป๋องเงยหน้าขึ้นมาถามฉัน ชวนคุยแหละ ส่วนฉันก็ไม่รู้จะคุยอะไรด้วย ความจริงฉันเป็นคนพูดไม่เก่ง จึงไม่รู้จะชวนคุยเรื่องอะไร ก็อยู่เงียบ ๆ ไป ถ้าพี่ป๋องไม่ถาม
“หนูแก่แล้วพี่ป๋อง ไม่เด็กแล้วเด้อ” ฉันตอบไปแบบไม่ได้คิดอะไรก่อนจะบอกอายุตนเอง
“ฮะ! นี่เราแก่แล้วเหรอ!” พี่ป๋องพูดกลั้วหัวเราะ หันมายิ้มให้กับฉัน มองหน้าฉัน “นี่!… ถ้าเราแก่แล้วพี่จะเรียกว่าอะไรอ่ะ ฮา โอ้ยน้อสูกะดาย” พี่ป๋องหัวเราะ ฉันเองก็ขำไปด้วย
ไม่แน่ใจว่าพี่ป๋องก็เป็นคนแถวบ้านฉันหรือเปล่านะ แต่ฉันก็ไม่กล้าถามหรอก ถ้าพี่ป๋องไม่บอกเอง ถึงจะเป็นกันเองแต่ฉันก็ยังเกร็งอยู่ดี พี่ป๋องก็ขำไม่หยุด “ก็พูดไปน้อคนเรา” พี่ป้องแอบต่อว่าฉันด้วย
“หนูจะสามสิบแล้วพี่ป๋อง” ฉันตอบไป
“จะสามสิบแล้วเหรอ แค่เนี้ย! นึกว่ายี่สิบต้น ๆ เอง” พี่ป๋องตอบ แกล้งพูดหรือเปล่าก็ไม่รู้
“ช่าย ! หนู 28 แหล่ว” ฉันตอบปนยิ้ม เด็กที่ไหน อีกไม่กี่ปีก็จะสามสิบ
จากนั้นพี่ป๋องก็เคลียร์งานต่อ ก่อนจะพาฉันคึกจัดออฟฟิศใหม่ อะไรกัน! มันอยู่ของมันดี ๆ แล้วยังจะมาเคลื่อนย้ายอะไรอีก คิวเอเขาก็จัดให้ตรงตามระเบียบออฟฟิศแล้ว เขตใหม่โชว์พาวน์อิหลิวะ ฉันแอบค่อนขอด “ใครพาจัดแบบนี้เนี่ย” พี่ป๋องบ่นไปจัดไป คล้าย ๆ คุณชวนหลีกภัย ชิมไปบ่นไป เย้ย! ไม่เกี่ยวนะ! ไม่เกี่ยว แฮ่… พร้อมจัดตกแต่งออฟฟิศให้ฉันใหม่
“ก็คิวเอไงคะ คิวเอให้จัดแบบนี้ ตั้งนานแล้วจัดแบบนี้ค่ะ” ฉันตอบไปตามความจริง ระเบียบการจัดออฟฟิศ เขตไหน ๆ ก็ไม่เห็นจะขวางหูขวางตาเลย คนนี้มาขวางซะอย่างนั้น
“จัดใหม่เลย! อย่าไปเชื่อมันมากคิวเออ่ะ คิวเอบางคนมันก็ไม่รู้อะไรหรอก มันดูแต่อยู่ในออฟฟิศ มันไม่ได้มาดูหน้างานจริง อ้าวแล้วนี่อันนี้ไปไหนอ่ะ ทำไมไม่เอาออกมาโชว์” พี่ป๋องจัดการเปลี่ยนแปลงออฟฟิศใหม่ให้ฉัน โอเค! เอาที่หัวหน้าป๋องป๋องว่าดีล่ะ พี่ป๋องว่าดีฉันก็ว่าดี
“คิวเอบอกให้เอาออกค่ะ เขาโทรมาให้หนูเก็บออกเอง” ฉันตอบไปตามความจริง ก็โดนด่ามาแล้วนี่นา
“เราจะเชื่อพี่หรือเชื่อคิวเอ” พี่ป๋องหันมาถาม ซึ่งคำถามนั้นมันมีมนตร์ขลังเหลือเกิน
“เชื่อพี่ป๋องค่ะ!” ฉันก็อยู่เป็นนะ รีบตอบไปอย่างเร็ว ก็ต้องเชื่อหัวหน้าเขตไว้ก่อนสิ
“เชื่อพี่ก็ไปเอามาโชว์เดี๋ยวนี้!” พี่ป๋องพูด จากนั้นฉันก็ทำตาม หืมม์! คอยดูนะ! ถ้าคิวเอโทรมาด่าฉันนะ ฉันจะบอกว่า ‘พี่ช่วยไปตกลงกันกับเขตก่อนได้มั้ยคะ ค่อยมาบอกหนู’ สิว่าสิล่ะ หึหึ แล้วฉันก็ไปเอามาโชว์อีกครั้งตามคำสั่งหัวหน้า
แล้ววันนี้พี่ป๋องก็พาฉันจัดที่ทำงานใหม่ ย้ายนู่นเติมนั้นโยกนี่ ฉันเหนื่อยมากฉันเหนื่อยที่สุด แต่สนุก! อย่างน้อยก็ไม่เหงา วันต่อ ๆ ไปไม่รู้ แต่ที่รู้ ๆ วันนี้พี่ป๋องตลกที่สุดล่ะ อายุก็ราว ๆ ห้าสิบแล้ว หัวเกรียนไปอีก นึกว่าตำรวจนอกเครื่องแบบที่ไหน
นอกนั้นยังไม่พอนะ หาของเก่งเหลือเกิน ซอกแซกเก่ง ฉันกับผู้จัดการซ่อนอะไรไว้ หาเจอหมด! น้องจูนอันนี้อะไรอ่ะ อันนี้อะไร! มันคืออะไรอ่ะ หาเก่งเหลือเกิน ซ่อนอะไรเอาไว้รื้อออกมาหมด กรรม! กรรมของ ‘ชลันแดว’ เลยวันนนี้ ฉันก็โยนให้ ‘อรแวว’ ไปก่อนล่ะ ฮา ของพี่ออ ๆ อย่างเดียวจ้า
“พี่ป๋องเหนื่อยมั้ยคะ หิวข้าวมั้ย หนูไปซื้อให้ก็ได้” พอถึงพักเที่ยงฉันก็ถามพี่เขต เพราะพาฉันขนนั่นย้ายนี่ตั้งแต่มาถึง ก็นึกเป็นห่วงเกรงว่าจะหิวข้าวเป็นลมไปเสียก่อน ขี้คร้านจะเปลี่ยนเขตคนใหม่
“อ้าวถ้าเราไปใครจะทำงานอ่ะ บอกพี่มาร้านข้าวอยู่ตรงไหน” พี่ป๋องถาม
“อยู่ในตลาดค่ะ นู่นน่ะหลังตู้เอทีเอ็มค่ะ จะมีร้านตามสั่งอยู่” ฉันบอกพิกัดแก่พี่ป๋อง ส่วนฉันไม่กินหรอก ไม่ค่อยหิว ดีนะที่รองท้องตั้งแต่มาถึงที่ทำงานก่อนแล้ว ก่อนพี่ป๋องจะมาไม่กี่นาที แต่อีกสักบ่าย ๆ ฉันถึงจะไปกินอีกที “พี่ป๋องคะ พี่ป๋องทำไอ้นี่เป็นมั้ยคะ”
“อ้าว! เป็นสิน้อง พี่อยู่มายี่สิบกว่าปีแล้วนะเนี่ย เราน่ะเป็นลูกพี่ได้เลยนะหนิ” ฉันพยักหน้าหงึก ๆ โอเค! พ่อป๋อง ฮา ฉันล้อพี่ป๋องในใจ ขืนพูดออกมาสิ โดนพี่ป๋องตืบตายแน่ ๆ “เรายิ้มอะไรฮะ” ฉันนึกอะไรเพลิน ๆ เกี่ยวกับพี่ป๋องจึงเผลอยิ้ม พี่ป๋องดันเห็นซะอย่างนั้น
“เปล่าค่า” ฉันรีบปฏิเสธทันควัน
“เราเอาน้ำเอาอะไรมั้ย เดี๋ยวพี่ซื้อมาให้” ก่อนจะไปซื้อข้าว พี่ป๋องเอ่ยถามฉัน ดูดีมีน้ำใจแฮะ! แต่จะเชือดฉันทีหลังใช่ไหม! หึหึ ไม่ค่อยจะระแวงเท่าไหร่เลยนะ ไม่ใช่หลัง ๆ มาใบเตือนมาเป็นตับนะ อันนี้ก็อย่ามาสนิทกันเลยเหอะ ฮ่วย!
“ไม่เป็นไรค่ะพี่ป๋อง หนูซื้อข้าวมาไว้แล้วไง และก็อีกอย่างหนูไม่กินน้ำปั่น ลดหุ่นค่ะ” ฉันปฏิเสธ ไม่ได้รังเกียจหรือหยิ่งอะไรนะ ก็ฉันไม่กินน้ำปั่นจริง ๆ นี่นา คือ มันไม่อยากอ่ะ
วันทำงานฉันพยายามจะไม่กินน้ำหวานค่ะ คือ ไม่กินไม่แตะเลยแหละ นอกจากกาแฟร้อนวันละแก้ว เพราะฉันอดใจรอไปซัดในวันหยุดที่คาเฟ่ไงเล่า อิอิ
“นี่เราจะผอมไปไหนก่อน! ไม่เอาจริงนา งั้นพี่ไปซื้อข้าวก่อน” จากนั้นพี่ป๋องก็เดินข้ามถนนไปยังตลาด ฉันถึงหายใจหายคอโล่ง เป็นตัวของตัวเองสักที แม้จะเป็นเพียงแค่เวลาสั้น ๆ ก็ตาม แต่พี่ป๋องก็ตลกดี คุยด้วยแล้วสนุก เรื่องใบเตือนเรื่องอะไรค่อยว่ากันทีหลัง จากนั้นฉันก็ไลน์หาผู้จัดการของฉันรัว ๆ เลย
หนึ่งวันของฉันและเธอ
.
ในช่วงชีวิตของการทำงานคุณ ๆ จะได้เปลี่ยนหัวหน้ากี่คนโดยที่ไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนงานใหม่ ฉันคนหนึ่งล่ะที่ต้องเจอกับเหตุการณ์แบบนี้
ตั้งแต่ฉันย่างกรายเข้ามาทำอาชีพนี้ ฉันต้องเจอกับการเปลี่ยนแปลงไม่รู้กี่รอบต่อกี่รอบ มันเป็นวัฏจักร มันเป็นเรื่องปกติที่ทุกคนต้องยอมรับและเข้าใจ เป็นข้อบังคับเลยล่ะสำหรับใครที่เข้ามาทำงานอาชีพนี้ ‘มันคือไฟต์บังคับ’
สำหรับฉันเหมือนจะชินแต่ก็ไม่เคยชิน ไม่ชอบการเปลี่ยนแปลงเอาเสียเลย มันเหมือนต้องเริ่มต้นใหม่เสมอ ทั้งที่มันก็เหมือนเดิมนั่นแหละ การทำงาน หน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบ ใครไปใครมาก็เหมือนเดิม เปลี่ยนแค่คน! ก็นั่นไง มันก็คือการเปลี่ยนแปลง ฉันไม่ชอบเลย!
ไม่ชอบที่ต้องมาเรียนรู้นิสัยใจคอกันใหม่ บางคนก็เข้มงวด ต้องเป๊ะทุกอย่าง บางคนก็ตลกไม่เอาการเอางาน บางคนก็เอ้อระเหยลอยชาย ฉันเจอมาหลายรูปแบบ ทว่าถ้าให้ฉันเลือกนะ ไม่ว่าจะเป็นเข้มงวด หรือ ไม่เอาไหน ฉันขอแค่เป็นหัวหน้าผู้ชายก็พอ ผู้หญิงไม่อยากได้ กะเทยก็ไม่ต้องการและทอมด้วย ที่ไม่ค่อยอยากได้
ฉันไม่ได้ด้อยค่าใคร ทุกคนเท่ากัน ความคิดส่วนตัวของฉัน โดยตัวฉันเป็นผู้หญิงแล้ว ฉันจึงต้องการหัวหน้าที่ไม่ใช่ผู้หญิง หรือ กะเทย! เพราะอย่างน้อย ๆ ผู้ชายเขาไม่เข้าใจในความเป็นผู้หญิง ไม่ใช่เรื่องชู้สาวด้วย อย่างมากสนิทกันมาก ๆ ฉันก็คิดแค่พี่น้อง แค่เพื่อนร่วมงานเท่านั้นแหละ ความสนิทมันก็มีหลายระดับน่ะ เข้าใจคำว่าศีลเสมอกันน้อ!
เชื่อเถอะ! ผู้ชายไม่เข้าใจธรรมชาติของผู้หญิงแน่นอน แม้แต่นักวิจัย! เชื่อเถอะมันจะมีจุดบอด จุดเล็ก ๆ หรือ จุดใหญ่ ๆ เลยล่ะ ที่ผู้ชายจะไม่มีวันเข้าใจเรา
อีกอย่างคือการใช้ชีวิต ไลฟ์สไตล์ด้วย อย่างน้อย ๆ ก็ไม่เหมือนกันแล้ว ทำให้การทำงานของฉันมันง่ายขึ้น ลองคิดดูถ้าเป็นผู้หญิงด้วยกัน ซึ่งเข้าใจธรรมชาติของกันและกันเป็นอย่างดี อะไรจะเกิดขึ้น! กะเทยด้วย! เขามีกายเป็นชายแต่ใจเขาเป็นผู้หญิง อะไรจะเกิดขึ้น! อย่างน้อย ๆ ลูกน้องจะสวยเกินหน้าเกินตาก็คงไม่ค่อยจะได้แล้วใช่มั้ย ความคิดส่วนตัวของฉันนะ
เอาล่ะฉันเกริ่นมาไกลเหลือเกิน เรื่องของเรื่องคือ ‘ฉันเปลี่ยนหัวหน้าใหม่อีกแล้ว’ ในความโชคร้ายยังมีความโชคดี คือ ‘หัวหน้าคนใหม่ของฉันเป็นผู้ชาย’ อีกแล้ว! เจอแต่หัวหน้าผู้ชายมานับไม่ถ้วน
ตั้งแต่เป็นน้องใหม่จนตอนนี้กลายเป็นปีศาจไปแล้ว เย้ย! ไม่ใช่! ฉันไม่ได้กลายเป็นปีศาจ หรือ นางมารร้าย หรือ ยัยแม่มดอะไรเลยนะ ฮา ฉันเป็นพี่เลี้ยงสุดสวย เป็นพนักงานรุ่นพี่ที่แสนดีต่างหาก
ตอนนี้ฉันก็แค่เป็นมังกรที่พ่นไฟเป็นแล้วแค่นั้น อิอิ ส่วนการทำงานนิสัยใจคอจะเป็นอย่างไรนั้น ค่อยมาดูกันอีกที สำหรับฉันชอบก็บอกว่าชอบ ไม่ชอบก็คือไม่ชอบ จะให้บอกชอบก็ฝืนความรู้สึกชอบกล แต่ก็ไม่แสดงท่าทางต่อต้านอะไรหรอกนะ แค่ให้รู้ไว้ว่าไม่ชอบ
เพราะลูกพี่คนเก่าของฉันแท้ ๆ ที่ทำให้ชีวิตของฉันต้องวุ่นวาย เมื่อฉันต้องเปลี่ยนหัวหน้าเขตคนใหม่ในวันที่ฉันอยู่คนเดียว บันเทิงล่ะสิคราวนี้ หึหึ! ฉันก็ไม่รู้ด้วยว่าหัวหน้าเขตคนนี้จะมาวันไหน ตอนไหน อ่อ! เขาโทรหาฉันแล้ว โทรมาคุยกับฉันแล้ว บอกจะแวะมาหาอีกสักสามวัน เค! สบายใจ มีเวลาได้เตรียมตัว เตรียมรับมือ
แต่แล้ว! แท่น แทน แท้น! ใครเอ่ยเดินข้ามถนนมาโน้นแล้ว หืมม์… ถึงยังไม่เคยเจอตัวจริงฉันก็รู้ว่าเป็นหัวหน้าเขต เพราะมีรูปในไลน์กลุ่มงานอย่างไรล่ะ แหม! สับขาหลอกเก่งเหลือเกิน ฉันนี่รีบเก็บโทรศัพท์ลงกระเป๋าแทบไม่ทัน
“สวัสดีค้าบอยู่คนเดียวเหงาเปล่า!” หัวหน้าเขตเปิดประตูเข้ามาพร้อมเอ่ยทักทายฉัน ตัวสูง ผิวกลาง ๆ ไม่ขาวไม่ดำ อ่า… มีพุง ฮา เดี๋ยวก่อน! ฉันไม่ได้บลูลี่นะ คือ รูปพรรณสัณฐานไง รูปร่างของหัวหน้าเขต ทำไมฉันต้องเจอแต่คนมีพุงนำหน้าเสมอเลย ฮา น่ารักแหละ! น่ารักนะคะ
ฉันยืนขึ้นต้อนรับแขกผู้มาเยือน ฉันงง ๆ นิดหน่อย ไหนบอกจะมาอีกสามวันไง แล้วนี่โผล่มาทำไมวันนี้ หึหึ “สวัสดีค่ะ เขตใช่มั้ยคะ” ฉันถามก่อน เผื่อไม่ใช่
“ครับ! เรียกพี่ป๋องนะ น้องชื่ออะไรเอ่ย ให้พี่เรียกว่าไง” พี่ป๋องถาม พร้อมนำกระเป๋าสัมภาระไปวางไว้ที่โต๊ะทำงาน ฉันอยู่ไม่เป็นสุขเลยคราวนี้ สับขาหลอกเก่งจริง ๆ นะพ่อคุณพี่เขต
“ชลันดาค่ะ เรียกจูนก็ได้” ฉันตอบปนยิ้ม เกร็งไปหมดแล้ว
“น้องจูนเหงามั้ย เราอยู่กันแบบพี่น้องนะ ไม่ต้องเรียกพี่ว่าเขต เรียกพี่ป๋อง ส่วนนี่น้องจูน” พี่ป๋องพูด ท่าทางเหมือนพี่ตี๋หัวหน้าคนก่อนนู้นแหละ เหมือนพ่อใหญ่ตี๋เหลือเกิน พูดแล้วก็คิดถึงอยู่นะ คนนี้ลาออกไปนานละ เกษียณก่อนอายุเพราะเรื่องส่วนตัว
“เขต เอ้ย! พี่ป๋องมาจากสาขาไหนคะ” ฉันถามเพราะอยากรู้จริง ๆ “แล้วพี่ป๋องจะไปไหนต่อเนี่ย”
“อ้าว! พี่พึ่งจะมาถึง ตัวเองจะไล่พี่แล้วเหรอ” พี่ป๋องมองหน้าฉัน พูดปนยิ้มให้อีก แรก ๆ ก็แบบนี้ พอหลัง ๆ มาคอยดูนะ จะเชือดนิ่ม ๆ เลยล่ะสิ
“เปล่า! หนูถามเฉย ๆ “ ฉันเองก็ตอบปนยิ้มกลับไปเช่นกัน อยู่ไม่เป็นสุขจริง ๆ มันเกร็งไปหมด นั่งก็ไม่ติด ต้องหาอะไรทำ ๆ ไปก่อน
“น้องจูนนับเงินเลยครับ แล้วก็ไปนับสินค้ากรุ๊ปนี้ให้พี่ด้วย อ่า… ยอดเงินรับมา จ่ายไปเท่าไหร่ คงเหลือเท่าไหร่ เขียนให้พี่เลยครับผม” นอกจากจะคล้าย ๆ พี่ตี๋แล้ว การทำงานยังเหมือนกันด้วย สไตล์การทำงานเดียวกัน ขั้นตอนการทำงานคล้าย ๆ กัน
ฉันกระตุกยิ้มให้พี่ป๋องเบา ๆ ก่อนจะไปนับเงิน และ นับสินค้าลงรายละเอียดให้เสร็จสรรพ แต่อายุน่าจะน้อยกว่าพี่ตี๋ ในบรรดาเขต ๆ พ่อใหญ่ตี๋อายุเยอะที่สุดละ หัวงูด้วย แฮ่! ล้อเล่นนะคะ
“เรียบร้อยคะเขต เอ้ย! พี่ป๋อง” ฉันพูดกลั้วหัวเราะ มันชินนี่นา ชอบเรียกเขตแบบนี้ ‘พี่เขต’
“ให้เรียกพี่ป๋องนะ! อย่าให้ได้ยินคำว่าเขตอีกนะ เดี๋ยวเถอะ ๆ “ พี่ป๋องเองก็พูดตลก ๆ เหมือนกัน ทำเป็นเอ็ดฉันทว่าทำไปด้วยท่าทางตลก ฉันล่ะไม่อยากไว้ใจจริง ๆ ทุกคนอ่ะ! ทุกคนก็มาแนวนี้ แล้วก็เชือดฉัน ฮือ… ฮา ฉันกำลังหัวเราะตนเองอยู่นะหนิ เมื่อนึกย้อน ๆ กลับไปทุก ๆ เขต ทุก ๆ คน
“ค่า” ฉันตอบไป มันไม่คุ้นเลย ก็พึ่งจะได้เจอกันวันนี้เอง ใครมันจะไปชิน โถ่! ฉันแอบค่อนขอดให้พี่ป๋องเงียบ ๆ จากนั้นพี่ป๋องก็จัดการตรวจเอกสาร ทำงานของพี่ป๋องไป ส่วนฉันก็นั่งเงียบ ๆ จะพูดทีก็พี่ป๋องถามนั่นแหละ
“น้องจูนเราอายุเท่าไหร่แล้วเนี่ย” พี่ป๋องเงยหน้าขึ้นมาถามฉัน ชวนคุยแหละ ส่วนฉันก็ไม่รู้จะคุยอะไรด้วย ความจริงฉันเป็นคนพูดไม่เก่ง จึงไม่รู้จะชวนคุยเรื่องอะไร ก็อยู่เงียบ ๆ ไป ถ้าพี่ป๋องไม่ถาม
“หนูแก่แล้วพี่ป๋อง ไม่เด็กแล้วเด้อ” ฉันตอบไปแบบไม่ได้คิดอะไรก่อนจะบอกอายุตนเอง
“ฮะ! นี่เราแก่แล้วเหรอ!” พี่ป๋องพูดกลั้วหัวเราะ หันมายิ้มให้กับฉัน มองหน้าฉัน “นี่!… ถ้าเราแก่แล้วพี่จะเรียกว่าอะไรอ่ะ ฮา โอ้ยน้อสูกะดาย” พี่ป๋องหัวเราะ ฉันเองก็ขำไปด้วย
ไม่แน่ใจว่าพี่ป๋องก็เป็นคนแถวบ้านฉันหรือเปล่านะ แต่ฉันก็ไม่กล้าถามหรอก ถ้าพี่ป๋องไม่บอกเอง ถึงจะเป็นกันเองแต่ฉันก็ยังเกร็งอยู่ดี พี่ป๋องก็ขำไม่หยุด “ก็พูดไปน้อคนเรา” พี่ป้องแอบต่อว่าฉันด้วย
“หนูจะสามสิบแล้วพี่ป๋อง” ฉันตอบไป
“จะสามสิบแล้วเหรอ แค่เนี้ย! นึกว่ายี่สิบต้น ๆ เอง” พี่ป๋องตอบ แกล้งพูดหรือเปล่าก็ไม่รู้
“ช่าย ! หนู 28 แหล่ว” ฉันตอบปนยิ้ม เด็กที่ไหน อีกไม่กี่ปีก็จะสามสิบ
จากนั้นพี่ป๋องก็เคลียร์งานต่อ ก่อนจะพาฉันคึกจัดออฟฟิศใหม่ อะไรกัน! มันอยู่ของมันดี ๆ แล้วยังจะมาเคลื่อนย้ายอะไรอีก คิวเอเขาก็จัดให้ตรงตามระเบียบออฟฟิศแล้ว เขตใหม่โชว์พาวน์อิหลิวะ ฉันแอบค่อนขอด “ใครพาจัดแบบนี้เนี่ย” พี่ป๋องบ่นไปจัดไป คล้าย ๆ คุณชวนหลีกภัย ชิมไปบ่นไป เย้ย! ไม่เกี่ยวนะ! ไม่เกี่ยว แฮ่… พร้อมจัดตกแต่งออฟฟิศให้ฉันใหม่
“ก็คิวเอไงคะ คิวเอให้จัดแบบนี้ ตั้งนานแล้วจัดแบบนี้ค่ะ” ฉันตอบไปตามความจริง ระเบียบการจัดออฟฟิศ เขตไหน ๆ ก็ไม่เห็นจะขวางหูขวางตาเลย คนนี้มาขวางซะอย่างนั้น
“จัดใหม่เลย! อย่าไปเชื่อมันมากคิวเออ่ะ คิวเอบางคนมันก็ไม่รู้อะไรหรอก มันดูแต่อยู่ในออฟฟิศ มันไม่ได้มาดูหน้างานจริง อ้าวแล้วนี่อันนี้ไปไหนอ่ะ ทำไมไม่เอาออกมาโชว์” พี่ป๋องจัดการเปลี่ยนแปลงออฟฟิศใหม่ให้ฉัน โอเค! เอาที่หัวหน้าป๋องป๋องว่าดีล่ะ พี่ป๋องว่าดีฉันก็ว่าดี
“คิวเอบอกให้เอาออกค่ะ เขาโทรมาให้หนูเก็บออกเอง” ฉันตอบไปตามความจริง ก็โดนด่ามาแล้วนี่นา
“เราจะเชื่อพี่หรือเชื่อคิวเอ” พี่ป๋องหันมาถาม ซึ่งคำถามนั้นมันมีมนตร์ขลังเหลือเกิน
“เชื่อพี่ป๋องค่ะ!” ฉันก็อยู่เป็นนะ รีบตอบไปอย่างเร็ว ก็ต้องเชื่อหัวหน้าเขตไว้ก่อนสิ
“เชื่อพี่ก็ไปเอามาโชว์เดี๋ยวนี้!” พี่ป๋องพูด จากนั้นฉันก็ทำตาม หืมม์! คอยดูนะ! ถ้าคิวเอโทรมาด่าฉันนะ ฉันจะบอกว่า ‘พี่ช่วยไปตกลงกันกับเขตก่อนได้มั้ยคะ ค่อยมาบอกหนู’ สิว่าสิล่ะ หึหึ แล้วฉันก็ไปเอามาโชว์อีกครั้งตามคำสั่งหัวหน้า
แล้ววันนี้พี่ป๋องก็พาฉันจัดที่ทำงานใหม่ ย้ายนู่นเติมนั้นโยกนี่ ฉันเหนื่อยมากฉันเหนื่อยที่สุด แต่สนุก! อย่างน้อยก็ไม่เหงา วันต่อ ๆ ไปไม่รู้ แต่ที่รู้ ๆ วันนี้พี่ป๋องตลกที่สุดล่ะ อายุก็ราว ๆ ห้าสิบแล้ว หัวเกรียนไปอีก นึกว่าตำรวจนอกเครื่องแบบที่ไหน
นอกนั้นยังไม่พอนะ หาของเก่งเหลือเกิน ซอกแซกเก่ง ฉันกับผู้จัดการซ่อนอะไรไว้ หาเจอหมด! น้องจูนอันนี้อะไรอ่ะ อันนี้อะไร! มันคืออะไรอ่ะ หาเก่งเหลือเกิน ซ่อนอะไรเอาไว้รื้อออกมาหมด กรรม! กรรมของ ‘ชลันแดว’ เลยวันนนี้ ฉันก็โยนให้ ‘อรแวว’ ไปก่อนล่ะ ฮา ของพี่ออ ๆ อย่างเดียวจ้า
“พี่ป๋องเหนื่อยมั้ยคะ หิวข้าวมั้ย หนูไปซื้อให้ก็ได้” พอถึงพักเที่ยงฉันก็ถามพี่เขต เพราะพาฉันขนนั่นย้ายนี่ตั้งแต่มาถึง ก็นึกเป็นห่วงเกรงว่าจะหิวข้าวเป็นลมไปเสียก่อน ขี้คร้านจะเปลี่ยนเขตคนใหม่
“อ้าวถ้าเราไปใครจะทำงานอ่ะ บอกพี่มาร้านข้าวอยู่ตรงไหน” พี่ป๋องถาม
“อยู่ในตลาดค่ะ นู่นน่ะหลังตู้เอทีเอ็มค่ะ จะมีร้านตามสั่งอยู่” ฉันบอกพิกัดแก่พี่ป๋อง ส่วนฉันไม่กินหรอก ไม่ค่อยหิว ดีนะที่รองท้องตั้งแต่มาถึงที่ทำงานก่อนแล้ว ก่อนพี่ป๋องจะมาไม่กี่นาที แต่อีกสักบ่าย ๆ ฉันถึงจะไปกินอีกที “พี่ป๋องคะ พี่ป๋องทำไอ้นี่เป็นมั้ยคะ”
“อ้าว! เป็นสิน้อง พี่อยู่มายี่สิบกว่าปีแล้วนะเนี่ย เราน่ะเป็นลูกพี่ได้เลยนะหนิ” ฉันพยักหน้าหงึก ๆ โอเค! พ่อป๋อง ฮา ฉันล้อพี่ป๋องในใจ ขืนพูดออกมาสิ โดนพี่ป๋องตืบตายแน่ ๆ “เรายิ้มอะไรฮะ” ฉันนึกอะไรเพลิน ๆ เกี่ยวกับพี่ป๋องจึงเผลอยิ้ม พี่ป๋องดันเห็นซะอย่างนั้น
“เปล่าค่า” ฉันรีบปฏิเสธทันควัน
“เราเอาน้ำเอาอะไรมั้ย เดี๋ยวพี่ซื้อมาให้” ก่อนจะไปซื้อข้าว พี่ป๋องเอ่ยถามฉัน ดูดีมีน้ำใจแฮะ! แต่จะเชือดฉันทีหลังใช่ไหม! หึหึ ไม่ค่อยจะระแวงเท่าไหร่เลยนะ ไม่ใช่หลัง ๆ มาใบเตือนมาเป็นตับนะ อันนี้ก็อย่ามาสนิทกันเลยเหอะ ฮ่วย!
“ไม่เป็นไรค่ะพี่ป๋อง หนูซื้อข้าวมาไว้แล้วไง และก็อีกอย่างหนูไม่กินน้ำปั่น ลดหุ่นค่ะ” ฉันปฏิเสธ ไม่ได้รังเกียจหรือหยิ่งอะไรนะ ก็ฉันไม่กินน้ำปั่นจริง ๆ นี่นา คือ มันไม่อยากอ่ะ
วันทำงานฉันพยายามจะไม่กินน้ำหวานค่ะ คือ ไม่กินไม่แตะเลยแหละ นอกจากกาแฟร้อนวันละแก้ว เพราะฉันอดใจรอไปซัดในวันหยุดที่คาเฟ่ไงเล่า อิอิ
“นี่เราจะผอมไปไหนก่อน! ไม่เอาจริงนา งั้นพี่ไปซื้อข้าวก่อน” จากนั้นพี่ป๋องก็เดินข้ามถนนไปยังตลาด ฉันถึงหายใจหายคอโล่ง เป็นตัวของตัวเองสักที แม้จะเป็นเพียงแค่เวลาสั้น ๆ ก็ตาม แต่พี่ป๋องก็ตลกดี คุยด้วยแล้วสนุก เรื่องใบเตือนเรื่องอะไรค่อยว่ากันทีหลัง จากนั้นฉันก็ไลน์หาผู้จัดการของฉันรัว ๆ เลย