เริ่มปีใหม่ด้วยนิยายสั้นไม่กี่ตอนจบของ ล. วิลิศมาหรา กันนะคะ จะลงสลับกับนิยายเรื่องยาว พรายแค้นแสนรักค่ะ
คนเล่นของ...ตอน คน ทรง เจ้า
เรื่องที่จะเล่าต่อไปนี้เป็นเรื่องเมื่อนานมาแล้วของฉันเอง ฉันชื่อนุ่นค่ะ ตอนที่เกิดเรื่องนี้ขึ้น ฉันเพิ่งเรียนจบ ม. 6 มาใหม่ ๆ ฉันไม่ได้เรียนต่อในระดับมหาวิทยาลัย แต่ต้องออกมาหางานทำ เพื่อช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายของทางครอบครัวที่มีฐานะค่อนข้างยากจน
ตอนนั้นฉันเห็นว่าการรับจ้างดูแลคนชราที่บ้าน น่าจะเป็นงานที่พอจะทำได้อยู่ ก็เลยเข้าไปรับการอบรมการดูแลผู้ชราตามหลักสูตรของศูนย์ดูแลผู้ชราแห่งหนึ่ง หลังจบหลักสูตรมาแล้ว ฉันก็ออกไปรับจ้างดูแลคนชราตามบ้าน แล้วแต่จะมีคนจ้าง ดังนั้นฉันจึงมักต้องเดินทางไปโน่นนี่เป็นประจำ มีอยู่ที่หนึ่งซึ่งฉันไปรับจ้างทำงาน ที่ฉันจำได้ไม่มีวันลืม
ครั้งนั้นฉันไปรับจ้างดูแลคนชราที่มีอาการป่วยติดเตียง เป็นยายของเพื่อนคนหนึ่งชื่อศรีพรรณ ขอเรียกชื่อเธอสั้น ๆ ว่าศรีนะคะ ส่วนยายของศรีชื่อยายอุ่น
ศรีติดต่อว่าจ้างฉันผ่านทางเฟซบุ๊ก บอกว่าตัวเองกำลังจะไปทำธุระเรื่องเรียนต่อที่กรุงเทพ ทางบ้านไม่มีใครคอยดูแลยายที่เป็นผู้ป่วยติดเตียง อยากจะให้ฉันมาดูแลยายระหว่างที่เธอไปกรุงเทพสักหนึ่งอาทิตย์ หลังตกลงเรื่องราคาค่าจ้าง และบอกรายละเอียดการเจ็บป่วยของยาย พร้อมการดูแลจนเรียบร้อยหมดแล้ว ฉันก็ออกเดินทางไปบ้านศรีในทันที
วันที่ฉันไปถึงบ้านศรีนั้น เพื่อนของฉันมีท่าทีดีใจมาก ออกมารับฉันถึงหน้าบ้าน บอกว่าจะจัดการหาข้าวหาปลามาให้ฉันกินก่อน ตอนนี้เพิ่งมาเหนื่อย ๆ ยังไม่ต้องทำอะไร
“กินข้าวกินน้ำ พักให้หายเหนื่อยก่อน แล้วค่อยคุยเรื่องทำงานกัน”
“ขอบใจจ้ะ” ฉันตอบศรี ก่อนจะเดินตามเธอเข้าไปในบ้าน
เมื่อเข้ามาในตัวบ้านแล้ว ฉันก็ต้องพบกับความประหลาดใจ นี่มันอะไรกัน...มองดูตัวบ้านภายนอกก็เป็นบ้านไม้สองชั้นธรรมดา แต่ทว่าแทบจะทั่วทุกตารางนิ้วภายในบ้าน กลับเต็มไปด้วยตุ๊กตาขนาดต่าง ๆ หลายชนิด มีทั้งห้อยแขวนเรียงรายบนข้างฝา ตั้งไว้ตามจุดต่าง ๆ ของบ้าน หลากขนาดดูลานตาไปหมด
“นั่งก่อนสินุ่น เดี๋ยวฉันจะไปหาอะไรมาให้กิน” ศรีเอ่ย ก่อนจะเดินหายลับเข้าไปทางหลังบ้าน
ฉันมองตามหลังศรีไปจนลับสายตา แล้วจึงเริ่มมองสำรวจสิ่งของภายในบ้านต่อ พื้นที่ครึ่งหนึ่งของตั่งไม้ที่ฉันนั่งอยู่ มีตุ๊กตาผ้าเก่า ๆ วางสุมไว้อยู่หลายตัว ถัดไปบนพื้นเป็นกองตุ๊กตาเด็กพลาสติก มีทั้งหลับตา ลืมตา กองสุมเป็นกอง ๆ พาลให้อดคิดถึงภาพสุดสยองของกองซากศพเด็กไม่ได้
มองผ่านเครื่องใช้ไฟฟ้าและเครื่องเรือนไม้ ไปจนกระทั่งถึงตู้โชว์กระจกใบหนึ่ง สูงแค่อก ข้างในนั้นบรรจุตุ๊กตาตัวเล็ก ๆ วางเรียงกันอยู่ เมื่อลุกไปดูใกล้ ๆ ก็พบว่ามันคือตุ๊กตาเสียกะบาน ที่มีท่าทางแตกต่างกัน ล้วนแล้วแต่ผุพังไม่สมประกอบ แขนขาหักหรือคอขาด เหลือแต่ตัว ที่น่ากลัวไปมากกว่านั้นก็คือ ด้านบนของตู้โชว์มีตุ๊กตานางรำตัวหนึ่ง แต่งชุดไทยตัวนาง สวมชฎาสีทอง ที่พื้นผิวลวดลายสีทองบางส่วนของชฎาหลุดลอกออก
ทันทีที่เห็น ฉันก็มีอาการเสียววูบราวกับหัวใจหล่นไปอยู่ที่ปลายเท้า...ทำไมคนบ้านนี้ถึงมีรสนิยมแปลก ๆ เริ่มคิดอย่างหวาดระแวง
เลื่อนสายตาจากจุดที่ยืนอยู่ไปดูยังบันไดไม้ทอดยาวขึ้นไปสู่ชั้นสอง รู้สึกเห็นเงาคนเดินแวบ ๆ ขึ้นไป
ขณะกำลังยืนมองอยู่ก็รู้สึกมีมือใครมาแตะที่หัวไหล่ ฉันสะดุ้งเล็กน้อยก่อนหันไปมอง
(มีต่อ)
อาถรรพ์คนเล่นของ ตอน คนทรงเจ้า EP.1
เรื่องที่จะเล่าต่อไปนี้เป็นเรื่องเมื่อนานมาแล้วของฉันเอง ฉันชื่อนุ่นค่ะ ตอนที่เกิดเรื่องนี้ขึ้น ฉันเพิ่งเรียนจบ ม. 6 มาใหม่ ๆ ฉันไม่ได้เรียนต่อในระดับมหาวิทยาลัย แต่ต้องออกมาหางานทำ เพื่อช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายของทางครอบครัวที่มีฐานะค่อนข้างยากจน
ตอนนั้นฉันเห็นว่าการรับจ้างดูแลคนชราที่บ้าน น่าจะเป็นงานที่พอจะทำได้อยู่ ก็เลยเข้าไปรับการอบรมการดูแลผู้ชราตามหลักสูตรของศูนย์ดูแลผู้ชราแห่งหนึ่ง หลังจบหลักสูตรมาแล้ว ฉันก็ออกไปรับจ้างดูแลคนชราตามบ้าน แล้วแต่จะมีคนจ้าง ดังนั้นฉันจึงมักต้องเดินทางไปโน่นนี่เป็นประจำ มีอยู่ที่หนึ่งซึ่งฉันไปรับจ้างทำงาน ที่ฉันจำได้ไม่มีวันลืม
ครั้งนั้นฉันไปรับจ้างดูแลคนชราที่มีอาการป่วยติดเตียง เป็นยายของเพื่อนคนหนึ่งชื่อศรีพรรณ ขอเรียกชื่อเธอสั้น ๆ ว่าศรีนะคะ ส่วนยายของศรีชื่อยายอุ่น
ศรีติดต่อว่าจ้างฉันผ่านทางเฟซบุ๊ก บอกว่าตัวเองกำลังจะไปทำธุระเรื่องเรียนต่อที่กรุงเทพ ทางบ้านไม่มีใครคอยดูแลยายที่เป็นผู้ป่วยติดเตียง อยากจะให้ฉันมาดูแลยายระหว่างที่เธอไปกรุงเทพสักหนึ่งอาทิตย์ หลังตกลงเรื่องราคาค่าจ้าง และบอกรายละเอียดการเจ็บป่วยของยาย พร้อมการดูแลจนเรียบร้อยหมดแล้ว ฉันก็ออกเดินทางไปบ้านศรีในทันที
วันที่ฉันไปถึงบ้านศรีนั้น เพื่อนของฉันมีท่าทีดีใจมาก ออกมารับฉันถึงหน้าบ้าน บอกว่าจะจัดการหาข้าวหาปลามาให้ฉันกินก่อน ตอนนี้เพิ่งมาเหนื่อย ๆ ยังไม่ต้องทำอะไร
“กินข้าวกินน้ำ พักให้หายเหนื่อยก่อน แล้วค่อยคุยเรื่องทำงานกัน”
“ขอบใจจ้ะ” ฉันตอบศรี ก่อนจะเดินตามเธอเข้าไปในบ้าน
เมื่อเข้ามาในตัวบ้านแล้ว ฉันก็ต้องพบกับความประหลาดใจ นี่มันอะไรกัน...มองดูตัวบ้านภายนอกก็เป็นบ้านไม้สองชั้นธรรมดา แต่ทว่าแทบจะทั่วทุกตารางนิ้วภายในบ้าน กลับเต็มไปด้วยตุ๊กตาขนาดต่าง ๆ หลายชนิด มีทั้งห้อยแขวนเรียงรายบนข้างฝา ตั้งไว้ตามจุดต่าง ๆ ของบ้าน หลากขนาดดูลานตาไปหมด
“นั่งก่อนสินุ่น เดี๋ยวฉันจะไปหาอะไรมาให้กิน” ศรีเอ่ย ก่อนจะเดินหายลับเข้าไปทางหลังบ้าน
ฉันมองตามหลังศรีไปจนลับสายตา แล้วจึงเริ่มมองสำรวจสิ่งของภายในบ้านต่อ พื้นที่ครึ่งหนึ่งของตั่งไม้ที่ฉันนั่งอยู่ มีตุ๊กตาผ้าเก่า ๆ วางสุมไว้อยู่หลายตัว ถัดไปบนพื้นเป็นกองตุ๊กตาเด็กพลาสติก มีทั้งหลับตา ลืมตา กองสุมเป็นกอง ๆ พาลให้อดคิดถึงภาพสุดสยองของกองซากศพเด็กไม่ได้
มองผ่านเครื่องใช้ไฟฟ้าและเครื่องเรือนไม้ ไปจนกระทั่งถึงตู้โชว์กระจกใบหนึ่ง สูงแค่อก ข้างในนั้นบรรจุตุ๊กตาตัวเล็ก ๆ วางเรียงกันอยู่ เมื่อลุกไปดูใกล้ ๆ ก็พบว่ามันคือตุ๊กตาเสียกะบาน ที่มีท่าทางแตกต่างกัน ล้วนแล้วแต่ผุพังไม่สมประกอบ แขนขาหักหรือคอขาด เหลือแต่ตัว ที่น่ากลัวไปมากกว่านั้นก็คือ ด้านบนของตู้โชว์มีตุ๊กตานางรำตัวหนึ่ง แต่งชุดไทยตัวนาง สวมชฎาสีทอง ที่พื้นผิวลวดลายสีทองบางส่วนของชฎาหลุดลอกออก
ทันทีที่เห็น ฉันก็มีอาการเสียววูบราวกับหัวใจหล่นไปอยู่ที่ปลายเท้า...ทำไมคนบ้านนี้ถึงมีรสนิยมแปลก ๆ เริ่มคิดอย่างหวาดระแวง
เลื่อนสายตาจากจุดที่ยืนอยู่ไปดูยังบันไดไม้ทอดยาวขึ้นไปสู่ชั้นสอง รู้สึกเห็นเงาคนเดินแวบ ๆ ขึ้นไป
ขณะกำลังยืนมองอยู่ก็รู้สึกมีมือใครมาแตะที่หัวไหล่ ฉันสะดุ้งเล็กน้อยก่อนหันไปมอง
(มีต่อ)