ตอนนี้รู้สึกว่าตัวเองยังยึดติด.. ยังเศร้า พยายามจะปล่อยวาง แต่ก้อยังทำไม่ได้
คือเพิ่งสูญเสียคุณแม่ไปเมื่อกลางเดือนธันวา 64 ท่านเพิ่งจะอายุ 65 ปีเท่านั้นเอง..
คุณแม่เป็นเบาหวาน แต่ควบคุมน้ำตาลดีมาก ความดันปกติ ไขมันปกติ รักษาวัณโรคแต่ก้อหายแล้ว
วันที่คุณแม่เสีย วันนั้นมีพายุลมแรง ต้นไม้ที่บ้านล้ม
ปกติเราสองคนแม่ลูก มักจะจัดการงานสวน ปลูกต้นไม้ ตัดต้นไม้กันเป็นประจำ
วันนั้นก้อเช่นกัน ประมาณ 2 ทุ่ม เรากลับจากทำงานแล้วก้อกินข้าวกันเสร็จ พักสักแป๊บ ก้อชวนกันไปดันต้นไม้ เราใช้เชือกผูกและดึง แม่เป็นคนดัน จากนั้นไม่นานแม่ก้ออาเจียน แกคิดว่าน่าจะจก เพราะไปก้มๆเงยๆ แกบ่นว่าหัวใจแกเต้นแรง หน้ามืด แกจะขึ้นนอนเลย น่าจะดีขึ้น โดยไม่มีสัญญาณบ่งบอกเลยว่าแกจะจากไปในตอนเช้า
เราช็อคมาก เมื่อมาพบว่าแกจากไป ร้องไห้แบบเสียใจที่สุดในชีวิต โทษตัวเองว่า เป็นเพราะเรา ที่ให้แม่ออกแรงดันต้นไม้ เรื่องที่ปล่อยให้แม่เข้านอนเลย ไม่พาแม่หาหมอ
ช่วงงานศพ เพื่อนหลายคนที่เคยเจอเรื่องแบบนี้บอกว่า หลายครั้งที่ปั้มหัวใจกลับมาแล้วไม่เหมือนเดิม ต้องสอดท่อ ต้องทรมานนะ ก้อเข้าใจอยู่ว่าเป็นคำปลอบใจ แต่พองานส่งท่านจบไป จิตใจเราก้อค่อยๆดีขึ้น
จนมาเมื่อมีคนทักว่า วันนั้นแกน่าจะน้ำตาลตก ทำให้แกโคม่าและจากไป
มันทำให้เรากลับมาคิดวนเวียนอีกครั้งว่า ทำไมเราคิดไม่ถึง ทำไมเราไม่จัดการให้ดี ถ้าแม่ได้ของหวานๆ แม่อาจจะดีขึ้น หรือถ้าไปหาหมอ แม่ก้อคงจะไม่จากไป
#ตอนนี้จิตใจแบ่งเป็น 2 ฝ่าย อีกฝั่งนึง ก้อคิดว่าแม่ไปดีแล้ว ไม่เจ็บปวด ถ้าส่ง รพ. แล้วแม่กลับมาไม่เหมือนเดิมล่ะ แม่ก้อจะทรมาน, กับอีกฝั่งนึงก้อคิดว่า ถ้าแม่ผ่านมันมาได้ เราก้อคงไม่ต้องสูญเสียแม่ไป ท่านอาจจะอยู่กับเราไปอีกนานหลายปี
#จนถึงตอนนี้ก้อยังเศร้า ยังสับสน และก้อยังไม่สามารถออกจากความรู้สึกนี้ไปได้...
เราควรจะทำยังไงดี ให้มูฟออนจากเรื่องนี้ไปได้ ถือว่าเรากำลังอยู่ในภาวะซึมเศร้ามั้ย?
จะมูฟออนยังไง.. ถ้าคนที่เรารักจากไป เพราะเรามีส่วนผิด
คือเพิ่งสูญเสียคุณแม่ไปเมื่อกลางเดือนธันวา 64 ท่านเพิ่งจะอายุ 65 ปีเท่านั้นเอง..
คุณแม่เป็นเบาหวาน แต่ควบคุมน้ำตาลดีมาก ความดันปกติ ไขมันปกติ รักษาวัณโรคแต่ก้อหายแล้ว
วันที่คุณแม่เสีย วันนั้นมีพายุลมแรง ต้นไม้ที่บ้านล้ม
ปกติเราสองคนแม่ลูก มักจะจัดการงานสวน ปลูกต้นไม้ ตัดต้นไม้กันเป็นประจำ
วันนั้นก้อเช่นกัน ประมาณ 2 ทุ่ม เรากลับจากทำงานแล้วก้อกินข้าวกันเสร็จ พักสักแป๊บ ก้อชวนกันไปดันต้นไม้ เราใช้เชือกผูกและดึง แม่เป็นคนดัน จากนั้นไม่นานแม่ก้ออาเจียน แกคิดว่าน่าจะจก เพราะไปก้มๆเงยๆ แกบ่นว่าหัวใจแกเต้นแรง หน้ามืด แกจะขึ้นนอนเลย น่าจะดีขึ้น โดยไม่มีสัญญาณบ่งบอกเลยว่าแกจะจากไปในตอนเช้า
เราช็อคมาก เมื่อมาพบว่าแกจากไป ร้องไห้แบบเสียใจที่สุดในชีวิต โทษตัวเองว่า เป็นเพราะเรา ที่ให้แม่ออกแรงดันต้นไม้ เรื่องที่ปล่อยให้แม่เข้านอนเลย ไม่พาแม่หาหมอ
ช่วงงานศพ เพื่อนหลายคนที่เคยเจอเรื่องแบบนี้บอกว่า หลายครั้งที่ปั้มหัวใจกลับมาแล้วไม่เหมือนเดิม ต้องสอดท่อ ต้องทรมานนะ ก้อเข้าใจอยู่ว่าเป็นคำปลอบใจ แต่พองานส่งท่านจบไป จิตใจเราก้อค่อยๆดีขึ้น
จนมาเมื่อมีคนทักว่า วันนั้นแกน่าจะน้ำตาลตก ทำให้แกโคม่าและจากไป
มันทำให้เรากลับมาคิดวนเวียนอีกครั้งว่า ทำไมเราคิดไม่ถึง ทำไมเราไม่จัดการให้ดี ถ้าแม่ได้ของหวานๆ แม่อาจจะดีขึ้น หรือถ้าไปหาหมอ แม่ก้อคงจะไม่จากไป
#ตอนนี้จิตใจแบ่งเป็น 2 ฝ่าย อีกฝั่งนึง ก้อคิดว่าแม่ไปดีแล้ว ไม่เจ็บปวด ถ้าส่ง รพ. แล้วแม่กลับมาไม่เหมือนเดิมล่ะ แม่ก้อจะทรมาน, กับอีกฝั่งนึงก้อคิดว่า ถ้าแม่ผ่านมันมาได้ เราก้อคงไม่ต้องสูญเสียแม่ไป ท่านอาจจะอยู่กับเราไปอีกนานหลายปี
#จนถึงตอนนี้ก้อยังเศร้า ยังสับสน และก้อยังไม่สามารถออกจากความรู้สึกนี้ไปได้...
เราควรจะทำยังไงดี ให้มูฟออนจากเรื่องนี้ไปได้ ถือว่าเรากำลังอยู่ในภาวะซึมเศร้ามั้ย?