เรื่องของเราจะยาวนิดนึงนะคะ แต่เราไม่ไหวแล้วจริงๆ เนื้อเรื่องสับสนอาจจะเล่าไม่ค่อยปะติดปะต่อเท่าไหร่นะคะ ถ้าแท็กผิดกลุ่มต้องขออภัยล่วงหน้า
เราแต่งงานมา 11-12 ปีแล้ว มีลูกชาย 1 คน อายุ 10 ขวบ ตั้งแต่มีลูกเราไม่ได้ทำงาน เพราะเห็นพ้องด้วยกันว่าอยากให้มีหนึ่งคนที่ดูแลลูกได้เต็มที่ นั่นก็ต้องเป็นเราเพราะสามีมีรายได้เยอะกว่ามาก
เราเคยรักและแคร์สามีมาก เอาทุกคำพูดที่แย่ๆ ที่ดูถูกเก็บไว้ทั้งหมด สะสมมาเรื่อยๆจนเราเป็นโรคซึมเศร้าโดยที่ไม่รู้ตัว มารู้ตัวอีกที หนักแล้ว ความมั่นใจไม่เหลือแล้ว เข้าสังคมยาก รู้สึกด้อยค่า ไร้ค่ามาก มันเกาะกินใจนานจนไม่รู้ว่าเราจะหายได้ไม๊ ความรู้สึกคือเราไม่คู่ควรแม้กระทั่งอากาศหายใจด้วยซ้ำ
สามีเราทำงานอยู่คนละที่กัน จากเมื่อก่อนเราพยายามประคับประครองครอบครัวมาตลอด ยอมได้ก็ยอม เพื่อรักษาครอบครัวไว้ จนเมื่อ 8 ปีที่ผ่านมา เรื่องงานทำให้ต้องแยกกันอยู่ แตาเมื่อ 4-5 ปีที่แล้ว อยู่ๆเรามีความรู้สึกว่า เออ ต่างคนต่างอยู่ก็สบายใจดีเหมือนกันนะ ไม่ต้องกดดันว่าทำนั่น พูดนี่แล้วจะโดนด่า พอจับความรู้สึกตัวเองได้ เราไม่อยากกลับไปเหมือนเดิมแล้ว หมดใจไปเลย
แต่เมื่อ 2 ปีกว่าที่ผ่านมาเราตัดสินใจครั้งใหญ่ คือเราย้ายถิ่นไปอยู่ประเทศที่ไม่ใช่บ้านเกิดของเราทั้งสองคน สามีทำงานที่นี่ เราตัดสินใจอยู่นานว่าจะเดินทางไหนดี แต่สุดท้ายเราตัดสินใจเดินหน้าเพราะอยากให้ลูกมีการศึกษาที่ดี มีสังคมที่ดี และที่สำคัญเราอยากให้ลูกได้มีโอกาสใช้เวลาร่วมกัน รู้จักคำว่าพ่อไจริงๆซักครั้งก่อนที่จะโตและมีชีวิตเป็นของตัวเอง ซึ่งที่นี่ระบุไว้ว่าเราไม่สามารถทำงานได้ค่ะ
เรื่องลูกเราคิดว่าเราตัดสินใจถูกค่ะ การศึกษาดี สังคมดี ได้เจอพ่อทุกวัน (ถึงแม้จะไม่ค่อยมีเวลาให้ลูกมากนัก แต่เช้าก็ได้เจอกันบ้าง ไม่ใช่ปีนึงเจอครั้งนึงเหมือนตอนเรากับลูกอยู่ไทย)
เราเคยคุยกับสามีในสิ่งที่เราเป็นอยู่ ครั้งแรกเค้าบอกว่าเราไม่เป็นหรอก เห็นยังเจอเพื่อน ยังยิ้มได้ คือเค้าไม่เจ้าใจโรคนี้จริงๆ ครั้งที่สองเค้าฟัง แต่คงไม่เชื่อ เราเลยไม่คุยอีกเลย เพราะความรู้สึกเราคือเค้าคิดว่าเรียกร้องความสนใจ ซึ่งเราปกติจะเรียกร้องอะไรจากเค้าน้อยมาก แต่เรารู้เค้าไม่มีทางเข้าใจเราเลยไม่พูดอีก
แต่เราสิ มีแต่ความทรมานใจ อดทนให้เวลามันผ่านไปวันๆ ต้องประคับประคองใจที่อ่อนแอสุดๆให้อยู่ให้ ได้ เราไม่มีความสุขเลย แต่ต้องอดทนเพื่อลูก เพราะถ้าเราเอาลูกไปเมืองไทยด้วย ลูกก็จะปรับตัวยากมากเพราะเข้าโรงเรียนไทยไม่ได้แล้ว แต่ถ้าเข้าอินเตอร์เราก็กำลังเงินส่งไม่ไหวอีก
แล้วถ้าให้ลูกอยู่กับพ่อล่ะ ? พ่อเค้ารักลูก แต่เอาใจใส่ลูกไม่เป็น อธิบายเหตุผลในเรื่องต่างๆไม่เป็น ถ้ามีอะไรก็ตำหนิลูกทันที ชักน้ำเสียงทันที พิพากษาลูกทันที
เราสอนให้ลูกมองคนให้เป็น สอนเค้ารู้ว่าพ่อรัก และเราก็บอกลูกแบบนั้นเสมอ หลายๆครั้งลูกไม่เข้าใจพ่อเค้า เราก็บอกว่าแค่พ่อรักลูกนะแต่พ่อแสดงออกไม่เป็น ซึ่งเราจะบอกความจริงเสมอ พ่อเค้าเป็นคนดี รับผิดชอบสูง รักลูก ความดีก็มีเยอะค่ะ แต่ปากร้าย พูดให้เราเจ็บปวดเสมอ
ถ้าทิ้งลูกไว้ เรากลัวลูกเรามีปมด้อย แล้วจะส่งผลเสียระยะยาว กลัวติดนิสัยบางอย่างจากพ่อเค้า แล้วจะทำลายครอบครัวของลูกเองในอนาคต เพราะไม่มีใครทนกับคำพูดและนิสัยบางอย่างของพ่อเค้าได้แน่ เราถึงคิดว่าเราจำเป็นที่จะต้องอยู่ให้ความเข้าใจกับเค้าเท่าที่เราทำได้
แต่ผลเสียกับการที่เราอยู่แบบนี้ก็คือเราเครียด เราเหมือนสิ้นหวัง อยู่ไปวันๆ โรคซึมเศร้ามันก็ยังอยู่ ไปก็ไม่ได้ อยู่ก็ทรมาน เรากลัวว่าจะเป็นบ้าไปเสียก่อน และด้วยอารมณ์ที่ว่ามานี้ หลายๆคนั้งมันลงไปถึงลูกด้วย
เราหาจิตแพทย์ที่นี่ไม่ได้ ภาษาเราแย่มาก ไปหาก็ไม่เข้าใจ กลับไทยก็กลับไม่ได้ เพราะลูกเข้าโรงเรียน เราเป็นคนรับส่ง ดูแลลูก97% และโควิดทำให้ต้องติดอยู่ที่นี่สองปีกว่าแล้ว
ลูกเราเป็นเด็กดี เมตตา รักคนรอบข้าง อ่อนโยนและเข้าใจสถานการณ์ดี มีเหตุผล แต่อารมณ์ของเราที่บางครั้งมันบังคับไม่ได้ มันแรงมาก เรากลัวมาก ว่าเราจะทำให้เด็กที่สมบูรณ์ทั้งกายและใจคนนึงต้องใจพังเพราะแม่ของเค้าเอง (เราไม่เคยใช้กำลังค่ะ แต่ตอนอารมณ์ขึ้นเราหยุดความโกรธแทบจะไม่ได้เลย) เราเสียใจมากเราไม่อยากให้เป็นแบบนี้เลยค่ะ
บางครั้งเราคิดถึงความตาย แต่เราจะอดทนเพราะเราไม่อยากให้ลูกเราจำความอ่อนแอของเราในแบบนั้น เรากลัวว่าวันนึงลูกมีปัญหาอะไรขึ้นมาแล้วจะแก้ปัญหาแบบเดียวกับเรา เราอยากเป็นตัวอย่างที่ดี อีกอย่างเรารักพ่อแม่ของเรามาก เราไม่กล้าทำให้พ่อแม่เราใจสลาย
เรารักพวกเค้าสุดหัวใจ และอยากให้สิ่งที่ดีที่สุดกับเค้า แล้วเราจะผ่านตรงนี้ไปได้ยังไงคะ
เราเหนื่อย บางวันเราดิ่ง มันแทบไม่ไหวจริงๆ
โรคซึมเศร้ากับปัญหาครอบครัว เราเหนื่อย เราจะผ่านจุดนั้นไปได้ยังไงคะ เราจะไปทางไหนดี
เราแต่งงานมา 11-12 ปีแล้ว มีลูกชาย 1 คน อายุ 10 ขวบ ตั้งแต่มีลูกเราไม่ได้ทำงาน เพราะเห็นพ้องด้วยกันว่าอยากให้มีหนึ่งคนที่ดูแลลูกได้เต็มที่ นั่นก็ต้องเป็นเราเพราะสามีมีรายได้เยอะกว่ามาก
เราเคยรักและแคร์สามีมาก เอาทุกคำพูดที่แย่ๆ ที่ดูถูกเก็บไว้ทั้งหมด สะสมมาเรื่อยๆจนเราเป็นโรคซึมเศร้าโดยที่ไม่รู้ตัว มารู้ตัวอีกที หนักแล้ว ความมั่นใจไม่เหลือแล้ว เข้าสังคมยาก รู้สึกด้อยค่า ไร้ค่ามาก มันเกาะกินใจนานจนไม่รู้ว่าเราจะหายได้ไม๊ ความรู้สึกคือเราไม่คู่ควรแม้กระทั่งอากาศหายใจด้วยซ้ำ
สามีเราทำงานอยู่คนละที่กัน จากเมื่อก่อนเราพยายามประคับประครองครอบครัวมาตลอด ยอมได้ก็ยอม เพื่อรักษาครอบครัวไว้ จนเมื่อ 8 ปีที่ผ่านมา เรื่องงานทำให้ต้องแยกกันอยู่ แตาเมื่อ 4-5 ปีที่แล้ว อยู่ๆเรามีความรู้สึกว่า เออ ต่างคนต่างอยู่ก็สบายใจดีเหมือนกันนะ ไม่ต้องกดดันว่าทำนั่น พูดนี่แล้วจะโดนด่า พอจับความรู้สึกตัวเองได้ เราไม่อยากกลับไปเหมือนเดิมแล้ว หมดใจไปเลย
แต่เมื่อ 2 ปีกว่าที่ผ่านมาเราตัดสินใจครั้งใหญ่ คือเราย้ายถิ่นไปอยู่ประเทศที่ไม่ใช่บ้านเกิดของเราทั้งสองคน สามีทำงานที่นี่ เราตัดสินใจอยู่นานว่าจะเดินทางไหนดี แต่สุดท้ายเราตัดสินใจเดินหน้าเพราะอยากให้ลูกมีการศึกษาที่ดี มีสังคมที่ดี และที่สำคัญเราอยากให้ลูกได้มีโอกาสใช้เวลาร่วมกัน รู้จักคำว่าพ่อไจริงๆซักครั้งก่อนที่จะโตและมีชีวิตเป็นของตัวเอง ซึ่งที่นี่ระบุไว้ว่าเราไม่สามารถทำงานได้ค่ะ
เรื่องลูกเราคิดว่าเราตัดสินใจถูกค่ะ การศึกษาดี สังคมดี ได้เจอพ่อทุกวัน (ถึงแม้จะไม่ค่อยมีเวลาให้ลูกมากนัก แต่เช้าก็ได้เจอกันบ้าง ไม่ใช่ปีนึงเจอครั้งนึงเหมือนตอนเรากับลูกอยู่ไทย)
เราเคยคุยกับสามีในสิ่งที่เราเป็นอยู่ ครั้งแรกเค้าบอกว่าเราไม่เป็นหรอก เห็นยังเจอเพื่อน ยังยิ้มได้ คือเค้าไม่เจ้าใจโรคนี้จริงๆ ครั้งที่สองเค้าฟัง แต่คงไม่เชื่อ เราเลยไม่คุยอีกเลย เพราะความรู้สึกเราคือเค้าคิดว่าเรียกร้องความสนใจ ซึ่งเราปกติจะเรียกร้องอะไรจากเค้าน้อยมาก แต่เรารู้เค้าไม่มีทางเข้าใจเราเลยไม่พูดอีก
แต่เราสิ มีแต่ความทรมานใจ อดทนให้เวลามันผ่านไปวันๆ ต้องประคับประคองใจที่อ่อนแอสุดๆให้อยู่ให้ ได้ เราไม่มีความสุขเลย แต่ต้องอดทนเพื่อลูก เพราะถ้าเราเอาลูกไปเมืองไทยด้วย ลูกก็จะปรับตัวยากมากเพราะเข้าโรงเรียนไทยไม่ได้แล้ว แต่ถ้าเข้าอินเตอร์เราก็กำลังเงินส่งไม่ไหวอีก
แล้วถ้าให้ลูกอยู่กับพ่อล่ะ ? พ่อเค้ารักลูก แต่เอาใจใส่ลูกไม่เป็น อธิบายเหตุผลในเรื่องต่างๆไม่เป็น ถ้ามีอะไรก็ตำหนิลูกทันที ชักน้ำเสียงทันที พิพากษาลูกทันที
เราสอนให้ลูกมองคนให้เป็น สอนเค้ารู้ว่าพ่อรัก และเราก็บอกลูกแบบนั้นเสมอ หลายๆครั้งลูกไม่เข้าใจพ่อเค้า เราก็บอกว่าแค่พ่อรักลูกนะแต่พ่อแสดงออกไม่เป็น ซึ่งเราจะบอกความจริงเสมอ พ่อเค้าเป็นคนดี รับผิดชอบสูง รักลูก ความดีก็มีเยอะค่ะ แต่ปากร้าย พูดให้เราเจ็บปวดเสมอ
ถ้าทิ้งลูกไว้ เรากลัวลูกเรามีปมด้อย แล้วจะส่งผลเสียระยะยาว กลัวติดนิสัยบางอย่างจากพ่อเค้า แล้วจะทำลายครอบครัวของลูกเองในอนาคต เพราะไม่มีใครทนกับคำพูดและนิสัยบางอย่างของพ่อเค้าได้แน่ เราถึงคิดว่าเราจำเป็นที่จะต้องอยู่ให้ความเข้าใจกับเค้าเท่าที่เราทำได้
แต่ผลเสียกับการที่เราอยู่แบบนี้ก็คือเราเครียด เราเหมือนสิ้นหวัง อยู่ไปวันๆ โรคซึมเศร้ามันก็ยังอยู่ ไปก็ไม่ได้ อยู่ก็ทรมาน เรากลัวว่าจะเป็นบ้าไปเสียก่อน และด้วยอารมณ์ที่ว่ามานี้ หลายๆคนั้งมันลงไปถึงลูกด้วย
เราหาจิตแพทย์ที่นี่ไม่ได้ ภาษาเราแย่มาก ไปหาก็ไม่เข้าใจ กลับไทยก็กลับไม่ได้ เพราะลูกเข้าโรงเรียน เราเป็นคนรับส่ง ดูแลลูก97% และโควิดทำให้ต้องติดอยู่ที่นี่สองปีกว่าแล้ว
ลูกเราเป็นเด็กดี เมตตา รักคนรอบข้าง อ่อนโยนและเข้าใจสถานการณ์ดี มีเหตุผล แต่อารมณ์ของเราที่บางครั้งมันบังคับไม่ได้ มันแรงมาก เรากลัวมาก ว่าเราจะทำให้เด็กที่สมบูรณ์ทั้งกายและใจคนนึงต้องใจพังเพราะแม่ของเค้าเอง (เราไม่เคยใช้กำลังค่ะ แต่ตอนอารมณ์ขึ้นเราหยุดความโกรธแทบจะไม่ได้เลย) เราเสียใจมากเราไม่อยากให้เป็นแบบนี้เลยค่ะ
บางครั้งเราคิดถึงความตาย แต่เราจะอดทนเพราะเราไม่อยากให้ลูกเราจำความอ่อนแอของเราในแบบนั้น เรากลัวว่าวันนึงลูกมีปัญหาอะไรขึ้นมาแล้วจะแก้ปัญหาแบบเดียวกับเรา เราอยากเป็นตัวอย่างที่ดี อีกอย่างเรารักพ่อแม่ของเรามาก เราไม่กล้าทำให้พ่อแม่เราใจสลาย
เรารักพวกเค้าสุดหัวใจ และอยากให้สิ่งที่ดีที่สุดกับเค้า แล้วเราจะผ่านตรงนี้ไปได้ยังไงคะ
เราเหนื่อย บางวันเราดิ่ง มันแทบไม่ไหวจริงๆ